5/1
ลลิลดากลับมารื่นเริงอีกครั้งหลังได้ออกแรงช่วยสตรีชาวทิชกูประกอบอาหาร การทำอาหารร่วมกันแสดงถึงน้ำใจ ทั้งยังแบ่งปันให้เด็กกำพร้าซึ่งสูญเสียพ่อแม่จากการปราบปรามกบฏชาวทิชกูในอดีต เป็นการเข้าครัวที่ได้รับความรู้นอกเหนือจากเรื่องอาหารมากทีเดียว
แต่ติลมาคงไม่สนุกนัก เจ้าหล่อนตามมาพร้อมใบหน้าหงิกงอ ครั้นถามถึงสาเหตุก็ตอบด้วยภาษาซึ่งเธอไม่เข้าใจ หญิงสาวได้แต่ย่นจมูกใส่เด็กดื้ออย่างหมั่นไส้หมั่นพุง
มื้อเย็นวันนั้นประกอบด้วยเนื้อแพะอบเนย กลิ่นหอมคล้ายหมูสะเต๊ะ กับแผ่นแป้งแข็งๆ ที่เป็นเครื่องเคียงแทบทุกมื้อ เด็กสาวซึ่งลงแรงน้อยสุดเป็นฝ่ายจัดโต๊ะอาหาร ลลิลดาเฝ้ารอคาชาลกลับมาร่วมมื้อเย็นด้วยใจกระชั้น
ทว่าต้องผิดหวังหลังสองยายหลานสนทนากันด้วยภาษาพื้นเมือง ก่อนเจ้าบ้านจะชักชวนให้เธอรับประทานโดยไม่รอสมาชิกครอบครัวอีกคน
แล้วพี่ชายของเธอล่ะจ๊ะ
ผู้น้องตอบหน้างอ ไม่รู้สิค่ะ เราทานกันเถอะ
หญิงสาวนิ่วหน้ากังขา เธอนึกหวาดระแวงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้าลูกม้าแรกคลอด
หรือว่า บาบารี เป็นอะไร
บาบารี...ดอกไม้...ทำไมหรือคะ
อ๋อ เปล่าจ้ะ ฉันหมายถึงดูแป้งแผ่นนี้สิ บูดๆ เบี้ยวๆ ไม่สวยเหมือนกลีบดอกไม้แบบนี้ ฝีมือฉันแน่เลย
ติลมาค่อยยิ้มออกพลางเอ่ยชื่นชมปลอบใจ ลลิลดาลอบถอนหายใจโล่งอก เธอเกือบแพร่งพรายความลับแล้วเชียว
เธอไม่ห่วงชื่อเสียงตัวเองหรอก มะรืนนี้ตนก็ต้องจากที่นี่ไปแล้ว หากใครจะครหาเธอก็มิได้อยู่ร่วมรับรู้ด้วยเลย ห่วงแต่ความรู้สึกฝ่ายรู้เห็นเป็นใจเท่านั้น เขายังหนุ่มแน่นและมีอนาคตยาวไกลที่นี่ เธอไม่อยากให้เขาถูกมองไม่ดี
คิดแล้วชวนใจหาย มะรืนนี้แล้วสินะที่เธอต้องจากทุกคนที่นี่ไป ชนเผ่า ชาวป่า ชาวเขา อะไรก็ตามแต่ที่คนภายนอกขนานนามเรียกพวกเขา แต่บัดนี้เธอรับรู้แล้วว่าชาวทิชกูคือพลเมืองกลุ่มหนึ่งในโลกที่ไม่ได้ต่ำต้อยกว่าใคร พวกเขารักธรรมชาติ รักสัตว์เลี้ยง รักการเดินทางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีเกียรติมีศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่าใคร
....................
เสียงหายใจสม่ำเสมอของสองยายหลานแว่วไปถึงเตียงของนักท่องเที่ยวอีกด้านหนึ่งของกระโจม ลลิลดาลืมตาในความมืด เธอแลเลยไปยังเตียงว่างเปล่าของชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่กลับมาจึงค่อยตลบผ้าห่มขึ้น ก่อนโหย่งฝีเท้าแผ่วเบาออกจากกระโจม
หญิงสาวคลำทางท่ามกลางความมืดมิด อาศัยแสงจันทร์ส่องให้เห็นทางเลือนรางเช่นที่คาชาลเคยบอกไว้ ร่างระหงเกือบสะดุดท่อนไม้คะมำ หากย่างก้าวเชื่องช้าช่วยให้ประคองตัวได้ทัน
ลลิลดาถอนหายใจแรงเมื่อมาถึงกระโจมซึ่งมีแสงส่องสว่างในที่สุด เธอตัดสินใจก้าวเข้าไป และโดยไม่ทันตั้งตัว... เจ้าลูกม้าก็วิ่งมาหาจนเธอเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้ากับกองฟาง
โอย เจ้าตัวแสบ นักท่องเที่ยวสาวคราง ก่อนสังเกตว่าเจ้าบาบารีแลดูแข็งแรงดี
เธอกวาดสายตาถ้วนทั่วกระโจมพลัน ไร้เงาบุรุษซึ่งตนตามหา นอกจากม้าสองแม่ลูกเท่านั้น
พ่อของแกไปไหนฮึ บาบารี
สิ้นคำถามนั้น พ่อม้าลูกอ่อนก็ปรากฏตัวยืนตะลึงคาทางเข้ากระโจม
คุณ...
กระทั่งลมหนาวพัดกรูเข้ามา ลลิลดาห่อไหล่อัตโนมัติ ร่างสูงเห็นดังนั้นจึงได้สติก้าวเข้ามาภายใน
คุณมาที่นี่ทำไม เขาถามย้ำพร้อมกับพยายามกลบเกลื่อนความตื่นเต้นบนสีหน้าให้แนบเนียน
ให้ตายซี ก้อนเนื้อในอกเขากระตุกแรงเมื่อเปิดมาเห็นเธอกำลังนั่งลูบคอเจ้าลูกม้า ท่าทางอ่อนโยนอย่างนั้น เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นจากหญิงสาวมั่นอกมั่นใจเช่นเธอเลย วูบแรก...เขาเผลอคิดว่าเจ้าหล่อนคือเทพีจันทราจำแลงลงมาเสียด้วยซ้ำ
ฉันนึกว่าเจ้าบาบารีไม่สบายน่ะซี ก็เลยมาดู
ใครบอกคุณ
ไม่มีใครบอกฉันหรอก แต่เธอเล่นหายไปทั้งวันนี่นา ว่าแล้วก็ให้รู้สึกโง่งมยิ่งนัก เธอรีบเอ่ยแก้เก้อตามไป ฉันมีศักดิ์เป็นแม่บุญธรรมของมันนะ ย่อมต้องห่วงเป็นธรรมดา
แต่มันสบายดี
ใช่ ฉันเห็นแล้ว ผู้พูดรับคำ หากไม่มีทีท่าจะลุกจากไป
ลลิลดานั่งพูดคุยกะหนุงกะหนิงพลางพยักพเยิดกับเจ้าลูกม้า เธอหัวเราะเสียงใสเมื่อมันใช้หัวดุนเอวเธอให้ได้จั๊กจี้ คาชาลมองภาพนั้นด้วยความสับสนเต็มกำลัง ในมโนสำนึกมีแต่คำเตือนของยายกับคำขู่ของน้องสาวดังก้องสลับไปมา
คุณ...กลับไปเสียที... เขาเอ่ยอย่างเหลืออด
คนถูกไล่แหงนเงยมองใบหน้าเครียดขึ้งอย่างฉงน เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ คาชาล
หยุด อย่าเรียกชื่อผม
เธอเป็นแม่มด เขาน่าจะรู้ เขาต้องถูกสาปแน่ๆ ถึงได้สูญเสียความเป็นตัวเองเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่ยอมสบตาฝ่ายตรงข้าม
คาชาล คาชาล คาชาล ทำไมถึงเรียกไม่ได้ล่ะ คา...
ฝ่ามือหนาตะปบปากซึ่งพร่ำเรียกชื่อเขา ลมหายใจอุ่นของหญิงสาวรินรดหลังมือเย็นเยือก ก่อนแผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจ
คาชาลค่อยรวบรวมสติ จัดการความคิดปั่นป่วนของตนให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมกับรับรู้ถึงความใกล้ชิดระหว่างตนและเจ้าหล่อน กรุ่นกลิ่นกายหอมสะอาดใกล้เพียงปลายจมูก พลันความอ่อนหวานก็ค่อยๆ ซาบซ่านไปทั่วทั้งใจ
เขาลังเลในความต้องการของตนว่าจะปล่อยมือหรือไม่ แต่แล้วแรงถองบริเวณชายโครงก็ส่งให้เขาต้องคลายอ้อมแขนมากุมชายโครงอัตโนมัติ
ดวงหน้าแดงระเรื่อตวัดมองเขา ริมฝีปากอิ่มเม้มตึง คำพูดมากมายอย่างที่เขาไม่กล้าแปลฉายชัดอยู่ในแววตาหญิงสาว โดยไม่ทันเอ่ยคำขอโทษ เธอก็พรวดพราดออกไป
....................
ลลิลดาได้เรียนรู้ว่ามื้อเช้าและมื้อเย็นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวทิชกู เพราะเป็นการรวมตัวกันพร้อมหน้าของสมาชิกทุกคนในครอบครัว หากเป็นไม่กี่วันก่อนเธอคงรู้สึกอบอุ่นดีอยู่หรอก แต่มิใช่บัดนี้ที่เธออึดอัดใจกับสายตาคนตรงข้าม
คนหยาบคาย... ป่าเถื่อน... เธออยากต่อว่าเขาให้สาสมกับที่เขาทำรุนแรงกับเธอ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยกับการเปลี่ยนแปลงปุบปับของเขา เธอหรืออุตส่าห์เป็นห่วงทั้งตัวเขาและสัตว์เลี้ยงของเขานั่นแหละ แต่เขากลับกระทำการคุกคามเธอ
ใช่... คุกคาม ลลิลดาเลือกใช้คำไม่เกินจริงเลย เขาเข้าประชิดตัวแล้วลมหายใจร้อนๆ นั้นยังรินรดข้างแก้มเธอ ก้อนเนื้อในอกสาวเต้นแรงแทบระเบิด เธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
เธออยากติดต่อวิคเตอร์เสียเดี๋ยวนี้ ขอให้เขามารับกลับก่อนกำหนด แล้วเธอจะไม่เรียกร้องค่าชดเชยใดๆ เลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อสถานที่ห่างไกลนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
นักท่องเที่ยวสาวคอยปลุกปลอบใจตนเองให้เย็นลง เธอเคยห้าวหาญ เข้มแข็งกว่านี้ อีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เธอก็จะไปจากที่นี่แล้ว ขอเพียงอยู่ให้ห่างจากคนป่าเถื่อนก็พอ
ลลิลดาฝืนยิ้มขอบคุณเมื่อติลมารินน้ำเติมให้ เธอขอให้เด็กสาวทวนคำถามอีกครั้งหลังไม่ทันฟัง
หนูถามว่าวันนี้มิสจะไปหาเม็งโพไหมคะ
ฉันหรือ ถามย้ำอย่างงุนงง
ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มิสต้องไปแล้ว เม็งโพต้องอยากพบมิสแน่เลยค่ะ
จ้ะ ไปซี
ติลมาสบตาเย้ยหยันพี่ชาย เธอเห็นแววหม่นแสงในดวงตาคมกริบนั้น พี่เฝ้าแต่จดจ้องมิส ขณะที่มิสก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างผิดปกติวิสัย
คาชาลนึกตำหนิการกระทำของตนตลอดคืน ชาวทิชกูระมัดระวังการถึงเนื้อถึงตัวเพศตรงข้ามมาก และเขาเองก็ยึดมั่นคำสอนนั้นแน่วแน่มาตลอด จนถึงกับเคยเดินเหยียบผ้าพันคอเจ้าหล่อนโดยไม่ตั้งใจมาแล้ว คำด่าทอความหยาบคายวันนั้นยังสะท้อนในโสตประสาทตน
แต่ทำไมหนอ ยามอยู่ต่อหน้าเธอเขาถึงควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนัก นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขารุนแรงกับเธอ หากเป็นความผิดครั้งสองอันไม่น่าให้อภัย
พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอต้องไป เขาหวนนึกถึงคืนแรกในคอกม้านั้น วันที่เขาสามารถพูดคุยกับเธออย่างเพื่อนมนุษย์เท่าเทียม ความอ่อนโยนซึ่งเขาไม่คิดว่าจะสัมผัสมันได้จากสตรีจากแดนไกล แล้วหัวใจก็โหยหาคืนวันแห่งความสุขนั้นรอนๆ
แค่คิดว่านับจากนี้ต่อไปตนจะหายไปจากความทรงจำของเธอ คาชาลก็ทนไม่ได้ เขาปรารถนาให้มิตรภาพนี้ยั่งยืนตลอดไป เพื่อว่าวันหนึ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับบ้านนี้เมืองนี้ดังหวัง เขานี่แหละจะพาเธอไปรู้จักกับวิถีชีวิตดั่งเดิมของชาวทิชกูด้วยตนเอง
....................
ตายจริง ฉันลืมกล้อง
ลลิลดานึกได้เมื่อมารวมตัวกับคนหมู่มากในกระโจมของเม็งโพ เธอต้องการเก็บภาพทุกคนไว้เป็นที่ระลึก
เดี๋ยวฉันมานะติลมา ไม่ต้องตามมาหรอกจ้ะ
หญิงสาวขอตัวจากสตรีชาวทิชกูทั้งหลายที่มาฟังเธอสนทนากับหมอตำแยแก่ๆ ยามว่างจากงานบ้าน พวกหล่อนมักจับกลุ่มกันพูดคุยเช่นนี้ประจำ
ร่างบางก้าวเร็วอย่างคุ้นเคยเส้นทางกว่าก่อน เธอไม่สับสนกระโจมแต่ละหลังซึ่งคล้ายกันอีกแล้ว จำได้ว่าหน้ากระโจมที่ตนพักอาศัยมากว่าสัปดาห์มีดอกหญ้าเล็กๆ ขึ้นอยู่ข้างกรอบประตู ความสวยงามกลมกลืนระหว่างสิ่งก่อสร้างของมนุษย์กับธรรมชาติถูกบันทึกลงในกล้องดิจิตอลแล้วเช่นกัน
เธอเปิดประตูผลัวะเข้าไปพร้อมกับมุ่งตรงไปยังเตียงตน โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าในกระโจมนั้นมีใครคนหนึ่งเอนกายอย่างอ่อนล้าอยู่
คาชาลลุกขึ้นรวดเร็วราวถูกรนไฟ ลลิลดาหันมองตามเสียงเคลื่อนไหวจากอีกด้านหนึ่งทันควัน
สายตาสองคู่สบประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนหญิงสาวจะเป็นฝ่ายถอนสายตากลับมาค้นหากล้อง เธอมองเมินเขาเหมือนอากาศธาตุ ครั้นเจอของที่ต้องการแล้วก็ทำท่าจะผละไปทันที
ลิลลี่... ชื่อของเธอที่เขาพร่ำเรียกในใจผ่านริมฝีปากออกไป
ลลิลดาชะงักเท้าอยู่แค่นั้น เขาไม่ได้เรียกเธอว่า มิส อย่างคนห่างเหินต่อกัน ทว่าเสียงทุ้มต่ำของเขาขานชื่อเธอแผ่วเบา
ผมขอโทษ ชายหนุ่มละล่ำละลักออกมาอย่างลืมอาย ความกลัวว่าเธอจะเดินหนีไปมีมากกว่า จริงๆ นะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายกับคุณเลย แต่ในหัวผมนี่มันคิดอะไรไปตั้งหลายอย่าง แล้วก็ตกใจที่เจอคุณอยู่ในนั้น กลัวใครจะมาเห็นเข้าอีกคน
นักท่องเที่ยวสาวยกแขนกอดอกพลางถอนใจ เออหนอ แค่เพียงรู้จักกันไม่กี่วัน พูดจากันแทบนับคำได้ เขายังมีเรื่องต้องขอโทษเธอถึงสองครั้งเทียว รู้หรอกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่บางสิ่งบางอย่างซึ่งเก็บกดในใจเขา ไม่ว่าจะเป็นกรอบประเพณีหรืออะไรก็ตามแต่ คงผลักดันให้ทำแบบนั้น
เถอะ ถึงขนาดนี้เธอยังคิดหาเหตุผลมาเข้าข้างเขาจนได้ แล้วตนก็อ่อนใจอภัยให้อีกตามเคย
ฉันพอเข้าใจเหตุผลของเธอแล้วล่ะ ฉันยินดียกโทษให้ ถึงอย่างไรเราก็ต้องจากกันวันพรุ่งนี้แล้วนี่นะ
เธอเป็นคน โกรธยาก...หายเร็ว เช่นนี้แล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องให้ขุ่นเคืองกับชายหนุ่มสองครั้งสองคราเทียว ลลิลดาอยากหัวเราะแต่ขำไม่ออก
คุณจะไปไหนหรือครับ คาชาลยังทู่ซี้ถาม
ไปที่กระโจมเม็งโพน่ะซี ฉันว่าจะถ่ายรูปอัมมา ติลมา แล้วก็ทุกคนเป็นที่ระลึกเสียหน่อย ไปด้วยกันซีจ๊ะ
สีหน้าเขาพิพักพิพ่วนชอบกล ขณะเรียบเรียงคำอธิบาย ติลมาอาจลืมบอกคุณ ชาวทิชกูถือว่าการถ่ายรูปเป็นการเสียมารยาท เราไม่นิยมครับ
ตายจริง...
คุณอาจอึดอัดกับกฎเกณฑ์พวกนี้ แต่ผมอยากให้คุณได้รู้จักพวกเราทุกด้านจริงๆ ทั้งวิถีชีวิต และความเชื่อที่สืบต่อกันมายาวนาน
ฉันขอบใจเธอในข้อนี้ ฉันมาที่นี่ก็เพราะจุดมุ่งหมายอย่างเธอว่านั่นแหละ บางทีเธอคงเป็นไกด์ที่ดีได้นะคาชาล ถ้าจะลดอารมณ์ฉุนเฉียวลงเสียบ้าง นักท่องเที่ยวเอ่ยกระเซ้า
โหนกแก้มชายหนุ่มขึ้นสีเรื่อเมื่อถูกติงถึงข้อเสียตรงๆ ความอับอายกับโกรธระคนกัน เขาสูดหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ขึ้นลงง่ายของตนเอง ขณะที่ลลิลดาเดินไปเก็บกล้องไว้ที่เดิม
ถ้าคุณอยากได้ภาพที่ระลึกสวยๆ ล่ะก็ ผมมีสถานที่หนึ่งจะพาไป
หญิงสาวเหลียวมามองพลางเลิกคิ้วอย่างสนใจ ดวงตาคู่งามพราวระยับดั่งดาวไขแสงยามค่ำคืน
คุณนอนให้สบาย เช้ามืดพรุ่งนี้ผมจะมารับ เราจะขี่ม้าไปครับ
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
3 เม.ย. 55 10:26:38
|
|
|
|