นักรบจันทรา ตอนที่ 13 ผู้หยั่งรู้
|
 |
ตอนที่ 13 นางผู้หยั่งรู้
เดี๋ยวนี้ก็คือเดี๋ยวนี้ ข้าให้เวลาเตรียมตัวชั่วน้ำร้อนเดือด หญิงจอมเผด็จการกำลังหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างที่หญิงจากอนาคตบอก สิ่งเดียวที่ป้องกันไม่ให้นางฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆก็คือหญิงจากอนาคตอีกเช่นกัน เราไม่ได้มาเที่ยวเล่น ข้าต้องการพบนางผู้หยั่งรู้ เดี๋ยวนี้! ริเรียยื่นคำขาด ไบรอันต่อรองขอเวลาเพิ่มได้อีกนิดจะได้อาบน้ำให้หายเหนียวตัว
ใช้ขนนกนี่ไม่ได้เจ้าค่ะ มันฝ่าหมอกมนตราชั้นที่สองรอบตัวปราการไม่ได้ อลิเซีย หญิงจากอนาคตชี้ไปยังท้องฟ้า นางเล่าให้เขาและการ์ฟังแล้วว่าวิหารแก้วผลึกเป็นป้อมปราการอยู่กลางสายหมอกหนา ทางขึ้นอยู่ข้างใต้วิหารเต็มไปด้วยเหล่าภูตผีและสิ่งไร้ตัวตนที่ดำรงชีวิตได้ด้วยเวทมนตร์ เป็นการป้องกันปราการจากการบุกรุกเจ้าค่ะ ข้าจะนำทางท่านทั้งสองไปเอง มันเสี่ยงเกินไปหากพาผู้ที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ไปด้วย ถ่วงแข้งถ่วงขาลากหน้าดึงหลัง
ไม่มีแผนที่หรือ ริเรียตวัดเสียงถาม ไบรอันคาดเดาได้อย่างง่ายดาย หากมีโอกาสนางจะเชือดหญิงจากอนาคตระหว่างทางขึ้นไปวิหารแก้วผลึก ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ
หญิงจากอนาคตส่ายหน้าแล้วกลับไปจัดของในกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทาง ในกระเป๋ามีของแปลกๆหลายอย่าง เช่น ขวดแก้วบรรจุต้นกุหลาบแก้วที่ปลูกในวุ้นสีดำหม่น กระเป๋าเล็กๆทำจากผ้าหยาบแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เครื่องมือกึ่งโลหะพร้อมสายระโยงระยาง กระบอกอะไรสักอย่างสีดำสนิท ด้านหนึ่งถูกปิดด้วยสิ่งคล้ายกระจก ห่อยาวใสใส่แท่งไม้ยาวๆเต็มไปด้วยฝุ่นสีแปลก อีกทั้งแท่งใสสีฟ้าด้านหนึ่งเป็นโลหะข้างในมีของเหลวอยู่ ความอยากรู้อยากเห็นของผู้กล้าแสงตะวันทวีคูณขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดระหว่างสังเกตสิ่งต่างๆ
ห้ามแตะต้องอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ บางอย่างระเบิดได้แต่บางอย่างต้องการการควบคุมที่เหมาะสม ยิ่งของในกระเป๋าเล็กๆนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มันคืออาวุธในโลกที่ไร้เวทมนตร์ข้าต้องฝึกซ้อมอย่างหนักกว่าจะใช้ได้คล่องมือ เมื่อถึงเวลาท่านจะได้เห็นเอง หญิงสาวพูดด้วยความร่าเริง ผิดกับริเรียที่ครุ่นคิดแผนสังหารนางจนหัวแทบระเบิด คืนนี้จันทร์เต็มดวงวันพระใหญ่ พลังอำนาจของสิ่งไร้ตัวตนจะพุ่งถึงขีดสุด ข้าอยากให้ท่านหญิงไลล่าไปด้วยจริงๆเจ้าค่ะ นางพูดกับไลล่าแต่หันมายิ้มให้เขาอย่างมีเลศนัย
ข้าไปเปิดห้องเพิ่มมาแล้ว การ์สาบานกับเขาว่าจะปกป้องไลล่าด้วยชีวิต ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคนซื่อๆอย่างนี้จะเลือกเข้าข้างริเรียมากกว่านางจากอนาคต เจ้าจะนอนที่นี่กับพวกเราด้วยไหม
ข้าจะพักนอนที่ปราสาทข้างวิหารแก้วผลึกเจ้าค่ะท่านนักรบจันทรา หญิงจากอนาคตหอบสัมภาระขึ้นหลังแล้วลองขยับถ่ายเทน้ำหนักดู...
ทางเข้าสู่วิหารแก้วผลึกอยู่ในกำแพงสูงล้อมรอบกลางใจเมือง ทางเข้าทั้งแปดด้านเป็นโดมสร้างด้วยเหล็กสีหม่น ทางเดินหินสีมองเห็นได้ชัดเจนด้วยแสงสีขาวประหลาดบนหลังคาทางเดิน สองข้างทางเป็นป่าทึบมืดสนิทเหมือนป่าดงดิบ แม้แสงจากทางเดินจะส่องสว่างก็มิอาจทำให้ความน่ากลัวลดลง แสงโพล้เพล้สีม่วงมลังเมลืองในเมืองยังดูปลอดภัยกว่าข้างหลังกำแพงนี่
ด่านแรกวัดความกล้าและความสามารถในการรับมือกับสิ่งไร้ตัวตนเจ้าค่ะ หญิงจากอนาคตเดินนำทางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว สามคนที่อยู่โยงโบกมือให้แล้วเดินกลับที่พัก ไบรอันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถูกริเรียไล่ให้เดินไปตามทางทอดยาว เขาหยุดดูหญิงสาวจุดไฟที่ปลายกิ่งไม้กำมือหนึ่งแล้วดับก่อนปักลงข้างทางเดิน กันเหนียวเจ้าค่ะ อย่างน้อยข้าอยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ฝ่ายเราถ้าที่นี่มีนะ จากทางนี้ไปไม่สามารถบอกได้ว่าจะถูกเล่นงานอย่างไร มีข้าอยู่รับรองหายห่วง
ไหนว่ามีเฉพาะพวกที่อยู่ได้ด้วยเวทมนตร์อย่างไรละ ทำไมมีหมาป่าด้วย เขาได้ยินเสียงหอนแหลมสูงของหมาป่า ประกอบกับเสียงกิ่งไม้หักสองข้างทางดังขึ้นเป็นระยะทำให้คิดว่าเป็นสัตว์หากินกลางคืน แล้วก็ใจหายวาบเพราะหญิงสาวหันมาบอกว่าไม่มีหมาป่าหรือสัตว์ใดๆอาศัยอยู่ที่นี่ ข้าไม่ถูกโรคกับสิ่งลี้ลับ ขอถอยกลับได้ไหม ไบรอันนึกขึ้นได้ว่าเคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ
ได้เจ้าค่ะแต่ข้าไม่แนะนำ เพราะท่านไม่อาจรู้ได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเดินตามท่านอยู่หรือเปล่าทำให้เขตอาศัยอยู่ห่างจากกำแพงนี่ไกลโข แต่มันมีเหตุผลเจ้าค่ะว่าทำไมค่าที่พักแถวนี้จึงแพงนัก หญิงสาวจ้องไปข้างหลังทางเดินตาเขม็งแล้วฉายลำแสงจากกระบอกสีดำไปด้านหลัง เขาเห็นแค่เงาจางๆของบางอย่างล่าถอยไปเพราะแสงสีเหลืองเข้มจากกระบอกอันนั้น จะเล่นกันจริงๆใช่ไหม นางยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
เสี่ยงกันก่อน ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็แผนอื่น ในนามแห่งพระพุทธคุณ และพระธรรมคุณ โปรดคุ้มครองข้าและคณะเดินทางจากเหล่าเปรตและอสุรกายด้วยเถิด... หญิงสาวประกบมือทั้งสองเข้าหากันแล้วพูดอะไรแปลกๆ หากบุญกุศลที่เคยทำไว้ติดตัวมา ณ ที่นี้ด้วย ข้าขอมอบมันให้กับเหล่าวิญญาณที่อาศัยอยู่ที่นี่ แลกกับการเดินทางไปยังวิหารแก้วผลึกโดยไร้สิ่งรบกวน
พอสิ้นเสียงสภาวะรอบข้างกลับเปลี่ยนราวพลิกฝ่ามือ อากาศที่เย็นเสียดผิวกลับเป็นเย็นสบายสมเป็นช่วงต้นฤดูหนาว เสียงแปลกๆอย่างกิ่งไม้หักและเสียงหัวเราะที่ลอยมาตามลมเงียบลงทันควัน บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ มันเป็นพลังที่ใสสะอาดปราศจากสิ่งเจือปนใดๆ ไม่เหมือนพลังที่เคยพบเจอ
ท่านได้พลังสีขาวนั้นมาจากที่ใดหรือ เสียงปริศนามาพร้อมกับเงาตะคุ่มดูคล้ายหญิงสาวยืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ ไบรอันรีบหลบหลังหญิงจากอนาคตทันที พวกเราไม่เคยพบกับสิ่งทรงอำนาจแบบนี้มาก่อน พิสุทธิ์กว่าแสงจันทร์ ใสกระจ่างกว่าผลึกแก้ว สูงค่ากว่าลมหายใจ กลับมีพลังยิ่งกว่าเพลิงมังกร หากได้รับมากกว่านี้พวกเราอาจไปสู่สุคติได้ ไม่ต้องถูกกักขังแบบนี้
มันคือพระพุทธคุณ หญิงสาวหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับผิดหวังที่เขามาหลบอยู่ด้านหลังผู้หญิง เป็นศาสนาหนึ่งของดินแดนที่ไร้เวทมนตร์ ถ้าท่านต้องการข้าจะมอบมันให้อีก อย่างไรเสียข้าบอกไม่ได้ว่าท่านจะได้สูสุคติได้หรือไม่ มนุษย์ธรรมดาที่ยังมีกิเลศอย่างเราๆท่านๆคงไปสู่นิพพานไม่ได้ง่ายๆ ยังต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากทุกข์และสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์...คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าสิ่งนี้จะติดตัวมาเมื่อข้าข้ามมิติมายังดินแดนนี้ หากพลังสีขาวแห่งพระพุทธคุณใช้ได้ในดินแดนนี้จริง ขอหลวงปู่โตแสดงนิมิตให้คนบาปอย่างลูกเห็นด้วยเถิด แค่พริบตาเดียว
แค่พริบตาเดียวจริงๆที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น ภาพร่างจางๆของชายชราในผ้าสีน้ำตาหม่นปรากฏขึ้นตรงหน้าหญิงสาว ไบรอันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนน่าเคารพศรัทธาแต่กลับไม่รู้สึกสูงส่งเสมอเทพ ภาพชายชราปรากฏขึ้นชั่วครู่แล้วดับวูบเหมือนเปลวเทียนต้องลม เขาพบว่าตัวเองและริเรียน้ำตาไหลเมื่อเห็นภาพร่างเมื่อครู่ คำถามปรากฏขึ้นในหัวของเขามากขึ้นอีก พลังสีขาวของนางคืออะไรกันแน่ และชายชราเมื่อครู่คือใคร หญิงสาวจากอนาคตรีบนั่งพับเพียบกับพื้นแล้วกราบทันทีที่ทำได้ นางเสียอีกที่ดูตกใจมากกว่าเขา
สมเป็นหนึ่งในสิ่งทรงอำนาจที่สุดจริงๆ ไม่ถูกแปดเปื้อน ทั้งยังคงพลานุภาพได้ไม่ว่าจะไปที่ใด หญิงสาวกล่าวขณะปัดเศษทรายออกจากกางเกง ได้พักเมื่อไรข้าจะแผ่เมตตามาให้อีก เงาตะคุ่มโน้มหัวให้หญิงสาวแล้วเดินกลับเข้าป่าลึกตามเดิม รอบด้านเงียบสงัดและมืดมิด ความอยากรู้ของเขาทำลายความกลัวได้เกือบหมดสิ้น
ท่านเมื่อกี้คือพระสงฆ์ นักบวชในศาสนาที่ข้าว่า ท่านเป็นหนึ่งในตำนานของศาสนานั้นจึงแสดงนิมิตได้ง่ายๆ เป็นภาพร่างวิญญาณตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ในสารระบบของที่นั่นคือนอกรีตของที่นี่ แต่ในสารระบบของที่นี่กลับเป็นสิ่งไร้สาระของที่นั่น หญิงสาวหยิบรูปปั้นสีคล้ำจากซอกในกระเป๋าขึ้นมาจบเหนือหัว พวกวิญญาณเข้าข้างเราแบบนี้คงไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นอีกนอกจากด่านผ่านทาง
หญิงสาวรีบเดินต่อทันที นางไม่ยอมตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับพลังสีขาวที่นางมีและศาสนาแปลกๆนั่น อีกทั้งเรื่องกุศลและการแผ่เมตตาที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ริเรียเองก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน นางคงอยากถามแค่รู้สึกหยิ่งเกินกว่าจะเปิดปากพูด...
โอ ท่านผู้มีพลังสีขาว เสียงครวญครางประสานกันมาจากความมืดทำให้ไบรอันขนลุกซู่อีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ไม่ถูกโรคกับเรื่องผีสางสักที ได้โปรดแบ่งพลังนั้นให้ข้าด้วยเถิด ข้าทรมานเหลือเกิน
คราวนี้ไม่มีลม ไม่มีความหนาวยะเยือก ไม่มีกลิ่นหรือเสียงแปลกๆ มีแค่เงาดำยืนเรียงแถวข้างทางเดินราวกับขบวนต้อนรับ ไบรอันท่องในใจว่าไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ฝีเท้าของเขาที่เร่งเดินให้พ้นๆกลับแซงหญิงสาวทั้งสองไม่ได้ พวกนางก็รีบเดินโดยไม่สนใจวิญญาณพวกนี้เหมือนกัน เสียงร้องขอความเห็นใจถูกส่งมาเรื่อยๆไม่หยุดหย่อนจนอลิเซียสบถในลำคอแล้วหยุดกึก ริเรียและไบรอันก็หยุดเช่นกัน พวกเขาสามารถไล่วิญญาณพวกนี้ไปได้ แต่คงกลับมารวมตัวกันอีกหากมีโอกาส
ก็บอกแล้วว่าให้ข้าไปถึงวิหารแก้วผลึกก่อน! หญิงจากอนาคตตวาดลั่น เสียงของเหล่าวิญญาณเงียบลงทันที หญิงสาวลงนั่งพับเพียบกับพื้นอีกครั้งแล้วหยิบกระดาษยับยู่ออกมาจากซอกกระเป๋า ขอหลวงปู่โตโปรดช่วยลูกอีกสักครั้งเถิด นางประกบมือทั้งสองข้างอีกครั้งแล้วสวดคาถาด้วยภาษาอื่น
ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นเปี่ยมไปด้วยพลัง ไบรอันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังประหลาดแผ่ออกมาจากตัวนางทำให้เหล่าภูตผีต้องถอยหนี ยิ่งนางท่องคาถานั้นนานเข้ายิ่งมองเห็นโดมสีขาวที่ล้อมพวกเขาอยู่ได้ชัดเจนมากขึ้น เขาเรียนรู้เรื่องธาตุและเวทมนตร์มามากมายแต่ไม่สามารถจำแนกได้ว่านี่เป็นเวทมนตร์แบบไหน ไม่อยู่ในธาตุใดๆ เหมือนกับแสงสว่างแต่ไม่ใช่แสงสว่าง ราวกับมันก่อตัวขึ้นจากความดีงามด้วยคาถาที่นางกำลังท่องอยู่ โดมสีขาวหายไปเมื่อนางท่องจบแต่เขารู้สึกว่ามันยังคอยคุ้มกันให้พวกเขาอยู่ และคงอยู่อย่างนั้นจนกว่าพวกเขาจะปลอดภัยจากเหล่าภูตผีแล้ว
คาถาเกราะแก้วเจ็ดชั้น ช่วยปกป้องพวกเราจากสิ่งเลวร้ายทั้งมวล วิญญาณร้าย คำสาป ความพยาบาท ความเคียดแค้นชิงชังด้วย หญิงจากอนาคตเก็บกระดาษใส่กระเป๋าตามเดิม ริเรียอ้าปากหวอเมื่อโดมแสงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกสิ่งมีกรรมเป็นของตัวเอง อาจไม่ถูกต้องด้วยซ้ำที่แผ่ส่วนกุศลให้พวกนี้ด้วย ด่านผ่านทางอยู่อีกไม่ไกล หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย พวกเขารีบเริ่งฝีเท้าจนไบรอันคิดว่านางรำคาญมากกว่ากลัวเหล่าวิญญาณเมื่อกี้
ไบรอันเริ่งฝีเท้าตามหลังอลิเซียจนไปหยุดอยู่หน้าโดมที่ปกคลุมด้วยรากไทร รากสีน้ำตาลคล้ำยื่นยาวลงมาเหมือนกับม่านกั้นไม่ให้พวกเขาไปต่อ ดาบสีเงินงอกขึ้นจากพื้นบอกใบ้ให้พวกเขาใช้มันตัดเปิดทางด้วยตัวเอง เขาคิดจะใช้เวทมนตร์ตัดแต่อลิเซียห้ามไว้ ริเรียทดสอบด้วยการใช้ดาบจากสายลมแต่รากไทรหนาแน่นไม่ขยับแม้แต่น้อย หญิงจากอนาคตยังสั่งห้ามอ้อม อีกทั้งต้องผ่านซุ้มประตูนี้ไปทีละคน
ถ้าพยายามอ้อมจะหลงเข้าสู่ป่าวงกตทันทีเจ้าค่ะ เมื่อจับดาบจะเห็นสิ่งสำคัญหรือสิ่งที่เป็นที่รัก จะต้องใช้ดาบตัดสิ่งที่เห็นให้ขาดจึงจะผ่านประตูไปได้ แบบนี้...
อลิเซียหยิบดาบหมายจะแสดงตัวอย่างให้ดู ม่านรากไทรยังคงเดิมแต่หญิงสาวดูเปลี่ยนไป สายตาที่มองไปยังโดมดูคิดคำนึงระคนเศร้าหมอง บางทีอาจมีเพียงผู้ถือดาบจึงจะเห็นภาพ นางมองซุ้มประตูและดาบสลับกันด้วยสีหน้าเจ็บปวดแล้วกลั้นใจตวัดดาบตัดกำแพงกั้นขาดกระจุย ส่วนที่ติดอยู่กับกิ่งและลำต้นถูกดึงกลับเป็นการเปิดทางผ่านให้ ริเรียก้าวไปหมายตัดหน้ากลับหยุดกึกราวกับเดินชนกระจก
คนตัดเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้เจ้าค่ะ อลิเซียเช็ดน้ำตา ดาบในมือนางแตกเป็นเสี่ยงๆ จะต้องแข็งใจตวัดทีเดียวขาด ข้าแสดงตัวอย่างให้ดูแล้วคราวนี้ถึงตาพวกท่านบ้างนะเจ้าคะ ข้าจะรออยู่อีกฟากหนึ่ง พอนางเดินผ่านซุ้มรากไทรกลับโรยตัวลงมาอีกครั้ง ริเรียหยิบดาบมาฟันอย่างไม่มีความลังเล พอมาถึงคราวของเขาจึงเห็นภาพที่เขาเคยโหยหามานาน
ฟลอร่า
รากไทรกลายเป็นกระจกบานใหญ่ส่องให้เห็นภาพของนางมังกรครึ่งมนุษย์อยู่ข้างใน ใบหน้างดงามราวเทพธิดา ผมหยักศกสีเขียวแปลกตา ดวงตาสีเดียวกันทอประกายส่งเค้าหน้าให้งดงามยิ่งขึ้นจนผู้มองไม่สังเกตเห็นหูที่เหมือนครีบปลา ก่อนหน้านี้นางคือครอบครัวคนสุดท้ายของเขา นางเคยเป็นคนสำคัญที่สุด เป็นดั่งพี่น้องที่รู้จักกันมานาน
มือที่จับดาบสั่นระริกอย่างไร้ทางควบคุม นางเป็นเสมือนน้องแท้ๆ สาเหตุที่นางตายคือเขา เขาทำให้นางยอมถูกจับ ทำให้นางอยู่เป็นสาย ทำให้นางคิดฝันต่างๆนานา จนสุดท้ายเขายังทำให้นางฆ่าตัวตายเสียอีก ความเศร้าหมองก่อนได้พบไลล่าเข้าเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง เขาไม่กล้าลงดาบกับภาพเหมือนนี้ ความคิดเกี่ยวกับไลล่าแวบเข้ามาและค่อยๆเอ่อล้นขึ้น นางมังกรครึ่งมนุษย์ตายไปแล้ว นางอัศวินมังกรก็ตายไปแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ บางทีสิ่งที่อลิเซียเห็นเมื่อครู่คงเป็นคนที่นางรักด้วยกระมัง จึงไม่อาจตัดใจทำร้ายได้
เงาจากอดีตมีแค่เงาเดียวก็พอแล้ว หากข้าไม่ถูกสลักนามแห่งความแค้นเอาไว้คงไม่ได้อยู่ที่นั่น เราคงไม่ต้องเจอกันให้เจ็บปวดภายหลัง ลาก่อน น้องสาวคนเดียวของข้า ขอให้เจ้าจดจำข้าในนาม เฮลิคา บรู๊ค ชั่วนิรันดร์ ไบรอันกลั้นใจแล้วตวัดดาบทันที ภาพของหญิงสาวถูกตัดเป็นสองเสี่ยง ภาพลวงหายไปพร้อมดาบในมือ ก่อนภาพจะหายไปเขาคิดว่าเห็นผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านหลังนางมังกรครึ่งมนุษย์ เขาทึกทักเอาเองว่าเป็นเงาของหญิงสาวอีกสองคนที่อยู่อีกฟากของกระจก
เมื่อกี้เจ้าเห็นภาพอะไรหรือริเรีย เขาถามริเรียกลบเกลื่อนความรู้สึก นางเสมองข้างทางสีหน้าแดงก่ำขึ้นอย่างขัดเขิน เขาเดาได้ทันทีว่านางน่าจะเห็นภาพของใคร ที่เขาข้องใจคือเหตุใดนางจึงลงดาบได้ทันทีโดยไม่รั้งรอ
หลังซุ้มไทรใหญ่เป็นทางสี่แยก อลิเซียบอกว่าทั้งสามทางจะนำไปสู่ด่านสุดท้ายเหมือนกัน แต่ละทางจะนำไปสู่ด่านทดสอบหกรูปแบบแตกต่างกัน ริเรียอยากลองไปด่านทดสอบรูปแบบของไฟ แต่หญิงอนาคตแนะว่าควรเลี้ยวขวาไปด่านทดสอบธาตุน้ำจะดีกว่า
ง่ายกว่าเจ้าค่ะ เชื่อข้าสิ หญิงสาวเดินนำหน้าอย่างร่าเริงเหมือนกับเมื่อกลางวันที่นางเข้ามาร้องไห้กับเขาแล้วกลับมายิ้มแย้มได้ในชั่วอึดใจ พอพบสามแยกอีกครั้งนางก็พาเลี้ยวซ้ายจนเจอบึงน้ำขนาดย่อมๆ กำแพงสูงตระหง่านกั้นอาณาเขตไม่ให้เห็นอะไรนอกจากบึงน้ำสีหม่นและทางเดินอีกฟากหนึ่ง
พวกเจ้าหรือที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นเอะอะเอ็ดตะโรราวกับคนจะถูกฆ่า อลิเซียแนะนำว่านางเทพธิดาในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนว่าเป็นผู้พิทักษ์แห่งวารี เทพธิดาผมสีเงินผู้นี้ทำหน้าที่ดูแลด่านธาตุน้ำซึ่งถือสิทธิ์ขาดในการเปิดหรือปิดทางผ่านข้างหน้าตามที่อลิเซียบอก รู้จักข้าด้วยหรือ เอาเถอะรีบทำให้เสร็จๆข้าจะได้นอนต่อ...ง่ายๆ ใช้เวทมนตร์ชั้นสูงทำให้ข้ายอมรับ แล้วจะเปิดทางให้ นางเทพธิดาทำหน้าตายเลิกคิ้วเมื่อเขาแย้งว่ามันไม่เกี่ยวกับน้ำเลยสักนิด
เพราะไม่มีข้อจำกัดวุ่นวายอย่างไรละเจ้าคะ ถึงได้ง่าย นางจากอนาคตก้าวออกมาด้านหน้าแล้วขอให้เทพธิดาสร้างบอลน้ำลูกเขื่องขึ้นมากลางอากาศ อย่าแตะโดนนะเจ้าคะ ไม่รับประกันความปลอดภัย
มือทั้งสองข้างของอลิเซียยกไปอังลูกบอลน้ำไว้ทั้งสองด้านแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงออกมาจากมือข้างหนึ่ง ทั้งไบรอันและริเรียต่างจ้องมองบอลน้ำตาเขม็งอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนอกจากขนาดของลูกบอลเล็กลงและเกิดฟองอากาศขึ้นทั้งสองด้าน
ทำไมไม่มีควัน เขาคิดว่านางกำลังต้มน้ำโดยใช้สายฟ้าจากฝ่ามือ จนกระทั่งบอลน้ำหายไปในอากาศ มือข้างหนึ่งของนางก็เกิดเปลวไฟสว่างขึ้นและดับลงจนมองแทบไม่ทัน
ข้าใช้กระแสไฟฟ้าแยกองค์ประกอบของน้ำให้เป็นสารสองชนิด ชนิดหนึ่งติดไฟ ไม่สิช่วยให้ไฟติดได้ ข้าจึงต้องสร้างไฟขึ้นมาเผาให้หมด หญิงสาวอธิบายหน้าตาเฉย เขาและริเรียมองหน้ากันด้วยความงุนงนว่านางพูดถึงอะไร น้ำก็คือน้ำไม่น่าจะแยกเอาอย่างอื่นออกมาได้อีก ลำบากแทบตายกว่าจะสร้างไฟฟ้ากระแสตรงได้ ทั้งที่ประจุไฟฟ้าในอากาศน้อยแบบนี้ อลิเซียบ่นอุบ
เขายิ่งสงสัยไปอีกว่าไฟฟ้ากระแสตรงคืออะไร ทางเดินเชื่อมระหว่างสองฟากบึงเกิดขึ้นบนผิวน้ำ พวกเขาผ่านการทดสอบอย่างง่ายดายแถมยังถูกเร่งให้รีบเดินข้ามไปอีก ไบรอันรีบถามนางว่าเมื่อกี้ทำอะไรกันแน่แต่นางไม่ยอมบอกเช่นเคย เป็นศาสตร์ของดินแดนไร้เวทเจ้าค่ะ ถ้าอธิบายคงรู้เรื่องกันตอนเช้าโน่น หญิงสาวตอบ...
ผ่านประตูเชื่อมด่านจึงมองเห็นศาลาไม้ยอดสูงแหลมเชื่อมทางเดินหกทางไว้ด้วยกัน กลางศาลามีแผ่นหินรูปห้าเหลี่ยมพร้อมอักขระสำหรับคาถาเคลื่อนย้าย เขาตั้งข้อสังเกตอีกว่าศาลากลางป่าอันตรายนี้เหตุใดจึงดูใหม่ราวกับเพิ่งสร้างเสร็จ ไม้เนื้อแข็งขัดมันก่อตัวเป็นเสาและหลังคา เถาไม้เลื้อยขึ้นพันโครงหลังคาที่เปล่งแสงสีขาวอ่อนๆเป็นประกายอย่างประหลาด แสงสีเหลืองทองล้อมรอบพวกเขาเมื่อเข้าไปยืนบนแผ่นหิน
หลังแสงสีทองดับลงตรงหน้าพวกเขากลายเป็นวิหารขนาดใหญ่สร้างจากแก้วผลึกสีครามเปล่งแสงอ่อนๆเหมือนดวงจันทร์ ท้องฟ้ารอบด้านเป็นสีม่วงดำขลับ มีปราสาทหลังใหญ่ตั้งอยู่หลังวิหาร พื้นดินเป็นหญ้าละเอียดนุ่มเท้าราวกับเคยอยู่บนพื้นดินมาก่อน อลิเซียลากเขากับริเรียไปยังวิหารอย่างเร่งรีบ นางดูรีบร้อนตั้งแต่ผ่านด่านธาตุน้ำแล้ว
ด้านในวิหารเป็นพื้นหินอ่อน ทั้งกำแพงและผนังทำหน้าที่ให้แสงสว่างกับข้างในจนสามารถเห็นได้ว่าหินอ่อนสีเข้มกว่าปูเป็นทางยาวผ่ากลางแถวที่นั่งผลึกแก้วสีขาวไปยังบัลลังก์บนยกพื้นสุดทางเดิน บนยกพื้นมีแท่นแก้วประดับด้วยดอกไม้สีสดใสคอยประคองร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่งเอาไว้ ตามที่อลันเล่านางคงเป็นผู้หยั่งรู้แห่งเมืองแก้วผลึก เจ้าหญิงนิทราบนแท่นแก้วมีผมสีเหลืองยาวจดเอว ผิวสีงาช้างขับชุดผ้าไหมมันวาวให้เด่นสะดุดตา ไบรอันรู้สึกคุ้นหน้านางอย่างบอกไม่ถูก ริเรียเพ่งมองเขากับนางบนแท่นผลึกสลับกันแล้วหันไปมองหญิงอีกคนที่นำทางพวกเขามา
นางผู้หยั่งรู้หรือ นางคือมารีน่าชัดๆ ริเรียแทบหวีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา นี่คือร่างผู้หญิงของท่านไบรอัน เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนกับเจ้าด้วยอลิเซีย
พอเดาได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ ว่าวิญญาณของนางอยู่ที่ใด หญิงจากอนาคตดึงตัวไบรอันเข้ามาชิดแท่นแก้วผลึก นางดูงดงามอย่างไม่น่าเชื่อทั้งโครงหน้ารูปไข่และคิ้วทั้งสองข้าง เขาเพิ่งได้รู้ว่าร่างผู้หญิงของตนงดงามขนาดนี้ วิญญาณของนางกลายเป็นครึ่งหนึ่งของวิญญาณแห่งผู้ที่เป็นดั่งแสงตะวันแห่งดินแดนนี้ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของดวงจิตได้ เพราะพระนางคือเทพีผู้มีเนตรแห่งเทพยากรณ์ที่มีดวงวิญญาณใสสะอาดมากกว่ารุ่นก่อนๆ ใสสะอาดมากเสียจนต้องการการปกป้องไม่ให้แปดเปื้อนมลทินในระหว่างเจริญวัย
อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเจ้าคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน หญิงสาวถือวิสาสะจับมือของเขายกขึ้นอย่างอ่อนโยน วิญญาณของท่านสามารถปัดป้องตัวจากมลทินทั้งปวงได้เหมือนดวงตะวันที่ทำลายล้างความมืดมิด ดวงจิตของพระนางจึงขออาศัยเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณท่าน เพื่อให้เจริญวัยโดยไม่มีความมืดเข้ามาแปดเปื้อนมากจนกลายเป็นฝ่ายมาร
สัมผัสแรกที่มือของเขาถูกวางลงบนหลังมือของเจ้าหญิงนิทราคือแรงดึงดูดจนร่างกายสั่นสะท้านด้วยแรงมหาศาลที่มองไม่เห็น ละอองแสงสีขาวใสลอยออกจากร่างของเขาพุ่งตรงสู่ร่างของเจ้าหญิงนิทรา ความรู้สึกวูบวาบราวกับอวัยวะภายในถูกเขย่าอย่างแรงเข้าเกาะกุมในฉับพลัน ไบรอันใช้มืออีกข้างจับหน้าผากด้วยความวิงเวียนจนละอองแสงหายไปเขาจึงกลับเป็นปกติ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ทั้งสามคนต่างจ้องมองเจ้าหญิงนิทราเป็นตาเดียว ผิวสีงาช้างเริ่มมีสีเลือดฝาด หน้าอกค่อยๆกระเพื่อมน้อยๆตามจังหวะการหายใจ นางผู้หยั่งรู้ค่อยๆลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีมรกตแบบเดียวกับเขาและอลิเซีย ไม่ถึงนาทีนางก็ลุกนั่งได้ดั่งคนเพิ่งตื่นนอน
สวัสดีไบรอัน เราเพิ่งได้เจอกันตรงๆครั้งแรกสินะ คำพูดแรกของนางผู้หยั่งรู้ดูธรรมดาจนคาดไม่ถึง เรียกข้าว่ามารีน่าเถิดนะ ความจริงอยากคุยกับพวกท่านตอนนี้แต่ข้ามีแขกสำคัญ เฉียดฉิวเลยนะลิเซีย ลูกแมวน้อยหลงทางคนเก่ง
มารีน่าหรือนางผู้หยั่งรู้ลูบหัวหญิงจากอนาคตอย่างรักใคร่ ไบรอันมัวแต่ดูการเลือนหายไปของแท่นผลึกจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนอื่นเดินเข้ามาในวิหาร หญิงรับใช้ตัวสูงผมสีดำสนิทคนหนึ่งนำทางศัตรูคู่แค้นของเขามาด้วย ชายดวงตาสีพระจันทร์แดงนิ่วหน้าด้วยความสงสัยที่เห็นพวกเขาอยู่กับนางผู้หยั่งรู้ หญิงรับใช้เห็นนายหญิงของตนตื่นจากนิทรารมณ์จึงรีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อให้การรับใช้
กรุณารอข้าสักพักเวเบอร์ อย่างน้อยให้ข้าเปลี่ยนเป็นชุดพิธีการเพื่อต้อนรับท่าน มารีน่าพูดกึ่งทางการจนดูขัดๆ ช่วยดูแลตรงนี้ให้ข้าด้วยนะลิเซีย เจ้าคงรู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ถูกโรคกันเท่าไรนัก
ข้ามาเป็นการส่วนตัวมิใช่มาในนามของจอมเทพเอริส ท่านไม่ต้องต้อนรับขนาดนั้นก็ได้ เวเบอร์ชายตาสีพระจันทร์แดงโน้มหัวให้มารีน่า ไบรอันสงสัยว่าคนเย่อหยิ่งอย่างเวเบอร์เหตุใดจึงยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว แล้วหญิงตาสีมรกตคนนั้นคือใครหรือ...ขอรับ เวเบอร์ผู้เป็นอมตะออกหางเสียงอย่างกระอักกระอ่วน
นางมาจากอนาคต มารีน่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แย้มมุมปากด้วยอารมณ์สุนทรีย อลิเซียก็เดินไปกอดเวเบอร์ราวกับเป็นญาติสนิทเหมือนที่กอดเขากับไลล่า ตัวเวเบอร์เองก็เผลอลูบหัวลูบหลังนางเหมือนที่เขาเคยทำ ถ้าบอกว่านางคือลูกของท่านกับข้าจะว่าอย่างไร พอพูดจบนางผู้หยั่งรู้ก็หัวเราะร่าบอกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ไบรอันรู้สึกได้อย่างชัดแจ้งว่าอลิเซียขี้เล่นเหมือนนางไม่มีผิด
พวกเขาทั้งสามถูกไล่ให้ไปนั่งรอก่อนเนื่องจากเหตุผลส่วนตัวของนางผู้หยั่งรู้ อลิเซียอธิบายคร่าวๆว่าการพบนางผู้หยั่งรู้ทีละหลายคนจะจัดอันดับตามยศศักดิ์ของคนผู้นั้น เช่น กษัตริย์จะได้พบก่อนขุนนาง ขุนนางจะได้พบก่อนผู้ใช้เวทมนตร์ แต่คนธรรมดาและทาสถูกจัดให้อยู่ระดับเดียวกันสามารถให้พบพร้อมกันได้ หญิงรับใช้คนเดิมกลับมาพร้อมเสื้อคลุมสำหรับนายหญิงคนสำคัญ ตอนนี้นางยืนอย่างสง่างามหน้าเวเบอร์ซึ่งทำตัวเรียบร้อยกว่าที่เคยเห็น
เรื่องแรกที่ข้าอยากทราบคือ สถานที่เก็บดาบจอมกษัตริย์ของจริง ข้าทราบมาจากองค์จอมเทพสูงสุดแล้วว่าดาบเล่มนั้นอยู่ที่ดินแดนนี้ ได้โปรดบอกข้าด้วยเถิด แขกตาสีพระจันทร์แดงกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ไบรอันรู้สึกเหมือนถูกเหยียบหน้าที่ศัตรูมาบอกแผนให้รู้ราวกับไม่เห็นอยู่ในสายตา
เห็นว่าเป็นท่านนะ ความจริงข้าคิดค่าข้อมูลด้วย มากน้อยแล้วแต่สิ่งที่อยากรู้อยากเห็น อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต แต่ไม่ต้องห่วงข้าจะให้ความจริงด้วยฐานะที่เป็นกลางกับทุกฝ่าย มารีน่ายิ้ม ไบรอันเห็นด้วยกับการ์ว่ามารีน่าเป็นคนที่รับมือยากจริงๆ ดาบจอมกษัตริย์อยู่ที่เมเทอาร์ อีกไม่นานจะมีการประลองชิงดาบเกิดขึ้น ตอนนี้ตัวดาบถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา ทางเดียวที่สะดวกที่สุดคือท่านจะต้องเข้าร่วมการประลองด้วย ...เรื่องต่อไป
เรื่องที่สอง ใครคือคนสำคัญของท่านมาเวอร์ริค นักรบจันทรา ไบรอันเห็นริเรียทำเป็นไม่ใส่ใจอย่างไม่แนบเนียน
พ่อบุญธรรมของเขา พ่อกับแม่ที่แท้จริง น้องสาวสองคนของเขา คณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวัน...ที่สำคัญที่สุดคือท่านหญิงริเรียแห่งเก็ม สองคนนั้นมีดวงชะตาผูกพันกันอย่างแน่นหนา มารีน่าทำให้ไบรอันสบถในลำคอ นางตอบอย่างเป็นกลางจริงๆ แม้เรื่องสำคัญแบบนี้ก็บอกกันหน้าตาเฉย
เรื่องที่สาม คณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวันจะไปที่ใดต่อ ไบรอันกระแอมดังๆให้อีกฝ่ายได้ยิน เผื่อคู่กรณีลืมว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วย
เมเทอาร์ พวกเขาจะไปร่วมประลองเพื่อขัดขวางการชิงดาบของท่าน นางทำให้ไบรอันกระทืบเท้าด้วยความโกรธ อลิเซียกุมมือเขาไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมให้ทำอะไรโผงผาง ข้าไม่บอกผลแพ้ชนะหรอก ประเดี๋ยวท่านจะหมดสนุก
เรื่องที่สี่ เหตุใดขลุ่ยเทพวายุที่เจ้าหัวเหลืองไบรอัน บรู๊คครอบครองอยู่เป็นของจริง ในเมื่อท่านบอกว่ามีของจริงอยู่กับตัว ไบรอันมองเห็นความกระด้างในน้ำเสียงอย่างเด่นชัด เหตุผลที่หมอนี่ล่าถอยไปตอนสู้กับเขาคือเรื่องของขลุ่ยเทพสายลมเองหรือ
ก็ข้ากับเขาคือคนๆเดียวกันอย่างไรละ วิญญาณของเราเชื่อมต่อกันโดยกำเนิด ของๆเขาก็คือของๆข้าด้วย
แล้วจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่าท่านบอกความจริงกับข้า ดวงตาสีพระจันทร์แดงทอประกายกล้าแข็งทันตา ระลอกคลื่นโทสะแผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มอย่างเปิดเผย ใบหน้าที่จ้องเขม็งมายังนางผู้หยั่งรู้กระตุกอย่างโกรธแค้น
แรงโทสะย่อมก่อให้เกิดแรงโทสะ นางผู้หยั่งรู้บังเกิดโทสะขึ้นเช่นเดียวกัน ใบหน้าที่สวยงามเผยอยิ้มแล้วยกมือขึ้นร่างของผู้เข้าพบทรุดฮวบลงไปนอนกองกับพื้น ไบรอันดูออกว่ามารีน่ากำลังโกรธจัดจนใช้เวทมนตร์สร้างแรงโน้มถ่วงใส่เวเบอร์ คู่อริของเขาใช้มือดันตัวขึ้นคุกเข่าอย่างยากลำบาก ยิ่งทำให้นางผู้หยั่งรู้เพิ่มพลังมากขึ้นจนแขนหักทั้งสองข้างส่งร่างหนักอึ้งให้ลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แม้แขนจะถูกรักษาเป็นปกติได้ในพริบตาก็ยังไม่สามารถยันตัวขึ้นได้อีกเป็นครั้งที่สอง
ข้าคือทายาทของท่านโรซาเลีย เทพแห่งอดีตกาลผู้ทรงอำนาจดั้งเดิมของเทพเจ้า มีเพียงสี่จอมเทพแห่งอิเดนเท่านั้นที่ข้ายอมก้มหัวให้ มารีน่าพูดลอดไรฟัน เวเบอร์ที่ถูกกดติดพื้นพยายามขยับแขนอย่างกระ:-)กระสนนางผู้หยั่งรู้ยิ่งเพิ่มพลังขึ้นจนกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ต่อให้เป็นพี่สาวเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจกับข้า
ข้าบอกไปแล้วว่าจะให้ความจริงในฐานะที่เป็นกลาง ถ้าสงสัยจงไสหัวเจ้ากลับไปถามท่านองค์เอริสได้เลยว่าโรซาเลียทุกรุ่นเคยมอบคำตอบที่เป็นเท็จกับผู้ใดหรือไม่ แม้คนที่ถามจะเป็นราชาปีศาจ หรือเทพมารจากแห่งใดข้าก็มีหน้าที่มอบคำตอบที่เป็นจริงให้เท่านั้น แต่จะให้ได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ถือว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการดูหมิ่นข้าก็แล้วกัน
ไบรอันครางเบาๆไม่นึกว่านางจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้ ขนาดเวเบอร์ที่เป็นอมตะยังถูกกดแบนติดพื้นจนอดสงสารไม่ได้ พอโทสะของนางผู้หยั่งรู้ลดลงแรงโน้มถ่วงที่มากขึ้นจึงกลับสู่ปกติ เวเบอร์ประคองร่างที่อ่อนระโหยขึ้นอย่างเหนื่อยล้า ไบรอันอยากเข้าไปตัดคอเสียให้รู้แล้วรู้รอด เสียแค่อลิเซียคอยจับแขนเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
คืนพรุ่งนี้ท่านจอมเทพสูงสุดจะมาพบข้าเรื่องคนที่สอง เจ้าไม่ได้รับคำตอบจากข้าแน่ มารีน่าคำรามเบาๆอย่างทรงอำนาจ คำถามอื่นข้าไม่สามารถให้คำตอบได้จนกว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นและจบลง ตอนนี้ท่านกลับไปได้แล้ว
พอได้โอกาสเวเบอร์จึงพาร่างโรยแรงกลับออกไปจากวิหารแก้วผลึก มารีน่ายังตีสีหน้าวางอำนาจต่ออีกครู่หนึ่งจนผู้เข้าพบเดินไปพ้นสายตา เผลอใช้กำลังจนได้ นางเดินมาหาพวกเขาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ รู้ใช่ไหมลิเซียว่าเจ้าต้องทำอย่างไรต่อ ผู้หยั่งรู้กล่าวกับหญิงจากอนาคต...
ตอนที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11928851/W11928851.html ตอนที่ 11 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11202328/W11202328.html ตอนที่ 10 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11174708/W11174708.html ตอนที่ 9 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11168100/W11168100.html ตอนที่ 8 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11163314/W11163314.html ตอนที่ 7 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11131527/W11131527.html ตอนที่ 6 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11110239/W11110239.html ตอนที่ 5 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11074096/W11074096.html ตอนที่ 4 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11049211/W11049211.html ตอนที่ 3 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11019182/W11019182.html ตอนที่ 2 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/08/W11001263/W11001263.html ตอนที่ 1 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/08/W10986768/W10986768.html
จากคุณ |
:
Lazy return
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 55 15:04:28
|
|
|
|