Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โบยบินในห้วงรัตติกาล 1 ติดต่อทีมงาน

.

เสียงย่ำเท้าเร็วๆของสาวร่างเล็กแปลกหน้าเป็นที่สนใจแก่คนรอบข้าง ชายกระโปรงวินเทจสะบัดเป็นลูกคลื่นตามจังหวะก้าวขาทั้งสอง เธอตื่นเต้นในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังเมื่อรู้ว่าของสำคัญในอ้อมกอดอาจมีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เมื่อมาถึงร้านขายอุปกรณ์ศิลปะชื่อ โมเน่ต์ ตามคำบอกของเจ้านายใหม่ เธอไม่รีรอรีบผลักประตูกระจกขุ่น เสียงกระดิ่งโมบายดังขึ้นต้อนรับ ผนังสีครีมและกลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะรับแขกทำให้อะดรีนาลีนที่กำลังสูบฉีดอย่างแรงลดลงบ้าง

สวัสดีค่ะ” เธอพูดใส่ชายสวมชุดทำงานสีดำ “ฉันมาหา คุณรัตติกรณ์”

ชายหนุ่มมองสาวน้อยตากลมด้วยความแปลกใจ อันที่จริงแล้วป้ายที่แขวนหน้าร้านยังเป็นคำว่าปิดอยู่ แต่เธอก็ยังพรวดเข้ามา

ผมเอง มีอะไรเหรอครับ” เขาเอ่ยรับ

ฉันชื่อ บุษบา เรียกว่า เอื้อย ก็ได้ค่ะ เป็นพนักงานบริษัทเจมส์กรุ๊ปที่อยู่ใกล้ๆนี่เอง” สาวตัวเล็กแนะนำตัว “ไม่ทราบว่า … คุณพอจะซ่อม กล่องดนตรีได้หรือเปล่าคะ”

ผมไม่เคยเห็นคุณเลย” ชายชุดดำพูดขึ้นลอยๆ

ฉันเป็นพนักงานใหม่ค่ะ เพิ่งมาเริ่มงานวันนี้” เธอพูดพลางหยิบกล่องดนตรีที่ทำด้วยไม้เป็นรูปครอบครัวเล็กๆเดินจูงมือกันในทุกกว้างขึ้นมาจากกระเป๋าถือ “นี่ค่ะ กล่องดนตรีที่อยากให้คุณช่วยซ่อม”

ความปราณีตของเนื้องานดึงความสนใจเจ้าของร้านหนุ่มทันที มันเป็นศิลปะแบบตะวันตกทำด้วยไม้เมืองหนาวแกะสลักเป็นรูป พ่อแม่และลูกสาว รอยแตกหักและรอยถลอกพอมีให้เห็นบ้าง แต่ที่น่าสนใจคือมีรอยไหม้เกรียมรวมอยู่ด้วย

คุณปล่อยไว้แบบนี้น่าจะดีกว่า ผมว่ามันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร” รัตติกรณ์บอกลูกค้าสาว

ไม่ใช่ ค่ะ” เธอส่ายศีรษะ “ฉันอยากให้คุณซ่อมให้มันเล่นเป็นเพลงได้ต่างหาก ลองหมุนลานดูซิคะ”

เล่นเป็นเพลงเหรอครับ” รัตติกรณ์ทวนคำ พลางทำตามที่ลูกค้าสาวบอก เขาบิดลานใต้กล่องสองรอบและวางมันลงบนโต๊ะ ครอบครัวเล็กๆทั้งสามหมุนตามกลไกของฟันเฟืองที่เรียงรายอยู่ภายใน ทว่าเสียงดนตรีที่เปล่งออกมานั้นแปลกประหลาดเหลือเกิน

มันดังก็จริงค่ะ แต่ว่า … ” ลูกค้าสาวอธิบาย ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ลงมือบิดลานอีกครั้ง

รัตติกรณ์สนใจสิ่งที่สาวน้อยนำมา เขามั่นใจว่ากล่องดนตรีในประเทศไทยไม่มีกล่องไหนเล่นเพลงของโรเบิร์ตชูมานน์ได้แน่นอน คงเป็นของสั่งทำพิเศษหรือไม่ก็ต้องซื้อมาจากยุโรปเท่านั้น

เสียงเพี้ยนไปมาก แต่คงเป็นเพลง ทรอยเมอราย1” เขาพูดขึ้น “คุณได้กล่องเพลงนี้มาจากไหนกันเหรอครับ”

มันเป็นของคุณพ่อค่ะ” บุษบาตอบ “ท่านซื้อมาฝากจากเวียนนา”

ตั้งแต่คุณยังเด็ก” รัตติกรณ์ถาม แต่สายตายังจับจ้องที่กล่องดนตรีอยู่

เอ่อ .. “ สาวน้อยลังเล ”ใช่ค่ะ”

กลไกของกล่องเพลงไม่ซับซ้อนเท่ากับนาฬิกา แต่ไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมและคงไม่มีใครคิดจะซ่อมด้วย กล่องนี้ต่างออกไป ทำด้วยช่างฝีมืออย่างปราณีต คงมีชิ้นส่วนบางอย่างขัดข้อง เสียงที่เปล่งออกมาจึงไม่เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่ามันคือเพลงอะไร” รัตติกรณ์อธิบาย

คุณซ่อมมันได้ใช่มั้ยคะ” บุษบา ไม่เข้าใจที่รัตติกรณ์พูดเลยสักนิด และย้อนถามคำถามแรกของตนเองด้วยความหวังเป็นครั้งที่สอง

คุณช่วยเขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้หน่อย ถ้าซ่อมเสร็จแล้วผมจะโทรไปบอก”

ลูกค้าสาวอมยิ้ม แม้ดูไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากนัก แต่ยังไงๆก็ไม่อาจซุกซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงได้ รัตติกรณ์มองออกว่าถ้าเขาไม่ได้นั่งอยู่ เธอคงลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นไปแล้ว

ดีใจจังเลยค่ะ” ในที่สุดสาวน้อยก็เอ่ยความรู้สึกแท้จริงออกมาตรงๆ ระหว่างจรดปากกา “ฉันไม่เคยได้ยินเสียงดนตรีของกล่องเพลงนี้เลย เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันเป็นของขวัญดูต่างหน้าของคุณพ่อ”

รัตติกรณ์มองเห็นแววตาที่หม่นลงราวกับเป็นคนล่ะคนกับสาวน้อยที่กระตือรือร้นในทีแรก แต่ตามมารยาทแล้วเขาก็ไม่คิดถามอะไรให้มากมายเว้นเสียแต่ลูกค้าจะเป็นคนเล่าให้ฟังเอง

ฉันจะรอโทรศัพท์ค่ะ ” เอื้อย ส่งกระดาษให้เขา

รัตติกรณ์ส่งลูกค้าสาวที่หน้าประตูร้าน รอจนเธอเดินลับตาไปจึงค่อยหมุนป้ายที่แขวนไว้ให้ด้านที่เขียนว่า 'เปิด' หันออก เขาไม่เคยซ่อมสิ่งของต่อหน้าลูกค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียวเว้นเสียแต่จะเป็นงานง่ายๆที่ช่างฝีมือทั่วไปทำได้ ที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะวิธีการของเขานั้นพิสดารล้ำลึกเกินกว่าคนธรรมดาๆจะจินตนาการได้ และหากใครได้เห็นเข้าเจ้าของร้านหนุ่มก็คงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเป็นแน่

เขามีชื่อเสียงพอสมควรในหมู่ชาวต่างชาติซึ่งมักสรรหาสิ่งแปลกใหม่มาให้ซ่อมเสมอ คนในย่านถนนเทพประสิทธิ์มองว่าโมเน่ต์เป็นร้านซ่อมของเก่า ทั้งที่จริงเป็นร้านขายอุปกรณ์ศิลปะนำเข้าจากต่างประเทศ สิ่งของที่ลูกค้าอยากให้ซ่อมมีมากมายหลายอย่างแทบไม่เคยซ้ำชนิดกันเลย ภู่กันสีน้ำราคาหลายหมื่น หนังสือหายาก หรือแม้แต่เครื่องประดับ ทุกคนเป็นลูกค้าได้หมดตราบใดที่สิ่งนั้นคือผลงานทางศิลปะ

รัตติกรณ์เริ่มหมุนกล่องเพลงเพื่อฟังเทียบกับเสียงต้นฉบับในแผ่นซีดี ทำนองเพลงทรอยเมอรายฟังไม่ยากนักสำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินเพลงคลาสสิคมาก่อน ทุกอย่างเรียบง่าย อ่อนหวานชวนให้นึกถึงความทรงจำวัยเด็ก กล่องเพลงของสาวน้อยแม้จะฟังแทบไม่รู้เรื่องแต่ทุกเสียงนั้นมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม ระหว่างที่รื้อชิ้นส่วนเพื่อดูกลไกภายใน รัตติกรณ์รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ยากในฐานะคนที่คลุกคลีกับงานศิลปะมานาน ทุกผลงานที่ศิลปินสรรค์สร้างขึ้นมาจะมีพลังแฝงอยู่เพื่อดึงดูดและสะกดผู้คนที่เข้ามาสัมผัส ยิ่งเป็นผลงานชั้นยอดเท่าไรพลังก็ยิ่งมีมากเท่านั้น เฉกเช่นเดียวกับกล่องดนตรีของลูกค้าสาวที่มีกลไกเป็นเอกลักษณ์ เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าศิลปินประกอบชิ้นส่วนนับร้อยด้วยมือทั้งสองข้าง อุตสาหกรรมกล่องดนตรีซบเซาจนแทบจะล้มหายตายจากโลกไปตั้งแต่เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว การที่จะมีกล่องเพลงอันละเอียดอ่อนเช่นนี้เป็นไปไม่ได้นอกเสียจากต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาจึงทดลองฟังเสียงดนตรีให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่งก่อนจะโทรไปแจ้งให้ลูกค้าสาวทราบ ทำนองเพลงชวนฝันดังขึ้นอย่างแผ่วเบาไล่เสียงตัวโน้ตขึ้นลงอย่างอ่อนหวาน ทว่าในใจของชายหนุ่มชุดดำกลับว่างเปล่า แม้เขาจะรู้ว่าเพลงทรอยเมอรายนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่คงไม่มีวันเข้าใจได้หรอกว่าความหอมหวานในวัยเด็กนั้นเป็นเช่นไร

เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้นช้ากว่าที่คิดไว้หลายสิบนาทีหลังจากวางสาย สาวน้อยคนเมื่อเช้าเดินเช้าผ่านประตูกระจกเข้ามา รัตติกรณ์แปลกใจที่เธอดูไม่เหมือนเดิม จากที่เหมือนเป็นหญิงสาวผู้นำความอบอุ่นของแสงแดดมา ทว่าตอนนี้กลับไม่เหลือร่องรอยความสดใสเลย

ชายหนุ่มแหงนมองนาฬิกาบนผนัง เขายิ้มให้บุษบาและกล่าวทัก “เพลงของคุณเพราะมาก สมัยนี้คงไม่มีทางหากล่องเพลงที่ตั้งใจทำขนาดนี้ได้ ”

สาวน้อยนิ่งเงียบ

รัตติกรณ์ลุกขึ้น สายตาบังเอิญมองผ่านประตูกระจกเบื้องหลังของบุษบาเห็นชายคนหนึ่งสวมแว่นตาดำ จ้องเข้ามาในร้าน หรือถ้าจะพูดให้ถูกว่ามองมาที่บุษบาก็ได้

คุณบุษบาครับ” เขาพูด

คะ” สาวน้อยสะดุ้ง

คุณเป็นอะไรรึเปล่า”

บุษบาพยายามพูดบ่ายเบี่ยงกลบเกลื่อน แต่ไม่แนบเนียบเลยสักนิด จากนั้นไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

รัตติกรณ์มองไปยังชายแว่นดำนอกร้านซึ่งก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเหมือนกัน

มีคนสะกดรอยตามคุณ” เขาพูดขึ้น

ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ ” บุษบารีบปฏิเสธ “ฉะ ฉัน ...”

เกิดอะไรขึ้นครับ”

สาวน้อยทำหน้าเหมือนกำลังจะปล่อยโฮ ทรุดตัวลงบนเก้าโซฟารับแขก

คุณเจมส์ให้ฉันลงมารับพัสดุไปรษณีย์ก่อนพักเที่ยง แล้วฉันก็แวะไปสั่งอาหารหลังออฟฟิสให้พี่ๆในแผนก แล้วฉันก็ … ” บุษบายอมปริปากเล่า แต่ฟังดูสับสนเหลือเกิน “ฉันเห็น ผู้ชายสองคนตรงรถที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน กำลัง … ส่งยาเสพติด”

คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นยาเสพติด” ชายชุดดำรีบพูดแทรก

ฉันไม่แน่ใจ พวกเขาทำถุงพลาสติกที่ห่ออยู่ในกระดาษหนังสือพิมพ์ร่วงลงบนพื้น ข้างในถุงเหมือนเม็ดยาไม่ผิดแน่ นอกจากยาเสพติดฉันก็นึกไม่ออกว่ามันจะเป็นอะไรได้อีก ไม่ใช่แค่นั้นพวกเขายังพยายามวิ่งตามฉันมา แต่ก็โชคดีที่ฉันรีบหนีเข้าในตึกทัน”

หนึ่งในนั้น เป็นผู้ชายผิวขาว สูงปานกลาง ผมสั้น ใช่รึเปล่าครับ” รัตติกรณ์พูดตามลักษณะของชายแว่นดำที่ยังคงยืนมองเข้ามาในร้านเขาอยู่

ใช่ค่ะ คุณรู้ได้ยังไงกัน” บุษบาแปลกใจ

เขากำลังรอคุณอยู่ข้างนอก”

เอื้อยหันหลังขวับ ตาเบิกโพลง

พวกเขารู้แม้กระทั่ง เบอร์โทรศัพท์มือถือฉัน ดูนี่ซิคะ เขาส่งข้อความมาข่มขู่ไม่ให้ฉันพูดอะไรกับคุณ และก็ไม่ให้แจ้งตำรวจ ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี”

รัตติกรณ์หยุดคิด “ผมว่าคุณน่าจะแจ้งตำรวจ เพื่อขอความคุ้มครอง”

แต่เขาขู่ฉัน … ว่าไม่ให้แจ้งตำรวจนี่คะ”

ผมไม่อยากให้คุณกังวลขนาดนั้น ยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ที่แม้แต่ตำรวจนอกแถวก็ไม่กล้ายุ่งกัน และนั่นจะยิ่งทำให้คุณปลอดภัยมากขึ้น”

สีหน้าลูกค้าสาวไม่ดีขึ้นเลยสักนิด

หมอนั่นกลับไปแล้ว” รัตติกรณ์บอกเธอ หลังใช้สายตาสอดส่องไปนอกร้าน “เอา อย่างนี้ดีไหม ผมรู้จักเจ้าของร้านเช่ารถอยู่ที่หนึ่ง ผมจะให้เขาส่งคนมารับคุณไปส่งที่พักหลังเลิกงาน”

ถ้าพวกมันไม่ยอมเลิกราง่ายๆล่ะคะ”

มันแปลกเกินไปถ้าเป็นอย่างนั้น ปกติแล้วพวกนี้จะไม่ใส่ใจกับคนเดินถนนทั่วไป คุณลองนึกดูดีๆซิครับ ว่านอกจากยาเสพติดแล้ว มีอะไรที่ผิดสังเกตอีกบ้าง”

ตอนนั้นฉันตกใจมาก ไม่มีสติพอจะจดจำอะไรได้หรอกค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาที่เมืองนี้ ทางออกสุดท้ายฉันก็อาจจะย้ายออกไป”

รัตติกรณ์มองเห็นแววตาอันแน่วแน่ในคำพูดสุดท้าย จึงไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก

ยังไงก็ตาม เย็นนี้ผมจะให้คนมารับ ถ้าคุณอยากจะย้ายกลับจริงๆ ผมก็จะให้เขาไปส่ง”

บุษบาลุกขึ้นอย่างกับร่างไร้วิญญาณ “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ฉันจะลองทบทวนดู ขอโทษจริงๆถ้าทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย”

เสียงโทรศัพท์มือถือของบุษบาดังขึ้น และเสียงปลายทางนั้นยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังในใจของเธอ “ค่ะ คุณเจมส์” เธอกล่าวรับ “เอ๋ ! …ให้ทำโอที ... วันนี้เลยเหรอคะ … ”

คุณไม่ควรทำโอที ไม่ว่าคุณแจ้งหรือไม่แจ้งตำรวจ มันต้องกลับมาหาคุณแน่ ที่นี่ตอนกลางคืนมืดมาก มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณ” รัตติกรณ์แนะ “คุณควรแจ้งตำรวจ”

คุณจะบ้าเหรอ !” บุษบาโมโห “ใช่ซิ มันไม่ได้ต้องการชีวิตคุณนี่ ”

ผมเข้าใจดี” รัตติกรณ์พูดเรียบๆ “คุณมีข้อความในโทรศัพท์มือถือเป็นหลักฐาน ตำรวจอาจจะจัดกำลังคนมาคุ้มครองคุณในฐานะพยาน”

สาวน้อยส่ายศีรษะ พลางเบนตัวไปทางอื่น “ฉันจะลองคิดดู”

บุษบาจำใจทำตามรัตติกรณ์ว่าแม้ไม่เห็นด้วยเลยก็ตาม ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เธอคิดไม่มีใครมาช่วยเธอทั้งนั้น เธอไม่เป็นอันทำงานอันที่จริงแผนกบัญชีมักต้องอยู่ดึกเสมอช่วงต้องปิดงบ เธอรู้เรื่องนี้ดีและเคยตกปากรับคำกับคุณเจมส์เป็นมั่นเป็นเหมาะ ยิ่งแสงจากดวงอาทิตย์จางลงมากเท่าไหร่ เธอก็เริ่มคิดว่า มันคงไม่คุ้มถ้าต้องเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องแค่นี้

ออฟฟิสของเธออยู่ในอาคารพาณิชย์ตามประสาบริษัทขนาดเล็กทั่วไป การที่พนักงานสักคนหนึ่งจะอยู่เพื่อปิดออฟฟิสเป็นคนสุดท้ายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด และคืนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นคราวของบุษบา เมื่อเพื่อนร่วมงานค่อยๆทยอยกลับไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือเธออยู่คนเดียว

บุษบาเริ่มคิดทบทวนว่าควรจะอยู่ต่อหรือหนีกลับเลยดีกว่ากัน เธออาจไม่ผ่านช่วงทดลองงานหากเลือกอย่างหลัง เผลอๆอาจจะถูกไล่ออกพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้ แต่ถ้าเลือกอย่างแรกก็ไม่แน่ใจว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งโหยง

สวัสดีค่ะ คุณรัตติกรณ์”

คนจากร้านเช่ารถมาถึงแล้วนะครับ ถ้าคุณเลิกงานแล้วไปขึ้นรถในลานจอดรถได้เลย เป็นรถซีดานสีขาวมีสติ๊กเกอร์ติดรอบคันบอกว่ามาจากร้านเช่า คุณคงหาได้ไม่ยากนัก”

เอ่อ … ฉัน” บุษบาไม่ค่อยแน่ใจ

ไม่ต้องเรื่องความปลอดภัยครับ วันนี้เจ้าของร้านมารับคุณด้วยตัวเองเลยและทางร้านมีระบบติดตามตำแหน่งรถ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจจริงๆ จะให้เขาไปส่งแค่ที่ป้ายรถเมลล์ก็ได้ครับ”

ตกลงค่ะ ฉันจะกลับ ไม่มีใครอยู่ในออฟฟิสแล้ว มันน่ากลัวมาก”

คุณคิดถูกแล้ว ผมจะช่วยพูดกับคุณเจมส์ให้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ” รัตติกรณ์พูด “คุณจะปลอดภัย และไม่ต้องหนีไปไหนทั้งนั้น”

บุษบารีบเก็บของ ปิดไฟ ออกจากออฟฟิส เธอแทบจะรอให้ลิฟท์ขึ้นมารับแทบไม่ไหว สาวน้อยผู้น่าสงสารลุกลี้ลุกลนเหมือนลูกนกน่าสงสาร ประตูลิฟท์เปิดออก เธอกำลังจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงักถอยกรูด เมื่อเจอกับชายซึ่งกำลังยืนรออยู่

คุณบุษบา ใช่มั้ยครับ” ชายร่างใหญ่ที่ดูคุ้นตาสาวน้อย แสยะยิ้มทักทาย

บุษบารีบหันหลังกดลิฟท์ รีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไป ชายคนนั้นหยิบปืนยิงประตูกระจกแตกแล้วรีบสาวเท้าเข้ามา ใบหน้าของเขายิ้มตลอดเวลาจนบิดเบี้ยวเหมือนปีศาจ เธอรีบกดปิดประตูลิฟท์ย้ำๆ จนหนีขึ้นมาชั้นบนได้อย่างหวุดหวิด เมื่อออกจากลิฟท์ได้เธอก็รีบโทรหารัตติกรณ์

คุณ รัตติกรณ์ นี่มันอะไรกัน !” เธอตะคอกใส่เขา “คุณส่งใครมารับฉัน หรือว่า … ที่จริงแล้วคุณก็ … ”

เดี๋ยวก่อน … คุณพูดเรื่องอะไรกันครับ”

ก็คนที่คุณให้มารับฉัน มันคือ พวกแก๊งค้ายาเมื่อตอนกลางวันไงล่ะ !”


1Traumerei ของ Robert Schumann

จากคุณ : FlowerSong
เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:03:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com