5/2
บ้าจริง! คนบ้าอะไรไม่รู้มาบอกให้เธอนอนหลับให้สบาย ทั้งที่เขาเพิ่งเล่าถึงแผนการอันน่าตื่นเต้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าให้ฟัง คนนอนไม่หลับกัดฟันกรอดด้วยความมันเขี้ยว
เสียงสองยายหลานหลับลึกไปนานแล้ว แต่คาชาลไม่ได้กลับมานอนที่กระโจม เขาคงอยู่เฝ้าฝูงสัตว์เลี้ยง หรือไม่ก็ม้าแม่ลูกอ่อนอีกตามเคย เขาจะลืมสัญญาเมื่อบ่ายที่ผ่านมาไหมหนอ ท่าทางปกติประกอบกับเขาไม่ได้เอ่ยย้ำคำชวนอีกเลยตลอดมื้อเย็น ทำให้ลลิลดาไม่มั่นใจ
ป่านนี้จะก้าวเข้าสู่วันใหม่หรือยังก็ไม่อาจทราบได้ นาฬิการาคาแพงหาได้เรืองแสงในความมืด ทั้งโทรศัพท์มือถือของตนก็แบตเตอรี่หมดตั้งแต่สองวันแรกที่มา หญิงสาวกระสับกระส่ายพลิกกายใต้ผ้าห่ม พร้อมกับคาดคะเนเวลาซึ่งล่วงเลยอยู่ในใจ
เธอผล็อยหลับไปกลางดึกในที่สุด หากเพียงสามชั่วโมงก็ถูกปลุกจากแรงสะกิดบริเวณต้นแขน เธอผุดลุกนั่งด้วยความงัวเงีย เห็นเงาตะคุ่มยกนิ้วแตะริมฝีปากให้เงียบเสียง
เธอจะพาฉันไปไหนน่ะ คาชาล เธออดใจสงสัยไม่ไหว ถามขึ้นระหว่างเดินตามเขาไปทางกระโจมเจ้าบาบารี
คาชาลไม่ได้เข้าไปในกระโจมนั้น หากเดินเลยไปยังบริเวณซึ่งมีม้านับสิบตัวผูกไว้กับหลัก ม้าทุกตัวดูจะมีปฏิกิริยาต่อผู้บุกรุกยามวิกาล ด้วยมันหันมาหาเขาเป็นทางเดียวอย่างคุ้นเคย ชายหนุ่มแก้เชือกม้าสองตัวก่อนจูงมันมาหาเธอ
ต้องขี่ม้าไปจริงๆ หรือ ฉันขี่ไม่คล่องนักหรอกนะ
คุณนั่งถือสายบังเหียนดีๆ อย่างคราวก่อนก็พอครับ ผมเผื่อเวลาไว้แล้ว เราไม่ต้องควบเร็ว
หญิงสาวยืนนิ่งลังเลอยู่นั่นเอง เธอหลับตารวบรวมกำลังใจ ก่อนจะก้าวขึ้นหลังม้าในที่สุด
ถ้าที่ที่เธอพาฉันไปไม่แจ๋วจริงล่ะก็ ฉันจะโกรธเธอจริงๆ เทียว คาชาล
คาชาลไม่ยักกลัวคำขู่นั้น เขายิ้มรับคำท้าเธอด้วยความมั่นใจ
ความกล้าบ้าบิ่นอย่างเด็กซุกซนประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าความกลัวเสียแล้ว นอกจากนี้เธอยังมองโลกในแง่ดีอีกว่าสิ่งที่เขาทำก็เพื่อไถ่โทษเธอนั่นเอง
นิสัยกล้าได้กล้าเสียเช่นนี้ของลลิลดา จะเป็นเครื่องชี้นำหนทางชีวิตในอนาคตของเธออย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
....................
เธอควบม้าวิ่งเหยาะตามม้าตัวหน้าฝ่าความมืดมิด วิชาขี่ม้าซึ่งเคยร่ำเรียนมาตอนเด็กถูกปัดฝุ่นกลับมาใช้อีกครั้ง
สายลมเย็นปะทะใบหน้าเมื่อควบม้าผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดสายตา ราวกับมีน้ำค้างแข็งเกาะพราว ลลิลดาต้องปล่อยสายบังเหียนมือหนึ่งเพื่อจัดผ้าพันคอให้ปกปิดหน้าพอดี เหลือเพียงดวงตาสุกสกาวลอดผ้าออกมา
ม้าตัวหน้าลดฝีเท้าลงพร้อมกับคนขี่มันหันมอง คาชาลลอบยิ้มชื่นชมที่เจ้าหล่อนมีปฏิภาณไหวพริบ รู้จักปรับตัว ไม่อุทธรณ์ต่อความลำบากเลยสักคำเดียว
จวนถึงแล้วครับ คุณเห็นเขาหินนั่นไหม เสียงทั้งถามทั้งปลอบดังฝ่าสายลมหวีดหวิวมา
หญิงสาวมองตามนิ้วชี้ของเขา ภายใต้ความมืด...เธอเห็นเพียงเงาตะคุ่มขนาดใหญ่ แม้ยังมองไม่เห็นความสวยงามใดๆ หากเมื่อทราบแน่ว่านั่นคือจุดหมายปลายทาง เธอก็พลันกระปรี้กระเปร่า นึกสนุกจนถึงกับควบม้านำเขาไป
ตามมาซี่ มิสเตอร์โยซี เสียงตะโกนท้าทาย
ชายหนุ่มโล่งใจจากความคิดว่าม้าเจ้าหล่อนวิ่งตื่นเสียการควบคุม และเขาก็บ้าจี้ตามพอที่จะควบม้าเต็มฝีเท้าด้วยความชำนาญกว่า เพียงอึดใจก็ตีคู่ขึ้นมาทัน
เร็วไปแล้ว คุณนักท่องเที่ยว ถ้าคิดจะชนะเรา
ลลิลดากรีดร้องในใจ เธอล่ะขวางนักกับท่าทางและคำพูดอวดดีของเขา
อุณหภูมิร่างกายไต่สูงขึ้นเพราะหัวใจทำงานหนัก ผ้าคลุมหน้าตกมากองอยู่รอบคอหลังลมแรงปะทะขณะควบม้าเร็ว กระนั้นไรผมหญิงสาวก็ยังชื้นเหงื่อเมื่อลงมาหยุดยืนสมทบกับผู้นำทาง โดยมีเขาหินสูงใหญ่คล้ายผาทรนงจากการ์ตูนดังตั้งเป็นฉากหลัง
นี่น่ะหรือ ที่ที่เธอพาฉันมาดู
คุณอย่าเพิ่งมองผิวเผิน เราจะผูกม้าไว้ที่นี่แล้วเดินขึ้นไป ไม่ไกลหรอกครับ เขาปลอบกึ่งเชิญชวนอย่างเคย เหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆ
ลลิลดาผงกศีรษะให้เขาออกนำ โดยเธอค่อยๆ ไต่หินติดตามไปกระชั้น เท้าต่อเท้าก้าวทับก้าวราวกลัวว่าหากเหยียบผิดพลาดตนจะลื่นตกลงไป คาชาลเหลียวมองท่าทางเพ่งสมาธินั้นด้วยใจเต็มตื้น เขาอยากยื่นมือจับจูงเจ้าหล่อนให้พ้นความยากลำบาก หากก็ติดขัดกรอบประเพณี
เออนะ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยอึดอัดกับกฎเกณฑ์ซึ่งบรรพชนสร้างไว้เลย เว้นแต่ยามอยู่กับเธอคนนี้ เขานึกอยากทลายระเบียบต่างๆ ให้หมดลง
ชายหนุ่มเผลอชะงักไปกับความคิดตนเอง ส่งผลให้คนที่ก้าวตามมาเซหงายหลัง
หวาย...
คาชาลดึงเธอเข้าชิดตามสัญชาตญาณก่อนเจ้าหล่อนจะหงายลงไป ร่างชายหญิงยืนเบียดกายแนบสนิทบนหินก้อนเดียวกัน ลมหายใจของคนทั้งสองหอบสะท้อน อกต่ออกประสานเสียงกลองระรัว
ลลิลดาพยายามสงบจิตใจ เธอปลุกปลอบตัวเองว่ามันเกิดจากความตกใจเท่านั้น หาใช่หวามไหวไปกับความใกล้ชิดเลย
....................
สถานที่ซึ่งเจ้าถิ่นอวดอ้างว่าสวยนักหนาคือภูเขาหินสูงกว่าสี่สิบเมตร ราวหินก้อนใหญ่ที่ผู้วิเศษจับมาตั้งไว้กลางทุ่งหญ้าโล่งโดยรอบ เมื่อเดินขึ้นไปครึ่งทางจึงได้พบกับซอกหินแคบขนาดหนึ่งคนลอด ลมเย็นซึ่งพัดผ่านจากภายในบ่งบอกว่ามันไม่ได้ปิดตัน หากเป็นอุโมงค์ทะลุผ่านไปยังอีกด้านหนึ่ง
ไอเย็นยะเยือกจากหินทุกก้อนสะท้อนออกมาจากผนังถ้ำ ลลิลดาเดินไต่ผนังถ้ำตามเขาไป แสงรำไรที่ปลายทางสาดส่องให้เห็นทางสลัว
ผ่านพ้นคืนเพ็ญมาไม่กี่คืน พระจันทร์เต็มดวงแทบไม่เห็นส่วนเว้าสักเท่าใด ยิ่งเมื่อมายืนริมหน้าผาหินซึ่งยื่นออกมาเช่นนี้ เธอรู้สึกเหมือนจะอาจเอื้อมคว้ามาครอบครองได้ หญิงสาวยิ้มพราย ดวงตาพราวระยับดั่งดาวไขแสงเต็มฟากฟ้าเบื้องหน้านั่นเลย
แสงจันทร์นวลทอดจับเสี้ยวหน้าสวยกระจ่างในความมืด คาชาลเผลอมองอย่างลืมตัว ช่องอกคับแน่นไปหมดด้วยหัวใจพองโต คืนนี้มีจันทร์ถึงสองดวงอยู่ตรงหน้าเขาทีเดียว
สวยจริงๆ เลย คาชาล ฉันรู้สึกเหมือนจะเอื้อมถึงดาวอย่างนั้นแหละ
ชายหนุ่มหลบตาวูบหลังอีกฝ่ายหันมาพูดด้วยฉับพลัน เขากระแอมหาเสียงตนเอง
ยังก่อนครับ ยังมีสิ่งพิเศษกว่านี้ แต่เราต้องรออีกครู่หนึ่ง
เธอพูดอย่างนี้ฉันยิ่งอยากรู้แล้วซี
ลลิลดามองอย่างคาดคั้น แต่เขาไม่ยอมปริปากใดๆ นอกจากเดินไปนั่งห้อยขาหมิ่นเหม่ริมหน้าผา เธอชะโงกดูหุบเหวด้านล่างแล้วก็ให้หวาดเสียว ช่องท้องบิดมวน ถอยเท้ากลับอัตโนมัติทันที
คุณต้องมองไปข้างหน้า... เสียงทุ้มต่ำของเขาอ่อนโยนนัก
เขายื่นมือให้อย่างเชิญชวนให้ลงนั่งเคียงข้างกัน หญิงสาววางมือตนลงกลางฝ่ามือหนาด้วยความลังเล ไออุ่นจากเลือดเนื้อของเขาถ่ายทอดแก่เธอ และวิ่งซู่สู่หัวใจสาวรวดเร็ว
อย่างนี้ไงครับ
เธอค่อยมองไปเบื้องหน้าช้าๆ ทุ่งหญ้าทอดไกลสุดสายตาเป็นเนินลูกคลื่นขึ้นลง ไร้สิ่งใดกีดขวางสายตาตราบจนสุดเส้นขอบฟ้า
เธอไม่เคยมองหาเส้นขอบฟ้ามานานเพียงใดหนอ ตึกรามบ้านช่องในเมืองบดบังเส้นแบ่งตามธรรมชาติเสียหมด ราวภาพวาดสับสนวุ่นวายเกะกะสายตา
สายลมเย็นพัดพามาไม่ขาดสาย หากเธอไม่หนาวเลยสักนิด มือหนาซึ่งทาบทับมือเธอบนพื้นหินมันเรียบ ส่งความอบอุ่นห้อมล้อมเรือนกาย สองหนุ่มสาวแสร้งทำเป็นลืมเสีย ลืมว่ากรอบประเพณีขีดคั่นระหว่างชายหญิงชาวทิชกูเป็นเช่นไร
ตราบแผ่นดินจรดผืนฟ้าแห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดสวยงามและยิ่งใหญ่เท่าธรรมชาติอีกแล้ว รวมทั้งความรู้สึกซึ่งธรรมชาติของมนุษย์รังสรรค์ขึ้นในใจเรา
เธอเคยพานักท่องเที่ยวมาที่นี่บ่อยไหมนะ คาชาล ลลิลดาถามทีเล่นทีจริง ถ้าใครได้มาที่นี่ ฉันรับรองได้เลยว่าพวกเขาต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
คุณเป็นนักท่องเที่ยวคนแรกที่ได้มาที่นี่ แม้แต่ชาวทิชกูเองก็น้อยนักที่จะเคยมา สำหรับสายตาคนอื่นมันก็เป็นเพียงเขาหินธรรมดานี่ครับ
แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่ามันมีหน้าผาอีกด้านหนึ่งล่ะจ๊ะ
คาชาลนิ่งไป เขาหินแห่งนี้คือปราการธรรมชาติซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐมิได้ให้ความสนใจ เขาใช้มันเป็นสถานที่ลอบส่งข่าวสารติดต่อคนจากโลกภายนอก
หากพี่หรือวิคเตอร์ทราบว่าเขาพาคนนอกมายังที่แห่งนี้ เขาคงไม่แคล้วถูกตำหนิหรือตัดออกจากแผนการก็เป็นได้ ชายหนุ่มเริ่มวิตก แต่ความต้องการสร้างความประทับใจให้แก่เธอมีมากพอกัน
ผมเคยลองปีนขึ้นมาเรื่อยๆ จนเจอซอกหินแคบๆ นี่แหละครับ เขาตอบกว้างๆ ก่อนเอ่ยคำขอร้องเมื่อนึกได้ คุณอย่าบอกใครได้ไหมว่าผมพามาที่นี่ แม้แต่ติลมา
ลลิลดานึกถึงข้อห้ามระหว่างชายหญิง แล้วจึงตอบตกลงง่ายดาย ฉันไม่บอกใครหรอกจ้ะ เธออุตส่าห์พาฉันมาชมสถานที่สวยๆ ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวอย่างนี้ ฉันถือว่าเป็นทริปพิเศษเชียวนะ
เธอยื่นมือขวาออกมา ทว่าอีกฝ่ายกลับมองอย่างลังเล เขารู้จักธรรมเนียมการจับมือดี แต่จะให้ยื่นมือไปสัมผัสมือเจ้าหล่อนอย่างตั้งใจก็อดเก้อกระดากไม่ได้
โธ่เอ๋ย เขาเคยปรามาสพฤติกรรมเธอไว้มากมายทีเดียว หากแท้จริงเธอคือผู้หญิงที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังใจกว้างเรียนรู้วัฒนธรรมผู้อื่น
คาชาลมองมือเล็กบางนั้นสลับกับใบหน้าสะสวยซึ่งอาบด้วยแสงจันทร์ รอยยิ้มฉันมิตรประดับบนกลีบปากอิ่ม ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เขาขณะยื่นมือออกไป
จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ คาชาล ฉันจะระลึกถึงเธอในฐานะมิตร และขอให้เธอระลึกเสมอว่ายังมีเพื่อนจากแดนไกลคนนี้อีกคน
สองมือประสานกันแน่นเสมือนมิตรภาพที่ร้อยรัดถักทอ ความแตกต่างทางด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมิตรภาพและความปรารถนาดีซึ่งเพื่อนพึงมีต่อกัน
พระจันทร์ค่อยเคลื่อนคล้อยพร้อมกับดวงดาวอ่อนแสงลงตามลำดับ แสงทองของวันใหม่ฉายขึ้นช้าๆ จากเทพผู้กำหนดชะตาชีวิตแห่งสัตว์โลกทั้งมวล
ตราบแผ่นดินจรดผืนฟ้านั้น พระอาทิตย์ผุดขึ้นฉายแสงอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับภาพช้าให้เธอจดจำทุกรายละเอียด ณ ช่วงเวลานี้ไว้ตลอดไป
คาชาล... พ่อรูปเหมือนพระเอกขวัญใจ อารมณ์อ่อนไหวแปรปรวนของเขาเคยสร้างความประหลาดใจ แต่คนคนเดียวกันนี้ก็ยังสร้างความประทับใจให้แก่เธอจริงๆ
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
7 เม.ย. 55 10:49:29
|
|
|
|