เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 10 การสังหารอาซามิ
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 9 จอมอสูรกับจ้าวปิศาจ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11874752/W11874752.html
บทที่ 10
การสังหารอาซามิ
ทิวธงที่โบกสะบัดไปตามแรงลมที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้กำแพงค่ายทำให้นายกองประจำค่ายทางด้านทิศเหนือของโคะโตโระต้องร้องเร่งให้พลธนูตั้งแถวเป็นสองชั้นและผลัดกันระดมยิงเข้าใส่ข้าศึกทุกคนที่เข้ามาในระยะ แม้จะป้องกันการบุกได้บ้างแต่ก็ได้แค่ชะลอการรุกให้ช้าลงเท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายนำโล่มาตั้งรับ ผลจากการยิงก็ด้อยค่าลง ประกอบการโจมตีด้วยธนูของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาราวกับห่าฝนทำให้ทหารของโคะโตโระแทบไม่มีโอกาสตีโต้กลับได้เลย
ทางด้านนายทัพของคาสึรางิเมื่อเห็นว่าทหารของโคะโตโระเริ่มอ่อนกำลังลงจึงรีบออกคำสั่งให้ทหารทั้งหมดบุกเข้าประชิดกำแพง นักรบที่อยู่บนเชิงเทินพยายามป้องกันทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการเทน้ำร้อน น้ำมันเดือดและทรายคั่วเข้าใส่ข้าศึกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะเพียงแค่ร่วงลงไปเพียงครึ่งทางทุกอย่างก็อันตรธานหายไปราวกับมีปิศาจมาคอยดูดกลืน เมื่อไม่มีสิ่งใดยับยั้งการบุกของทหารคาสึรางิได้แล้วนายกองจึงตัดสินใจใช้อาวุธทั้งหมดป้องกันมิให้ทหารของข้าศึกรุกเข้ามาในกำแพง
เสียงโห่ร้องอย่างผู้มีชัยกับเสียงตะโกนขับไล่จากผู้ตั้งรับดังสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา ยาสึฮิระที่กำลังนำทัพเดินทางข้ามลำธารถึงกับหยุดชะงักและหันไปยังทิศทางที่ตั้งค่ายทันที
ทหารของเรากำลังเสียเปรียบ เขากล่าวด้วยความตระหนกและหันไปยังองครักษ์สิบห้าคนที่นำมาด้วย รีบล่วงหน้าไปและฆ่าพวกคาสึรางิให้หมด อย่าให้พวกมันล่วงเข้ามาในค่ายของเราแม้ปลายนิ้ว
โคดาจิโค้งคำนับรับคำสั่งและก้าวนำองครักษ์ทั้งหมดออกไปอย่างรวดเร็ว มะรุอิชิมองตามด้วยความสงสัย
พวกเขาจะรับมือไหวหรือขอรับ
ยาสึฮิระแสยะยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกจนนายกองหนุ่มถึงกับขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ยิ่งเมื่อได้เห็นความอำมหิตฉายออกมาจากดวงตาของผู้เป็นนายแล้วเขาถึงกับขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าอยากรู้ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วเข้า ยาสึฮิระกล่าวเสียงห้วนและออกเดินนำทันที มะรุอิชิจึงรีบตะโกนสั่งทหารทั้งหมดให้เคลื่อนพลติดตาม ระหว่างที่กำลังเดินผ่านป่าสนอยู่นั้นก็บังเกิดเสียงหวีดหวิวฟังแล้วชวนขนพองสยองเกล้าลอยมาตามสายลม มีเพียงยาสึฮิระเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งในขณะที่ทหารทุกคนเลื่อมมือไปกุมดาบพร้อมกับหันไปมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง
เจ้าพวกสวะ เจ้าเมืองโคะโตโระพึมพำ พลังทำลายมหาศาลแผ่ออกตัวพุ่งออกไปรอบด้านราวกับคลื่นสังหารปิศาจที่ซ่อนตัวอยู่ตามต้นไม้จนหมดสิ้นไม่เหลือรอดแม้เพียงสักตัว เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดทำร้ายทหารได้แล้วเขาจึงสั่งให้ทุกคนออกเดินทางอีกครั้งไม่ช้าค่ายทางด้านทิศเหนือก็ปรากฏขึ้นในสายตา ยาสึฮิระยกมือขึ้นเป็นเชิงสั่งให้หยุดและยืนจ้องนิ่งไม่ยอมขยับอยู่เช่นนั้นจนมุระอิชิต้องเข้าไปถามด้วยความแปลกใจ
มีอะไรหรือขอรับ
ข้ากำลังรอ ผู้เป็นนายตอบทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ค่าย หลังจากยืนนิ่งเฉยอยู่ชั่วอึดใจก็มีกระแสลมพัดผ่านค่ายมากระทบ กลิ่นคาวเลือดรุนแรงที่ลอยมาตามลมทำให้นายกองหนุ่มต้องอุทานออกมา
หรือว่าพวกคาสึรางิยึดค่ายของเราไปได้
นั่นเป็นกลิ่นความตายของพวกมันต่างหาก ยาสึฮิระตอบเสียงเย็นและเหยียดยิ้มเมื่อเห็นธงประจำตระกูลกำลังโบกสะบัดอยู่บนยอดเสา เขาหันมายังนายกองหนุ่ม ไปบอกทหารทุกคนว่าเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไล่ล่าพวกคาสึรางิไม่ให้พวกมันเหลือรอดกลับไปได้สักคน
มะรุอิชิค้อมตัวลงและรีบก้าวไปร้องสั่งทหารตามที่ยาสึฮิระกล่าวทุกคำ กองกำลังของยาสึฮิระจึงเคลื่อนเข้าไปในค่ายเพื่อสมทบกับนักรบของโคดาจิจากนั้นทั้งหมดจึงเดินทัพผ่านประตูค่ายออกไปยังสมรภูมิซึ่งอยู่อีกด้านติดตามนักรบจากแคว้นคาสึรางิที่ถูกเหล่าองครักษ์ตีจนแตกพ่ายถอยร่นเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่า บรรดาปิศาจที่เคยให้ความช่วยเหลืออำพรางทัพของฝ่ายศัตรูก็ถูกพลังของผู้ครองโคะโตโระทำลายจนเกือบหมดสิ้น พวกที่รอดก็หนีกลับไปยังปราสาทของ คาสึรางิเพื่อรายงานความพ่ายแพ้แก่เจ้าผู้ครองแคว้น
ทางฝ่ายผู้นำทัพของคาสึรางิ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขากลับไม่ยอมหันหลังวิ่งหนีศัตรู ตรงกันข้ามเมื่อรู้ว่าแม่ทัพฝ่ายโคะโตโระในครั้งนี้คือยาสึฮิระ เขาจึงตั้งใจที่จะสังหารด้วยมือของตนเอง หลังจากซ่อนตัวในพุ่มไม้อยู่นานในที่สุดร่างของบุคคลในชุดเกราะระดับสูงศักดิ์ก็ปรากฏขึ้น แม่ทัพคาสึรางิรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้จึงพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนพร้อมดาบในมือหมายจะสังหารยาสึฮิระให้ดับดิ้นในครั้งเดียว การกระทำอันอุกอาจและรวดเร็วของเขาทำให้ มะรุอิชิต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ท่านยาสึอิระ
นายกองหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปช่วยแต่โคดาจิซึ่งยืนใกล้กว่าถลันเข้าไปขวาง คมดาบจึงฝังลงไปบนร่างเขาจนทะลุ แม่ทัพของคาสึรางิคำรามลั่นด้วยความโกรธและเตรียมจะกระชากดาบออกแต่โคดาจิกลับคว้าใบหน้าของเขาเอาไว้และออกแรงผลักจนเซล้มลง ผู้นำทัพคาสึรางิรีบยันตัวเตรียมจะลุกขึ้นแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นหัวหน้าองครักษ์กำลังดึงดาบออกจากร่างของตนด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเลือดที่ไหลรินออกจากบาดแผล แทนที่จะเป็นสีแดงฉานกลับเป็นสีดำข้นดุจโคลน
แกเป็นตัวอะไรกันแน่
เขาร้องถามเสียงสั่น ยาสึฮิระก้าวไปยืนเคียงข้างโคดาจิและเหยียดยิ้มเย็นเยือกก่อนตอบ
ผู้ภักดีที่ฟื้นมาจากความตาย
สิ้นคำพูด ดาบในมือโคดาจิก็ตวัดฉับตัดคอแม่ทัพคาสึรางิจนขาดกระเด็น เจ้าเมือง โคะโตโระมองหัวที่กลิ้งไปบนพื้นด้วยดวงตาที่ฉายความสาสมใจ
ฝากไปบอกอาซามิด้วยว่า ข้าจะไปเยี่ยมเยือน ยาสึฮิระกล่าวด้วยน้ำเสียงพอได้ยิน กิ่งสนที่อยู่ใกล้สั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายบางสิ่งที่อยู่บนนั้นกำลังดีดตัวออกไป มะรุอิชิมองกิ่งไม้ที่ไหวยวบไล่ตามกันด้วยความหวาดหวั่นกระนั้นเขาก็ยังขยับเข้าไปยืนกำบังให้กับผู้เป็นนาย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปรกติแล้วมะรุอิชิจึงหันไปมองโคดาจิที่ยังคงยืนนิ่งไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นกุมบาดแผลของตนเอง
ท่านได้รับบาดเจ็บ นายกองหนุ่มอุทานและนิ่วหน้าเมื่อเห็นเลือดสีดำเปื้อนเต็มเกราะ ขณะจะเข้าไปดูเขาก็ถูกยาสึฮิระคว้าไหล่เอาไว้
เขาไม่เป็นอะไร
แต่...มะรุอิชิทำท่าจะแย้งแต่ต้องเงียบเมื่อผู้เป็นนายตัดบท
ไปตรวจดูว่ายังมีทหารคาสึรางิเหลือรอดอีกหรือไม่ หากพบจงสังหารมันให้หมด และส่งข่าวไปยังค่ายด้านตะวันออก บอกให้ทุกคนรู้ถึงชัยชนะ แจ้งโอริเอะด้วยว่าให้นำทัพออกไปกวาดล้างข้าศึกได้เลยเพราะพวกมันไม่กล้าที่จะบุกโจมตีเราอีกต่อไป
นายกองหนุ่มค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวรับคำและเดินไปปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ามะรุอิชิพ้นไปจากสายตาแล้วยาสึฮิระจึงหันไปยังโคดาจิและทาบมือลงบนอกตรงรอยแผลที่ถูกแทง ทั้งรอยเลือดและบาดแผลต่างเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ถึงร่างกายของเจ้าไร้ความรู้สึกแต่ก็ใช่ว่าจะคงทนต่ออาวุธ หากถูกบั่นออกเป็นชิ้นข้าก็ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป ระมัดระวังตัวเองเอาไว้ด้วยโคดาจิ
ข้ายอมเป็นเช่นนั้นเพื่อท่าน หัวหน้าองครักษ์ตอบ ยาสึฮิระสั่นศีรษะ
แต่ข้าไม่ปรารถนาที่จะเห็นพวกเจ้าตาย เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดสลัวลง ใกล้ค่ำแล้ว เรียกคนของเจ้ากลับเข้าค่ายและคอยกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนข้าในห้อง
ดวงตาของยาสึฮิระทอแสงสีแดงก่ำราวกับเปลวไฟ
เพราะคืนนี้ข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับอาซามิ เคียวคุเซ็น
*/*/*/*/*
ใบหน้าของอาซามิบูดเบี้ยวด้วยความโกรธหลังจากฟังปิศาจที่เหลือรอดจากการรบที่เมืองโคะโตโระเล่าถึงความพ่ายแพ้ของกองทัพคาสึรางิจบลง จอกสุราในมือถูกขว้างจนกระเด็นออกจากห้องในขณะที่ตัวผู้ถือลุกพรวดขึ้นเหวี่ยงเท้าเตะถาดอาหารกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ข้ารับใช้ที่อยู่ภายในบริเวณนั้นต่างพากันหนีไปซุกตัวตามมุมห้องและมองความคุ้มคลั่งของผู้เป็นนายด้วยความหวาดกลัว
พ่ายแพ้อย่างงั้นหรือ อาซามิตะโกนก้องเป็นไปได้ยังไง ก็ไหนเจ้าซาวาระมันบอกว่าถ้ามีพวกปิศาจมาช่วยทัพของข้าก็จะมีชัยชนะ แล้วนี่อะไรกระทั่งภูตผีร้ายยังหนีหัวซุกหัวซุนกลับมา
เขาหันไปจ้องปิศาจที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายสุนัขป่าด้วยดวงตาดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อีกฝ่ายรีบก้มตัวลงพร้อมกับพูด
ความจริงพวกข้าสามารถบุกเข้าไปในค่ายได้แล้ว และคงสังหารทหารที่อยู่ในนั้นจนหมดถ้าพวกผีดิบไม่เข้ามาขัดขวาง
ผีดิบ เจ้าครองแคว้านคาสึรางิทวนคำอย่างฉงน มันเป็นปิศาจประเภทไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
มันไม่ได้เป็นปิศาจเหมือนกันพวกเรา แต่เป็นวิญญาณที่ถูกเรียกให้กลับเข้าไปในร่างและคอยรับใช้ผู้ที่ชุบชีวิตพวกมัน ผีดิบของพวกโคะโตโระไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นทหารที่มีฝีมือเก่งกาจซ้ำยังมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี
ปิศาจหมาป่าอธิบาย อาซามิขมวดคิ้ว
วิญญาณที่ถูกเรียกกลับเข้าร่างอย่างนั้นหรือ งั้นเราก็ต้องหาตัวคนทำและจัดการปลิดชีวิตมันซะ
ข้ารู้ว่าใคร ปิศาจหมาป่าพูด เจ้าครองแคว้นคาสึรางิหันขวับไปทางมันทันที
ใคร
ยาสึฮิระ โยชิฮิโระ
นามที่ปิศาจเอ่ยออกมาทำให้อาซามิถึงกับอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง เมื่อตั้งสติได้เขาจึงพึมพำออกมา
เจ้ายาสึฮิระน่ะหรือ ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าแน่ใจนะว่าจำคนไม่ผิด
ประโยคสุดท้ายหันไปกล่าวกับปิศาจหมาป่า มันผงกศีรษะรับ
ข้าแน่ใจ
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตระกูลยาสึฮิระเป็นพวกผู้ใช้เวท มิน่าเล่าพวกทาคุฮันถึงยอมถอดใจไม่กล้าโจมตีโคะโตโระอีกเลย ผู้นำคาสึรางิพูดและยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด ถ้าอย่างงั้นข้าควรจะใช้วิธีไหนจัดการกับเขา
ไม่มี ปิศาจหมาป่าพูดแทรกขึ้นมาและแสยะยิ้มเมื่อเห็นอาซามิหันมามอง ท่านไม่มีทางเอาชนะยาสึฮิระได้เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้ใช้เวท
ดวงตาสีอำพันหรี่ลงเล็กน้อย
แต่เป็นปิศาจ
อาซามิอ้าปากค้างและหลุดคำพูดออกมาอย่างตระหนก
อะไรนะ เจ้ายาสึฮิระน่ะหรือเป็นปิศาจ มันจะเป็นได้ได้ยังไงแล้วทำไมถึงไม่มีใครรู้เลย
ข้าเองก็ไม่รู้จนกระทั่งเห็นเงาของเขาในระหว่างการต่อสู้ ปิศาจหมาป่าพูด ใบหูทั้งสองเอนลู่ไปทางด้านหลังคล้ายหวาดหวั่นต่อบุคคลที่กำลังกล่าวถึง เจ้านั่นไม่ได้เป็นปิศาจด้วยข้อตกลงหรือยืมพลังมาใช้อย่างที่ท่านกับซาวาระทำ แต่เป็นการเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองด้วยความเต็มใจ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าปิศาจระดับข้าไม่มีวันเอาชนะมนุษย์จำพวกนี้ได้ ท่านเองก็เช่นกัน
ร่างกึ่งหมาป่าลุกยืนด้วยสองขาหลังและถอยออกจากห้อง พวงหางพองฟูโบกไปมา
ก่อนจากข้าขอเตือนท่านสักนิดว่าหากรักชีวิต จงยุติการรุกรานโคะโตโระ
กล่าวจบปิศาจสุนัขก็กระโจนหายไปในความมืดทันที ส่วนอาซามินั้นยังคงยืนนิ่งด้วยความตกใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ความหวาดกลัวปะทุขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ในตอนแรกเขาคิดจะล้มเลิกการโจมตีแต่ทิฐิของผู้ที่ถือตัวว่าเป็นเจ้าครองแคว้นที่มีอำนาจยิ่งใหญ่นั้นมีมากกว่า ในที่สุดอาซามิจึงตัดสินใจที่จะยึดเมืองโคะโตโระและสังหารยาสึฮิระให้สิ้นทั้งตระกูลจะได้ไม่มีผู้ใดกล้าแข็งข้อกับเขาอีกต่อไป
แต่ข้าจะจัดการกับเขายังไง
ผู้นำคาสึรางิพึมพำพลางเดินวนกลับไปกลับมาและหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ซาวาระ ชินโนเคยพูดถึงปิศาจที่คอยช่วยเหลือกองทัพเมืองอิวะว่ามีพลังถึงขนาดเผาทะเลสาบให้เหือดแห้งไปในพริบตาและมีอำนาจบงการปิศาจตนอื่นได้
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ให้เจ้าปิศาจนั่นไปจัดการยาสึฮิระก็แล้วกัน
อาซามิกล่าวกับตนเองและก้าวออกจากห้องตรงไปยังเรือนพักของบุตรชายเพื่อขอให้เดินทางไปยังเมืองอิวะ แต่พอเข้าไปใกล้เขาก็ต้องนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีและเสียงดนตรีดังออกมา อาซามิกระชากประตูเลื่อนให้เปิดออกโดยแรงและขบกรามแน่นเมื่อเห็นบุตรของตนในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนกลิ้งเกลือกอยู่ท่ามกลางหญิงรับใช้และนางต้องห้ามจากกลางเมือง
นี่มันอะไรกัน เขาตวาดเสียงดัง สตรีที่อยู่ในนั้นรีบลุกขึ้นและคลานลนลานไปเบียดกันอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่งในขณะที่อาซามิ ฮิโรซะเหยียดยิ้มและตอบบิดาด้วยน้ำเสียงเมามาย
ท่านพ่อมาได้จังหวะพอดี ข้ากำลังจัดงานเลี้ยงฉลองอยู่เชิญท่านมาสนุกด้วยกัน
เขายื่นถ้วยสุราส่งให้อาซามิ อีกฝ่ายปัดมันออกโดยแรงพร้อมกับพูดเสียงดังด้วยความโกรธ
ทหารของเราพ่ายแพ้กลับมาแต่เจ้ากลับนั่งกินเหล้าอยู่กับผู้หญิง ช่างทำตัวไม่สมกับเป็นคนในตระกูลอาซามิที่ยิ่งใหญ่เลยสักนิด
ข้าดื่มเพื่อไว้อาลัยให้กับทหารของเราต่างหาก ฮิโรซะพูดด้วยเสียงที่ฟังแทบไม่รู้เรื่องพลางผายมือไปยังกลุ่มสตรีที่นั่งอยู่ริมห้อง ส่วนพวกนางช่วยขับกล่อมบทเพลงเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่เศร้าหมองของข้า
คำอธิบายของบุตรชายนั้นดุจท่อนฟืนที่โยนลงไปในกองไฟ โทสะของอาซามิลุกโพลงราวกับเปลวเพลิง แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามข่มอารมณ์และถามเสียงต่ำ
ไว้อาลัยอย่างงั้นหรือ เจ้ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการรบในครั้งนี้บ้างฮิโรซะ
ข้ารู้ว่าท่านพ่อส่งกองทัพไปที่โคะโตโระ และถ้าชนะเราก็จะมีอำนาจยิ่งใหญ่มากขึ้น ฮิโรซะตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง เห็นหรือเปล่าว่าข้ารู้เรื่องราวเกี่ยวกับการรบเหมือนกัน ท่านพ่อน่าจะดีใจนะ
อาซามิมองบุตรชายด้วยสายตาที่หลากความรู้สึก ทั้งโกรธ สมเพชและระอาใจในความไม่เอาไหน ในที่สุดเขาก็หลุดคำพูดออกมาเบาๆ
ถ้าเจ้าได้สักครึ่งหนึ่งของบุตรชายซาวาระ ข้าอาจจะดีใจมากกว่านี้
ฮิโรซะชูถ้วยสุราในมือขึ้นและเปล่งเสียงหัวร่าคล้ายไม่ใส่ใจในสิ่งที่บิดากล่าวเท่าใดนัก เขาหันไปร้องเรียกผู้หญิงให้กลับมาร่วมสังสรรค์ตามเดิม ส่วนอาซามิเมื่อตระหนักว่าไม่มีทางให้บุตรชายเดินทางไปอิวะได้แล้ว เขาจึงหมุนตัวก้าวออกจากห้องมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตัวเอง
ทันทีที่ไปถึง อาซามิสั่งให้คนรับใช้จัดเตรียมหมึกและกระดาษสำหรับเขียนจดหมาย เมื่อ ทุกอย่างพร้อมเขาจึงให้ทุกคนออกจากห้องและจรดพู่กันลงเล่าถึงความพ่ายแพ้ในสงครามและบอกถึงสาเหตุโดยอธิบายถึงสิ่งที่ได้ยินมาจากปิศาจหมาป่ารวมทั้งขอให้ซาวาระส่งปิศาจที่มีฝีมือร้ายกาจที่สุดไปยังโคะโตโระเพื่อจัดการกับยาสึฮิระ ขณะเขียนถึงประโยคสุดท้ายเปลวไฟจากตะเกียงก็สั่นระริกราวต้องสายลม อาซามิจึงเงยหน้าขึ้นดูและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะประตูถูกบานปิดสนิทไม่มีช่องให้กระแสลมพัดผ่านเข้ามาได้เลย ทันทีที่คิดเช่นนั้นไฟที่เต้นไหวเมื่อครู่ก็สงบนิ่งและส่องสว่างเหมือนดังเดิม เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปรกติผู้นำคาสึรางิจึงจุ่มพู่กันลงไปที่หมึกเพื่อเตรียมจะเขียนให้จบแต่ต้องผงะด้วยความตกใจเมื่อจดหมายที่วางอยู่ตรงหน้ามีรอยหมึกเขียนตัวอักษรคำว่า ตาย ทับลายมือของเขาเอาไว้ อาซามิขว้างพู่กันทิ้งไปอีกด้านก่อนจะคว้าดาบและลุกพรวดขึ้นหันมองรอบตัว เงาวูบวาบที่ปรากฏขึ้นปลายตาทำให้ผู้นำแคว้นคาสึรางิหันไปตวัดฟันทันที แต่คมดาบของเขากลับพบแค่ความว่างเปล่า สิ่งที่คิดว่าเป็นผู้อื่นนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงเงาของตัวเขาเอง อาซามิถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและหัวเราะออกมาเบาๆ
สงสัยข้าจะคิดมากไป
เขาพูดพึมพำพลางมองเงาที่ทอดยาวไปบนพื้น ความโล่งใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นความตระหนกเมื่อเห็นความผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น เงาที่ทาบบนพื้นห้องเปลี่ยนท่าทางของตัวมันเองด้วยการหันข้างให้และค่อยๆยืดยาวไปจนจรดเพดานห้อง ขนาดของลำตัวก็ขยายใหญ่ขึ้นจนแทบจะเต็มผนังซ้ำยังมีเขาแหลมคู่หนึ่งผุดขึ้นบนศีรษะ มือที่มีกรงเล็บยกขึ้นเสมออกขณะที่ใบหน้าหันมายังผู้ที่ยืนอยู่กลางห้อง เสียงแผ่วต่ำน่าสะพรึงเอ่ยทักทาย
สบายดีหรืออาซามิ เคียวคุเซ็น
ผู้นำคาสึรางิชูดาบไปข้างหน้า แม้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่เขาก็ยังสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นเอาไว้ขณะที่ร้องถาม
แกเป็นใคร
ข้าเป็นใครน่ะหรือ
อีกฝ่ายถามย้อนกลับพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะเย็นเยือกดังสะท้อนไปทั้งห้อง อาซามิแทบเข่าอ่อนเมื่อเห็นดวงไฟสีแดงเรืองรองส่องออกมาจากใบหน้าสีดำสนิท เงารูปมือยืดไปชี้จดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ผู้นำคาสึรางิถึงกับเย็นวาบไปทั้งร่าง เขามองเงาทะมึนตรงหน้าพร้อมกับหลุดปาก
ยาสึฮิระ
ดวงตาสีแดงก่ำเบิกกว้างและจ้องอาซามิราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ช่วงล่างของใบหน้าปริออกเป็นรอยแยกและแปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่กำลังแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวคมกริบเรียงเต็มปาก เงารูปเขาที่เห็นเมื่อครู่ผุดออกมาจนเห็นเด่นชัด เส้นผมสีขาวงอกยาวออกมาและสะบัดไหวราวทุ่งหญ้าต้องลม เมื่อปรากฏตัวจนอีกฝ่ายเห็นได้ชัดร่างสูงใหญ่ของยาสึฮิระก็ย่างสามขุมเข้าไปหาผู้นำคาสึรางิ เขาถอยหนีไปจนติดผนังห้อง มือที่ถือดาบสั่นระริก เหงื่อแห่งความหวาดกลัวไหลทะลักท่วมท้นกาย
จ...เจ้าเป็นปิศาจจริงๆหรือนี่
ถูกต้อง
ต้องการอะไร อาซามิถามเสียงห้วน ยาสึฮิระยื่นมือออกไปคว้าดาบของเขากระชากจนหลุดจากมือและเหวี่ยงทิ้งไปอีกทาง
ปลิดชีวิตเจ้า
กรงเล็บจิกลงไปบนศีรษะของผู้นำคาสึรางิและบิดจนใบหน้าหันไปอยู่ทางด้านหลังดับลมหายใจของเขาโดยที่ยังไม่ทันได้รู้ตัว ร่างไร้วิญญาณยืนโอนเอนไปมาแต่ก่อนที่ที่จะล้มครืนลง ยาสึฮิระก็ฉวยเอาไว้และกรีดปลายเล็บลากตั้งแต่หัวจรดเท้าจากนั้นจึงถลกหนังออกมาแล้ววางแผ่ไว้กลางห้องพร้อมจารึกคำ โคะโตโระ เอาไว้อย่างเด่นชัด ส่วนซากอุบาทว์ของอาซามินั้นถูกภูตงากิที่จ้าวปิศาจแห่งโคะโตโระเรียกขึ้นมาจากใต้ดินกัดกินจนเหลือแต่กระดูกในชั่วพริบตา เมื่อทุกอย่างสำเร็จสมดังตั้งใจแล้วร่างของยาสึฮิระก็เลือนหายไป
*/*/*/*/*/*/* ยาสึฮิระ สมกับเป็นจอมมารฝ่ายมารจริงๆ ยังไงก็ดูเท่อยู่นะครับ (เอ๊ะ...หมายความว่าอะไร^^..) ฮารุคาเสะ ก็แน่มาก ที่กล้าต่อปากต่อคำกับยาสึฮิระขนาดนั้น ยาสึฮิระ VS ไพรา ว้า..เสียดายจัง โดนอริเอะขัดจังหวะ แต่สู้ต่อไพราคงชนะแบบสนุกคู่คี่สูสี คุณ มูนี่ เขียนภาพสวยครับ ความสามารถหลากหลายทาง เอาใจช่วยให้ปิดเรื่องสองเรื่องนั้นโดยเร็วนะครับ จากคุณ : GTW - อยากจะเขียนให้ยาสึฮิระเป็นปิศาจที่มีใจรักบ้านเมืองและห่วงลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และเป็นเหตุผลที่เขาไม่กลายเป็นคนชั่ว
ส่วนเรื่องนิยาย ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
เข้ามาวิ่งเล่น หุหุ จากคุณ : kipling - ระวังหลงเข้าไปในปราสาทเมืองโคะโตโระนะคะ
ท่านพ่อเท่อะ มองภาพวาดแล้วเขิน หว๊านหวานเนอะ >< จากคุณ : AMA-chun - หุ หุ ทดแทนที่ในนิยาย พระเอกแทบไม่โดนตัวนางเอกเลย
ปิดท้ายด้วยรูปสาวน้อยน่ารักในชุดกิโมโน ไม่เกี่ยวกับนิยายแต่เห็นเป็นญี่ปุ่นเหมือนกันเลยขอนำมาเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ ^^
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 55 16:49:41
|
|
|
|