(ต่อ)
แสงตะวันก้าวเข้ามาในร้าน ‘บ้านพิมพัฒ’ ในช่วงเย็นของวันจันทร์ ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากเจ้าของร้านหนุ่มและเด็กเสิร์ฟเหมือนเช่นทุกครั้ง และหลังจากทักทายกับทุกคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าไปในครัวเพื่อทานอาหารและพูดคุยกับเจ้าของร้านสาวคนสวยที่มักขลุกอยู่แต่ในครัวเสมอเมื่อเขามาถึง
“มีอะไรให้ทานบ้างมั้ยครับ” ชายหนุ่มถาม
พริมาละสายตาจากหม้อน้ำซุปที่กำลังเคี่ยวหันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง ผิดกับแม่ครัวอีกสองคนที่กระวีดกระวาดยกอาหารมาวางตรงหน้า เพราะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้แสงตะวันจะมา จึงเตรียมอาหารไว้รอ
“วันนี้ป้าทำหน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้งให้พ่อแสงด้วยนะ หน่อไม้เขาทั้งสดทั้งกรอบ รับรองว่าพ่อแสงต้องชอบแน่ๆ” ป้าอุ่นบรรยากาศสรรพคุณเอาใจ
“ขอบคุณมากครับ”
“ป้าก็ทำแกงเลียงผักรวมให้ อาจจะเผ็ดนิดหน่อยเพราะต้องใส่พริกไทยดำ พ่อแสงน่าจะทานได้นะ” ป้าจันเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
“ทานได้ครับ ขอบคุณป้าจันกับป้าอุ่นมากครับ” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม เมื่อป้าทั้งสองเอ็นดูและห่วงใยเขาถึงขนาดนี้ ก่อนละสายตาไปมองแผ่นหลังของร่างบอบบางที่ยังสนใจแต่หม้อน้ำซุปไม่เลิก
“พ่อแสงกินเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหมดก็เติมได้อีก ป้าทำไว้เต็มหม้อเลย” ป้าจันบอกก่อนจะผละไปทำงานของตนต่อเช่นเดียวกับป้าอุ่น
“ได้ครับ ขอบคุณป้ามากครับ” เขารับคำก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารรสเลิศที่บรรจุความตั้งใจไว้อย่างเต็มเปี่ยม
ชายหนุ่มทานข้าวในจานหมดอย่างรวดเร็วและไม่ขอเติมรอบสอง เพราะต้องการเจียดเวลาที่มีนั้นไปช่วยงานแม่ครัวทั้งสามคน ตอนนี้พริมาเคี่ยวน้ำซุปของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังผละไปหั่นผักหลายชนิดเพื่อเตรียมไว้ ส่วนแม่ครัวรุ่นใหญ่ทั้งสองกำลังหั่นเนื้อหมูและจัดเตรียมของสดอยู่
“ให้พี่ช่วยอะไรมั้ยครับ” แสงตะวันถามขึ้นเมื่อเดินไปเก็บจานชามที่อ่างล้างซึ่งอยู่ใกล้กับพริมา หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเลี่ยงนำผักไปวางอีกที ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วในความผิดปกตินั้น
เมื่ออาทิตย์ก่อน พริมายังคุยดีกับเขาอยู่เลยแถมยังใจดีทำอาหารให้เขาทานอีกด้วย และท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปมาก ดูเป็นมิตรและใส่ใจเขามากขึ้น แต่แล้วทำไมวันนี้ถึงได้กลับมาทำมึนตึงใส่เขา
หรือเขาจะทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ชายหนุ่มถามตัวเองก่อนส่ายหน้า คงไม่ใช่หรอก เพราะเขาไม่ได้มาที่นี่สองวันแล้ว ไม่น่าจะทำเรื่องให้เธอขุ่นเคืองได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปถามอีกครั้ง เขายังไม่ละความพยายามที่จะหาคำตอบให้ได้
“เปล่าค่ะ ตอนนี้พิมกำลังยุ่ง พี่แสงออกไปข้างนอกดีกว่านะคะ ในครัวจะได้ทำงานสะดวกขึ้น” พริมาเอ่ยไล่ทางอ้อมด้วยน้ำเสียงที่มึนตึงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ทำอะไรให้น้องพิมไม่พอใจหรือครับ”
“เปล่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอตอบก่อนจะเป็นฝ่ายเลี่ยงออกไปเอง ปล่อยให้แสงตะวันมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“พ่อแสงมาช่วยป้ายกหม้อนี้ลงหน่อยจ้ะ” ป้าจันเอ่ยขอแรง ชายหนุ่มรับคำก่อนตรงเข้าไปช่วย
หม้อใบใหญ่บรรจุน้ำสีดำข้นที่กำลังเดือดพล่าน ส่งควันลอยฟุ้งและกลิ่นหอมๆ ของเครื่องยาจีน ถือเป็นเมนูเอกของที่นี่อีกหนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือ ซี่โครงอ่อนตุ๋นยาจีน ความร้อนของมันทำให้แสงตะวันต้องหาผ้ามาจับป้องกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง
แต่เพราะความใหญ่ของหม้อและความร้อนที่เลยจุดเดือด ทำให้เขายกไม่สะดวกนัก แม้จะใช้ความระมัดระวังแค่ไหนแต่ก็ยังถูกน้ำร้อนกระเซ็นเข้าใส่จนได้
“โอ้ย!” ชายหนุ่มร้องพร้อมสะดุ้ง ก่อนจะรีบวางหม้อไว้อีกเตา พร้อมทั้งถูแขนข้างนั้นเบาๆ
“เจ็บมั้ยพ่อแสง มาให้ป้าดูหน่อย” ป้าอุ่นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและดึงแขนของเขามาสำรวจ รอยแดงปรากฏขึ้นบนท้องแขนแข็งแรงเป็นปื้นวงใหญ่ จนป้าอุ่นต้องดึงตัวของเขาไปยังอ่างน้ำใกล้ๆ
“ไม่เป็นไรครับ แค่แสบๆ นิดหน่อยเองครับ” ชายหนุ่มบอก ระหว่างนั้นประตูห้องครัวเปิดออกพร้อมร่างบางของพริมาที่เดินเข้ามา หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นแม่ครัวทั้งสองกำลังรุมล้อมแสงตะวันอยู่หน้าอ่างน้ำ
“อะไรคะ” หญิงสาวถามพร้อมเดินเข้าไปใกล้
“พ่อแสงมาช่วยป้ายกหม้อยาจีนน่ะจ้ะเลยโดนน้ำร้อนลวกใส่” ป้าจันบอกพร้อมซับแขนของเขาให้แห้งเพื่อจะทายาให้
“หรือคะ” น้ำเสียงของพริมาเต็มไปด้วยความห่วงใย “ทายาก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันจะบวมมากกว่านี้” แม่ครัวสาวบอกพร้อมเดินไปหยิบเจลว่านหางจระเข้สำหรับทาแผลน้ำร้อนลวกออกจากตู้เย็น
“ขอโทษพ่อแสงด้วยนะจ๊ะที่ทำให้ต้องเจ็บตัวแบบนี้” ป้าจันเอ่ยขอโทษอีกครั้ง ในขณะที่แสงตะวันยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ทันระวังเองมากกว่า”
“ทายาก่อนค่ะ” พริมาเดินกลับมาอีกครั้ง แม่ครัวใหญ่อีกสองคนเมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนไปหยิบยาก็ปล่อยหน้าที่ให้เธอเป็นคนจัดการ หญิงสาวก็ไม่อยากโยนภาระให้กับป้าทั้งสองและเห็นว่าเขายังเจ็บอยู่ หากให้จัดการเองคงไม่สะดวก เธอจึงจำต้องรับหน้าที่ปฐมพยาบาลเขาไปโดยปริยาย
ส่วนแม่ครัวทั้งสองเมื่อเห็นว่าแสงตะวันมีพริมาคอยดูแลอยู่แล้วก็หมดห่วง จึงแยกย้ายไปทำงานของตนต่อ แสงตะวันไม่อยากยืนเกะกะจึงเลี่ยงไปมุมหนึ่งเพื่อไม่ให้ขวางทาง
“พี่ขอโทษที่ทำให้น้องพิมต้องลำบาก” ชายหนุ่มพูดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินเฉพาะสองคน
“พิมไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ” เธอตอบเสียงเรียบ และบรรจงเกลี่ยเจลสีเข้มบนท้องแขนให้เขาอย่างตั้งใจ
“พี่ทำอะไรให้น้องพิมไม่พอใจหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแฝงความรู้สึกผิดไว้
“เปล่านี่คะ” หญิงสาวย้ำคำเดิม
“แต่ท่าทางของน้องพิมเปลี่ยนไป ถ้าพี่ทำอะไรให้น้องพิมโกรธหรือไม่พอใจ พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” แม้จะไม่รู้ว่าได้ทำสิ่งใดลงไป แต่เพื่อความสบายใจของตัวเอง เขาก็ยอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษเธอก่อน
“พิมบอกแล้วไงคะว่าพิมไม่ได้เป็นอะไร แค่...ก็แค่”
ไม่พอใจที่เห็นเขาสนิทกับคนอื่น...หัวใจตอบเช่นนั้น แต่จะให้ตอบอย่างที่หัวใจบอกได้อย่างไร
“บอกให้พี่รู้ความผิดของตัวเองได้มั้ยครับ” น้ำเสียงนั้นพูดอย่างอ้อนวอนและร้องขอ พริมาเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมกล้าของเขา ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ จนเธอต้องรีบละสายตามองไปทางอื่น
“พิม...พิมแค่เหนื่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบ และเดินเลี่ยงไปเก็บยาในตู้เย็น หลังจากที่ทายาให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แสงตะวันมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อรู้สาเหตุก่อนจะพูด “ถ้าพี่สามารถช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยนั้นได้ น้องพิมบอกพี่นะครับ พี่เต็มใจช่วย”
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้งานในครัวไม่มีอะไรแล้ว พี่แสงไปเตรียมตัวเถอะค่ะ พิมขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกก่อนจะเลี่ยงไปยังงานหน้าเตา แสงตะวันยืนมองแม่ครัวทั้งสาม จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าแม่ครัวรุ่นป้าทั้งสองไม่มีงานให้เขาทำแล้ว จึงผละตัวออกจากห้องครัวตามคำเชิญแกมไล่ของพริมา
. . .
งานของแสงตะวันดำเนินไปได้เพียงแค่ครึ่งทางก็มีอันต้องชะงักหยุดลง เหตุเพราะฝนได้ตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลาสามทุ่มกว่า หลายคนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะมีกระแสลมและฟ้าที่แลบเป็นระยะคอยเตือนมาแต่ไกล ลูกค้าส่วนใหญ่เมื่อเห็นฝนตั้งเค้ามาก็เริ่มทยอยกลับเพราะเกรงจะติดฝนกัน แต่ก็ยังมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่กลัว เนื่องจากด้านบนมีหลังคาคอยกันแดดฝนอยู่แล้ว ส่วนแสงตะวัน เมื่อเห็นลูกค้ายังนั่งฟังอยู่ เขาก็ยังเล่นต่อไป จนเมื่อละอองฝนพัดผ่านมานั่นแหละ เขาจึงหยุดเช่นเดียวกับลูกค้าที่ยอมล่าถอยเมื่อสายฝนลงเม็ดหนักขึ้น
เด็กเสิร์ฟคนอื่นๆ เมื่อเห็นลูกค้ากลับหมดแล้ว จึงทยอยกันเก็บร้านให้เรียบร้อย โดยมีแสงตะวันเป็นลูกมือช่วยอีกแรง เพราะไม่ต้องการนั่งรอให้ฝนหยุดเฉยๆ เขานั่งรอเพื่อให้ฝนหยุดตกก่อนถึงจะเดินทางกลับ เพราะวันรุ่งขึ้นเขาไม่มีงานที่ไหนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับ
ฝนเริ่มจะซาเม็ดหลังจากเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า เด็กเสิร์ฟผู้ชายสี่คนออกมาจัดการกับลานด้านนอกที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้และกิ่งไม้จากกระแสลมแรงที่หอบเข้ามา แม้ว่าลานด้านนอกจะมีหลังคาและมีกันสาดผ้าใบเลื่อนลงมากันฝนอีกชั้น แต่ก็ไม่อาจต้านกระแสลมที่พัดกระหน่ำมาได้ แสงตะวันออกมาช่วยเพื่อให้จะได้เสร็จเร็วขึ้นและทุกคนจะได้กลับบ้านกัน
“นี่ดีนะครับที่มีหลังคาและกันสาด ไม่งั้นโต๊ะพวกนี้คงเสียหมดแล้ว” พัฒนะบอก ขณะที่เด็กเสิร์ฟช่วยกันดึงสายกันสาดเพื่อเก็บม้วนให้เรียบร้อย
“แล้วนี่คุณพัฒน์จะเก็บแล้วหรือครับ ผมว่าปล่อยไว้ก่อนดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าฝนจะตกอีกหรือเปล่า ด้านโน่นผมยังเห็นฟ้าแลบๆ อยู่เลย” แสงตะวันบอกพร้อมทั้งบุ้ยหน้าไปยังท้องฟ้าสีดำสนิท
“นั่นสินะครับ ถ้าเก็บแล้วคืนนี้ตกลงมาอีก คงแย่เลย” พัฒนะเริ่มเห็นด้วย “น่าแปลกนะครับ ช่วงนี้ก็ไม่ใช่หน้าฝนด้วย” เจ้าของร้านพูดพลางขมวดคิ้ว
“ตอนนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้แล้วครับ โลกเปลี่ยน อากาศเปลี่ยน หน้าฝน หน้าร้อนสลับกันหมดแล้ว”
“นั่นสินะครับ” พัฒนะเห็นด้วย “เมื่อช่วงเย็นผมดูข่าวผ่านๆ เขาบอกว่ามีพายุเข้าทางภาคใต้ แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงกรุงเทพเร็วขนาดนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งเก็บเลยครับ กันพลาด” แสงตะวันแนะนำ ทำให้พัฒนะต้องหันไปบอกเด็กเสิร์ฟสี่คนที่กำลังดึงเชือกเก็บม้วนกันสาดอยู่
“พี่ว่ากางไว้อย่างเดิมดีกว่า เผื่อคืนนี้ฝนจะตกมาอีก เขาว่าจะมีพายุเข้ามาด้วย” เจ้าของร้านบอกเด็กของตน
“ได้ครับ ผมก็กำลังจะบอกพี่พัฒน์อยู่พอดีเลย ว่ารู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ พัดมา คืนนี้ดึกๆ น่าจะตกลงมาอีกแน่เลย” อ๊อดบอก
“ยังไงก็ขอแรงอีกหน่อยนะ เสร็จจากตรงนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้ว น่าจะกลับกันได้” เขาบอกรวมๆ พร้อมตบบ่าอ๊อดซึ่งอยู่ใกล้ๆ เหมือนฝากให้ช่วยจัดการ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา เด็กหนุ่มรับคำแข็งขันพร้อมทั้งหันไปบอกเพื่อนอีกสามคน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งสี่จึงหันไปปลดสายเชือกที่เพิ่งดึงม้วนเก็บให้เลื่อนลงมาอีกครั้ง
แต่เพราะความเร่งรีบและต้องการให้งานเสร็จเร็วขึ้นของต้นทำให้เขาปล่อยมือจากเชือกเส้นนั้นออกเพื่อให้ผ้าใบที่ม้วนอยู่ด้านบนไหลเลื่อนลงมาเอง โดยที่คนจับเชือกอีกฝั่งไม่รู้การกระทำนั้นด้วย
“เฮ้ย! บอย ระวัง” ต้นร้องทักเสียงดัง แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะคานเหล็กที่ถูกปล่อยมาโดยเร็ว กระทบเข้ากับศีรษะของเด็กหนุ่มเต็มแรง
“โอ๊ย!” บอยร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมทั้งกุมศีรษะไปด้วย ความเจ็บนั้นทำให้เขาถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น
“บอย!” เพื่อนอีกสามคนเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
พัฒนะกับแสงตะวันที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในร้านหันมามองตามเสียงที่ร้องดังขึ้น สองหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะทันเห็นเสาเหล็กม้วนผ้าใบอันนั้นหล่นลงมากระทบศีรษะของบอยเข้าพอดี ก่อนจะรีบตรงเข้าไปดูอาการ
บริเวณด้านข้างของศีรษะเต็มไปด้วยเลือดสีข้นที่ไหลออกจนเลอะมือที่กุมไว้ พร้อมเสียงร้องโอดครวญของเจ้าตัวที่ดังมาอย่างต่อเนื่อง
“พี่พัฒน์ ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ไม่คิดว่าบอยจะยืนใกล้ขนาดนั้น” ต้นรีบบอกเสียงสั่น ใบหน้าของเขาซีดเซียวด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“เอาเถอะๆ อย่าเพิ่งมาพูดอะไรก่อนเลย มาช่วยกันพาบอยไปส่งโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” พัฒนะบอกเร็วๆ และพยุงให้บอยลุกขึ้น โดยมีเด็กเสิร์ฟอีกสามคนช่วยพยุงอีกแรง
“พิมอยู่ดูร้านนะ เดี๋ยวพี่พาบอยไปหาหมอก่อน” พัฒนะหันไปบอกน้องสาว ที่เพิ่งวิ่งออกมาดูเหตุการณ์พร้อมด้วยเด็กเสิร์ฟผู้หญิง เธอก็พยักหน้ารับเร็วๆ ก่อนจะก้าวตามไปส่งที่รถ และยืนรอจนรถยนต์ของพี่ชายขับลับไป
กระแสลมค่อยๆ พัดมาและเพิ่มระดับความแรงขึ้น หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าอันมืดสนิทก่อนห่อไหล่และรีบก้าวกลับเข้าไปในตัวร้าน เพราะเริ่มรู้สึกว่าลมแรงจะพัดเอาเม็ดฝนมาด้วย
“ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนรีบกลับเถอะ ก่อนที่ฝนจะตกลงมาอีกรอบ” เจ้าของร้านสาวบอกรวมๆ กับเด็กเสิร์ฟและแม่ครัวที่ยังยืนกันอยู่อย่างครบทีม
“บอยจะเป็นอะไรมั้ยคะพี่พิม” อ้อมถามเสียงสั่น
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก พี่พัฒน์พาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวก็หาย” เธอหันไปยิ้มปลอบ
“อ้อมรีบกลับบ้านเถอะ เมื่อกี้พี่เห็นฟ้าแลบๆ มาแล้ว อีกเดี๋ยวคงตกอีก รีบกลับก่อนที่จะติดฝน” ท้ายประโยคเธอหันไปบอกทุกคนอีกรอบ เพราะแต่ละคนยังยืนเฉยไม่ยอมขยับหรือมีท่าทีว่าจะกลับกัน
“ให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนมั้ยน้องพิม ระหว่างที่รอพัฒน์กลับมา” ป้าจันพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวพิมก็จะปิดร้านและขึ้นข้างบนแล้ว” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มและมองขึ้นไปด้านบน ซึ่งเป็นตัวบ้าน “เป็นห่วงก็แต่ทุกคน ถ้าฝนตกลงมาอีก ไม่รู้จะกลับกันได้มั้ย” เธอพูดอย่างเป็นกังวลและมองออกไปด้านนอก
“ถ้าอย่างงั้นตากลับก่อนนะคะ” ต้องตาพูดขึ้นเป็นคนแรกก่อนจะหันไปพยักหน้าชวนอ้อม หนิงและเมย์ สามสาวหันมาบอกลาพริมาก่อนจะเดินไปด้านหลังเคาน์เตอร์เพื่อหยิบกระเป๋า เช่นเดียวกับสองแม่ครัวรุ่นใหญ่ ส่วนเก่งไม่มีอะไรติดตัวเหมือนสาวๆ เขาจึงยืนรออยู่หน้าประตู
. . .
จากคุณ |
:
latics1
|
เขียนเมื่อ |
:
7 เม.ย. 55 20:57:14
|
|
|
|