ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11915632/W11915632.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11934699/W11934699.html
หมายเหตุ 1 เนื่องจาก ตอนท้ายๆของตอนที่แล้วถูกลบไปเพราะติดระบบกรองคำ
จึงขอ โพสต์ส่วนที่เหลือของตอนที่แล้วในกระทู้นี้
หมายเหตุ 2 ขออภัยกับการจงใจสะกดผิดเช่น
'โงร่' 'นรัง' 'เวร้ย'เพราะถ้าพิมพ์ตรงๆ มันจะโพสต์ไม่ผ่านครับ
ตอนที่ 2 (ต่อจากตอนที่แล้ว )
“ฉันจะยื่นข้อเสนอให้แก” ธวัช พูดขึ้นและโน้มน้าวด้วยวิธีเดิม “กิจการของฉันกำลังไปได้ดี และกำลังอยากได้ผู้ช่วย”
รัตติกรณ์ยังไม่ได้ตอบอะไร มองเห็นกระบอกปืนที่จ่ออยู่เป็นภาพลางๆ
“ว่าไง พนันได้เลยว่า แกจะรวยเป็นเศรษฐีภายในพริบตา”
ภาพลางๆในหัวของรัตติกรณ์มองเห็นชัดเจนขึ้น เด็กผู้ชายอายุราวๆสักสิบขวบ นั่งอยู่หน้าโต๊ะกลม ท่ามกลางกลุ่มชายสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มไปหมด มีปืนหลากหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะ เขาได้ยินเสียงเบาๆที่คนเหล่านั้นกำลังสนทนากัน
“เบเรตต้า ออโตเมติก กระสุน 9 มิลลิเมตร” รัตติกรณ์นึกรายละเอียดของปืนตรงหน้าออกหมด ทั้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ดูเหมือนจะป่วยการงั้นซี” ธวัช ส่ายหน้าเบื่อหน่าย หมดความอดทน “เอาล่ะๆ พวกแกมันก็ หน้าโง่เหมือนกันหมด งั้นก็ลงนรกได้แล้ว ลาก่อน ไอ้โง่”
ชายร่างโต ลั่นไก ทว่านกสับสำหรับตอกระเบิดกระสุนในรังเพลิงกลับไม่ยอมเหวี่ยง เขาแปลกใจพยายามยิงอีกหลายๆครั้ง แต่ก็ยังไร้ผล
“เฮ้ย ทำไมยิงไม่ออกวะ !” เขากัดฟันสบถ
รัตติกรณ์ประคองตัวขึ้นมา โซเซถอยไปข้างหลังนิดหน่อยเพราะความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในแขนซ้าย เขาตระหนักดีว่าแม้จะตอนนี้จะเหลือมือเปล่าเท่ากัน แต่การจะสู้กับคนตัวโตกว่าแถมเขาเองก็เจ็บแขนอยู่คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะเดียวกัน บุษบาซึ่งเรียกสติของตัวเองกลับมาได้แล้ว มองหาสิ่งของอะไรสักอย่างที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ เธอหยิบกรรไกรตัดกระดาษอันเล็ก ค่อยๆเดินไปที่หน้าประตูไม่ให้ธวัชได้ทันตั้งตัว
สาวน้อยต้องรวบรวมความกล้าเพื่อส่งกำลังให้ขาที่ยังสั่นเทาด้วยความกลัว ก้าวไปหาชายชั่วที่กำลังหมายเอาชีวิตเธอและรัตติกรณ์
ธวัช ไม่มีทางตกหลุมพรางง่ายๆนี้ เขาอ่านสายตาของรัตติกรณ์ที่มองไปข้างหลังออก เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าเบาๆที่คลืบคลานเข้ามา เมื่อสบโอกาสจึงย่อตัวหลบลอดผ่านท่อนแขนเรียวเล็กของบุษบาไปอยู่ข้างหลังเธอด้วยความรวดเร็ว
“ไม่เห็นจำเป็นที่ต้องช่วยนังเด็กนี่” ชายร่างใหญ่เอ่ย จ่อปืนที่ขมับของบุษบา ส่วนอีกมือหนึ่งล้วงเข็มฉีดยาขึ้นมาจากกระเป๋าหลังกางเกง “ถ้ายาเม็ดมันกินยากกินเย็นนัก ก็เปลี่ยนเป็นยาฉีดแทนดีกว่า”
ธวัช ยิ้มพลางกดปลายกระบอกเข็มฉีดยา ให้ของเหลวสีใสภายในไหลเยิ้มออกมา
รัตติกรณ์ มองเห็นช่องว่างไม่กี่วินาทีที่ธวัช เสียสมาธิไปอยู่กับเข็มฉีดยาจนปลายกระบอกปืนออกห่างจากศีรษะบุษบามากพอจะเป็นระยะปลอดภัยจากคมกระสุน เขาใช้ความสามารถเดียวกันกับที่ใช้ซ่อมสินค้าต่างๆที่ลูกค้านำมาที่ร้าน พลังพิเศษในการขยับสิ่งของชิ้นเล็กๆให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ สั่งให้ไกปืนเหนี่ยวนกสับเหวี่ยงจุดระเบิดกระสุนปืนทันที
ด้วยแรงระเบิดที่ชายร่างใหญ่ไม่ทันได้ตั้งตัว แรงถีบจากกระบอกปืนมากพอจนเหวี่ยงแขนไปอีกทาง และเป็นโชคดีที่ปืนก็กระเด็นหลุดมือไปด้วย
รัตติกรณ์รีบฉวยโอกาสพุ่งเข้าไปดึงตัวบุษบาออกมา และใช้กรรไกรอันเล็กของเธอแทงเข้าที่ต้นขาของธวัช เสียงกรีดร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่าดังก้อง ชายตัวโตทั้งเจ็บปวดและโมโหจนหน้ากลายเป็นสีเลือด
ในช่วงเวลาแห่งความหวัง รัตติกรณ์ไม่ลืมที่จะหยิบปืนขึ้นมาให้อุ่นใจ
“คุณบุษบา รีบออกไปรอข้างนอกก่อนครับ แล้วก็แจ้งตำรวจด้วย”
“แล้วคุณล่ะคะ”
“รีบไป เร็วเข้า !” รัตติกรณ์สั่งเสียงดัง
ธวัช หัวเราะเสียงดัง รีบหยิบปืนอีกกระบอกซึ่งเหน็บไว้ที่เอวออกมา “ไอ้พวกโงร่ พวกแกนี่มัน โงร่ ซ้ำซากจริงๆ”
“หยุดนะ ธวัช” รัตติกรณ์หันปืน จ่อไปทางชายร่างใหญ่
“ไอ้หน้า โงร่ ปืนของแกมันยิงไม่ออกเวร้ย !”
'ปืนโคลท์ กระสุน .45 มิลลิเมตร' รัตติกรณ์นึกถึงกลไกภายในอาวุธของ ธวัช กระบอกใหม่ออกทันที ราวกับมีความทรงจำบางอย่างที่เคยขาดหายไปวิ่งเข้ามาในหัว
“เริ่มจากนรังเด็กนี่เลยก็แล้วกัน” ธวัช เล็งปืนไปที่บุษบา และเหนี่ยวไก
ไม่มีแม้แต่เสียงดังคลิ๊กของไกปืน รัตติกรณ์ สั่งให้นกสับลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศได้เหมือนเดิม
“เฮ้ย ทำไมยิงไม่ออกอีกแล้ววะ” คราวนี้ ธวัช ออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัด และทันใดนั้นเอง รัตติกรณ์ก็ลั่นไกบ้าง
“ดูเหมือนว่ากระบอกนี้จะยิงออกนะ” รัตติกรณ์ ยิ้มพูดอย่างผู้มีชัย “ถ้าไม่ยอมอยู่เฉยๆ กระสุนนัดต่อไปคงจะอยู่ในหัวแกแทน”
สีเลือดบนใบหน้าของธวัชซีดลงถนัดตา เขาพยายามดันทุรังลั่นไกอีกหลายครั้ง จนกระทั่งกระสุนอีกนัดของรัตติกรณ์พุ่งผ่านหางคิ้วของเขาไปไม่กี่เซ็นติเมตร ถึงได้รู้ว่าเขา แพ้แล้ว
หลายนาทีหลังจากนั้น น่าอึดอัดพอสมควรที่ต้องคอยยกปืนจ่อหัวของ ธวัช กว่าจะได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจ ราตรีอันมืดมิดแปรเปลี่ยนเป็นสุกสกาวด้วยแสงไฟมากมายของเมืองที่ไม่เคยหลับ ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถูกดึงเข้ามาสู่อีกด้านนึงของใจมนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจ ยืนเคียงกันเพื่อรอคอยให้ปีศาจแห่งความโลภถูกตีตรวนด้วยกฎหมาย
ทั้งที่คนร้ายก็ถูกจับแล้วแต่สีหน้าของบุษบาก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
“พวกเขา ยังมีอีกคนนี่คะ” เธอพูดด้วยสีหน้ากังวลกับรัตติกรณ์
ชายชุดดำยิ้มให้เธอสบายใจ “หมอนั่นเพิ่งโดนจับเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเองครับ เขาเป็นลูกค้ารายย่อยของธวัช”
“เอ๋ !” สาวร่างเล็กร้องแปลกใจ “จริงเหรอคะ”
“ถ้าไม่เชื่อ คุณจะตามไปดูที่โรงพักก็ได้” รัตติกรณ์บอก
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงกันคะ”
“ผมแจ้งตำรวจเรื่องมีคนสะกดรอยตามคุณไปเมื่อตอนบ่าย ทางโรงพักเพิ่งโทรมาบอกว่าจับได้ไม่นานนี่เอง”
“จริงเหรอคะ” บุษบาทำหน้าตาไม่เต็มใจเชื่อสักเท่าไหร่ “ฉันก็โทรไป แต่ไม่เห็นพวกตำรวจที่โรงพักจะสนใจฉันเลย”
“พวกเขาอาจต้องการแรงผลักดันพิเศษ”
“เอ๋ !” บุษบาร้องสงสัย “หมายความว่ายังไงกันคะ”
“ช่างเถอะครับ หมอนั่นถูกจับได้แล้วจริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะไปโรงพักกับคุณเพื่อยืนยัน” รัตติกรณ์ยิ้มพูด “ทุกอย่างจบแล้ว คุณปลอดภัย คืนนี้คุณคงฝันดีที่สุดในรอบหลายปีทีเดียว”
บุษบา ถอนใจแรงๆ เธอรู้สึกโล่งอกที่สุดในชีวิต รัตติกรณ์มองเห็นแววตาของเธอเป็นประกายเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง เขารู้สึกอย่างหนักแน่นว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างลูกค้าสาวคนนี้ให้เหมาะกับการมีสีหน้าเป็นคนอมทุกข์เลยสักนิด