Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 94 ติดต่อทีมงาน

เสียงนภาคำรนลั่น สือหย่งหลุนสะดุ้งเฮือก

เด็กหนุ่มขยี้ตามองรอบตัว ค่อยจดจำได้ว่าตนเองนั่งเฝ้าฟ่านไป่หนิงอยู่ แล้วเผลอสัปงกจนเทพยาดาบนฟ้าพิโรธมาช่วยปลุกตื่น

ด้านดรุณีน้อยยังคงหลับสนิทบนเตียง จากฤทธิ์ยาที่หวงไป่หวินปรุงให้ทาน แม้สือหย่งหลุนไม่อยากใช้ยานอนหลับกับนาง ทว่าตลอดสามวันหลังการตายของซินแสเทวะ ถ้านางมีสติจะเอาแต่อาละวาด บางครั้งเกือบถึงขั้นทำร้ายตนเอง กิเลนเงินแห่งวังหลวงจึงได้แต่ใช้วิธีนี้

การสูญเสียซินแสเทวะ สาหัสเกินไปสำหรับนาง...

นั่นมิอาจโทษว่าฟ่านไป่หนิงอ่อนแอ เพราะกระทั่งสือหย่งหลุนที่เพิ่งคลุกคลีกับเจ้าจื้อสุยได้ไม่นาน ยังอาวรณ์มันจนเกือบเทียบเท่าตอนมารดาลาจาก แล้วดรุณีน้อยผู้บูชาอาจารย์ยิ่งกว่าสิ่งใด ย่อมชอกช้ำเหนือกว่ามันไม่รู้กี่ร้อยเท่า

แต่อย่างน้อยก็พอเบาใจได้ เพราะช่วงหลังการอาละวาดของนางเริ่มลดระดับความรุนแรงลง หวงไป่หวินยังคะเนไว้ว่าการให้ยาคราวนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย เด็กหนุ่มจึงรีบลุกหมายจะไปหาน้ำล้างหน้า เรียกสติมารอก่อนฟ่านไป่หนิงตื่น

มันไม่อยากให้นางลืมตาขึ้นพบแต่ความเดียวดาย

โรงเตี๊ยมที่พวกมันพักอาศัยแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของเรือนเพลินบุปผานัก ทว่าด้วยการจัดการขององครักษ์เสื้อแพร จึงแทบไม่ปรากฏชาวยุทธ์สืบทราบจนมายุ่มย่ามพวกมันได้ สมความตั้งใจของกิเลนเงินแห่งวังหลวงซึ่งต้องการให้ศิษย์น้องได้เยียวยาอาการบอบช้ำทางจิตใจ แล้วค่อยขยับขยายไปเรื่องอื่น

ตอนที่สือหย่งหลุนเพิ่งออกจากห้อง เมฆครึ้มก็เริ่มก่อตัวเต็มฟากฟ้า ส่วนทางมุมระเบียงด้านข้าง หวงไป่หวินและองครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งกำลังเดินมาพอดี เด็กหนุ่มจึงทักทายอย่างสนิมสนม

“พี่หวง พี่ตง”

บังเอิญอย่างยิ่ง องครักษ์เสื้อแพรผู้นี้ก็คือตงเหลียงคนคุ้นหน้าสือหย่งหลุนนี่เอง

ย้อนความสู่อดีต ตงเหลียงซึ่งเคยมีตำแหน่งรองหัวหน้ามือปราบในเมืองน้ำมรกต ได้มีส่วนพัวพันกับคดียาคลายทุกข์ด้วยการจับกุมพวกเด็กหนุ่มไว้ตามคำสั่งท่านเจ้าเมือง ซึ่งมีหมอเหวินหรือก็คือเศรษฐีไร้ยางอายในปัจจุบันแอบยุงยงเบื้องหลัง ตัวตงเหลียงเองแม้เป็นลูกน้องท่านเจ้าเมืองโดยตรง ทว่าด้วยความเถรตรงจึงยอมเปิดโปงเรื่องที่ผู้เป็นนายสั่งเก็บกักต้นสามใบไร้รากไว้จนชาวบ้านเดือดร้อน หวงไป่หวินซึ่งคราวนั้นรับหน้าที่ผู้แทนพระองค์ถึงสามารถสั่งลงโทษผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด

ภายหลังพอหวงไป่หวินออกเดินทางต่อ เจ้าเมืองก็สั่งปลดหัวหน้ามือปราบนิสัยเสียอย่างไม่แยแส ก่อนเลื่อนขั้นให้ตงเหลียงความคำสั่งของผู้แทนพระองค์ แต่ยังกินแหนงแคลงใจที่ตงเหลียงเปิดโปงเรื่องต้นสามใบไร้รากอยู่ เกิดเป็นความมึนตึงระหว่างนายบ่าว ช่วงเวลาดังกล่าวกิเลนเงินแห่งวังหลวงที่เพิ่งเสร็จภารกิจแวะกลับเมืองมาพอดี เมื่อทราบเรื่องจึงคิดลองใจตงเหลียง ด้วยการเชิญมันมาเลี้ยงฉลองเป็นการส่วนตัว แสร้งพูดเปิดโอกาสให้มันเสนอสินบนเพื่อเลื่อนตำแหน่ง

ทว่าความเถรตรงของบุรุษผู้นี้มิใช่การเสแสร้ง มันแม้ทราบดีว่าหากอยู่เช่นนี้คงดักดานไปตลอดชีวิต กลับไม่เอ่ยถึงผลประโยชน์ตนสักครึ่งคำ หวงไป่หวินพกพาความยินดีสู่เมืองหลวง แจ้งกับเสนาบดีกรมวังคังจาเฉินสหายสนิทถึงเรื่องเหล่านี้ คังจาเฉินจึงแอบสือประวัติตงเหลียงต่อ ค่อยทราบว่าบิดามันเคยรับราชการทหารตำแหน่งสูง หากถูกเสนาบดีกลาโหมกลั่นแกล้งจนโดนถอดยศกลายเป็นชาวนายังเมืองห่างไกล บุตรชายต้องไต่เต้าจากตำแหน่งเล็ก ๆ มาถึงระดับรองหัวหน้ามือปราบในวัยยี่สิบเจ็ดปี ซึ่งปัจจุบันที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงเอิกเกริก แสดงว่าต้องมีฝีมือพอควร ที่สำคัญคือตงเหลียงมีความบาดหมางกับเสนาบดีกลาโหมผู้ชั่วช้า นับว่าจุดประสงค์ร่วมทางกัน จึงเขียนหนังสือเชื้อเชิญตงเหลียงเข้าเมืองหลวง สนับสนุนมันรับตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพร

ตงเหลียงซาบซึ้งน้ำใจของหวงไป่หวิน จึงขันอาสามาช่วยเหลือมันในคราวนี้ ทำให้ได้พบสหายเก่าเช่นสือหย่งหลุนอีกครั้ง

“หย่งหลุนเอ๋ย” ตงเหลียงในชุดชาวบ้านเพื่อการพรางตัวเกริ่นนำ “พวกเรามีเรื่องแจ้งแก่เจ้า”

หวงไป่หวินชั่งใจอยู่นานค่อยกล่าวว่า “ฝ่าบาทมีพระราชดำรัสเร่งรัดมา พระอาการของพระราชบิดาทรงทรุดหนัก พวกข้าต้องรีบกลับเป่ยจิงภายในวันนี้”

กิเลนเงินแห่งวังหลวงถอนหายใจอึดอัด ขณะเอ่ยสืบต่อ “อันที่จริงข้าอยากพาไป่หนิงไปด้วย แต่อาการนางยังไม่เหมาะเดินทางไกล ทั้งพอถึงเป่ยจิงข้าคงมีธุระวุ่นวาย ไม่สามารถดูแลใกล้ชิดได้ คงต้องให้นางรักษาตัวที่นี่ไปก่อน”

เด็กหนุ่มเห็นกิริยาของชายผมเงินแล้วก็พอทราบว่า มันลำบากใจที่ต้องทิ้งศิษย์น้องไปในลักษณะนี้ ทว่าก็ขัดรับสั่งได้ยาก จึงตอบรับแข็งขันว่ามันดูแลดรุณีน้อยได้ ขอกิเลนเงินแห่งวังหลวงอย่าได้กังวล ด้านตงเหลียงก็ตบบ่าเด็กหนุ่มเอ่ยว่า

“พวกเจ้าพักที่นี่ต่อให้สบายเถอะ ข้ากำชับเจ้าของโรงเตี๊ยมไว้แล้วว่าการคงอยู่ของพวกเจ้าคือความลับราชการ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องใส่ตัวแน่”

สือหย่งหลุนยิ้มให้มัน “นึกว่าจะมีเวลาร่ำสุราแก้คิดถึงให้สมอยาก กลับต้องจากกันเสียแล้ว”

“ฮ่า ๆ ครั้งหน้าเถิดนะ”

หวงไป่หวินพึมพำขอให้ตงเหลียงล่วงหน้าไปเตรียมตัวก่อน แล้วเดินนำสือหย่งหลุนมาทางห้องพักฟ่านไป่หนิงเนิบช้า

ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ชายผมเงินอ้างว่าตนเองเป็นที่สะดุดตาเกินไป นอกจากเวลาดูแลดรุณีน้อยจะเอาแต่เก็บตัวในห้อง คืนแรกพอดรุณีน้อยหลับแล้วสือหย่งหลุนไปเคาะประตูหมายปรึกษาอาการนาง ทว่าหวงไป่หวินกลับต้อนรับมันด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ บุรุษร่ำไห้หาใช่เรื่องน่าโอ้อวด เด็กหนุ่มจึงได้แต่ปลีกตัวจากมา

ภายใต้ทีท่าสุขุมเยือกเย็น หวงไป่หวินคงอาลัยอาจารย์อยู่ไม่น้อย

“หย่งหลุน” ชายผมเงินหยุดยืนหน้าห้องพลางพูดเสียงแผ่ว “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด พอไป่หนิงฟื้นครั้งนี้คงหยุดอาละวาดแล้ว แต่น่าจะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจังหวะที่ต้องการสิ่งปลอบประโลมจนกว่าจะยอมรับความสูญเสียได้ ทุกอย่างล้วนต้องพึ่งพาเจ้าแล้วนะ”

สือหย่งหลุนพยักหน้า “พี่หวง ข้าอยากสอบถามรายละเอียดตอนที่ท่านซินแสเทวะตายจะได้หรือไม่”

เด็กหนุ่มติดใจสงสัยเรื่องนี้มาตลอด เพราะเห็นว่าด้วยฝีมืออย่างเจ้าจื้อสุยมีหรือจะหลบอาวุธลับของเงารางเลือนมิได้ เพียงแต่ไม่รีบถามเพราะอยากให้ชายผมเงินทำใจได้มากกว่านี้เสียก่อน ทว่าหวงไป่หวินกำลังจะจากไปแล้ว จึงคิดซักไซ้ข้อข้องใจให้หมดสิ้นเสียดีกว่า

ไหล่ของผู้ถูกถามลู่ลงคล้ายหมดแรง มันหลุบเปลือกตาลงขณะกล่าวเสียงล้า

“จนบัดนี้ข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง ตอนนั้นหลังหงเสี้ยนใช้ระเบิดควัน ข้าก็รีบกระโจนเข้าไปหาอาจารย์ เผอิญท่านหันมาเห็นเข้าพอดีจึงร้องห้ามมิให้ข้าต้องเสี่ยงอันตราย พอมาวิเคราะห์ดูทีหลังค่อยทราบว่านั่นกลับเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะในสภาพที่มองแทบไม่เห็น เสียงอาจารย์กลายเป็นสิ่งที่บอกตำแหน่งของท่านโดยตรง สตรีที่โพกผ้าปิดหน้าจึงใช้อาวุธลับจู่โจมระลอกสองทันที ยามนั้นข้าประชิดถึงตัวอาจารย์แล้ว ทำให้รับรู้ด้วยตนเองว่าท่ามกลางม่านควันหนาทึบ กว่าจะเห็นตะปูที่ซัดมาก็จวนตัวเสียแล้ว เมื่อตระหนักว่าหลบหลีกไม่ทันการณ์ อาจารย์จึงใช้มือหนึ่งผลักข้าออก อีกมือปาดไปปัดอาวุธลับทิ้ง...”

กล่าวถึงตรงนี้คนพูดก็ชะงัก รีบหันศีรษะหนีไปทางอื่น สือหย่งหลุนสังเกตไหล่สั่นสะท้านตรงหน้าด้วยความเห็นใจยิ่ง กำลังจะบอกให้มันหยุดเล่า หวงไป่หวินกลับพูดขึ้นก่อนว่า

“...วิชาอาวุธลับของนางลี้ลับจนคาดไม่ถึง ที่แท้การจู่โจมในครานั้นเป็นการเหวี่ยงตะปูสองตัวซ้อนทับตามกันมา หลังอาจารย์ปัดตะปูตัวแรกหล่นไปแล้วจึงปรากฏตะปูตัวที่สอง ปักใส่หน้าอกอาจารย์ด้วยความแม่นยำเกินหยั่ง ข้า...ข้าอยู่ที่นั่นด้วยแท้ ๆ กลับทำอันใดมิได้เลย”

“พี่หวง นั่นมิใช่ความผิดท่านหรอก”

“เช่นนั้นใครผิดเล่า เจ้าของตะปูอำมหิตนั่นน่ะหรือ”

สือหย่งหลุนถอนหายใจ “นางเรียกขานว่าเงารางเลือน พอพูดถึงนางขึ้นมา ทำให้นึกได้ว่าข้ายังกังขาในคำสั่งเสียของซินแสเทวะไม่น้อย”

สิ้นประโยค เด็กหนุ่มถึงสังเกตพบว่าอีกฝ่ายกำลังกำหมัดแน่น หากสุดท้ายก็คลายออก ก่อนชายผมเงินจะกล่าวว่า

“อาจารย์มิใช่คนอาฆาตมาดร้าย อาจสั่งเสียเช่นนั้นเพราะเป็นห่วงพวกข้ามากกว่าการแก้แค้นให้ตนเอง แม้ข้าไม่ยินยอมพร้อมใจแต่ก็ต้องกระทำตาม หากที่เสียดายที่สุดคือ...การมิได้ปรับความเข้าใจกับอาจารย์จนทุกอย่างสายเกินไป”

ฟังแล้วสือหย่งหลุนนึกอยากเล่าถึงเบื้องหลังคดีวางยาองค์ชายน้อย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ศิษย์อาจารย์หมางใจกัน แต่แล้วเห็นว่ารังแต่จะทำให้กิเลนเงินแห่งวังหลวงรู้สึกผิดมากขึ้น จึงเสไปกล่าวให้มันรีบเดินทางตามราชโองการซึ่งเร่งรัดมาเสียดีกว่า

หวงไป่หวินยังบ่นพึมพำอยากอยู่ดูอาการดรุณีน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ทว่านางจะตื่นเมื่อใดก็สุดรู้ ทั้งตงเหลียงยังเตรียมการเดินทางพร้อมแล้ว เนื่องจากองครักษ์เสื้อแพรผู้นี้มีหน้าที่ดูแลหวงไป่หวินตามรับสั่ง หากถึงเมืองหลวงชักช้ามันคงได้รับโทษ ชายผมเงินจึงได้แต่ตัดใจจากไป

เมื่ออยู่ลำพัง สือหย่งหลุนค่อยทอดถอนใจโดยไม่ปิดบัง หลายวันที่ผ่านพ้นมันไว้วานตงเหลียงส่งข่าวความปลอดภัยของตนแก่ตระกูลสือแล้ว ทว่ามิบ่งบอกแหล่งกบดานเพราะต้องการยุติความข้องเกี่ยวกับยุทธจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ฟ่านไป่หนิงได้พักผ่อนอย่างสงบ

ระหว่างนี้ หลายเหตุการณ์ก็ประดังประเดเข้ามา

เริ่มจากข่าวสือจินหลิงซึ่งทางพรรคอสุราอาฆาตยืนยันว่านางยังปลอดภัยดี สือหย่งหลุนแม้เป็นห่วงน้องสาวจับใจ ทว่าปัจจุบันหุบเขาแดนสุรบถป้องกันรัดกุมกว่าเก่านับสิบเท่า มิหนำซ้ำยังมีคำขู่ว่าถ้าพบผู้แอบเร็ดลอดทางนั้นจะสังหารสือจินหลิงทันที เจ้าบ้านสือคนใหม่จึงได้แต่กล้ำกลืนเชื่อใจคำรับรองของพรรคอสุราอาฆาต ออกคำสั่งห้ามฝ่ายธรรมะผลีผลามโดยเด็ดขาด

ยังเรื่องที่งูอสนีบาตหงเสี้ยนเดินทางกลับหุบเขาแดนสุรบถพร้อมป้ายหยกขาวโดยปลอดภัย และเริ่มระดมกำลังพันธมิตรพรรคมารเก่ามารวมตัวกับพรรคอสุราอาฆาต คาดว่าไม่นานคงขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขอย่างภาคภูมิ ส่วนสมาคมรัตติพิกลกลับแทบมิได้ออกหน้า จนชวนกังขาว่าพวกมันคิดบงการหลังฉากเช่นนี้ หรือมีแผนอื่นใดอีกแน่

นอกจากนั้นแล้ว ภายหลังการตายของซินแสเทวะแพร่ออกไป สำนักบู๊ตึ๊งซึ่งแสดงตัวว่ารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของการสูญเสีย ก็ดูจะอ่อนข้อเรื่องการขึ้นเป็นเจ้ายุทธจักรของสือหย่งจวินลงมาก ส่วนบรรดาพรรคมากมายที่เข้าร่วมการบุกเรือนเพลินบุปผา ต่างก็หันไปสวามิภักดิ์กับตระกูลสือทั้งหมด เด็กหนุ่มคาดเดาได้ว่าทางนั้นคงกลัวศิษย์ซินแสเทวะที่ยังเหลืออยู่ตามไปแก้แค้น จึงหมายเชื่อมสัมพันธ์กับมันผ่านทางตระกูลสือ หวังให้สือหย่งหลุนช่วยออกหน้าต่อฟ่านไป่หนิง  

เด็กหนุ่มเผยอยิ้มขมขื่น...แก้แค้นอย่างนั้นหรือ

ถ้าพวกนั้นทราบคำสั่งเสียของซินแสเทวะเข้า จะเปลี่ยนแปลงทีท่าอย่างไรบ้างนะ

ระหว่างจมในภวังค์ความคิด สายพิรุณก็เริ่มโปรยปรายลงมา...ทว่ามิอาจชะล้างความหนักอึ้งในใจสือหย่งหลุนไปได้เลย

**********

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 19:00:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com