Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 12 หญิงจากอนาคต ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 12 หญิงสาวจากอนาคต


แสงสีฟ้าสว่างจ้าขึ้นและดับลงทำให้ไบรอันไม่ทันฉุกคิดว่าเป็นวิชาเคลื่อนย้าย ร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นหลังแสงจางสามในสี่เป็นคนของคณะเดินทาง ส่วนหญิงสาวที่มีดวงตาสีเดียวกับเขานั้นไม่รู้จัก ผู้กล้าแสงตะวันปล่อยไลล่าออกจากอ้อมแขนทันทีที่เห็นแววตาเย็นชาของริเรีย แม้แต่เจ้าการ์ก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนชวนผู้กล้าอลันเอาถุงผ้าขนาดใหญ่ไปแลกเงิน

“เราไม่ต้องการคำอธิบาย” ริเรียใช้น้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง “บางทีเจ้าคงพาเรามาผิดที่กระมังอลิเซีย” หญิงสาวหันไปถามคนที่เขาไม่รู้จักซึ่งส่ายหน้าว่าไม่มีทางเป็นไปได้

“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร เหตุใดนางจึงมีนัยน์ตาสีเดียวกับข้า” เขาพยายามเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นทันที

“ตอบข้ามาก่อนว่าทำไมท่านกับแม่นางคนนั้นถึงกอดกันอย่างอบอุ่น เมื่อสามวันก่อนท่านกับนางแทบจะฆ่ากันตายแท้ๆ” ริเรียสอดขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสตวัดมองมาทางการ์ที่พยายามพาเพื่อนหนีออกจากห้องให้เร็วที่สุด “จะรีบไปไหน อยู่ช่วยข้าพิพากษาเจ้าหมอนี่ก่อน นี่เป็นคำขาด” คำสั่งของนางยังมีอิทธิพลเหนือการ์อยู่วันยันค่ำ

“ความจริงแล้วนางไม่ใช่สาย” เขาคิดว่าคงต้องตอบตามตรงเท่านั้น จะได้รู้ว่าทำไมพวกนางมาที่นี่ได้เร็วนัก และหญิงสาวตาสีมรกตผมสีเหลืองคนนั้นคือใคร “ถามการ์ลูสก็ได้ มันออกมาหยุดข้ากับเวเบอร์ตั้งสองหน”

“จะปลีกตัวไปก่อนก็ได้นะอลิเซีย” การ์แอบไปกระซิบกับหญิงสาวอีกคน

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำด้วยซ้ำ” หญิงสาวตาสีมรกตทำให้ไบรอันนึกถึงมารีน่าอย่างบอกไม่ถูก “เชิญต่อเลยเจ้าค่ะ ท่านผู้กล้าแสงตะวันและท่านหญิงไลล่า”

“ท่านหญิงหรือ แต่เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร” ไลล่า แลนเซลท์สมาชิกใหม่ของคณะเดินทางพูดเบาๆ ดวงตาสีอำพันมองสบกับดวงตาสีมรกตอย่างสงสัย

ช่วงสั้นๆระหว่างความเงียบเข้าปกคลุมคณะเดินทางริเรียสังเกตได้ถึงบางสิ่ง ไบรอันบอกได้ว่านางกำลังประมวลเหตุการณ์ที่พบเจอด้วยการขบกรามและกอดอก หญิงสาวตาสีฟ้าใสมองหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักอย่างไม่ไว้ใจ

“อลิเซีย เจ้าไม่ใช่ร่างทรงอะไรนั่นใช่ไหม เจ้าเป็นแค่คนธรรมดาที่สามารถเดินทางข้ามมิติเวลาได้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่รักษาขาของยูนิคอร์นตัวนั้นให้เสียเวลาหรอก บางทีเจ้าอาจรู้ถึงการเดินทางของพวกเราแต่ไม่รู้รายละเอียดปลีกย่อย หากเป็นร่างทรงจริงเรื่องแค่นี้ก็น่าจะรู้” ริเรียเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีเร็วกว่าที่เขาคาด บางทีนางอาจลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ไปเลยก็ได้ หญิงสาวตาสีมรกตยิ้มแป้นแล้วปรบมือให้อย่างเคารพ

“สมเป็นท่านหญิงริเรียแห่งเก็ม มองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง” หญิงสาวยิ้มไม่ยอมหุบ ไบรอันมองไม่เห็นแววตาเหยียดหยามหรือเสียหน้าเลยสักนิด “ข้าเดินทางข้ามมิติเวลาจริง แต่ช่วงยุคของข้านั้นห่างกับยุคนี้หลายสิบปี เป็นกฎปกติที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยุคสมัยอื่นเกินขอบเขตจึงต้องอ้างอย่างนั้น สิ่งที่ข้าทำทุกอย่างอยู่ในเส้นทางสู่อนาคตที่ถูกเขียนไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะเมื่อได้พบกับผู้หยั่งรู้แห่งเมืองแก้วผลึกข้าจะแยกทางกับพวกท่านเอง แต่ตอนนี้ขอข้าเกาะติดกับคณะเดินทางของพวกท่านสักนิด รับรองว่าจะไม่ทำอะไรไม่ดีเด็ดขาด”

“แล้วความจริงเจ้าคือใครกันแน่” ไบรอันพยายามเบี่ยงความสนใจไปที่หญิงสาวอย่างเต็มที่ “ขอข้าคุยทีละเรื่องได้ไหม เจ้าหมาขี้แพ้”

ไม่ทันสิ้นเสียงเวทมนตร์ของริเรียก็เปล่งประกายขึ้นรอบตัวไบรอัน แต่ประกายอาคมที่กำลังรวมตัวเป็นโซ่ตรวนถูกสะบั้นลงด้วยดาบสีเงินของไลล่า แลนเซลท์ คณะเดินทางแทบทุกคนอ้าปากค้างที่เห็นเวทมนตร์ถูกหยุดด้วยดาบแสนธรรมดา จะยกเว้นก็แค่ไลล่าเจ้าของดาบ ไบรอันที่เคยเห็นมาแล้ว และหญิงสาวที่มีนามว่าอลิเซียเท่านั้น

“นั่นคือดาบสลายเวทเจ้าค่ะ อาวุธทรงพลานุภาพที่ครั้งหนึ่งเคยสยบจอมเทพแห่งอิเดนลงได้ แต่ตอนนี้เป้าหมายของมันคือห้ำหั่นกับดาบเทพวิหคที่ท่านเวเบอร์ได้ไป ใช่ไหมเจ้าคะท่านหญิงไลล่า” หญิงสาวจากอนาคตหัวเราะเบาๆพลางบ่นกับตัวเองว่าเผลอแทรกขึ้นจนได้ “อย่าพยายามถามเลยค่ะท่านนักรบจันทรา ข้าไม่พลาดแบบเดิมซ้ำสองหนหรอกนะเจ้าคะ เชิญต่อเลยเจ้าค่ะ ขออภัยที่แทรกขึ้นมา”

เหมือนละครที่ช่วงคั่นเวลาหมดลง ริเรียหันหน้าไปหาผู้กล้าแสงตะวันแล้วบอกว่าจะคุยกับเขาก่อนเป็นเรื่องแรก ผู้กล้าแสงตะวันนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ยอมจำนนต่อพลังความรั้นของอีกฝ่าย จะขอให้ฝ่ายไลล่าเป็นคนเล่าเรื่องแทนแม่นางริเรียก็บอกว่าจะฟังเรื่องจากไลล่าทีหลังจะได้ดูว่าตรงกันหรือไม่

“วันนั้นเราสองคนเดินทางไปตามแผนที่ที่อลันให้ แต่แค่คืนแรกเจ้าบ้าเวเบอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาท้าสู้กับข้าโดยมีความจริงเกี่ยวกับไลล่าเป็นเดิมพัน สู้กันไปสู้กันมาเจ้านั่นก็ถอยกลับเสียเฉยๆ แม่นั่นกลับนั่งดูเฉยไม่ยอมเข้าช่วยข้าหรือเวเบอร์เลย ข้าแกล้งพลาดเล็กๆน้อยๆนางก็ไม่ซ้ำหรือแกล้งเผลอลงมือ ก็เลยเชื่อว่าไม่มีประสงค์ร้าย ที่เห็นเมื่อกี้มันเป็นอุบัติเหตุ ใช่ไหม” ไบรอันหันไปขอแรงสนับสนุนจากไลล่า หญิงสาวก็พยักหน้าเออออห่อหมกตาม

“อลิเซีย เจ้านี่พูดจริงหรือเปล่า เจ้ารู้กระทั่งเรื่องที่ต่อสู้กับเวเบอร์เลยนี่ แถมรู้จักพวกเราอีก” ริเรียแสดงอาการออกมาทางดวงตาว่าไม่เชื่อคำพูดของเขา “ถ้าไม่ตอบจะคาดคั้นให้ตอบจนได้นั่นละ จะลองไหม” หญิงสาวตวัดสายตาไปยังสาวน้อยจากอนาคต ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายมนตราเจิดจ้า อีกฝ่ายยิ้มแล้วจ้องมองนางด้วยดวงตาเปี่ยมไปด้วยพลังเช่นเดียวกัน

“ถ้าจะใช้กำลังก็ได้นะเจ้าคะ แต่ข้าไม่อยากฝืนเปลี่ยนอดีตประเดี๋ยวจะไม่สนุก” หญิงสาวตาสีมรกตหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “อยากต่อรองไหมคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน ถ้าท่านยอมที่ข้าขอก็จะช่วย ไม่อย่างนั้นความจริงส่วนที่ท่านไม่อยากให้ใครรู้ถูกปูดขึ้นมาก่อนเวลาแน่”

ริเรียคำรามในลำคอแล้วใช้เวทมนตร์สร้างเข็มน้ำแข็งขึ้นมาจากอากาศพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามแต่มันกลับหายไปดื้อๆ นางลองอีกครั้งด้วยการสร้างสายฟ้าสีครามพุ่งไปหามันกลับสลายไปต่อหน้าต่อตา ไบรอันคิดว่าหญิงที่ชื่ออลิเซียคงทำอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร

“จริงอย่างที่เอกคิดเลย วิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์เป็นขั้วตรงข้ามกัน ถ้าอยู่ในแดนของวิทยาศาสตร์เวทมนตร์จะถูกลดทอน ในขณะเดียวกันก็สามารถนำสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์มาใช้ลบล้างเวทมนตร์แม้มันจะไม่สามารถทำงานได้เต็มร้อย คิดถูกที่แอบพกไอ้นี่มาด้วย” หญิงสาวพูดลอยๆแล้วหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า มันคือวัตถุคล้ายโลหะมีปุ่มกดและหน้าจอที่คล้ายกระจก ไบรอันรู้สึกได้ถึงการบิดเบี้ยวของอากาศรอบวัตถุชิ้นนั้นมันคือสิ่งแปลกปลอมในโลกนี้

“นี่คือสิ่งประดิษฐ์จากต่างแดน คลื่นสัญญาณไฟฟ้าที่มันปล่อยออกมาสามารถลบล้างเวทมนตร์ได้ ถึงจะกันได้แค่พลังขั้นต่ำก็เถอะ ข้าไปทำภารกิจในดินแดนที่ไร้เวทมนตร์มาเลยรู้เรื่องพวกนี้มากพอดู ถ้าเป็นพลังอ่อนๆสิ่งนี้จะช่วยทำให้มันหายไปได้ แต่ถึงเป็นพลังกล้าแข็งข้าก็กันได้อยู่ดีนั่นล่ะ” หญิงสาวเดาะเจ้าสิ่งประดิษฐ์ไปมาแล้วหันมาทางริเรีย “พอดีกว่าไหมท่านหญิงจอมเผด็จการ พวกท่านในตอนนี้ชนะข้าไม่ได้หรอก”

“ถ้าเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ล่ะก็ ตกลง” ในที่สุดไบรอันก็มองเห็นคนที่มีอำนาจต่อรองเหนือกว่าริเรีย

“ถือว่าเจรจาสำเร็จ ข้าจะเล่าเฉพาะส่วนสำคัญนะเจ้าคะ” หญิงสาวนักเดินทางหัวเราะร่วนหยิบสมุดใหม่เอี่ยมในกระเป๋าออกมาเปิดอ่าน มีแต่ริเรียที่มีสีหน้าไม่พอใจ ส่วนเจ้าการ์นั้นยิ้มอย่างสะใจที่เห็นริเรียยอมแพ้

“คืนแรกที่ข้าได้พบกับพวกท่านนักรบจันทรา ท่านผู้กล้าแสงตะวันกับท่านเวเบอร์ก็หันมาจับมือชั่วคราวนั่งกินเหล้าระบายทุกข์กันตามประสาลูกผู้ชาย พอดื่มได้หอมปากหอมคอทั้งคู่ก็ดวลกันอีกครั้งเพื่อตัดมิตรภาพอันแสนสั้น ตอนนั้นท่านหญิงไลล่าเข้าไปห้ามจึงได้รู้ว่าดาบของนางสามารถสลายเวทมนตร์เกือบทุกชนิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ พอมีคนห้ามทั้งคู่จึงงัดอาวุธวิเศษออกมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนท่านเวเบอร์ล่าถอยด้วยเหตุผลบางอย่าง หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร ด้วยความซื่อของท่านหญิงไลล่าทำให้ท่านผู้กล้าเริ่มเชื่อใจจนยอมขี่หลังสัตว์วิเศษที่นางเรียกออกมา จึงถึงเมืองแก้วผลึกก่อนเวลาเล็กน้อย ในช่วงที่ท่านทั้งสองพักที่นี่ท่านเวเบอร์ก็เข้ามาจะช่วยสอนสิ่งต่างๆให้กับท่านหญิงไลล่า ท่านผู้กล้าไม่รู้จุดประสงค์เข้ามาขวางจนท่านหญิงต้องเรียกท่านโฟเรียออกมาช่วยอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่พวกท่านเห็นท่านทั้งสองกอดกันนั้นเป็นความสัมพันธ์ลับของทั้งคู่”

หญิงสาวปิดสมุดแล้วยัดมันลงในกระเป๋าอีกครั้งก่อนมือของริเรียจะพุ่งไปหา ไบรอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่หญิงสาวไม่ได้พูดเรื่องเพี้ยนๆของเขาออกมา ทางริเรียเองดูอารมณ์เสียคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เป็นบันทึกการเดินทางของพวกท่านอย่างที่ท่านริเรียคิดเจ้าค่ะ ถ้าอยากอ่านก็รอให้ถึงยุคสมัยที่มันจะปรากฏขึ้นเองก็แล้วกัน”

“แค่อยากรู้เองว่าผลการต่อสู้เป็นอย่างไรเท่านั้น ไม่ได้คิดดูรายละเอียดปลีกย่อยหรอก” ริเรียปดหน้าตาเฉย แค่มองตาเขาก็รู้แล้วว่านางอยากรู้ว่าข้างในเขียนอะไรไว้บ้าง

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะท่านนักรบจันทรา ท่านไม่ได้ลงมือฆ่าจอมอสูรหรอก ท่านแทบไม่ได้ฆ่าใครเลยสักคน” หญิงสาวตอบสิ่งที่เจ้าการ์อยากถามได้ราวกับรู้อยู่แล้ว “เพราะท่านมีคนที่ยอมให้มือเปื้อนเลือดแทนอยู่ตรงนั้นแล้ว ท่านผู้กล้าแสงตะวันอย่างไรละเจ้าคะ”

“ถ้าพบนางผู้หยั่งรู้เมื่อไรท่านเละแน่” แววตาอาฆาตของริเรียพุ่งมาทางเขาอย่างไม่ปรานี แถมยังส่งสายตาคมกริบเหมือนมีดโกนเคลือบยาพิษไปให้หญิงจากอนาคตด้วยอีกคน “เจ้าก็เหมือนกันอลิเซีย ถ้ามีโอกาสข้าจะชิงสมุดเล่มนั้นมาอ่านแน่นอน”

“อยู่ต่อดีกว่าท่านหญิงไลล่า ประเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันอีก” ริเรียสั่งการทาสรับใช้สองคนและไลล่าให้เอาของไปขายแลกเงิน แต่ไลล่าและไบรอันถูกเรียกตัวให้อยู่ก่อนด้วยเหตุผลบางประการ แน่นอนว่าริเรียอยากอยู่ด้วยขัดตรงที่มีสตรีผู้ทรงอำนาจเหนือกว่าอยู่ในห้องเท่านั้น เขาคิดว่าคงเกี่ยวกับข้อต่อรองที่นางเรียกร้องเอาไว้

เมื่อมั่นใจแล้วว่าคณะเดินทางคนอื่นไม่อยู่หน้าประตูห้อง หญิงสาวตาสีมรกตก็พุ่งเข้าสวมกอดไบรอันแล้วร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาไม่รู้เหตุผลว่านางทำแบบนี้ และไม่รู้ว่าเหตุใดจึงลูบหัวนางเพื่อปลอบโยนราวกับเป็นคนสำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือเขาเริ่มชอบไลล่าแล้ว หากนางคิดไปในทางที่ไม่ดีเขาจะทำอย่างไร ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ลูบหัวที่สั่นเทาเท่านั้น
พอร้องไห้กับบ่าเขาจนพอใจแล้วหญิงสาวก็ไปกอดไลล่าแล้วร้องไห้ต่ออย่างกับบ่อน้ำตาแตก แม่หญิงไลล่าก็พลอยลูบหัวลูบหลังหญิงสาวตามไปอีกคน บางทีหญิงคนนี้อาจมีเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนรักใคร่เอ็นดูเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ครั้นเมื่อร้องไห้จนสาแก่ใจแล้วจึงโยนกระเป๋าแปลกๆลงบนโต๊ะพร้อมกับใช้อาคมอะไรสักอย่างที่ทำให้สิ่งของล่องหน นางง่วนอยู่กับการเช็ดน้ำตาครู่หนึ่งแล้วก็กลับมาร่าเริงดังเดิม

“ความจริงข้าช่วยพาพวกท่านไปที่ปราสาทแก้วผลึกได้เลย แต่หน้าที่อย่างแรกในยุคนี้ของข้าคือพาท่านผู้กล้าแสงตะวันและท่านริเรียไปโดยผ่านเส้นทางปกติเท่านั้น” น้ำเสียงสั่นเครือค่อยๆกลับเป็นปกติ “ส่วนตอนนี้ข้าอยากให้พวกท่านไปเดินเล่นในเมืองแก้วผลึกฆ่าเวลา โดยมีข้าติดสอยห้อยตามไปด้วย”

“ขอแค่นี้หรือ” ไบรอันขมวดคิ้ว แค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก อย่างไรเขาก็คิดจะชวนไลล่าไปเดินเล่นในเมืองเพื่อหาหนังสือสำหรับเด็กอยู่แล้ว

“ข้าก็แค่ตอบตามความจริงเท่านั้นล่ะเจ้าค่ะ ข้าพาท่านไปร้านขายหนังสือภาพดีๆได้ด้วยนะ” ว่าแล้วหญิงตาสีมรกตก็ลากจูงเขาและหญิงสาวอีกคนออกจากห้อง แทบไม่ยอมให้ใช้กุญแจไขลั่นดานห้องก่อนด้วยซ้ำ

ผู้กล้าแสงตะวันถูกหญิงสาวลากจูงไปตามทางเดินในโรงพักนอน ในระหว่างนั้นเขารู้สึกคุ้นเคยกับความร่าเริงจากสตรีผู้นี้ บางทีนางอาจรู้จักที่นี่มากกว่าเขาก็ได้เพราะสามารถหาร้านขายหนังสือได้ในช่วงถนนเดียว เป็นอีกคำถามที่เขาจดไว้ในหัวว่าหญิงผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าความรู้และการอ่านเขียนของไลล่าอยู่ในระดับเด็กเพิ่งหัดเดินเท่านั้น

“การฝึกที่ดีที่สุดนอกจากการอ่านแล้วยังมีการเขียน ถึงในหัวของท่านหญิงจะมีความรู้เก่าอยู่แต่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด ท่านจะต้องอ่านและเขียนให้มากๆนะเจ้าคะ” หญิงสาวพูดอย่างร่าเริง พลางหยิบหนังสือหัดอ่านเขียนสำหรับเด็กมาให้เป็นกอง “บอกเหตุผลไม่ได้ค่ะท่านผู้กล้าแสงตะวัน เอาเป็นว่าข้ารู้จักพวกท่านดีก็แล้วกัน”

กองหนังสือถูกวางลงบนโต๊ะคิดเงินอย่างรวดเร็ว ไบรอันไม่กล้าคำนวณค่าหนังสือที่นางหยิบออกมาว่าเป็นเงินเท่าไร “ค่าหนังสือคนของพระนางผู้หยั่งรู้จะนำมาจ่ายให้ จดบัญชีในนาม มารีน่า บรู๊ค ตัวยูไม่ใช่ดับเบิ้ลโอ”

“เจ้าชื่ออลิเซียไม่ใช่หรือ แล้วมารีน่า บรู๊คคือใคร” ผู้กล้าแสงตะวันขมวดคิ้ว นับวันปริศนารอบตัวเขายิ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้น หากไม่ได้พบนางผู้หยั่งรู้ในเมืองแก้วผลึกภายในวันพรุ่งนี้คงคิดจนหัวระเบิดก่อนแน่ คนขายเอาบัญชีรายชื่อติดไว้ข้างฝาแล้วมัดปึกหนังสือด้วยเชือกถักอย่างหยาบๆ ก่อนจะบอกว่ามีบริการเรียกเก็บเงินด้วยเวทมนตร์ที่แม่นยำแน่นอน

“ถือเป็นของอภินันทนาการชิ้นที่สองจากท่านหญิงผู้มีเนตรแห่งเทพยากรณ์” หญิงสาวส่งปึกหนังสือให้แล้วรีบพาเดินออกจากร้าน “เสื้อผ้าเครื่องใช้ข้าขอแนะว่าให้ซื้อใหม่หมด ท่านผู้กล้าแสงตะวันจะได้รู้สึกผิดน้อยลงอีกนิด ก่อนพบท่านมารีน่า” หญิงสาวยกเสียงสูงชวนหัว ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไม ทำไม และทำไม

“ส่วนของอภินันทนาการชิ้นแรก คือสร้อยมรกตเส้นที่ท่านมารีน่าได้รับพระราชทานมาจากองค์ฟิลลิปแห่งโอ๊คแลนด์ คงให้ท่านหญิงไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”

“เจ้าคือลูกของข้าใช่ไหม ดวงตาสีมรกต แถมรู้เรื่องของข้าเป็นอย่างดี” ไบรอันถามเอาดื้อๆ หญิงสาวนางนี้ฉลาดและแสนรู้จนยากที่จะหลอกถาม หญิงสาวอีกสองคนหยุดอยู่กับที่ คนหนึ่งเบิกตาค้าง ส่วนอีกคนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้าจะฆ่าคนๆนั้นได้ใช่ไหม”

“เสียใจด้วยเจ้าค่ะท่านผู้กล้าแสงตะวัน ท่านจะไม่ได้สู้กับคู่แค้นอย่างที่หวังเอาไว้ ส่วนเรื่องที่จะรอดได้หรือไม่นั้นข้าไม่บอก หน้าที่อีกอย่างของข้าในยุคนี้คือทำให้ท่านปวดหัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เจ้าค่ะ” นางจากอนาคตหัวเราะเหมือนเรื่องขำขัน “ข้าคือหลานของท่านนักรบจันทราก็คือท่านการ์ รายนั้นคงรู้ตัวแล้วเพราะข้าเผลอเมื่อวันก่อน คิดว่าตัวท่านจะเษกสมรสกับเจ้าหญิงของไพน์ได้ง่ายๆหรือเจ้าคะ ต่อให้โลกพลิกกลับเหนือใต้เจ้าหนุ่มยาจกไบรอัน บรู๊ค ก็ไม่มีทางอยู่กินกับเจ้าหญิงของไพน์ได้หรอกเจ้าค่ะ”

“แล้ว แล้วข้าจะชนะเวเบอร์ได้ไหม” ไลล่าเอ่ยปากเป็นครั้งแรกนับจากออกมาจากโรงนอน “หลังจากนั้นล่ะ”

“ได้ทีถามกันใหญ่เลยนะเจ้าคะ” หญิงสาวยักไหล่แล้วเดินนำหน้า “ท่านโฟเรียคงบอกแล้วว่าการประลองระหว่างท่านทั้งสองเข้มงวดมาก ถึงบอกไปอนาคตก็ไม่เปลี่ยนหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้เราไปดูทางโน้นกันดีกว่า”

หญิงสาวพาเขาไปหยุดหน้าร้านขายสรรพสิ่งจากยูนิคอร์น ริเรียกำลังแยกเขี้ยวใส่เจ้าของร้านราวกับจะฆ่ากันเสียตรงนั้น การ์รีบกวักมือเรียกให้เขาไปช่วยเพราะเจ้าของร้านไม่รับซื้อเขาและขนของยูนิคอร์นที่ไม่มีใบรับรองจากสมาคมสัตว์วิเศษของโทรส เขาสาบานด้วยว่าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับใบรับรองในการซื้อขายแบบนี้

“ไม่ใช่ไม่รับซื้อ แต่จะรับซื้อในราคาครึ่งหนึ่งของราคาเต็มต่างหาก” ชายหน้าสิวเขรอะเจ้าของร้านประท้วง “ข้าเคยเจอคนใช้มนตราเสกเขากวางให้เป็นเขายูนิคอร์นมาแล้ว ลูกค้ากว่าครึ่งส่งของคืนพร้อมใบเรียกค่าเสียหายจากสินค้าที่ไม่สมบูรณ์ ข้าต้องจ่ายค่าชดเชยจนบัญชีเต็มไปด้วยตัวแดง จะต้องให้ผู้วิเศษประจำสมาคมของโทรสออกใบรับประกันให้ แล้วข้าจะรับซื้อด้วยราคาเต็มทั้งเขาและขน”

“แล้วถ้าจะมีภรรยาน้อยต้องไปขอใบรับรองด้วยหรือเปล่าเจ้าคะ” หญิงจากอนาคตโผล่งขึ้น ความเงียบที่น่าหวาดหวั่นเข้าเกะกุมเจ้าของร้านทันที “ข้ารู้นะว่าท่านมีภรรยาน้อยอยู่อีกสามคน จะรับซื้อด้วยราคาเต็มหรือจะให้ข้าตะโกนดังๆดี เผื่อภรรยาท่านจะยอมให้ค่าข่าวนี้สักสองเท่าของราคาของ”

“หน้าแบบนั้นนะมีเมียน้อยซ่อนไว้อีกสามคน ไม่อยากเชื่อ” ริเรียร้องเบาๆ เหรียญทองและเงินที่ได้รับถูกแบ่งเป็นสามส่วน สำหรับการ์ ริเรีย และเงินกองกลางของคณะเดินทาง นางปฏิเสธเด็ดขาดเมื่อไบรอันร้องขอส่วนแบ่ง “เดี๋ยวเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายอีก ของท่านก็คือเงินกองกลางอย่างไรละ หมดเมื่อไรก็หาใหม่เมื่อนั้น”

ทั้งหกหาร้านน้ำชากลางแจ้งเป็นที่แบ่งเงินอย่างไม่กลัวเกรงขโมยหน้าไหน ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกมนตราสีม่วงอ่อนทำให้ทั้งเมืองมีสีม่วงประหลาด จนร้านอาหารกลางแจ้งกลายเป็นจุดขายอีกอย่างของเมือง ทุกมุมเมืองจะมีระฆังตีบอกเวลาทุกชั่วโมงทำให้พวกเขารู้ว่าเลยเวลาอาหารกลางวันมานานแล้ว เพราะความอุตสาหะของการ์และความช่วยเหลือจากอลิเซีย ทำให้มีเงินมากพอเดินทางได้อีกหนึ่งเดือนโดยไม่ต้องหาเงินเพิ่ม อลันเสริมขึ้นอย่างผู้รู้ว่าถัดจากนี้อีกสักสัปดาห์ราคาของเกล็ดมังกรจะตกเพราะมีคนเก็บมาขายมากขึ้น

“แลกกับกลิ่นสุดทนนั่นแล้วถือว่าคุ้ม” การ์รีบโกยเหรียญใส่ถุงหนังส่วนตัว “เพราะกลิ่นนั่นใช่ไหมที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปตอนช่วงแรกๆ โชคดีที่ท่านไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นด้วยไบรอัน เหมือนกับอยู่ในแถบที่ทิ้งขยะเน่า” เขาฟังการ์เล่าว่าไปเจออะไรมาบ้างระหว่างเดินทางเก็บเงิน ถือว่าโชคดีมากที่ได้ทั้งหนังของเสือแมลงและเขาของยูนิคอร์นที่มีมูลค่าการรับซื้อสูง

ในหัวของไบรอันตอนนี้เต็มไปด้วยคำถาม เรื่องที่การ์เล่าก็น่าสนุกอยู่ แต่เขาอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่ออลิเซียมากกว่า จากที่การ์เล่าทำให้รู้ว่านางมีความรู้เรื่องเวทมนตร์อยู่ในระดับสูง ริเรียที่สังเกตว่าหญิงสาวไม่ได้หอบกระเป๋าสะพายแปลกๆติดมาด้วยก็รีบวิ่งกลับโรงนอนทันที

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ สมุดเล่มนั้นบันทึกเรื่องราวของพวกท่านในภาษาของดินแดนอื่น ถึงจะรู้ภาษานั้นก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอกลายมือข้าแย่ยิ่งกว่าไก่เขี่ยอีก” หญิงจากอนาคตยิ้มกว้างพอๆกับแม่น้ำการ์ ไบรอันนึกภาพริเรียแสดงอาการไม่พอใจได้ทันที “ไม่ต้องถามหรอกเจ้าค่ะท่านนักรบจันทรา ข้าคือหลานของท่านในอนาคต ถึงสุดท้ายท่านจะไม่ได้สังหารจอมอสูรก็ตาม ตอนนั้นข้าเผลอถลกหนังเสือตามวิธีที่ท่านสอน ใช้มีดลนไฟจี้ให้เลือดหยุดไหล หนังจะสะอาดและขายได้ราคาดีกว่า ต่อมาข้าบอกว่ามาจากอนาคตท่านจึงเริ่มเอะใจถาม ใช่ไหมเจ้าคะ”

“ถ้าไม่ได้สังหารจอมอสูรแล้วจะเป็นอย่างไร สุดท้ายจะปล่อยให้จอมอสูรอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสันติหรือ...ไม่เลวนะ” ไบรอันเห็นการ์เกาหัวก็รู้ว่าพยายามใช้ความคิดมากที่สุดแล้ว “ช่างเถอะ หลังจากเรื่องวุ่นวายนี้แล้ว ข้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นไหม ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าล่ะ”

“หลังจากท่านโค่นจอมอสูรได้ก็ยังต้องวุ่นต่อไปอีกสักพักเจ้าค่ะ” อลิเซียทำให้ไบรอันสบถสาบานในลำคอ ทีเขาถามนางกลับไม่พูดอะไรเลยสักนิด “หลังจากนั้นท่านกับครอบครัวจะได้อาศัยอยู่ที่นั่นบ้างประปราย แต่ท่านยาย ข้าหมายถึงท่านแม่ของท่านจะต้องอยู่ที่ไพน์”

“แล้วเจ้าคือลูกของน้องสาวข้าหรือ เอเลน่าใช่ไหม” เป็นครั้งแรกที่การ์พูดได้ตรงกับความคิดของเขา

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” หญิงสาวคงอยากให้เขาเครียดจนกระอักเลือดตาย “หลังจากข้าออกมาช่วยพวกท่านอีกครั้งก็จะรู้เอง ว่าท่านไม่ได้มีน้องสาวแค่คนเดียว”

“แล้วที่เจ้าพูดมาตั้งนานนี่ไม่เป็นอะไรแน่หรือ บอกอนาคตกันแบบไม่ปิดบังเลย” ไบรอันลองถามอ้อมๆแบบเจ้าการ์บ้าง เผื่อว่านางจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา

“แค่นี้ไม่มีผลต่ออนาคตหรอกเจ้าค่ะ ข้าบอกท่านนักรบจันทราไปแล้วว่าให้จดจำเรื่องของข้าเอาไว้บอกเล่าให้ตัวข้าในอดีตฟัง แล้วตัวข้าในอดีตก็จะกลับมาสู่อดีตแบบนี้ไม่รู้จบ สำหรับตัวข้าตอนนี้ก็รอให้มิติที่เชื่อมโยงกันอยู่เสถียรมากขึ้นจนสร้างทางเชื่อมได้ เท่านี้ข้าก็จะเดินทางไปยังยุคสมัยของข้า”

ตอนนี้ไบรอันมีคำถามอยู่เต็มหัว ความเหนื่อยล้าทางใจที่หญิงจากอนาคตมอบให้ และกองหนังสือที่อยากสอนไลล่าจึงขอกลับไปที่พักกับไลล่าก่อนสองคน อลันแย้งมาว่ามันดูไม่งามที่ชายหญิงจะอยู่ตามลำพังสองคน การ์เข้ามาช่วยโดยการบอกว่าถ้าจะไม่งามคงไม่งามตั้งแต่เขาเดินทางกันมาสองคนแล้ว

“ท่านคงไม่อยากกลับไปตอนนี้หรอกเจ้าค่ะท่านผู้กล้าแสงตะวัน” เขาคงไม่สนใจหากหญิงจากอนาคตไม่ทักขึ้น “คงนึกภาพออกใช่ไหมเจ้าคะว่าตอนนี้ท่านริเรียหัวเสียขนาดไหน ถ้าอยู่ตรงนี้ท่านจะมีเวลาพักอีกสักหน่อยก่อนที่จะถูกลากไปวิหารแก้วผลึก หาอะไรอร่อยๆกินให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่า”

เงินกองกลางของคณะเดินทางถูกจ่ายเป็นค่าน้ำชาของการ์และริเรีย ระหว่างย้ายไปหาของกินร้านอื่น ผู้กล้าอลันก็เข้ามาถามว่าหัวโล่งขึ้นหรือยัง แถมยังถามให้อายเล่นอีกว่าเรื่องที่โอ๊คแลนด์เป็นอย่างไรกันแน่

“ข้าเข้าใจความรู้สึกที่ต้องสูญเสียของรักไปขอรับ คนรักข้าตายระหว่างหลบหนีจากหมู่บ้าน มีแต่ต้องทำใจให้เข้มแข็งขึ้นแล้วก้าวผ่านมันไป” ผู้กล้าอลันกำหมัดแน่น ไบรอันยอมรับผู้กล้าอลันคนนี้กับการ์ว่าสมเป็นลูกผู้ชาย ส่วนตัวเขานั้นยังลังเลด้วยความรู้สึกที่บิดเบี้ยว บางทีเขาอาจไม่เหมาะกับคำว่าผู้กล้าเลยก็ได้

“กินน้ำชาร้อนๆสักหน่อยไหมไบรอัน ข้าเห็นท่านถอนหายใจเป็นสิบครั้งแล้วตอนคุยกันเมื่อกี้” การ์ทำให้เขานึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรก เขาชวนให้กินน้ำชาร้อนๆจะได้รู้สึกดีขึ้นหลังการสูญเสีย ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองเคยชินกับมันแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้การ์เป็นคนที่กล้าเผชิญหน้ากับการจากไป ต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง

ไบรอันครุ่นคิดระหว่างเลือกที่นั่งในร้านอาหาร เขาสั่งเนื้ออบสมุนไพรสูตรพิเศษของร้านเหมือนกับพวกการ์แล้วกลับมาหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองต่อ เขาไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์บางอันในอดีตหรืออนาคต แถมสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อนาคตที่ถูกต้องอีก สิ่งที่หญิงจากอนาคตบอกยิ่งทำให้เครื่องจักรย่อมๆในสมองของเขาทำงานอย่างหนักหน่วง หากจอมอสูรไม่เป็นฝ่ายถูกฆ่าพวกเขาคงเป็นฝ่ายถูกฆ่า แล้วเหตุใดหลานของการ์จึงย้อนเวลากลับมาอดีตได้ หากเป็นโลกคู่ขนานเหตุการณ์ก็ไม่น่าตรงกันราวกับคัดลอกแบบนี้ แล้วยังเรื่องน้องสาวของการ์อีก นางเป็นใครจึงให้กำเนิดคนที่มีสีตาเป็นเอกลักษณ์อย่างเขาได้

“อลิเซีย ไบรอันในอนาคตเป็นแบบนี้หรือเปล่า” การ์ทำให้ความคิดของเขาสะดุด

“เหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าเสียอีกที่อยากถามว่าท่านผู้กล้าแสงตะวันเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเลยใช่ไหม” หญิงจากอนาคตรับแก้วน้ำชาจากบริกร การ์ไม่รีรอที่จะส่งมาตรงหน้าเขาด้วยหนึ่งแก้ว “ในยุคสมัยของข้า ปกติท่านผู้กล้าแสงตะวันจะเยือกเย็นไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนนอกจากเวลางาน จึงมีเรื่องให้เหล่าข้าหลวงในปราสาทซุบซิบอยู่บ่อยครั้ง แต่ท่านมักจะอารมณ์ร้อนจนเดือดปุดๆเสมอเวลาที่เจอกับท่านเวเบอร์หรือท่านตา โดยเฉพาะท่านเวเบอร์ เหมือนหมากับแมวที่ไล่กัดกันทุกครั้งที่เจอ แค่ต่างฝ่ายต่างกระโจนเข้าฆ่ากันโดยไม่ปรานีเท่านั้น”

การ์และอลันพยายามถามเรื่องอนาคตจากหญิงสาวจนเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ในที่สุด บางทีเขาอาจคิดมากเกินไปก็ได้ ทุกอย่างอาจเป็นไปได้สวยหลังจากพบกับผู้มีเนตรแห่งเทพพยากรณ์แล้ว เขาคิดคำถามเตรียมไว้ก่อนไปพบนางผู้หยั่งรู้ไว้แล้ว มีปัญหาอยู่ตรงที่อลันเล่าว่าเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

“อลิเซีย ตอนนี้ ยุคนี้ นางผู้หยั่งรู้แห่งเมืองแก้วผลึกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้าได้ยินว่านางกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา” เขาถามขึ้นลอยๆเผื่อจะได้คำตอบ

“แล้วแต่จะนิยามเจ้าค่ะ ถ้าตายหมายถึงร่างกับวิญญาณไม่อยู่ด้วยกัน คำตอบก็คือตาย แต่ถ้าร่างและวิญญาณไม่อยู่ด้วยกันหมายถึงไม่ตาย คำตอบก็คือไม่ตาย” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเกินจำเป็น เหมือนนางกำลังดีใจที่ได้ยินคำถามจากเขา

“แล้ววิญญาณนางอยู่ที่ใดกัน” เขาแอบคิดเข้าข้างตัวเอง นางจงใจให้เขารู้ว่าร่างและวิญญาณของเจ้าหญิงนิทราไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน หญิงสาวแกล้งเขาอีกครั้งด้วยการหันไปสนใจอาหารที่ยกมาให้ทุกคน กลิ่นเครื่องเทศกับเนื้ออบลอยฉุยเอาชนะความสงสัยของเขาได้ในที่สุด

“ในอนาคตข้างหน้าท่านนักรบจันทราจะมีลูกสองคนเจ้าค่ะ ข้าพูดได้แค่นี้ล่ะ”

ไบรอันรู้ชัดแล้วว่าหญิงสาวมีเจตนาแกล้งเขาเวลาตอบคำถาม ทั้งการเลี่ยงตอบ ตอบไม่ตรงประเด็น หรือไม่ก็หันไปสนใจอย่างอื่นแทน พอเจ้าการ์ถามนางกลับตอบแบบหยาบๆไม่บอกส่วนที่สำคัญออกมา ความรู้สึกหมั่นไส้ที่น่าจะพอกพูนกลับไม่เพิ่มขึ้นจนน่าสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะความใสซื่อที่ซ่อนอยู่ในตัวนางก็เป็นได้

“จริงสิอลิเซีย เจ้าเคยบอกว่าขนของการ์ลูสมีอาคมเคลื่อนย้ายใช่ไหม” การ์รวบมีดกับส้อมแล้วเรียกนกเพลิงสีฟ้าออกมาเกาะที่แขนซ้าย ไบรอันจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยทำลายคำสาปไร้สาระนั่นให้เขา

“คราวหน้าช่วยเรียกออกมาตอนเกิดเรื่องฉุกเฉินจะดีมากเลยขอรับ รู้หรือไม่ว่างานของข้าเยอะมากแถมต้องบริการเจ้านายสองคนในเวลาเดียวกัน เห็นอย่างนี้ข้าก็มีเลือดมีเนื้อเหมือนกันนะขอรับ ถ้าข้าไม่ได้เป็นระดับจักรพรรดิงานไม่ท่วมหัวแบบนี้ คงยอมให้ท่านเรียกใช้ได้ตามอำเภอใจ อย่างเช่น ช่วยบินไปซื้อของให้หน่อยสิ ช่วยบินไปดูลาดเลาตรงโน้นหน่อยได้หรือไม่ ไหนๆก็ไหนๆเสร็จจากก่อกองไฟแล้วช่วยบินไปดูให้ทีว่าเมืองข้างหน้าอยู่ไกลมากไหม”

“ข้าเป็นนายของเจ้านี่ จะเรียกเวลาไหนก็เรื่องของข้าสิ” การ์ตอบเจ้านกเพลิงทันควัน จริงอย่างที่การ์เล่าให้ฟัง จักรพรรดินกเพลิงตัวนี้ชอบพูดพล่ามเกินจำเป็น


“ข้าคิดว่าเคยบอกไปแล้ว หน้าที่ของข้าคือเป็นปีกให้นักรบจันทรา หากท่านทำตัวสมเป็นผู้กล้าเมื่อไรข้าจะรับตำแหน่งลูกน้องของท่านไว้พิจารณา” เจ้านกเพลิงพองขนเล็กน้อยพอน่ารักน่าเอ็นดู “ขอให้ท่านทราบไว้ด้วย ว่าข้าจะออกมาเมื่อเห็นว่าจำเป็นจริงๆหรือเป็นหน้าที่ที่ต้องแสดงตัว และข้าสามารถเลือกไม่ออกมาได้หากไม่อยาก หรือออกมาเสนอหน้าได้ในเวลาที่ท่านไม่ได้เรียก”

“ทำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ข้าเพิ่งรู้นี่ละ”

“เฉพาะระดับจักรพรรดิขอรับ นกเพลิงที่เรียกผ่านแหวนเกือบทั้งหมดเป็นระดับพลทหาร ส่วนข้าเป็นระดับจักรพรรดิจึงสามารถขัดคำสั่งได้ พอดีเลย ท่านไลล่าหยิบสมุดและปากกาขนนกที่เพิ่งซื้อมาจดเลยขอรับ ข้าจะได้พูดครั้งเดียว ให้ท่านผู้กล้าแสงตะวันเขียนให้ก็ได้” ไบรอันเห็นการ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วรีบดึงสมุดกับปากกาพร้อมหมึกมาเตรียมเขียน “สัตว์ปีศาจที่ท่านสามารถเรียกได้มีสามระดับใหญ่ๆ พลทหาร ราชา และจักรพรรดิ...จดทันใช่ไหมขอรับ ระดับพลทหารเรียกได้โดยไม่ต้องใช้โคลงมนตรา ส่วนอีกสองระดับจำเป็นต้องใช้โคลงมนตราเหมือนกับที่ท่านเรียกข้าหรือซีซาร์ออกมา”

“สัตว์ปีศาจอะไรหรือการ์ลูส แล้วซีซาร์คืออะไร” ไบรอันรู้สึกเหมือนเจ้านกเพลิงอยากจิกหัวเจ้านายสักครั้ง มันงับจะงอยปากแล้วอธิบายต่อ  

“เป็นวิชาของอีกดินแดน อีกโลกหนึ่งขอรับ เป็นการเปิดช่องมิติเรียกสัตว์วิเศษออกมาจากแดนปีศาจที่เทพีองค์หนึ่งเป็นผู้สร้างขึ้น ผู้ที่ใช้วิชานี้ได้จะต้องสืบสายเลือดจากตระกูลผู้ใช้สัตว์ปีศาจ การที่ราชนิกุล ชาวเมืองไพน์ และโทรสเรียกนกเพลิงกับมังกรออกจากแหวนได้ก็เป็นไปตามหลักการเดียวกัน”

“เหมือนที่เวเบอร์ทำใช่ไหม เขาเคยเรียกมังกรออกมาด้วย ครั้งหนึ่ง...” เสียงของการ์อ่อยลงทันทีเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

“สำหรับหมอนั่นถือเป็นข้อยกเว้นเพราะเขาเป็นอัจฉริยะ ตอนเขาอายุเจ็ดขวบ เวทมนตร์สายฟ้าของเขาเคยทำให้ข้าเกือบตายมาแล้ว ปีกข้างหนึ่งขาดวิ่น ทั่วตัวเต็มไปด้วยรอยไหม้จากสายฟ้า ทั้งที่มนตร์สายฟ้าระดับกลางยังทำให้ข้าเกิดแผลไม่ได้ด้วยซ้ำ” การ์ลูสปรายตามองไลล่าอย่างอดไม่ได้ “ส่วนสาเหตุที่ท่านไลล่าใช้วิชานี้ได้นั้น เอาไว้เจอนางผู้หยั่งรู้ก่อนก็รู้เองขอรับ”

เจ้านกเพลิงงับปากอย่างหงุดหงิด มันรีบใช้จะงอยปากดึงขนปีกมาให้การ์สามเส้นแล้วหายตัวไปในอากาศ การ์รับมาแล้วส่งอันหนึ่งมาให้เขา “แค่พูดชื่อสถานที่หรือชื่อคนใช่ไหมอลิเซีย” การ์พูดลอยๆแล้วบอกกับเขาว่าจะลองใช้มันเดินทางกลับที่พักดูว่าจะเหมือนอลิเซียทำไหม...

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 22:40:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com