Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 11 : คนชราที่ถูกเมิน ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11909807/W11909807.html

บทที่ 11


กรุงเทพมหานคร

บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตเกือบหนึ่งไร่ สนามหน้าบ้านกว้างขวางตกแต่งด้วยไม้ประดับทั้งของไทยและต่างประเทศ ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ในตัวบ้าน สตรีวัยเจ็ดสิบสามปีนั่งเอนตัวบนโซฟาสีหน้าซีดเซียวโดยมีเด็กสาววัยสิบแปดปีผิวคล้ำหน้าตาดีนั่งพัดวีอยู่ไม่ห่าง บางขณะก็เอามือข้างหนึ่งนวดเฟ้นไปตามแขนขาด้วยสีหน้าห่วงใยไม่น้อย

“คุณท่านเป็นยังไงบ้างคะ” แก้วเอ่ยถามหญิงชรา ในระยะสองสามเดือนมานี้คุณนพวรรณมีอาการหน้ามืดวิงเวียนอยู่บ่อยๆ แต่ก็คิดว่าเมื่อได้นอนพักสักระยะก็จะดีขึ้น แต่วันนี้รู้สึกท่านจะเป็นนานแถมยังไม่มีท่าว่าจะดีขึ้น

“มันวิงๆ เวียนๆ หน้ามืดยังไงพิกล” หญิงชราตอบเด็กรับใช้

“มือคุณท่านเย็นมากเลยค่ะ”

“โทรบอกแม่นิหน่อยแก้ว” ท่านพูดแล้วก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“ค่ะๆ”

ตอบรับแล้วแก้วก็รีบผละไปที่โทรศัพท์บ้านบนโต๊ะข้างผนัง แม้จะแอบหวาดๆ ว่าอาจถูกดุจากคนที่กำลังจะโทรหาก็เป็นได้ เพราะครั้งแรกที่คุณท่านมีอาการอย่างนี้เธอก็โทรหาบุตรสาวของท่านกลับดุเอาว่าคงเป็นลมธรรมดาไม่ได้เป็นอะไรมาก

“คุณนิคะคุณท่านอาการไม่ดีอีกแล้วค่ะ”

“แม่เป็นอะไรอีกล่ะนังแก้ว” เสียงจากปลายสายเอ่ยเสียงดุติดจะรำคาญกลับมา

“เอ่อ...ท่านเป็นลมค่ะ”

“ก็อาการเดิมนั่นแหละเดี๋ยวก็หาย แกไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังยุ่งไปไหนก็ไม่ได้เลยตอนนี้ คอยพัดท่านบ่อยๆ ก็แล้วกัน แล้วละลายยาหอมให้แม่กินหรือยังล่ะ”

“แก้วให้กินแล้วแต่ท่านไม่ดีขึ้นค่ะ ครั้งนี้เป็นนานกว่าทุกครั้งนะคะ หน้าท่านซีดมากเลยค่ะ มือก็เย็นเฉียบเลย”

ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ “งั้นก็เรียกแท็กซี่พาแม่ไปโรงพยาบาลหน่อย เร็วๆ เข้าล่ะ ไปถึงแล้วโทรบอกฉันด้วย หมอว่ายังไงเดี๋ยวฉันจะโทรไปถามอีกทีเข้าใจไหม แค่นี้ก่อนนะฉันมีงานด่วน”

แก้ววางสายลงเกาหัวแกรกๆ แม่ตัวเองไม่สบายแทนที่จะเห็นเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนกว่างาน กลับให้คนรับใช้เรียกแท็กซี่พาไปโรงพยาบาล เออ...หนอคนเรา ชีวิตพ่อแม่มันจะสำคัญกันตอนไหน หรือว่าจะสำคัญตอนแบ่งมรดกหรือตอนที่อ้าปากพะงาบๆ ใกล้หมดลม อุ๊ย! นังแก้วคิดไม่ดีแล้วเอ็ง

“คุณท่านคะ คุณนิให้พาคุณท่านไปหาหมอค่ะ เดี๋ยวแก้วโทรเรียกแท็กซี่นะคะ ลุกไหวไหมคะ”

“อ้าว แล้วแม่นิล่ะ” เสียงนพวรรณถามเสียงอ่อนเพลีย ขณะผงกศีรษะขึ้นให้เห็นร่องรอยของความผิดหวังปรากฏบนใบหน้า

“เห็นบอกว่างานยุ่งค่ะ” สีหน้าของหญิงชราหม่นหมองลงไปอีก “แล้วกุ้งล่ะ”

“โธ่...คุณท่านคะ ขนาดคุณนิยังไม่ว่างไม่สนใจ แล้วคุณกุ้งจะ...เอ่อ” แก้วกลืนคำพูดลงคอเมื่อเห็นสายตาของนพวรรณ ออกความเห็นเกินหน้าที่คนรับใช้แล้วนังแก้วเอ๋ย เดี๋ยวก็ถูกไล่ออกหรอก

“แก่แล้วไม่มีลูกหลานคนไหนมันสนใจ ฉันน่าจะตายๆ เสียให้รู้แล้วรู้รอด ขนาดยังไม่แบ่งมรดกยังขนาดนี้ ถ้าแบ่งแล้วฉันคงกลายเป็นคนอาศัยที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้อยู่ร่วมบ้าน”

คนแก่งอนแล้วไหมล่ะ ด้วยความซื่อ (บื้อ) หรือทะเล้นของแก้วก็ไม่รู้ทำให้เผลอพูดออกไปว่า

“ไม่มีคนให้อยู่ร่วมบ้านคุณท่านก็ไปอยู่บ้านนอกกับแก้วก็ได้ค่ะ อย่าคิดมากค่ะคุณท่าน ไปรอแท็กซี่ดีกว่า”

“บ้านนอกเหรอ?” หญิงชรารำพึง

จริงสินะ ป่านนี้คนพวกนั้นจะอยู่ยังไงเป็นยังไงกันบ้าง ป่านนี้ลูกของตาวิธคงโตเป็นสาวกันหมดแล้ว น่าแปลกที่ตอนนี้นพวรรณนึกอยากเจอหลานแท้ๆ หลานที่เกิดจากลูกสะใภ้บ้านนอกที่ท่านไม่เคยคิดจะสนใจหรือเลี้ยงดู

******************

“เรียบร้อยแล้วครับ คราวนี้คุณจะทำอะไรกับที่ดินตรงนั้นก็ได้” นายเปลี่ยน อิ่มบุญ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงนายก องค์การบริหารส่วนตำบลมะตูมยื่นเอกสารให้นายไตรภพคนกรุงเทพฯ ที่มาเป็นนายทุนใหญ่รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรใหญ่ที่สุดในตำบลมะตูมในขณะนี้

ไตรภพยิ้มกริ่มยกกระดาษขึ้นมากวาดสายตามองอย่างสมใจ ในที่สุดที่ดินสาธารณะซึ่งติดกับป่าชุมชนบ้านนาดีก็ตกเป็นของเขาอย่างง่ายดายด้วยอำนาจเงิน ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายอย่างนี้ “ขอบคุณมากเลยนะคุณพนม เห็นทีว่าผมต้องตอบแทนคุณมากกว่าเงินจำนวนนั้นที่ให้ไปแล้ว”

“เรื่องนั้นผมไม่เรียกร้องหรอกครับ ขอเพียงแต่คุณไตรภพช่วยเหลือเรื่องฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าผมก็ขอบคุณเป็นอย่างสูงแล้ว”

ไตรภพหัวเราะร่า คนมีเงินทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด หากหัวเราะเสียงดังเขาก็จะว่าเป็นคนเปิดเผย ถ้าหัวเราะเสียงเบาก็ยิ่งดีใหญ่เพราะคนจะมองว่าเป็นคนสุขุมลุ่มลึก

“นั่นสินะ หากได้เป็นนายก อบต.อีกสมัยหนึ่ง อะไรๆ ก็อยู่ในกำมือ แค่เปลี่ยนที่ดินสาธารณะเป็นโฉนดในชื่อผมยังได้ง่ายดายเลย ว่าแต่คุณไม่เสียดายเหรอครับที่ตรงนี้” ไตรภพหรี่ตาถามพลางเอานิ้วเคาะเอกสาร

“ก็เสียดายอยู่หรอกครับ แต่มาคิดดูอีกที อะไรๆ ก็อยู่ในกำมือขอเพียงได้เป็นนายก อบต.เหมือนคุณว่าผลประโยชน์ก็รออยู่เพียบแล้ว”

แล้วทั้งสองก็หัวเราะอย่างชอบใจ หลังจากออกจากอบต.มะตูมแล้ว ไตรภพก็ตื่นเต้นกับของใหม่จนไม่รีรอที่จะโทรสั่งให้ลูกน้องเตรียมดำเนินการกับที่ดินแห่งใหม่ที่เพิ่งได้มา

“อ๋องเหรอวะ เออ...แกให้คนเตรียมเช็ครถไถไว้หน่อยสิวะ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกนะโว้ย เดี๋ยวจะให้ไปปรับที่ไว้ปลูกยางพาราหน่อย”

“ที่ไหนครับนาย”

“แถวๆ ป่าชุมชนนั่นแหละ”

“อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอครับ เอ๊ะ ง่ายและรวดเร็วดีจังเลย แต่เอ...ถ้าเราเข้าไปปรับที่จะไม่โดนชาวบ้านโวยเอาเหรอครับนาย”

อ๋องซึ่งเป็นคนบ้านนาดีถามด้วยเสียงไม่ค่อยแน่ใจนัก รู้มานานแล้วว่านายไตรภพจ้องที่ดินสาธารณะตาเป็นมันตั้งนานแล้ว ความจริงไม่ใช่แค่ที่ดินตรงนั้น แต่ยังมีที่ดินทำเลเหมาะๆ ของชาวบ้านอีกหลายคน ลองใครมีปัญหานายไตรภพจะส่งคนเข้าไปทาบทามทันทีในขั้นแรกเมื่อเห็นท่าทางเจ้าของที่อยากขาย การกดราคาก็ตามมาทีหลัง

“ก็ลองใครหน้าไหนมันกล้ามาโวยสิ มันจะได้อยู่ไม่สุขแน่”



พิณไพลินชงกาแฟให้นายตั้งด้วยอาการครุ่นคิดตลอดเวลา ถึงนายตั้งจะไม่แสดงท่าทีผิดปกติให้เธอจับผิดและสงสัยมากกว่าเดิม แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนที่น่าไว้ใจในเมื่อเขาหายไปในเวลาวิกาลอย่างนั้น เธอวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้าคนที่ยังไม่ยอมนั่งแต่ยืนพิงระเบียงไม้หมิ่นๆ อย่างสบายใจโดยไม่ยอมสบตาเขาจากนั้นทำท่าจะเดินหนี แต่เสียงห้าวดังขึ้นก่อน

“จะรีบไปไหนกันล่ะคุณ มามองผมต่อสิ เมื่อกี้เห็นเพ่งกสิณที่หน้าผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมนั่งรออยู่นะนี่”

นายคนนี้ไม่มีอะไรทำหรือไงนะ พิณไพลินอดไม่ได้หันไปขึงตาใส่ แต่กลับได้รับคำพูดเรียบๆ แต่กินนัยยียวนอยู่ในสายตา “อ๋อ...จะรีบไปต้อนรับนายตำรวจ ที่แท้ก็บ้าหนุ่มในเครื่องแบบ”

“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” หญิงสาวหน้าเข้มขึ้นย้อนเสียงดุ ลืมไปชั่วครู่ว่าเขาเป็นแขก

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลืมว่ามีแขกคนหนึ่งอยู่ตรงนี้และหิวข้าวมากด้วย ขอข้าวผัดให้ผมสักจานสิครับพิณ”

พอได้ยินเมนูอาหาร พิณไพลินจึงได้สติแม้จะไม่กลับคืนมาทั้งหมดเนื่องจากสายตาของคนพูดทำเอาเธอหน้าร้อนอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าเป็นปกติ “ได้ค่ะ แล้วจะจัดการให้” ว่าแล้วก็รีบเดินเลี่ยงไปกระซิบกับมารดาขณะที่หมวดนิวกำลังคุยวิทยุส่วนจ่าดุลคุยโทรศัพท์

“แม่คะ เดี๋ยวพิณขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยที่บ้านพักเตรียมไว้ให้แขกที่จะมาบ่ายนี้ แม่รับแขกแทนพิณด้วยนะคะ”

“อ้าว แล้วทำไมไม่ให้ป้าทุมเขาไปล่ะลูก” อรวรรณแย้ง มองบุตรสาวคนเล็กอย่างแปลกใจ พอดีกับที่หมวดนิวเดินมาสมทบ

“ไม่เป็นไรค่ะแม่เดี๋ยวพิณจัดการเองให้ป้าทุมดูแลทางนี้ อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องพาใครไปทางบ้านพักนะคะ”

หญิงสาวตัดบทก่อนจะกำชับแล้วรีบเดินหนีสายตาคำถามของมารดาและนายตำรวจไปทางป้าทุมที่ทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้เพื่อรอรับแขกชุดใหม่ที่จะมาถึงตอนบ่าย แต่พิณไพลินรู้ดีว่าป้าทุมกำลังสนใจนายตำรวจผู้มาใหม่ทีเดียวล่ะ ทำไมเธอจะไม่รู้ในเมื่อแอบสบตาเธอด้วยตายุยงเสียขนาดนั้น

โธ่...ป้าทุมเอ๊ย ยังไงก็อย่าให้มันออกนอกหน้านักนะ พิณยังไม่หน้ามืดตามัวขนาดกลัวโจรผู้ร้ายจนต้องรีบคว้าเอาคนใส่เครื่องแบบมาเป็นยันต์กันโจรหรอกน่า

“ป้าทุมคะ ช่วยไปทำหน้าที่แม่ครัวแทนพิณหน่อยเถอะค่ะ เขาจะกินข้าวผัด”

ป้าทุมขมวดคิ้ว “อ้าว แล้วทำไมหนูพิณไม่ทำเองล่ะ ทุกทีป้าเห็นลงมือเอง”

“พิณจะไปดูแลบ้านพักแทนป้า แต่อย่าบอกใครทั้งนั้นนะ เข้าใจไหม”

ว่าแล้วก็ไม่รอฟังอะไรอีก รีบหมุนตัวเดินหนี เธอหันไปยิ้มตามมารยาทให้นายตำรวจที่หันมามองตามเธอด้วยสายตาสนใจอย่างเปิดเผย แต่เดินไม่ถึงสองก้าวก็ต้องหยุดเท้า

“เอ่อ...คุณพิณจะไปไหนครับ” หญิงสาวถอนใจ อุตส่าห์รีบจ้ำแล้วนะยังจะร้องถามมาให้ต้องหยุดตอบอีก

“ขอตัวก่อนนะคะฉันขอตัวไปดูแลบ้านพักก่อนค่ะหมวด”

“อ้าว ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปดูแลล่ะครับ”

“ฉันนี่แหละค่ะแม่บ้าน” หญิงสาวตอบ “โฮมสเตย์ที่นี่ไม่เหมือนในหนังในละครนะคะที่จะได้มีคนดูแลเยอะแยะเดินกันให้เพ่นพ่าน”

พิณไพลินอธิบายแล้วฉีกยิ้มก่อนจะรีบเดินจากมา ตอนแรกทำเป็นเดินเลยบ้านพักของนายตั้งไปทางแปลงดอกไม้กับสวนผลไม้เพราะไม่อยากให้คนที่พักอาศัยรู้ว่าเธอจะเข้าไปในบ้านเขา รอจนผ่านไปเกือบห้านาทีและเห็นว่าคนกลุ่มนั้นเบนความสนใจไปทางอื่นเธอจึงรีบเดินขึ้นบันไดทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วเปิดประตูซึ่งไม่ได้ล็อคเข้าไปแล้วปิดตามเดิม

หญิงสาวกวาดตามองทั่วห้องด้วยใจเต้นระทึกทั้งที่เป็นถิ่นของตัวเองแท้ๆ แต่ทุกอย่างในห้องที่มองเห็นไม่มีอะไรดึงดูดความน่าสนใจหรือชวนให้ทำตัวเป็นนักสืบจึงพุ่งเป้าไปยังตู้เสื้อผ้าซึ่งปิดอยู่

‘นายคนนี้ชอบแต่งตัวง่ายๆ ดีจริง’ เธอนึกในใจเป็นอันดับแรกเมื่อเห็นเสื้อยืดสีเข้มสองสามตัวแขวนอยู่หลังจากเปิดตู้ ก่อนจะหยุดสายตาที่กระเป๋าเป้สีดำใบใหญ่ซึ่งซุกอยู่ด้านในของตู้ พิณไพลินทรุดตัวลงนั่งยองๆ ดึงเป้ออกมารูดซิปเปิด

“ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นโรคจิต ชอบค้นกระเป๋าผู้ชาย”

พิณไพลินสะดุ้งสุดตัวรีบปล่อยเป้ลงพื้นตู้ตามเดิมเหมือนโดนของร้อนก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตะลึงตัวชา

“หากางเกงในเหรอคุณ” เสียงถามยียวนทำเอาหญิงสาวหน้าร้อนหันไปทำตาเขียวแหวเสียงขุ่น

“บ้าเหรอ”

ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางเรื่อยๆ แต่คนที่ยืนนิ่งขึงกลับรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามด้วยสายตา “ว่ายังไงล่ะครับพิณ มาหาอะไรในตู้เสื้อผ้า”

“ฉันจะมาทำความสะอาดห้องแทนป้าทุม” ในที่สุดก็ปั้นหน้านิ่งตอบออกไปได้ แล้วก็ต้องใจเต้นแรงพร้อมกับนึกฉุนตัวเองที่มัวแต่นึกหาคำตอบจนปล่อยให้เขามายืนกั้นขังเธออยู่ในตู้ โดยที่มือด้านหนึ่งจับบานตู้ไว้

“อย่างนั้นเหรอ แต่ผมไม่เห็นไม้กวาดหรือผ้าขี้ริ้วในมือคุณเลยนะ หรือว่าคุณใช้มือเช็ดฝุ่น” น้ำเสียงเย้าหยอกทำเอาพิณไพลินทั้งอายทั้งฉิว

“ฉันยังไม่ได้เอามันเข้ามาด้วยนี่” ว่าแล้วก็เบี่ยงตัวจะหลบออกด้านที่ไม่มีแขนขวางกั้นแต่ก็ไม่ทัน “เอ๊ะ! นี่คุณจะมาจับผิดฉันทำไม”

“คุณหาอะไร” เขาถามซ้ำ

“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้หาอะไร” เธอยังไม่ยอมจำนนง่ายๆ ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่รู้ว่าเพราะกลัวที่ถูกจับได้ว่าค้นของหรือกลัวโทษที่เขาอาจถือสิทธิ์ หรือว่าเธอหวั่นไหวกับ...กับอะไรกันแน่

“ผมไม่ใช่คนรวยหรอก” เขาพูดเรื่อยๆ

ทำไมคนที่ถูกล้อมอยู่ในตู้จะไม่เข้าใจความนัยในคำพูดนั้น “ฉันไม่ได้อับจนหรือสิ้นคิดขนาดจะขโมยเงินคุณซะหน่อยคุณตั้ง ทำไมคุณไม่เชื่อบ้าง”

นอกจากจะไม่ปล่อยแต่ยังออกแรงดันประตูเข้าหากันทำให้ลำแขนทั้งข้างตีวงแคบเข้ามาใกล้ๆ

“คุณจะทำอะไร คุณตั้ง กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ”

“ขังสาวสวยแสนซนแถมยังปากแข็งไว้ในตู้มั้ง”

หญิงสาวเม้มปาก พลันก็นึกได้จึงย่อตัวลงเพื่อจะลอดออกทางด้านล่างแต่แขนแข็งแรงเลื่อนลงต่ำ

“นี่! ปล่อยแขนนะ” เธอแหวแบบไม่เกรงใจกันแล้วทีนี้

“ถ้าคุณไม่บอกว่ากำลังค้นหาอะไรผมก็มีสิทธิ์ที่จะขังคุณอยู่อย่างนี้ อย่าเถียงนะ เพราะคุณทำตัวน่าสงสัยเอง”

“ฉันบอกว่าไม่ได้ค้นไม่ได้ค้นก็ไม่เชื่อ” พูดจบก็จับท่อนแขนเขาแล้วดันออกแต่เมื่อมันไม่เขยื้อนสักนิดเธอจึงฟาดสันมือลงบนท่อนแขนโดยแรงแล้วก็ต้องตัวชาเมื่อแขนข้างนั้นตวัดรัดเอวเธอไว้ พร้อมกับเสียงกระซิบที่ริมหู

“ขอโทษที่ทำให้กลัว แต่นี่แหละคือโทษของคนทำตัวน่าสงสัย...พิณ” จากนั้นบานตู้ก็เปิดออกกว้างวงแขนที่ปิดกั้นอยู่ปล่อยลงก่อนที่ชายหนุ่มจะหมุนตัวเดินไปนั่งหมิ่นๆ ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

ทุกอย่างรวดเร็วไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำแต่ก็ทำเอาพิณไพลินยืนตะลึงตัวชาเป็นหุ่น

“เชิญครับ จะทำความสะอาดก็เชิญตามสบายเลย”

พอได้ยินเสียงความอายจึงแล่นริ้วแต่การแสดงออกเป็นความโกรธเกรี้ยวเพื่อปกปิด “คุณน่ะบ้าที่สุด ความจริงให้ของในห้องคุณหายก่อนสิค่อยมาสงสัยฉัน คุณทำแบบนี้รู้ไหมว่าคุณนั่นแหละที่น่าสงสัย” พิณไพลินขว้างระเบิดย้อนคืนแล้วไม่คิดจะอยู่รอตอบโต้เขาอีกต่อไป เธอเดินตัวปลิวออกจากห้องอย่างไม่เหลียวหลัง

ตติยะมองตามพลางหัวเราะในลำคออย่างแผ่วเบา แต่อึดใจต่อมาเขาก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทางครุ่นคิด การที่พิณไพลินทำตัวแปลกๆ ในเช้านี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมวดนิวสุดหล่อนั่นพูดกับน้าอรและก็ป้าทุมหรือเปล่า แก๊งค์ลักรถยนต์!

****************

“พี่เดี่ยว พี่เดี่ยว พี่เดี๊ยวววว” เสียงเก่งตะโกนเรียกคนขับรถที่เอาผ้าขาวม้าสีเขียวสลับขาวโพกหน้าแล้วสวมหมวกสานไม้ไผ่ทับที่กำลังขับรถอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เก่งมันรู้หรอกว่าลูกพี่มันเหลียวไปมองถนนอยู่บ่อยๆ ราวกับจะมองหาใครหรือรอใครมาอย่างนั้นแหละ

พันดุลชะลอรถก่อนจะหยุดอยู่กับที่ใกล้กับต้นประดู่ติดกับถนน “อะไรวะไอ้เก่ง”

“กระสอบหมดแล้วพี่ หยุดรถก่อน เดี๋ยวผมไปเอากระสอบที่บ้านพี่พู่ก่อน”

“เออๆ ดีๆ เร็วด้วยล่ะ” ไหมล่ะ พอพูดชื่อนี้ขึ้นมาล่ะก็ตาเป็นประกายเชียว อ้าวเดี่ยวเอ๊ย

เก่งกระโดดลงจากรถ “เดี๋ยวไอ้เก่ง” คนถูกเรียกหันมา

“อะไรพี่บูลย์”

“บอกน้องพู่หน่อยเด้อว่าคนขับรถหิวข้าวแล้ว รีบๆ เอาหน้างามๆ ออกมาให้คนขับรถกิน เอ๊ย เอาข้าวมาให้คนขับกินหน่อย”

“ได้เลยพี่บูลย์ เดี๋ยวบักเก่งจะไปบอกพี่พู่ให้ อ้าว! โน่นไง บินมาแล้วโน่น” เก่งชี้โบ๊ชี้เบ๊เมื่อเห็นรถอีแต๋นแล่นมาด้วยความเร็วสูง คนขับรถยืดตัวมองตาม ตาเป็นประกายวิบวับจนบูลย์ซึ่งหันไปเห็นพอดีหมั่นไส้

“โฮ้ย คนบางคนน้อ เห็นสาวมาล่ะก็ตาโตเท่าไข่ห่าน เบิ่งอ้ายเจ้าเด้อบักเก่งเอ๊ย (ดูพี่แกนะเก่งเอ๊ย)”

พอพู่ชมพูเดินมาพร้อมกับตะกร้าอาหารเช้า โดยมีไข่เดินหอบกระสอบปุ๋ยมาด้วยหลายใบกับกล้วยหวีใหญ่ บูลย์ก็ส่งเสียงทันที

“มาพอดีเลยน้องพู่ กระสอบก็หมด คนขับก็หิวข้าว”

“ทำงานไม่ทันไรก็หิวข้าวแล้ว ไม่มีน้ำอดน้ำทนกันเล๊ย” สาวห้าวบ่นเสียงรำคาญอย่างไม่ไว้หน้าแต่แปลกที่ไม่ยักกะมองหน้าใครสักคน ก็เลยไม่รู้ว่าบ่นใครกันแน่

“ใช่ๆ ไอ้เดี่ยว แกไม่รู้จักมีน้ำอดน้ำทนเลย อย่างนี้สาวที่ไหนเขาจะชอบวะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายมีความอดทน เหนื่อยก็ต้องบอกว่าไม่เหนื่อย หิวเราก็ต้องบอกว่าไม่หิว”

“งั้นพี่บูลย์กับเก่งไม่ต้องกิน ผมกินเองคนเดียว ปล่อยให้พวกมีน้ำอดน้ำทนกินทีหลัง จริงไหมจ๊ะพู่จ๋า” คนขับรถดับเครื่องรถเกี่ยวข้าวแล้วกระโดดลงมา ตอนท้ายหันมาออดอ้อนสาวที่ทำเอาเขานอนยิ้มหวานคิดถึงอนาคตที่ไม่เหงาเปล่าเปลี่ยวหลังจากได้บอกความจริงและประกาศความมุ่งมั่นไปตรงๆ แต่ถูก ‘พู่จ๋า’ หันมาตีหน้ายักษ์ใส่

“ฮ่วย ไม่ให้กิน เคียดเด้ (โกรธนะ) เคียดหลายเด้อสิบอกให้ (โกรธมากนะจะบอกให้)” บูลย์แกล้งว่าหน้าตาขึงขัง พลางเอามือเช็ดกับกางเกง “ไหน วันนี้มีอะไรกินบ้างจ๊ะน้องพู่คนงาม”

“อ้าว ก็ไหนว่ามีน้ำอดน้ำทนไง หิวก็อย่าเพิ่งกินสิพี่บูลย์” พู่ชมพูค่อนหนุ่มร่างเล็กหน้าผากกว้างยิ้มๆ

“แหม...ประโยคนั้นพี่สอนไอ้เดี่ยวมันต่างหากจ้ะ”

“เรื่องเหนื่อยแต่บอกไม่เหนื่อยกับหิวบอกไม่หิวพอได้นะพี่บูลย์ แต่บางเรื่องมันอดทนไม่ได้หรอกมันต้องบอกออกไปตรงๆ” เดี่ยวว่าแล้วก็หลิ่วตาใส่สาวห้าวและขยับไปยืนเคียงข้างมองหน้าเนียนใสภายใต้หมวกสานอย่างเอ็นดู พลางเอ่ยเสียงดังฟังชัด“อย่างไอ้เดี่ยว ถ้าคิดถึงก็บอกว่าคิดถึง รักก็บอกว่ารัก”

“ฮิ้ว-ว-ว-ว” เสียงลูกคู่สามคนร้องรับกันเสียงดังยาวจนหน้าพู่ชมพูเป็นลูกตำลึงแต่ยังไม่ยอมแพ้แถมยังแก้เขินด้วยการเดินหลบและเอาไหล่กระแทกหน้าอกกว้างของพันดุลไป

“กินข้าวกันได้แล้ว”

“อุ๊ย เขินด้วย” เก่งแซวแล้วแกล้งหัวเราะเสียงแหลมได้อย่างน่าหมั่นไส้ เท่านั้นยังไม่พอไข่ยังเสริมอีกว่า

“พี่เดี่ยว พี่พู่เอากล้วยมาฝากพี่เดี่ยวแน่ะ เห็นบอกว่าพี่เดี่ยวชอบกินกล้วยน้ำว้า”

คนถูกพาดพิงสะดุ้งโหยงหน้าแดงแช้ด หันไปทำตาเหลือกใส่เด็กหนุ่ม “เฮ้ย ไอ้ไข่ ฉันพูดเมื่อไหร่กัน นี่หูแกคงจะกลายเป็นไม้ไปแล้วมั้งเนี่ย ฉันพูดว่าจะเอากล้วยมาฝากพวกนี้ มีประโยคไหนบ้างที่บอกว่าจะเอามาฝากพี่เดี่ยวคนเดียว ประเดี๋ยวเถอะจะดีดหูให้ขาดไปเลย”

“หูย...พูดแล้วยังไม่ยอมรับอีก” ว่าแล้วรีบถอยหนีไปอยู่ห่างๆ ไกลรัศมีประทุษร้าย

“ไอ้ไข่!”

เสียงหัวเราะคิกคักจากทีมงานยิ่งทำให้พู่ชมพูทำหน้าไม่ถูก เห็นลูกตาไอ้ไข่แล้วก็ชวนให้สงสัยนักว่าพวกนี้รู้กันหรือเปล่า หน็อย...หาเรื่องชัดๆ เธอยังไม่ได้พูดสักคำเลย

“แต่ไข่ได้ยินพี่พู่บอกแว่วๆ ว่าพี่เดี่ยวชอบกินกล้วย”

ยัง ยังไม่เลิกอีก “ฉันพูดตอนไหน” ว่าแล้วก็ชูกำปั้นหรา ไข่กระโดดหย็อยไปอีก ชักกลัวขึ้นมาเลยรีบแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

“แฮ่ๆ ไม่พูดก็แล้วไปจ้ะพี่พู่”

ความจริงกลัวพี่พู่ก็กลัวอยู่หรอกแต่ว่าหลังจากได้รวมหัวกับพี่เก่งกับพี่บูลย์ก็เลยถูกทั้งสองคนนั่นกล่อมจนหลวมตัวว่าจะช่วยพี่เดี่ยวจีบพี่พู่ให้สำเร็จเพื่อช่วยให้น้องป้องให้มีแม่เสียทีหลังจากที่แม่แท้ๆ ของน้องป้องไม่สนใจไยดี ไอ้ไข่มันไม่หวังอะไรหรอก ขอแค่ให้คนดีๆ ขยันทำมาหากินสองคนได้มาอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน ที่สำคัญคือความรักของทั้งสอง

พี่เดี่ยวน่ะรักพี่พู่อย่างไม่ต้องสงสัย มองตาหวานออกปานนั้น ส่วนพี่พู่นั้นทำมึนๆ ตึงๆ แต่พอถูกแซวหน่อยก็หน้าแดงแปร๊ด อย่างนี้มันต้องดำเนินการต่อเอาให้ม้วนต้วนเลย แต่เอ๊ะ! พี่พู่จะมีท่าอายอย่างนั้นหรือเปล่าหว่า? ไข่สงสัยจริง

บูลย์เบี่ยงเบนประเด็นก่อนใครอื่นเพราะพยาธิในกระเพาะกัดกันจนท้องร้องจ๊อกๆ “หิวจังวุ้ย เดี๋ยวดูก่อนมีอะไรกินบ้าง ป่นปลากับผัก ปลาทอด วู้ น่ากินวุ้ย ไปพวกเรา...หาที่กินข้าวกันเถอะ”

“อ้าว แล้วน้องป้องล่ะอยู่กับใคร แล้วเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง?” พู่ชมพูหันไปถามคนเป็นลุงของน้องป้องแล้วก็ต้องรีบเมินหลบไปทางเก่งที่กำลังเคี้ยวกล้วยหยับๆ

มองอยู่ได้ เขินเป็นนะ

“นอนอยู่ในเต็นท์จ้ะพู่” พันดุลชี้ไปยังเต็นท์ใหญ่ที่กางอยู่ใต้ต้นจามจุรี

“อะไรนะ เอาน้องป้องมานอนนี่ด้วยเหรอ” สาวห้าวโวย ยกมือขึ้นเท้าเอวฉับสีหน้าเอาเรื่อง

“โธ่...พู่ แล้วจะให้พี่เอาน้องป้องไปไว้กับใคร พี่ไม่กล้าไปรบกวนป้าแพง รบกวนแกบ่อยๆ ก็เกรงใจแก เพราะแกก็มีงานต้องทำ ช่วงนี้เป็นช่วงหน้านาด้วย แต่พี่เพิ่งพาน้องป้องมาตอนตีห้านี่เองนะ”

“หา! ตีห้า เดี๋ยวก็ได้ไข้ขึ้นกันพอดี”

“แม่น้องป้องโวยแล้วโว้ยไอ้ไข่ พี่เดี่ยวเจอดีแน่” เสียงเก่งลอยมา

ไข่ก็พลอยเป็นไปด้วย “นั่นสิพี่เก่ง” ผลก็คือตาขุ่นเขียวของพู่ชมพู

“งั้นพู่ก็ดูแลน้องป้องแทนไอ้เดี่ยวมันหน่อยสิ ถือว่าช่วยๆ กัน” บูลย์เสนอ

พันดุลได้ที เพราะรอช่วงนี้มานานแล้ว “พี่บูลย์พูดถูก พู่จะช่วยดูแลหลานเราหน่อยได้ไหม ถือว่าช่วยกันทำมาหากิน พี่ขับรถ พู่ก็ดูแลหลาน”

*****************


ตอบเมนต์ค่ะ

คุณGTW ---> สัตวบาลนี้มาจากชีวิตจริงของคนเขียนนะคะ แบบว่าเมื่อครั้งยังเป็นสาวแรกรุ่นมีหนุ่มตอนวัวมาชอบเพียงเจอกันครั้งเดียว จากนั้นก็เทียวมาบ่อยๆ แต่เสียดายจังที่ตอนนั้นไม่ชอบเขา 555

คุณห้าสิบป่าย ---> นายอำเภอไม่มีค่ะเรื่องนี้ แหม...คุณห้าสิบป่ายทำให้คิดถึงละครสมัยเก่า ปลัดอำเภอกับนางเอกบ้านนา สมัยนี้เห็นว่าปลัดอำเภอไม่มีบทบาทแล้วก็เลยไม่ยกมาเขียนค่ะ ^ ^

ขอบคุณกิฟจากคุณ GTW คุณห้าสิบป่าย และคุณนวลน้ำผึ้งมากๆ เลยค่ะ

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 06:08:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com