Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 15 โลกต่างมิติ ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 15 โลกต่างมิติ

“สองคนนั้นจะขลุกอยู่ในห้องอีกนานไหม” การ์กลับไปเก็บข้าวของเตรียมไปช่วยริเรียที่ถูกเวเบอร์ลักพาตัวไป

เหตุใดจำต้องไปช่วยผู้หญิงจอมเผด็จการคนนั้นด้วย เขาคิดแล้วอยากให้นางถูกจับต่อไปเรื่อยๆ ส่วนไลล่าที่จะเดินทางไปกับเขาก็ถูกดึงตัวไปอยู่ในห้องกับเจ้าปากหนักสองต่อสอง เรื่องที่หญิงสาวเกิดจากการหลอมรวมกันของนางมังกรครึ่งมนุษย์และนางอัศวินมังกรเป็นข้ออ้างให้ไบรอันเกาะติดนางราวเห็บสุนัขพอฟังขึ้น เรื่องที่ฟังไม่ขึ้นคือนางมังกรครึ่งมนุษย์คนรักเก่าแก่เพิ่งตายไปก็หาคนใหม่ต่างหาก เขาคิดว่าไบรอัน บรู๊คกำลังทำให้ชื่อของผู้กล้าแสงตะวันมัวหมอง

“ไม่ต้องกังวลหรอกสุดที่รัก” แม้ยามกลับที่พักมารีน่ายังใช้เขาเป็นของเล่นเหมือนเคย สองมือเกาะแขนเขาราวกับเป็นคนรัก ทางด้านวิหารแก้วผลึกนางโยนงานให้หญิงจากอนาคตดูแลแทน “อีกฝั่งหนึ่งที่ท่านจะไปเวลาจะเร็วกว่าทางนี้ร่วมสามเท่า สามชั่วโมงของทางนั้นคือหนึ่งชั่วโมงของทางนี้ ถึงท่านกับไลล่าจะใช้เวลาตามหาริเรียหกวัน พอกลับมาท่านจะพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น”

“แล้วทำไมต้องมาเกาะแขนข้าอย่างนี้ด้วย” เขาใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสเพื่อเก็บเสบียงอาหารใส่ถุงเล็กด้วยมือเพียงข้างเดียว

“ก็เพราะข้ารักท่านอย่างไรละการ์” นางทำให้เขาหยุดกึก ดวงตาสีมรกตขี้เล่นจนมองไม่ออกว่าพูดจริงหรือไม่ นางคือวิญญาณครึ่งหนึ่งของไบรอันจะมารักเขาได้อย่างไร “นึกว่าจะดีใจเสียอีก ข้ารักท่านเหมือนกับที่ข้ารักคนอื่นๆ ไบรอัน ริเรีย ไลล่า อลัน เวเบอร์ โฟเรีย แม้แต่จอมปีศาจก็ด้วย...ผู้หยั่งรู้จะต้องมอบความรักแก่ผู้คนอย่างเท่าเทียม หากทำให้ใจไขว้เขวเอนเอียงไปที่ใครคนหนึ่งจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบไหนขึ้นข้าก็ไม่อาจรู้ได้” นางผู้หยั่งรู้ถอนหายใจแล้วขอตัวไปก่อกวนคู่รักหวานแหววสักนิด

แม่นางไลล่าพร้อมเดินทางเมื่อเลยเวลาอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ผู้กล้าแสงตะวันมีสีหน้าสดใสกว่าตอนพบไลล่าครั้งแรก เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่เขาอยากจับผู้กล้าคนนี้มาสับเป็นชิ้นๆด้วยความที่รู้มาก ปากหนัก หลอกใช้คนอื่น ตอนนี้ยังมีความรักหน้าตาเฉยไม่ได้สอนเขาเกี่ยวกับหนทางการเป็นผู้กล้าเลยสักครั้ง ไลล่าสร้างกลุ่มก้อนอากาศสีดำทมิฬกว่าหยดหมึกขึ้นกลางอากาศพร้อมเดินทางสู่มิติของสัตว์ปีศาจ มารีน่าแอบไปกระซิบอะไรสักอย่างข้างหูหญิงสาวแล้วหัวเราะไม่หยุด

“ข้าใส่ไฟให้นางเล็กน้อย ตอนเจอเวเบอร์ที่โน่นจะได้สนุกขึ้นอีกนิด” มารีน่ายิ้มแล้วดันให้เขาเดินเข้าไปในก้อนอากาศที่หมุนวนเป็นรูปก้นหอย...


การ์รู้สึกเหมือนกระโดดผ่านผิวน้ำ เขาหายใจไม่ออกอยู่อึดใจหนึ่งจึงสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นยะเยือกของป่าหินสีหม่น ต้นไม้รอบข้างมีใบเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ ส่วนลำต้นนั้นเป็นหินแกร่งเหมือนคบเพลิงขนาดใหญ่ ทว่าเปลวไฟสีแดงสดกลับปล่อยความหนาวเย็นออกมาแทน เขาหยิบขนปีกของการ์ลูสออกมาจากกระเป๋ากางเกง มารีน่าบอกเอาไว้ว่าให้เขาตามหาการ์ลูสให้เจอก่อนเป็นอย่างแรก  

ขนนกสีฟ้าใสถูกโยนขึ้นเขาเอ่ยนามของนกปากมาก ขนนกพลันเปล่งแสงสีฟ้าสดรอบตัวเขาสองคนทันที แรงกระชากเหมือนเครื่องในถูกดึงรั้งเข้าโจมตีจนเขาไม่กล้าปล่อยมือไลล่า จนกระทั่งแสงสีฟ้าหายไปรอบด้านเขาก็กลายเป็นรังมังกรดำ รอบตัวมีแต่มังกรเกล็ดดำทั้งตัวใหญ่เท่าภูเขาและเล็กเท่าลูกม้า การ์มองเห็นการ์ลูสกำลังยืนอยู่กับเด็กผู้ชายกับหญิงสาวอีกหนึ่งคน บางทีผู้หญิงผมสีเหลืองคนนั้นอาจเป็นผู้ช่วยที่มารีน่าพูดถึง การ์ลูสในสภาพคนครึ่งนกโค้งคำนับพวกเขาทันที

“การ์ลูส เวเบอร์ลักพาตัวริเรียมายังโลกปีศาจนี้ โชคดีไลล่าใช้วิชาเรียกสัตว์ปีศาจพาพวกเราเข้ามา แต่ข้าไม่รู้ว่าควรไปหาจากที่ใดจึงมาขอให้เจ้าช่วย” การ์รีบอธิบายสถานการณ์ทันควัน เจ้านกเพลิงให้ความเคารพกับเขาแค่เปลือกนอกเท่านั้นมันสาธยายเกี่ยวกับเด็กชายผมสีน้ำตาลอย่างเสียไม่ได้ การ์รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างประหลาด ผมสีน้ำตาลเหมือนกับเขา แถมยังคาดดาบสีแปลกๆอีก

“เด็กชายคนนี้มาจากโลกอื่นที่เชื่อมโยงกับโลกของสัตว์ปีศาจนี้ขอรับนายท่าน” เจ้าคนครึ่งนกลากเด็กชายอายุราวสิบห้าปีคนนั้นให้เขาดูตัวชัดๆ “เขาจำเป็นต้องทำภารกิจอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ความสามารถและพลัง พอดีข้าน้อยไม่รู้จะให้เขาทำอะไรจึงอยากขอให้พวกท่านรับเขาเดินทางไปด้วยจนกว่าจะพบท่านริเรีย เขาเข้ามารับการทดสอบแบบนี้คงมีฝีมือพอตัว” การ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เด็กตัวเล็กๆคนนี้หรือคือผู้ช่วยเหลือที่มารีน่าพูดถึง

“เอาสิ คนช่วยยิ่งมากยิ่งดี” การ์หันไปพยักหน้ากับไลล่า ความมั่นใจในตัวเองของหญิงสาวมากขึ้นหลังจากได้เห็นภาพอดีต “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวเบอร์พาตัวริเรียไปที่ใด” เจ้านกเพลิงก็ตอบอย่างนบนอบเกินจำเป็นว่ามีมังกรดำเห็นเวเบอร์ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นปราสาทฤดูร้อนของเทพีไวน์แห่งดินแดนนี้

“ข้ามีตำแหน่งจักรพรรดิของเหล่านกเพลิงค้ำคออยู่ขอรับ หากอยู่ในดินแดนนี้ข้าต้องเป็นธรรมกับทุกชีวิต จะช่วยท่านโดยไม่เหลียวแลพวกพ้องคงไม่ได้” แล้วเจ้านกเพลิงก็เปิดฉากพูดฉอดๆตามนิสัยมัน “เจ้าหนูหากกลัวอยากกลับก็เรียกชื่อข้าว่าโฟเรีย รับรองได้ว่าข้าจะไปช่วยพากลับทันทีแต่จะไม่มีสิทธิ์ทดสอบต่ออีก แต่ท่านไลล่าโปรดอย่าเรียกข้าน้อยออกไปช่วยนะขอรับ ได้โปรดเข้าใจสถานภาพของข้าน้อยด้วย”

เด็กชายใช้เวลาชั่วครู่บอกลาหญิงสาวผมสีเหลืองทอง การ์รู้สึกคันปากอยากถามเด็กน้อยว่าโลกอื่นที่เขาอาศัยอยู่เป็นอย่างไรแต่เหยื่อรายแรกในตอนนี้คือไลล่า เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเจ้าปากหนักดำเนินไปถึงขั้นไหน และนางจะช่วยเขาต่อสู้กับจอมอสูรหรือไม่

“ข้าชื่อการ์ จัสติน ส่วนนั่นไลล่า...” การ์แกล้งทำเป็นนึกชื่อสกุลของหญิงสาว พลางคิดว่าควรหยอกเล่นแบบนี้หรือไม่ “ชื่อสกุลเจ้าคืออะไรนะไลล่า บรู๊ค ไม่สิเฟียร์เลส เอ้อข้าหมายถึงแลนเซลท์น่ะ นางชื่อไลล่า แลนเซลท์” เขาหัวเราะร่วนแต่หญิงสาวไม่หัวเราะด้วย ระหว่างรอไลล่าตอบกลับเด็กน้อยจึงแนะนำตัวว่าชื่อการ์ ลาร์ธาเนียร์ ชื่อเดียวกับเขาทว่าชื่อสกุลต่างกันจึงขอให้ไลล่าเรียกพวกเขาด้วยชื่อสกุลเพื่อกันการสับสน กว่าหญิงสาวจะสรรหาคำตอบรับการแนะนำตัวได้ก็ออกจากเขตภูเขาหินรังมังกรดำมาแล้ว

“การ์ เอ้อจัสติน ท่านจะเผลอเปลี่ยนชื่อสกุลข้าให้เป็นชื่อสกุลเดียวกับสุดที่รักยังพอว่า อย่าริอ่านเปลี่ยนเป็นชื่อสกุลของเจ้าบ้านั่น ถ้าท่านทำแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองให้ระวังข้าเผลอลงดาบผิดบ้างละ อย่างเช่นตาฝาดเห็นท่านเป็นเวเบอร์ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงหยุดมือไม่ได้ง่ายๆหรอก” ไลล่าหักนิ้วกรอบเป็นการขู่ เขายังไม่แน่ใจอยู่ดีว่านางอยากเปลี่ยนชื่อสกุลตัวเองให้เหมือนกับไบรอันหรือเวเบอร์

เด็กชายเดินห่อไหล่เสมองข้างทางการ์จึงหันมาคุยกับไลล่าอย่างจริงจังเสียก่อน หญิงสาวตอบเขาตามตรงว่าหลงรักผู้กล้าแสงตะวันตั้งแต่แรกเห็น อีกทั้งนางไม่สนด้วยว่าฝ่ายชายเคยมีคนรักเก่าหรือไม่ ความรักของนางบริสุทธิ์และใสสะอาดดังความรักของมารดา การ์มีลางสังหรณ์ประหลาดว่าอลิเซียที่มาจากอนาคตคือลูกสาวของไลล่า เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงคิดแบบนั้น

“ช่วยเล่าเรื่องของไบรอันให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่” ไลล่าพูดออกมาตรงๆว่านางอยากรู้เรื่องของคนที่นางรักมากกว่านี้ “มีแค่ไหนก็เล่าแค่นั้น เขารู้จักข้าดีเพราะวิญญาณและร่างของข้าเคยเป็นสหายของเขา ฝ่ายข้าสิแทบไม่รู้เรื่องของเขาเลยแม้แต่น้อย”

“เอาสิ ตอนเริ่มแรกข้าถูกเจ้าการ์ลูสพาวิ่งเสียค่อยคืนจนไปเจอกับไบรอัน เขาช่วยคนในหมู่บ้านของข้าจากฝูงปีศาจภายใต้การนำของเวเบอร์ เขาช่วยปลอบใจข้าด้วยซ้ำที่พ่อบุญธรรมของข้าตาย” การ์เริ่มเล่าเรื่องราวของไบรอันนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก ตอนนี้เขากล้ายอมรับอดีตและความตายของผู้เป็นที่รักได้แล้ว

การ์ไม่รู้จะนินทาเจ้าปากหนักเรื่องอะไรต่อจึงคิดจะคุยกับเด็กน้อยที่เดินมาด้วยกัน ตอนนี้พวกเขาเดินเข้าเขตป่าโอ๊คเขียวชอุ่มได้ยินไลล่าบ่นกับตัวเองว่าเหตุใดที่นี่จึงดูแปลกประหลาด ทั้งกลุ่มเมฆฝนที่ไม่เคลื่อนตามลมและเขตพื้นที่ใกล้กันแต่สภาพต่างกันโดยสิ้นเชิง

“เจ้าหนู เจ้าเข้ามาในโลกปีศาจนี่ทำไมหรือ” การ์ถามเด็กน้อย คิดว่าเพราะเทพผู้สร้างโลกเป็นคนกลุ่มเดียวกันภาษาที่ใช้จึงเหมือนกัน “เพื่อนข้าถูกคนหลงผิดจับลักพาตัวมาที่นี่ พวกข้าสองคนจึงต้องเข้ามาในโลกปีศาจนี้เพื่อนำตัวนางกลับไป” เขาหันไปมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง สัญชาตญาณการเดินป่าเก่าเก็บของเขากลับมาอีกครั้ง

“เวเบอร์หรือหลงผิด” ไลล่าแหวขึ้น นางโกรธจัดจนดวงตาสีอำพันแทบเปล่งแสง การ์เชื่อแล้วว่ามีส่วนของซาราห์อยู่ในตัวหญิงผู้นี้จริงๆ “เจ้านั่นเป็นแค่ผู้ชาย:-)ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่อย่างนั้นจะจับผู้หญิงไปเป็นตัวประกันหรือ”

“ข้าอยากเก่งขึ้นขอรับ เพื่อนข้าถูกผนึกเอาไว้ใช้งานอย่างโหดร้าย ข้าจะต้องเก่งขึ้นเพื่อช่วยนาง” เสียงแหบเพิ่งแตกหนุ่มของเด็กชายเรียกรอยยิ้มจากการ์ เด็กชายคนนี้ท่าทางจะเป็นเพื่อนคุยที่ดีได้ หากเขาตีสนิทกับไลล่ามากไปอาจถูกไบรอันกับเวเบอร์รวมหัวกันฆ่าหมกป่าเสียก่อน

“ข้าเรียนสาขาผู้ใช้สัตว์ปีศาจ แต่ก็ใช้เวทและอาวุธเวทได้ด้วยขอรับ” เด็กชายตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา ว่ามาฝึกวิชาเพื่อไปช่วยเพื่อนจากผนึกชั่วร้ายในโรงเรียนของเขา

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มาจากโลกต่างมิติจริงๆ ดินแดนของข้ามีอีกดินแดนหนึ่งที่เชื่อมต่อกันด้วยประตูมิติ ดินแดนของข้าแทบไม่มีใครรู้จักวิชาเรียกสัตว์ปีศาจเลย ไลล่าเป็นคนดินแดนเดียวกับข้าคนแรกที่ใช้วิชาเรียกสัตว์ปีศาจได้ตามที่เจ้าการ์ลูสเล่า แล้วการใช้อาวุธเวทมันเป็นอย่างไร เหมือนอาวุธวิเศษที่มีพลังของตัวเองหรือเปล่า”

กลายเป็นนิสัยของเขาไปเสียแล้วที่ช่างซักถามจนเกินพอดี พอได้ฟังว่าเด็กชายมาจากโลกอื่นจริงๆคำถามยิ่งผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ดในฤดูใบไม้ร่วง เขามัวแต่คุยกับเด็กชายจนเผลอเตะก้อนหินกระเด็นเข้าไปในดงไม้ พวกเขาหยุดมองหมูป่าแผงคอทองคำกระโจนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นมันก็รี่เข้าหาพวกเขาอย่างมุ่งร้าย แม้การ์ไม่อยากทำร้ายสัตว์ที่ไร้ความผิดแต่หากปล่อยไว้คงแย่ ดาบแสงตะวันตวัดขึ้นปล่อยไอความร้อนมหาศาลปะทะเผาผลาญหมูป่าโชคร้ายตัวนั้นในพริบตา

“พูดกันตรงๆเลยดีกว่า อยู่ที่นี่คงไม่ต้องกลัวสาวกของจอมอสูรหรือคนธรรมดาจะได้ยิน” การ์เสียบดาบประจำตัวเข้าไปในซองข้างเอว เด็กชายตอบเขาว่าอาวุธเวทในโลกของตนเหมือนกับดาบที่การ์ใช้เมื่อครู่ “อย่าหาว่าน้ำเน่าเลยนะ พ่อข้าเป็นหุ่นเชิดให้จอมอสูรที่ชั่วร้าย เขาเป็นจอมปีศาจหน้าฉากเที่ยวทำร้ายผู้คนด้วยมุขเฝือๆอย่างส่งปีศาจไปโจมตี” เขาเล่าความจริงให้เด็กชายฟังอย่างไม่ปิดบัง รวมถึงความต้องการล้างแค้นของไบรอันด้วย

“พ่อบุญธรรมของข้าเคยบอกเสมอว่ากระรอกตัวเล็กๆมักตุนอาหารสำหรับหน้าหนาว เพราะพวกมันไม่คิดตุนอาหารสำหรับกินไปชั่วชีวิตจึงเป็นได้แค่นั้น ไม่เหมือนกับชีวิตของคนเรา เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ก้าวไปสู่สิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงและมีความสุขในปั้นปลาย ถ้ามัวแต่จดจ่ออยู่กับเป้าหมายเล็กๆน้อยๆก็ต้องค้นหาเป้าหมายต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วสักวันก็จะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เดินไปไหนไกลกว่าหน้าประตูบ้านเลยสักนิด...เพื่อนของข้าคนหนึ่งก็แสวงหาคนที่เก่งกาจมาประลองด้วย สุดท้ายก็ต้องตายทั้งที่ยังคาใจเรื่องผลแพ้ชนะ”

การ์อดแสดงภูมิความรู้ที่ได้รับมาจากพ่อบุญธรรมไม่ได้ เห็นเด็กชายมุ่ยหน้าก็อธิบายให้เข้าใจว่าควรคิดถึงเป้าหมายหลักเป็นสำคัญ หากมัวแต่คิดเล็กคิดน้อยคงไม่เป็นอันทำอะไรแน่ พอได้ยินว่าในโลกของเด็กชายไม่มีสงครามก็นึกอิจฉาจึงชี้นำว่าควรคิดเรื่องงานในอนาคตก่อนเป็นอันดับแรก

“เจ้าใช้เวทมนตร์ได้ใช่ไหมลาร์ธาเนีย” ไลล่าคำรามเบาๆ ทั้งสามมาหยุดหน้าหนองน้ำกว้างใหญ่สีดำสนิทจนน่าสงสัย กลิ่นเหม็นเน่าโชยหึ่งแทบสำลัก ไม่ต้องให้เขาบอกทุกคนคงรู้ว่าไม่ควรลุยฝ่าไปตรงๆ นางบ่นกับเขาว่าต้องยกความดีให้เวเบอร์ที่เอาแหวนของซาราห์มาให้ “มิราจ”

เมื่อสิ้นเสียงหญิงสาวแหวนพลอยที่นิ้วมือนางก็เปล่งแสง การ์เคยเห็นแบบนี้เมื่อนางอัศวินมังกรซาราห์เรียกมังกรสุดที่รักออกมา แสงจากแหวนก่อตัวกันแล้วปรากฏร่างของมังกรสามเขาสีเขียวขึ้นมังกรตัวนั้นมีขนาดใหญ่พอบรรทุกพวกเขาสามคนได้ในครั้งเดียว เจ้ามังกรสามเขายื่นหัวลงมาเลียหน้าการ์อย่างคนรู้จัก มันทำให้เขาคิดถึงความร่าเริงของซาราห์

“พวกเราสามคนจะขึ้นไปนั่งบนหลังมิราจต่างหาก ข้ากับจัสตินใช้เวทมนตร์ได้ที่ไหนกัน” แลนเซลท์ทำให้เด็กชายร้องอ้าวทันควัน

การ์กับเด็กชายลอยขึ้นไปนั่งบนหลังมังกรด้วยเวทมนตร์ของเด็กชาย ไลล่าต้องโยนดาบสลายเวทที่ได้รับจากองค์เทพีมาให้การ์จึงจะลอยขึ้นมาได้ มังกรสามเขาร้องประท้วงเบาๆเนื่องจากเคยให้พวกเขาเหยียบโคนปีกปีนขึ้นไปนั่งทุกครั้ง เด็กชายคุยอวดทันทีว่าเขาเคยเห็นดาบแบบนี้สองเล่มผู้ถือมันเป็นอาจารย์ทั้งคู่ ไม่ต้องบอกการ์ก็ดูออกว่าเด็กชายร่าเริงและอยากต่อสู้มากแค่ไหน

“เดี๋ยวได้ลุยแน่ เวเบอร์คงไม่ปล่อยให้ทางราบรื่นนักหรอก”

การ์รีบหุบปากก่อนการเหินบินของมังกรเขียวที่ชวนให้เผลอกัดลิ้นตัวเอง ผืนน้ำสีดำข้างล่างเต็มไปด้วยระลอกคลื่นจากลมปีก คนครึ่งงูที่แฝงตัวอยู่ใต้ผิวน้ำโผขึ้นมาเอื้อมมือจับอุ้งเท้ามังกรอย่างดุร้ายแต่พลาด มังกรเขียวสามเขาก็รู้งานพ่นไฟดักทางเอาไว้จนมันสามารถบินสูงพ้นดงไม้ใหญ่ เขาอุทานเบาๆว่าดีแล้วที่ไม่ต้องฆ่าฟันกัน

“การผลาญชีวิตไม่ใช่ทุกสิ่ง บางครั้งทางออกที่สั้นที่สุดอาจไม่ต้องสังเวยชีวิตใครเลยก็ได้” การ์พูดกับเด็กชายเบาๆ

ส่วนไลล่าบังคับให้มังกรสามเขาบินอ้อมฝูงคนครึ่งนกหน้าตาประหลาด ท่อนบนเป็นหญิงสาวสวยงาม ส่วนท่อนล่างและแขนกลับเป็นเหมือนนกแร้ง นางบอกเขาว่านั่นคือฝูงหญิงครึ่งนก พวกมันจงใจขวางทางพวกเขาตั้งแต่มังกรขึ้นบินแล้ว

“โชคดีที่มารีน่าให้โพยโคลงสัตว์ปีศาจมา แถมยังมีข้อมูลดีๆอีก” ไลล่าพูดกับการ์เบาๆ “แผงปีกสายฟ้า คมปากฤทธา อุ้งเล็บวิหคอสุรา ข้าขอเอ่ยนาม ราชาวิหคสายฟ้าเบลเร็กซ์” กลุ่มก้อนอากาศสีดำเกิดขึ้นแล้วดับวูบ พลันปรากฏร่างนกยักษ์แผงปีกสีฟ้าครามออกมาบินข้างมังกรเขียว มันพุ่งเข้าหาฝูงหญิงครึ่งนกพร้อมกับปล่อยสายฟ้าออกมาเป็นระลอก ไลล่ามองเด็กชายราวกับกำลังรอดูว่าเขาจะทำอย่างไร

“ถ้าเรียกระดับราชาหรือจักรพรรดิออกมาในมิตินี้อย่างมากก็หายกลับไปรังของตัวเอง แต่ถ้าเรียกระดับต่ำกว่านั้นมันจะตายจริงๆ” หญิงสาวลังเลว่าเด็กชายความจริงข้อนี้หรือเปล่า การ์ซักทันทีว่ามารีน่าบอกอะไรมากกว่านี้หรือไม่

“เอ่อ ฝ่าเท้าพญามาร เขี้ยวเล็บสังหาร เพลิงทมิฬชั่วกาล ข้าขอเอ่ยนาม จักรพรรดิมังกรแดงสคอรส์” เด็กชายใช้เวลานึกสักพักจึงร่ายโคลงเรียกสัตว์ปีศาจบ้าง

สิ่งที่ปรากฏข้างมังกรเขียวหลังจากก้อนอากาศสีดำขนาดยักษ์หายไปคือมังกรแดงเพลิงตัวใหญ่ราวขุนเขา ปีกสีแดงสดมีรอยปานสีเลือดหมูพาดเป็นรูปไม้กางเขนกว้างไกลบดบังท้องฟ้าจนมืดครึ้ม เสียงคำรามดังสนั่นราวโลกสลายทำให้ฝูงหญิงครึ่งนกตื่นกลัวแล้วหนีไปโดยไม่ต้องให้ออกแรง หลังจากสัตว์ปีศาจขนาดใหญ่ทั้งสองถูกส่งกลับ หญิงสาวกับเด็กชายแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวิชาเรียกสัตว์ปีศาจกันพอเป็นกระสาย ทำให้การ์รู้ว่าในโลกของเด็กชายมีโรงเรียนเวทมนตร์อย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง เป็นโลกที่สงบสุขจนน่าอิจฉา

พวกเขาเลือกลานแคบๆกลางป่าสนเป็นที่พักนอน ความรู้ในการเดินป่าที่ถูกพับเก็บไว้กลับมาอีกครั้ง ต้นสนใหญ่รอบที่พักทิ้งกิ่งสู่พื้นดินจะทำให้เกิดเสียงเมื่อมีคนเดินเหยียบ ดงต้นสนรอบข้างทำให้ควันไฟกระจายตัวไม่โดดเด่นเมื่อมองจากท้องฟ้า  เขาขอให้เด็กชายสร้างกองไฟใหญ่กลางที่พักและกองไฟย่อมๆอีกสี่กองล้อมพวกเขาเอาไว้ และขอให้เด็กชายเป็นยามผลัดสุดท้ายต่อจากเขาด้วย

“เดี๋ยวปลุก ก็เหมือนกับตื่นมาทำธุระตอนดึกแล้วหายง่วงนั่นละ” การ์จัดที่นอนเหมาะๆแล้วเอาเสบียงอาหารมาแบ่งกินกันสามคน ไลล่าจะเป็นยามผลัดแรกตามสังหรณ์ว่าเวเบอร์คงไม่ปรากฏตัวเร็วนัก ตัวเขาจะเป็นยามผลัดสอง ส่วนเด็กชายจะเป็นยามผลัดสุดท้าย...


เสียงกิ่งไม้หักทำให้การ์ลืมตาตื่นขึ้นในความมืดสลัว ไลล่าเดินมาปลุกเขาเพื่อให้อยู่โยงต่อเหยียบกิ่งไม้แห้งโดยไม่ตั้งใจ เขาแก้เก้อว่าการนอนเร็วตื่นเร็วเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินทางตามป่าเขา สุดท้ายก็อธิบายไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมสนใจเสียงกิ่งไม้หักมากกว่าเสียงแมลงรอบข้าง

“กินด้วยกันก่อนไหมไลล่า” การ์ตั้งหม้อขนาดเล็กต้มน้ำเหนือกองไฟคิดว่าจะต้มน้ำชากินสักหน่อย “จริงไหมที่มารีน่าบอก เวเบอร์ก็ชอบเจ้าเหมือนเจ้าปากหนักนั่น” การ์ทำให้หญิงสาวมุ่ยหน้า เสียงจักจั่นเรไรเงียบลงในความรู้สึกของเขา

“เจ้านั่นบอกว่ารักมาก ตอนที่เข้าพักในเมืองแก้วผลึกเขาเอาหนังสือและสมุดมาให้ บอกให้ข้าเรียนเขียนอ่านเพื่อกระตุ้นความรู้ในหัวให้กลับมา” ไลล่ากลับมานั่งฝั่งตรงข้าม ความรู้สึกบางอย่างของการ์บอกว่าหากนางอยู่ด้วยจะไม่มีสัตว์ร้ายหน้าไหนกล้ำกราย “บังเอิญไบรอันเข้ามาในห้องเพื่อชวนไปทานอาหารทั้งคู่จึงตีกันอีกตลบข้าต้องเรียกโฟเรียมาช่วยไกล่เกลี่ย สุดท้ายหมอนั่นโดนคาดโทษฐานทำตัวไม่เหมาะสมทำดีกับคู่ต่อสู้โดยใช่เหตุ อย่างน้อยก่อนจะนั่งคุยควรมีการปะทะต่อสู้ให้ดูเหมือนการดวลจริงๆสักหน่อย ข้ากลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว”

“สรุปว่าหนึ่งหญิงสองชาย และหมอนั่นต้องสู้กับเจ้าสักรอบก่อนจึงจะนั่งคุยกันได้อย่างนั้นใช่ไหม” การ์หัวเราะเบาๆ สำหรับเขาเวเบอร์เป็นทั้งมิตรและศัตรู จะให้ประกาศตนเป็นศัตรูแต่มานั่งคุยกันง่ายๆก็เกินไปสักนิด ไลล่าพยักหน้าดวงตาสีอำพันมองเข้าไปในกองไฟอย่างเหม่อลอย “ตอบข้าก่อนไปนอนได้ไหม ก่อนเข้ามาในมิตินี้มารีน่าบอกอะไรกับเจ้า”

“นางบอกว่าเวเบอร์มีคนรักอยู่แล้ว เป็นเพื่อนสมัยเด็ก” การ์มองเห็นความโกรธขึ้งในดวงตาสีอำพันวูบหนึ่งก่อนนางเดินไปที่นอนของตน

การ์เข้าใจคำว่าใส่ไฟของมารีน่าอย่างทะลุปรุโปร่ง ไลล่าที่ได้ยินคำรักจากเวเบอร์เมื่อได้ฟังเรื่องนั้นคงเดือดปุดๆยิ่งกว่างูโดนเหยียบหาง คงแค้นจนความรักที่มีหดหายกลายเป็นไฟในการต่อสู้ เขายังจำตอนที่ซาราห์ประดาบกับคริสทาร่าแห่งไพน์ได้ดี หากฝีมือของนางอัศวินมังกรสืบทอดสู่นางผู้นี้การต่อสู้คงน่าสนุกไม่น้อย เพราะเวเบอร์ไม่อยากเอาจริงในขณะที่หญิงสาวแค้นเขาจนอยากผ่าเป็นสิบส่วน

เขานั่งดื่มชาอุ่นๆกลางอากาศเย็นเสียดผิว เสียงกิ่งไม้หักเบาๆทำให้เหล่าแมลงหยุดร้อง เวเบอร์ปรากฏตัวออกมาจากเงามืดข้างพุ่มไม้แล้วโค้งคำนับให้ การ์อยากชวนชายตาสีพระจันทร์แดงมานั่งคุยเกี่ยวกับพ่อของเขาแต่นึกถึงเรื่องที่ไลล่าเล่าให้ฟังเมื่อครู่ เป็นศัตรูกันแท้ๆกลับมานั่งคุยกันอย่างสนิทสนม การกระทำแบบนี้จะทำให้อุดมการณ์ของทั้งสองฝ่ายฝ่ายขุ่นมัวเสียเท่านั้น

“รอให้เด็กคนนี้เป็นคนอยู่โยงก่อนเวเบอร์ ถ้าเรามานั่งคุยโดยไม่สู้กันเลยคนอื่นจะมองไม่ดี” การ์พูด เด็กชายละเมอออกมาเบาๆคิดว่าคงหลับสนิท ไลล่าไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าศัตรูคู่อาฆาตยืนอยู่ข้างที่พักนอน ชายตาสีพระจันทร์แดงโค้งคำนับเขาอีกครั้งแล้วหันหลังเดินกลับเข้าดงไม้ไปในความมืด เหล่าแมลงกลับมากรีดเสียงแหลมสูงอีกครั้ง...


เวลาผ่านไปจนดึกสงัดเป็นเวรอยู่โยงของเด็กน้อย การ์ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักอีกครั้งก่อนหลับสนิทด้วยซ้ำ รอบด้านเป็นสีดำมืดสนิทราวตาบอด กองไฟส่องแสงสลัวเหมือนมีม่านความมืดขึงกั้นไว้ มือขวาคลำหาดาบแสงตะวันแล้วสั่งให้มันเปล่งแสงทันที แสงนวลตาเหมือนดวงจันทร์จากดาบส่องให้เห็นรอบด้านได้ไม่ไกลนัก เวเบอร์เข้ามาเล่นงานคำเตือนของเขาจริงๆ

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:08:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com