หัวใจก้นครัว ๓๕-๓๖-๓๗ (แก้ไขใหม่)
|
 |
บทที่ ๓๕ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของทุกคนคือ วัตถุดิบที่ถูกส่งมาจากไทยทัศน์ จำนวนหลายกล่อง ถูกเปิดวางไว้เรียงรายกัน สิตากับรักษภูมิ เดินเข้าไปดูในกล่องโฟมขนาดใหญ่ใบแรก ก็พบว่า พวกผักสดที่ถูกคัดมาอย่างมีคุณภาพ กลับกลายเป็นผักที่เหี่ยวแห้งและปะปนกัน จนเละเทะไปหมด ใบถัดมาซึ่งบรรจุสมุนไพรสด จำพวก ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ ฯลฯ ล้วนแต่คละเคล้ากันจนแยกไม่ออกว่าชนิดไหนเป็นชนิดไหนกันแน่ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือลังบรรจุของสด ได้แก่ เนื้อปลากระพงแดง กุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่ และหอยนางรมย์ชนิดพิเศษ ซึ่งถูกบรรจุมาในถุงสุญญากาศ กลับถูกเปิดออกและเติมน้ำใส่จนเละเทะ เริ่มส่งกลิ่นเสีย สิตา มองหน้าคนโน้นที คนนั้นที ก่อนจะหันไปมอง ภัทร ที่กำลังยืนนิ่งเงียบ ใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียด หญิงสาวไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูด ได้แต่ส่งกำลังใจให้เขาได้เพียงเท่านั้น ไม่นานนัก ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโรงแรม ก็เข้ามารายงานความคืบหน้า ที่ภัทรมอบหมายงานให้ เมื่อคุยได้สักพัก ภัทรที่ปลีกตัวออกไปคุย สบถออกมาดังจนทุกคนต้องหันไปมองอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ! อะไรมันจะแย่ขนาดนี้! เมื่อผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อออกไปแล้ว ภัทร จึงหันมาบอกทุกคนอย่างรีบร้อน แต่ก็พยายามทำเสียงให้นิ่งเรียบเหมือนปกติว่า ของสดที่ส่งมาจากไทยทัศน์คงใช้ไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อมาบอกว่า ซัพพลายเออร์ที่ส่งสดของให้ทางสิงคโปร์ ไม่สามารถจัดหาข้าวของตามสเป็คที่เราต้องการได้ และอาจจะไม่เพียงพอตามจำนวน เพราะเราแจ้งมากะทันหันเกินไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมเข้าใจ และช่วยเหลือเราสักเท่าไหร่ แต่ผมจะลองไปคุยกับเขาดู ถ้าเหลือบ่ากว่าแรง คงต้องไปเดินตามตลาด พยายามหาของให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ภัทร หันมาทางสิตา ที่ยืนมองเขาอยู่อย่างห่วงใย แล้วเอ่ยออกมาว่า พวกคุณเชิญตามสบายนะครับ ผมคงจะต้องขอตัวก่อน เพราะยังมีงานรอให้สะสางอีกมากเลย สำหรับคืนนี้
ทำไม ระดับซัพพลายเออร์ส่งของให้โรงแรม ถึงไม่มีของสต๊อคเตรียมไว้เลยเหรอ แล้วทุกเรื่องทำไมมันมาโป๊ะเชะกันพอดีอย่างนี้เนี่ย ! ดีใจ โพล่งขึ้นมาตามประสาคนที่ปากไว ภัทรไม่ตอบว่าอะไร นอกจากระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ดีใจจึงรีบพูดต่อไปอีกว่า
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ้าพี่ภัทรไม่รังเกียจ ผมขอเป็นลูกมือช่วยพี่เตรียมงาน คืนนี้ก็แล้วกัน เมื่อกี๊เดินมาเห็นไอ้พวกเด็กๆข้างนอก มันทำงานกันเก้ๆกังๆเหลือเกิน ผมขอเป็นคนไปคุมพวกนั้นเอง เผื่ออะไรๆมันจะเร็วขึ้น ภัทร มองตาดีใจ อย่างขอบคุณ เขานึกขอบคุณสวรรค์ ที่ส่งน้องชายอย่างดีใจมาช่วยเขาไว้ เพราะลองว่าคนอย่างดีใจ ที่มุ่งมั่นจะทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรเกินความสามารถเขาไปได้ ถ้าเขาเต็มใจจะทำมันเอง
สิตา ก็ขออาสาด้วยค่ะ ขอเด็กสักสองสามคน มาช่วยเป็นลูกมือหน่อย ก่อนอื่น เดี๋ยวจะลองแยกพวกสมุนไพรกับพวกผักสด ดูซิ ว่ายังพอมีอะไรให้ใช้ได้บ้าง แต่เท่าที่ดูแล้วน่าจะไม่เป็นไรมาก สิตา ขันอาสาด้วยเสียงสดใส เหมือนไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไร ทำให้ภัทรมองตาหล่อนอย่างซาบซึ้งในน้ำใจอีกครั้ง
ถ้างั้น เปียโน ออกไปเที่ยวคนเดียวก็ได้ ขอโทษด้วยนะคะเชฟ ที่ไม่ได้อยู่ช่วย เพราะว่ามันคือวันหยุด ทั้งเรียนทั้งทำงานมานานแล้ว มาไกลถึงที่นี่ทั้งที ขอเปียโนพักบ้างก็แล้วกันนะคะ หญิงสาวร่างเพรียว ที่สวมหมวกแก๊ปใบใหญ่ ยักไหล่ ก้มหน้าก้มตา พูดเสียงห้วนโดยไม่ยอมสบตาใครสักคน
ดีใจ ขยับปาก จะพูดโพล่งออกไปตามประสา แต่สิตา จับมือห้ามไว้ ก่อนจะรีบพูดตัดบทออกมาว่า
ไม่เป็นไรหรอก เปียโน เรื่องแค่นี้พวกพี่จัดการกันเองได้ เปียโนไปเที่ยวเล่นเถอะ งั้น ให้พี่รัก ไปเป็นเพื่อนก็แล้วกัน เป็นผู้หญิงอย่าไปไหนคนเดียวเลย
ภัทร ไม่ว่าอะไร เขายิ้มพยักหน้าให้เปียโน...
เขาเข้าใจดีว่า เปียโน เป็นคนมาจากเมืองนอก ที่มีการทำงานเป็นระบบ ทำงานคือทำงาน พักผ่อนคือพักผ่อน เพราะตั้งแต่เด็กสาวมาทำงานที่ไทยทัศน์ หล่อนไม่เคยหนักไม่เอาเบาไม่สู้ จนเขารู้สึกชื่นชมในขยันมุมานะของหล่อน อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นก็นอกเหนือหน้าที่ของหล่อน เขาจึงบอกออกมาว่า
งั้น ฝากคุณรัก ดูแล เปียโน ด้วยนะครับ จะติดรถไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดินใกล้ๆ แถวนี้ก็ได้นะครับ เพราะยังไงก็ต้องผ่านอยู่แล้ว เมื่อรักษภูมิและเปียโนที่เดินตามภัทร มาขึ้นรถตู้ที่หน้าโรงแรม ชายหนุ่มดึงเปียโน เข้ามาในมุมที่พอจะคุยกันได้สองคน เขาก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า
เปียโน ไปคนเดียวได้ไหม พี่รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ที่จะต้องทิ้งเชฟ ให้ไปคนเดียวแบบนี้ เอางี้ ถ้าเคลียร์เรื่องของสดเสร็จแล้ว พี่จะตามไปสมทบกับเปียโนแล้วกัน คงใช้เวลาไม่นานหรอก นะนะ
รักษภูมิ พยายามหว่านล้อม เขาไม่คิดตำหนิเด็กสาว ที่เจ้าตัวไม่คิดจะช่วยภัทร เพราะหล่อนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ แต่สำหรับเขาเอง คงจะทำใจเพิกเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน
หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ว่าอะไรออกมา นอกจากยักไหล่เหมือนที่หล่อนชอบทำ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างอารมณ์เสียว่า
งั้น แยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน เปียโนไปเองได้ พี่รักไปกับเชฟเถอะ ก่อนที่จะพึมพำกับตนเองว่า ทำไมนะ คนเราถึงต้องชอบช่วยเหลือคนเล... เปียโน หยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่ารักษภูมิ ทำหน้าสงสัยว่าหล่อนกำลังพึมพำอะไรอยู่
ภัทร ที่นั่งรออยู่รถตู้ ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า มีเพียงรักษภูมิคนเดียวที่เดินมาขึ้นรถ ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกมาว่า
เปียโน ไปไหนแล้วล่ะครับ คุณรัก
พอดี ผมบอกเธอว่าจะขอไปเป็นเพื่อนเชฟ เรื่องจัดหาข้าวของ เสร็จแล้วจะตามไปสมทบ เปียโนเลยขอปลีกตัว ออกไปก่อนน่ะครับ รักษภูมิ พูดออกมาอย่างเป็นปกติ ทั้งๆที่ใจเขารู้สึกเป็นห่วงภัทร อย่างมากมายเช่นกัน
เมื่อรถตู้กำลังจะเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าโรงแรม หญิงสาวร่างเพรียวก็วิ่งตามหลัง ออกมาโบกไม้โบกมือ ภัทรหันไปสังเกตเห็นพอดี จึงร้องบอกให้คนขับจอดรถ ก่อนที่ภัทรจะเปิดประตูออกไปถามอย่างตกใจ ในท่าทีของหล่อนที่รีบวิ่งตามรถ ที่จอดมาอย่างร้อนรนว่า
เกิดอะไรขึ้นครับ เปียโน มีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงวิ่งมากะทันหันแบบนี้
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างรถ ยังคงเหนื่อยหอบเกินกว่าจะตอบได้ แต่ไม่นานนักหล่อนก็รวบรวมกำลัง พูดออกมาว่า
ขอหนูไปด้วยคนได้ไหมคะ...เชฟ เผื่อ...เผื่อ...จะช่วยอะไรได้บ้าง
เมื่อรถตู้มาจอดเทียบยังอาคารขนาดใหญ่ความสูงนับสิบชั้น ที่ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโรงแรมในเครือของประเทศสิงคโปร์ ที่มารออยู่ก่อนหน้าแล้ว รีบเดินมาเปิดประตูให้ภัทร รักษภูมิและเปียโน ลงมายังหน้าอาคารที่เป็นสำนักงานขาย มองผ่านกระจกใสจะเห็นพนักงานทำงานกันอยู่ภายในอย่างวุ่นวาย ทุกคนได้ยิน เขารายงานภัทรเป็นภาษาอังกฤษว่า
ผมพยายามเจรจาต่อรองแล้ว แต่ทางบริษัทยืนกรานเพียงอย่างเดียว ว่าเขาสามารถช่วยทางเราเท่าที่ของมีอยู่ในห้องเย็นเพียงเท่านั้น ผมไปดูมาแล้ว มันเป็นของเกรดซีด้วยซ้ำ ของที่ขายในซุปเปอร์มาเก็ตยังดีเสียกว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ ทำงานกับทางเรามาก็นาน น่าจะช่วยกันได้มากกว่านี้
ภัทร ไม่ว่าอะไรต่อ นอกจากพูดเสียงขรึมออกมาว่า ขอผมเข้าไปดูของที่ว่าก่อนเถอะครับ ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงเราค่อยหาทางอื่นแก้ไขกัน
เปียโน อาศัยจังหวะที่ทุกคนเดินตามพนักงานไปยังห้องเย็นที่เก็บของสด หญิงสาวค่อยๆปลีกตัวเดินหลบ เข้าประตูกระจกอัตโนมัติ เพื่อเข้าไปในสำนักงาน อย่างว่องไว หล่อนเดินเข้าไปหยุดที่หน้าลิฟท์ แล้วบอกกับการ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดซาฟารีสีเข้มสองคน ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยภาษาจีนว่า
ฉันมาพบคุณลุงเฉิน บอกว่าแอนนี่ ลูกสาวคุณไดอาน่า จากเดอะ เดวิด เอ็นเตอร์ไพร์ซ!
จากประตูลิฟท์ที่พาเปียโนหรือแอนนี่ ขึ้นมายังเพ้นท์เฮาส์ชั้นบนสุดของอาคารนั้น จะมองเห็นการตกแต่งภายในที่หรูหรา ราวกับอยู่ในพระราชวัง แห่งอาณาจักรของ เฉินห่าว
หญิงสาวถอดหมวกแก๊ปที่สวมมาออก ปล่อยให้เปียผมทิ้งตัวลงมาด้านหลัง ค่อยๆเดินเข้าไปภายในอย่างช้าๆ ท่าทางเก้งก้างที่มักแสดงออกเมื่ออยู่ที่ไทยทัศน์ หรือต่อหน้าทุกคนที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนไปเป็นนิ่งสุขุม ราวกับนางพญาหงส์ตัวน้อยที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมี จากการถูกฝึกฝนและสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของ มิสเตอร์เดวิดและไดอาน่าผู้สืบทอดนั่นเอง
เฉินห่าว ชายชราวัยกว่าหกสิบปี นั่งรอหล่อน บนเก้าอี้โยกแกะสลักเป็นรูปมังกรพันโดยรอบ ด้วยไม้สักทองขัดมันเงางาม เขายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะเห็นชายผู้นี้ปฏิบัติเช่นนี้ด้วย นอกจากภาพของเถ้าแก่ที่เข้มงวด และทรงอิทธิพลในวงการอาหารทะเลของสิงคโปร์ รวมถึงประเทศต่างๆในภาคพื้นเอเซียตะวันออก เขาทักทายเด็กสาวที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นมิตรว่า
เป็นยังไง แอนนี่ ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ได้ หรือว่า...มาตรวจงานตามที่อาไดอาน่า อีขอร้องให้อาเจ็กช่วย เป็นไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม? เมื่อเปียโนหรือแอนนี่ นั่งลงที่เก้าอี้นั่งข้างตัว หล่อนยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างประจบเอาใจ ใบหน้ารูปไข่ของหล่อนดูสว่างใส เมื่อประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวราวกับไข่มุกเรียงกันทุกซี่
เมื่อชายชรามองเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสอง ก็ทำให้หวนคิดถึงอดีตวันวานว่าหล่อนยังเป็นเด็กน้อยที่ถูกแม่บังเกิดเกล้า พาหนีหัวซุกหัวซุน ข้ามน้ำข้ามทะเลจากมิสเตอร์เดวิด มาพึ่งใบบุญของเขาอยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อที่จะหลบหนี กลับเข้าไปตามหาสามีที่ประเทศไทยอีกครั้ง
ก่อนจะพบว่าสามีของหล่อนได้เสียชีวิตไปจากกองเพลิง และสุดท้าย เขาเองก็ได้เกลี้ยกล่อมให้ไดอาน่ายอมกลับไปอยู่ ที่มาเก๊ากับมิสเตอร์เดวิดตามเดิม จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
แหม...อาเจ็กก้อ เราก็เจอกันทุกๆตรุษจีนไม่ใช่เหรอคะ แต่ปีนี้หนูติดธุระที่เมืองไทยจริงๆ เลยมาไหว้อาเจ็กไม่ได้ จะว่าไปก็เสียดายอั่งเปาอยู่เหมือนกันนะคะ แอนนี่ทำเสียงออดอ้อน อย่างที่หล่อนมักชอบทำกับมิสเตอร์เดวิด หรือกับเฉินห่าวเสมอๆ
เสียงหัวเราะของ เฉินห่าว ดังลั่นอย่างถูกอกถูกใจ เขาเอ็นดูแอนนี่ราวกับหลานในไส้ของตนก็ไม่ปาน นั่นอาจเป็นเพราะเขากับมิสเตอร์เดวิด นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันมาตั้งแต่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีแล้ว หญิงสาวจึงเข้าประเด็น ก่อนที่จะสายไปเสียก่อนว่า
คือ หนูมาทำงานช่วยเชฟที่เป็นอาจารย์ของหนู ทำงานเลี้ยงที่ซันเทค แต่ว่าเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เลยอยากจะมาขอให้อาเจ็ก เมตตาเชฟของหนูสักหน่อย นึกว่าเห็นแก่หนูก็แล้วกันนะคะ หญิงสาวตั้งใจทำเสียงออดอ้อนมากกว่าเดิม หล่อนรินน้ำชาลงในจอกกระเบื้องเคลือบเนื้อบางเฉียบ ส่งให้เฉินห่าวอย่างรู้ใจ
เฉินห่าวรับจอกชาขึ้นมาดื่มไปจิบหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยเสียงเรียบออกไปว่า
ฟังดูแล้ว มันน่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่แม่เธอ ขอร้องให้เจ็กทำ เรื่องนี้มันสำคัญมากไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้น แม่เธอคงไม่ลงทุนบินมาจากออสเตรีย มาขอร้องเจ็กด้วยตัวเองหรอกนะ แล้วอย่างนี้จะให้อาเจ็กทำยังไงดีล่ะ ฮึ?
คำว่า ฮึ? คำเดียวที่ใครได้ฟังก็อดเสียวสันหลังวาบในน้ำเสียงเฉียบเย็นแสนเฉียบขาดของเฉินห่าวไม่ได้
แต่สำหรับแอนนี่แล้ว ในเวลานี้ความอยู่รอดของไทยทัศน์และภัทร สำคัญมากกว่าสิ่งไหนในโลก หล่อนยิ้มสู้ ทั้งที่ในใจก็อดรู้สึกผิดต่อคำสั่งห้ามของไดอาน่า ที่ห้ามหล่อนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนจะพูดต่อไป ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
หนูเคลียร์กับแม่ได้แล้วค่ะ แม่บอกว่าคราวนี้เอาแค่นี้ก่อน ถ้าแม่ไม่อนุญาต หนูจะมาหาอาเจ็กถึงนี่ได้ยัง จริงไหมคะ? เมื่อเห็นเฉินห่าว ไม่พูดขัดอะไรออกมา แอนนี่รินชาใส่จอกใบใหม่ แล้วส่งให้อีกฝ่ายรับไป หญิงสาวจึงรีบบอกต่อไปอีกว่า รบกวนอาเจ็กให้คน พาเชฟไปเอาของที่ดีที่สุดของเรา ได้ไหมคะ คือ... หนู กลัวว่ามันจะไม่ทัน ดีไม่ดี เชฟแกเกิดถอดใจ ลาออกจากไทยทัศน์ไปเสียก่อน แผนการที่เราวางไว้มันจะไปไม่ถึงเอานะคะ เจ็กว่าจริงไหมคะ?
เฉินห่าว จิบน้ำชาจากจอกที่หญิงสาวส่งให้อย่างใช้ความคิดอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน เขาย่อมเข้าใจโลกได้ถ่องแท้ มากกว่าเด็กสาวข้างกายอยู่ดี เพียงแต่ตนไม่อยากเอ่ยขัดออกมา
สิ่งที่น่าคิดทบทวน คือผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หนึ่ง เหยื่ออาจจะถอดใจ หนีไปก่อนที่จะเข้าไปในกับดักที่วางแผนไว้มานาน ตามที่เด็กสาวว่า แต่ที่น่าคิดมากไปกว่านั้น ก็คือ หากผลกระทบที่เกิดจากการล้มเหลวในงานเลี้ยงระดับประเทศคืนนี้ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนมือของเครือข่าย ผู้ผูกขาดส่งอาหารทะเลสดให้กับทางโรงแรมในเครือ ตามประเทศต่างๆที่มีอยู่ ซึ่งก็เป็นรายได้หลักของบริษัทเขาอีกด้วย ซึ่งหากภัทรเกิดเอาเรื่องขึ้นมา อาจจะทำให้เรื่องนี้บานปลายเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้
อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ได้ทำตามที่ไดอาน่าขอร้องมา ด้วยอิทธิพลที่มีในสิงคโปร์อย่างเต็มความสามารถ ทั้งเรื่องการสับเปลี่ยนข้าวของที่ส่งมาจากเมืองไทย หรือการวางยาพนักงานของภัทร ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ก็ดี ดังนั้น หากปล่อยไปตามที่แอนนี่ขอร้องก็คงจะไม่น่าเกลียดอะไร แอนนี่ ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยหมัดเด็ดที่หล่อนถูกสอนมาด้วยหลักทางการเจรจาจากชั้นเชิงที่หล่อนถูกสะสมมาในวงการนักเลงตั้งแต่เด็กจนโตว่า
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น แอนนี่ขอรับผิดชอบเองนะคะ เรื่องนี้คุณตาเดวิดคงจะเข้าใจ!
ห้องเย็นที่ภัทรเข้าไปเลือกดูของสดนั้น เป็นห้องเย็นขนาดใหญ่หนึ่งในจำนวนหลายห้องในโกดัง ที่เรียงรายอยู่ ภายในมีของสดหลากหลายชนิด และมีจำนวนมากพอตามที่เขาต้องการ แต่ล้วนแล้วเป็นของเกรดต่ำ ที่ดูแล้วเหมือนที่ของด้อยคุณภาพ จนถูกตีคืนมาจากที่ต่างๆ
พนักงานปล่อยให้ ภัทรและรักษภูมิเดินสำรวจ และลงมือเลือกของตามกระบะต่างๆด้วยตนเอง โดยไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ย่อท้อ ตั้งใจหาของที่พอจะใช้ทดแทนได้ ให้มากที่สุด
เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง รักษภูมิ ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างท้อใจว่า เชฟครับ ผมว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ เราไปเดินหาของตามซุปเปอร์มาเก็ต หรือตามตลาดสด ยังจะพอเข้าท่ามากเสียกว่า เขาไม่ได้พยายามช่วยอะไรเราเลย ดูไปแล้วเหมือนจงใจแกล้งกัน นี่ถ้าเกิดเรื่องนี้ที่เมืองไทย ผมว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆเลย แต่ที่นี่ มันคงจะเรียกว่าซวยละมังครับ เราไปหาที่อื่นกันเถอะครับ
ภัทร รู้สึกท้อแท้ในใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา แต่เวลาที่เหลือไม่มาก ทำให้เขาไม่มีหนทางอื่น โต้แย้งข้อเสนอแนะของรักษภูมิได้เลย จึงบอกตอบไปว่า งั้นคงต้อง ทำตามที่คุณรักว่ามาแล้วกันครับ เราไปปรึกษาผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อกันข้างนอก ว่าจะทำยังไงให้ทันเวลาก็แล้วกัน
เมื่อภัทรและรักษภูมิ เดินตามพนักงานออกมาที่เกือบจะถึงหน้าประตูของโกดัง ก็มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือของพนักงานดังขึ้น เมื่อเขากดรับสนทนาภาษาจีน และฟังทางปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง ก็วางสายลง และพาคนทั้งคู่มาที่หน้าประตูห้องเย็นด้านหน้าสุด
เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่ามีของสดหลากหลายชนิด เหมือนห้องแรกที่เข้าไป แต่ครั้งนี้ พนักงานเดินนำเขาไปดูด้วยกัน พร้อมพูดด้วยท่าทางเป็นกันเอง ผิดกับเมื่อครู่ราวกับคนละคนว่า
พอดี ของล็อตใหม่เพิ่งมาส่งถึงบริษัท เมื่อสักครู่นี้เองครับ ทางออฟฟิศเพิ่งโทรแจ้งว่า สามารถพาคุณทั้งสองมาเลือกได้ ตามเท่าที่ต้องการใช้ ต้องการอะไรบ้างบอกมาได้เลยครับ ผมจะให้ลูกน้องเลือกหามาให้ ไม่ต้องเสียเวลาค้นให้เหนื่อย
รักษภูมิ หันมามองหน้าภัทร อย่างประหลาดใจ ภัทรไม่พูดอะไร นอกจาก บอกสิ่งของที่ตนต้องการใช้ ในเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที วัตถุดิบที่ภัทรต้องการ ก็ถูกจัดเตรียมมาให้ตามจำนวนที่แจ้งไป เมื่อภัทรตรวจสอบตามคุณภาพก็พอใจ และรู้สึกโล่งใจ เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับรักษภูมิที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วบอกว่า
เราไม่ต้องเสียเวลา ไปหาของที่อื่น อีกแล้วละครับคุณรัก รีบกลับไปที่โรงแรมกันเถอะครับ ยังมีอะไร อีกหลายอย่างที่ต้องเตรียมการ พนักงานที่มาดูแล บอกภัทรอย่างสุภาพ ด้วยท่าทีเป็นมิตรว่า ทางเรามีบริการส่งให้ถึงโรงแรม
รักษภูมิ รีบขัดขึ้นมาจนภัทร อดขำไปกับท่าทางรีบร้อนของเขาไม่ได้ว่า โอ๊ะๆ ไม่ต้องหรอกครับ เราขนไปกันเองได้ ขอบคุณมากนะครับสำหรับความช่วยเหลือ ก่อนที่จะพูดต่อเป็นภาษาไทย ให้ภัทรได้ยินกันสองคนว่า ขืนให้พวกนายขนไป เกิดเสียหายขึ้นมา ชั้นก็ซวยแย่ละซี...
ภัทร หัวเราะอย่างสบายใจ อยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เปียโนไม่ได้อยู่กับพวกตน จึงเอ่ยถามออกมาว่า แล้วเปียโนไปไหนเสียล่ะ เดี๋ยวเรากลับแล้วจะคลาดกันเสียเปล่าๆ คุณรักโทรหาเธอทีสิครับ
ยังไม่ทันที่ รักษภูมิ จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามที่ภัทรบอก หญิงสาวร่างเล็กเพรียวสวมหมวกแก๊ปก็วิ่งกระหืดกระหอบมาสมทบพอดี ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า
หายไปไหนมาเนี่ย เปียโน รู้ไหม ว่าเราได้ของครบแล้วนะ โชคดีมากๆเลย ของที่ได้เกรดเอบวกเลยนะ เจ๋งมากๆเลยอ้ะ แต่ชายหนุ่มก็ลดเสียงพอให้ได้ยินกันว่า แต่กว่าจะได้นะ แทบจะถอดใจเลย พี่นะสงสารเชฟมากๆเลย แต่เอาไว้เล่าพร้อมๆกับพวกดีใจกับสิตาทีเดียวละกัน รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเวลา
เปียโน ยิ้มตอบไม่ว่าอะไร ก่อนจะเดินตาม รักษภูมิไปอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีเสียงห้าวของภัทรถามมาจากทางด้านหลังว่า
แล้ว เปียโน รู้ได้ยังไงกันครับว่าพวกเราอยู่กันที่ห้องเย็นห้องนี้ ?
หญิงสาวชะงักไปขณะหนึ่ง หล่อนก้มหน้าซ่อนสีหน้าตกใจ ไว้ภายใต้ปีกหมวกแก๊ปใบใหญ่ หล่อนมองไปอย่างขอความช่วยเหลือ จากพนักงานที่มาดูแลภัทร ซึ่งก็คือคนสนิทของเฉินห่าวที่คุ้นเคยกับหล่อนดี เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วย แต่หล่อนก็หาคำตอบมาให้ภัทรจนได้ว่า
อ๋อ...พอดี หนูไปเข้าห้องน้ำในออฟฟิศ พอออกมากหาพวกเชฟไม่เจอ เลยกลับไปถามที่นั่น เขาเลยบอกให้มาที่นี่ เสียเวลาตามหาตั้งนานแน่ะ กว่าจะเจอ
ภัทรเดินมาใกล้ ราวกับไม่เชื่อในคำตอบ เขาจ้องมองเปียโน อย่างที่หญิงสาวไม่เคยรู้สึกมาก่อน หล่อนกลั้นใจ ยิ้มแหยๆสบตากับชายหนุ่มร่างสูงกำยำตรงหน้า ก่อนจะอดระบายลมหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งใจไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดของภัทรว่า
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่มาช่วยผม จากนั้น ภัทรจึงหันไปบอกทุกคนที่มาด้วยว่า เรารีบไปกันดีกว่าครับ ช้ามากแล้ว
ทันทีที่มาถึงห้องครัวในโรงแรม ภัทรก็พบว่า ของสดจำพวกผัก ที่เสียหายไปในตอนเช้า ถูกส่งมาทดแทนจากบริษัทของเฉินห่าว ด้วยคุณภาพที่เหมือนเดิม ซึ่งสิตาและดีใจ ก็ได้ควบคุมพนักงานในครัว ตัด หั่น แต่ง ตามใบงานที่ภัทร สั่งงานไว้แล้ว จนเสร็จเรียบร้อย
ดีใจและสิตา เดินมาสมทบกับภัทร รักษภูมิ และเปียโนที่กำลัง จัดการกับลังของสดที่ไปหามาได้ พร้อมกับรายงานว่า
พี่ภัทรฮะ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว อยู่ดีๆ ก็มีคนเอาผักสดมาส่งให้ ตามจำนวนที่เราเสียไปพอดีเลยฮะ ผมกับสิตาเลย จัดการสั่งงานไปอย่างที่พี่ภัทร สั่งไว้ โชคดี ที่เราเรียนมาเนอะ ทุกอย่างมันเลยง่ายไปหมด คนมันเก่งก็เงี้ย จริงไหม เปียโน
ทุกคนพากันหัวเราะออกมาได้อย่างโล่งอก ภัทรหันไปสบตากับสิตาอย่างขอบคุณ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่เอ่ยอะไร นอกจากหน้าแดงไปด้วยความเขินอายจากแววตาของชายหนุ่ม รักษภูมิเห็นภาพตรงหน้า ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงกระแอมออกมาเสียงดัง จนทั้งคู่รู้สึกตัว พร้อมกับเสียงหัวเราะแซว ที่ดังขึ้นมาจากคนที่เหลือในกลุ่มอย่างครื้นเครง เพราะเรื่องร้ายเหล่านั้น ได้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นั่นเอง
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 55 02:20:01
|
|
|
|