( 4 )
ร้อน...สำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรเช่นนี้ สิ่งที่ทำได้ก็คือพยายามไม่คิดถึงแสงแดดเจิดจ้า และใช้ชีวิตอยู่กับผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงยูวี แน่นอนว่ากรดาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และทั้ง ๆ ที่คิดจะผ่านหน้าร้อนอันแสนทุกข์ทรมานไปได้ดีกว่านี้ ทว่าสิ่งที่จะทำให้หญิงสาวทนไม่ได้ และกำลังอยากจะเป็นจะตายอยู่ก็คือยูนิฟอร์มในการใช้ส่งสินค้าของร้านตัวเอง เธอโดนบิดาบังคับให้ใส่ หน้าตามันเหมือนเสื้อคลุมยากุซ่าในหนังเปี๊ยบ ผิดกันแต่ว่านักเลงญี่ปุ่นนั่นไม่ได้อยู่ในเมืองที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยสามสิบองศาตลอดทั้งปีแบบนี้ นอกจากจะเป็นเสื้อคลุมผ้าเนื้อหนาแล้ว มันยังเป็นสีแดง และปักตัวอักษรสีทองอร่ามเป็นคำว่า ฮก ลก ซิ่ว พร้อมด้วยรูปเงินตำลึงตั้งผ่างขนาดใหญ่ กลางหลัง
‘ นี่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษเราเชียวนะ’ นั่นเป็นคำบอกเล่าจากบิดา ผู้ที่แสนจะภูมิใจในชาติกำเนิดของตนเองเป็นยิ่งนัก อันที่จริงแล้วเสื้อน่ะเป็นของเก่า ส่วนตัวอักษรนั่นเป็นรสนิยมบิดาเธอ
ตำนานเก่าแก่ของตระกูลเล่าว่า คุณปู่ทวดและคุณตาทวดของกรดาเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองมีลูกก็เป็นเพื่อนรักกันอีก และได้หอบลูกเดินทางหนีความแร้นแค้นจากแผ่นดินใหญ่มาเสี่ยงโชคที่นี่เมืองสยาม ทำงานขยัน อดทน จนเก็บเงินเก็บทองได้มากมาย สืบทอดมรดกมาจนถึงรุ่นของคุณปู่ คุณตาของเธอ ด้านปู่ของกรดามีโรงงานเครื่องหนัง ส่วนคุณตามีโรงงานบะหมี่ แม้ธุรกิจจะไม่สอดคล้องกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังหาทางให้มาบรรจบกันได้ ด้วยการซื้ออาคารพาณิชย์ติดกันสองห้อง ห้องแรกเป็นร้านขายบะหมี่ และเครื่องปรุงสูตรจีนโพ้นทะเล ส่วนห้องที่ติดกันนั้นเป็นร้านขายเครื่องหนังชั้นดี มีบริการหลากหลาย ตั้งแต่ซ่อมเครื่องหนังยันจำหน่ายของหรูหราราคาแสน
เวลานี้ร้านทั้งสองก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ว่าอยู่ในความดูแลของพี่น้องทางฝั่งมารดาและบิดาเธอเท่านั้น วันรวมญาติประเภทวันตรุษ วันสารท วันไหว้บรรพบุรุษ หรือวันอยากจะกินนาน ๆ ที ทุกคนที่ร่วมแซ่ก็แห่กันไปคับคั่ง จนเต็มชั้นสองที่มีทางเชื่อมต่อหากัน อันที่จริงงานสังสรรค์ที่เจอลูกพี่ลูกน้องตัวแสบก็ไม่เลวนักหรอก เพียงแต่ว่ากรดาเบื่อเต็มทนที่จะต้องเจอคำถามหลอนชีวิตว่า ...ทำงานอะไรอยู่ มีแฟนหรือยัง แต่งงานดีกว่าไหม เดี๋ยวไม่ลูกไม่ทันใช้ ที่ยิ่งกว่านั้นล่าสุดอาอี้คนหนึ่งของเธอยังให้ความเห็นว่า ...’อากร สะโพกอย่างนี้ลูกคงดกน่าดู’ ซึ่งมันทำให้กรดารู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกใน
และแน่นอนว่าทั้งคุณปู่และคุณตาของกรดาไม่พลาด ที่จะทำสนธิสัญญาไฟท์บังคับ ประมาณว่าลูกสาวคนแรกของอั๊วกับลูกชายคนโตของลื้อจะต้องมาเกี่ยวดองกัน แต่ผลไม่ได้เป็นแบบที่ทั้งสองคาดไว้ เพราะลูกชายคนโตของปู่คือบิดาเธอดันไปตกหลุมรักลูกสาวคนรองของบ้านขายเครื่องหนัง ซึ่งแม้จะไม่ได้สมดังตั้งใจไว้ สองเพื่อนรักจากแดนมังกรก็ถือว่าพอกล้อมแกล้มไปได้อยู่
เอาล่ะ...นั่นก็คือเรื่องราวแต่หนหลังโดยสังเขป แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมในบรรดาพี่น้องสี่คนถึงไม่มีใครเอาเสื้อที่พ่อเธอบอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเลยสักคน
‘ทวดของทวดของทวดของทวดของเราเคยใส่เสื้อตัวนี้ทำบะหมี่ถวายฮ่องเต้มาก่อน’
นั่นคือคำที่บิดาของเธอบรรยายสรรพคุณราวกับว่าเสื้อตัวนี้เป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งที่พระเจ้าตามอบมาให้ เป็นของวิเศษซึ่งมีที่มาอันลึกลับ ประมาณต้องบุกป่าฝ่าดงพงไพรเพื่อไปหาของล้ำค่า แต่แล้วก็กลับมาพร้อมกับความเฟลสุด ๆ เมื่อของวิเศษไม่ได้อยู่ในป่าหรือภูเขาลูกใด แต่อยู่ที่ย่ามพระเจ้าตาซึ่งอาจจะเป็นเก็บก้อนหิน กบ หญ้า จิ้งเหลนมาเสกเป็นเสื้อวิเศษใส่แล้วทำมาค้าขึ้นก็ได้
อ่อแล้วใช่ เมื่อคุณปู่ของเธอเสียชีวิต มีการแบ่งทรัพย์สินและกิจการ บิดาของเธอเลือกที่จะขายหุ้นที่เป็นส่วนของตนให้พี่น้อง แล้วเอาเงินที่ได้มาเปิดกิจการของตัวเอง
“กรไม่ใส่ไม่ได้เหรอป๊า” นี่คือสิ่งที่เธอถามเสมอ เมื่อเห็นบิดายื่นเสื้อประจำตำแหน่งให้
“ไม่ได้” บิดาของเธอตอบในขณะที่กำลังมองหน้าจอทีวีที่กำลังฉายมังกรหยกรอบที่ล้านอยู่
“วันนี้มันร้อนน่ะ เอาเป็นว่าไม่ต้องใส่แล้วกันนะ” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้าง แม้จะรู้ว่าความหวังของตัวเองริบหรี่เกินทน
“นี่แกคิดจะทรยศบรรพบุรุษได้ลงคอเหรอ” บิดาเธอเอ่ยด้วยเสียงรำคาญ ก่อนยื่นมือไปรินน้ำชาในกากระเบื้องเคลือบใส่ ถ้วยใบเล็กแล้วยกขึ้นมาจิบ
“กรไม่เห็นว่ามันจะทรยศตรงไหน” หญิงสาวเถียง ในใจรู้เป็นอย่างดีว่าบิดาจะต้องให้คำตอบที่แสนจะแถและไม่แน
“ตรงที่แกไม่ยอมใส่เสื้อตัวนี้น่ะสิ ใส่ไปอย่าเรื่องมาก เดี๋ยวอากง กับอาม่าแกก็นอนตายตาไม่หลับ” บิดาของเธอเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจหนัก ทั้งยังปรายตามองหน้าเธอ แล้วส่ายหน้าอย่างรำคาญใจ
“แล้วนี่อะไรเนี่ย” กรดาร้องถามเสียงสูง เมื่อเห็นว่าด้านหน้าของเสื้อ มีโลโก้ร้านที่ไม่รู้ว่าท่านเจ้าของร้านไปออกแบบใหม่มาแต่ปางไหนแปะอยู่
“โฆษณา” บิดาเธอตอบ แล้วหยิบเม็ดก๊วยจี้ขึ้นมาแทะ
“ตรงนี้เนี่ยนะ” ผู้เป็นลูกเอ่ยพร้อมกับชี้ โลโก้ร้านซึ่งปักอย่างประณีตบนผ้าเนื้อหน้าเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดสี่นิ้วครึ่งตรงหน้าอกด้านซ้ายของตัวเสื้อ ด้วยเฉดสีอันเป็นมงคลไม่ต่างอะไรกับตัวเสื้อ เรื่องสีกรดาไม่มีความเห็น แต่เรื่องขนาดความเห็นของเธอก็คือมัน...ใหญ่ควายมาก
“ใช่ ตรงนั้นแหละ เด่นดี จะใส่ไม่ใส่” คนเป็นพ่อตอบรับหน้าตาเฉย ทั้งยังมองเธอคลายรำคาญอีกรอบ
กรดากัดริมฝีปากล่าง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางใด ๆ กำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้กับชีวิต เธอไม่ได้เรียนจบคว้าปริญญามาเพื่อการนี้ โอเค...คนเราอาจจะทำงานไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมา ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติ เพียงแต่ความหมายของคำว่าทำงานไม่ตรงกับสายงานของคนทั่วไป กรดาแน่ใจว่าไม่ได้รวมถึงสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ด้วย
“ถ้าไม่ใส่แล้วกรจะเป็นอะไรไหม” หญิงสาวถาม และใช่...กรดาแน่ใจว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร
“เป็น” บิดาตอบในขณะที่โปรยเปลือกเม็ดก๋วยจี้ใส่ขยะ โดยไม่ลืมปรายตามองผู้เป็นลูกด้วยสายตาที่เฉียบขาดขึ้น
“เอ่อ...” กรดาพูดได้แค่นั้น หญิงสาวเอียงคอมีสายตาคำถาม ต่อคำว่า ‘เป็น’ ของบิดา
“ฉันจะยึดคอมแก” คนเป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ป๊ายึดไม่ได้นะ คอมนั่นกรซื้อมาเอง” กรดาประท้วง
“ยึดได้สิ” บิดาเอ่ย แน่ใช่...ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยึดไม่ได้ คอมนั่นกรซื้อเอง” หญิงสาวยังคงยืนยัน
“ยึดได้” คนเป็นพ่อก็นั่งยันเหมือนกัน
“แล้วทำไมพ่อถึงยึดได้” คราวนี้กรดาเริ่มทำเสียงเครียด เพราะว่าคำพูดของคนที่เป็นจ่าฝูง มักจะกำหนดชะตาชีวิตของสมาชิกในฝูงอยู่เสมอ
แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 22:43:51
แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 22:43:15
จากคุณ |
:
เมเปิ้ลสีขาว
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 55 22:34:39
|
|
|
|