+++รักพี่เอ๋ย....บทที่ 10+++
|
 |
๑๑.
เรวินทร์มองตามหลังบรรดาญาติๆ ของกำนันเมฆ ที่ค่อยๆ ทยอยเดินทางกลับบ้านใครบ้านมันอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น บ้านหลังใหญ่ก็กลับมาเงียบสงบ มีเพียงคนชะตาขาดสองคนเท่านั้นที่ยังนั่งรออย่างไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง
รักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องใช้กำลังรุนแรงกันด้วย ทำไมหนักนิดเบาหน่อยถึงให้อภัยกันไม่ได้ กำนันเมฆเริ่มเปิดฉากการอบรม คอร์สติวเข้มว่าด้วยการครองรักครองเรือน พ่ออายนะ ที่เห็นลูกๆ เป็นแบบนี้
คิ้วเรียวสวยของอิสรีย์ขมวดขึ้ง ยิ่งได้ฟังผู้เป็นพ่อกำลังพร่ำรำพันยิ่งหงุดหงิด เธอลุกขึ้นยืนด้วยความรำคาญ พูดทะลุขึ้นมากลางปล้อง
เอ๋ยเหนื่อย ปวดหัว เอ๋ยอยากพักผ่อนค่ะ ขอตัวนะคะ
พ่อยังพูดไม่จบเลยนะลูก ทนนั่งฟังอีกแป๊บจะเป็นไรไป กำนันเมฆดุลูกสาวด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง ทำให้อิสรีย์จำต้องยอมกระแทกกายลงนั่งข้างเรวินทร์ ยอมทนฟังว่าคนเป็นพ่อจะพูดจาอบรมอะไรอีก
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าอายแบบนี้ขึ้นมาอีก ต้องมีการทำโทษทั้งคู่ให้สำนึกผิดกันบ้างล่ะ เห็นทุ่งปรือนั่นไหม กำนันเมฆชี้ไปยังที่ที่มีต้นธูปฤาษีสูงท่วมหัวท่วมหู อาณาเขตติดกับรั้วบ้าน พ่อพึ่งซื้อที่จากยายยมแกมาสิบไร่ อยากให้ลูกๆ ช่วยกันถางต้นปรือพวกนั้นออกให้สักหน่อย
ว่ายังไงนะพ่อ พูดใหม่อีกทีสิล้อเล่นใช่ไหม คนเป็นลูกมองตามร้องเสียงหลง
พ่อพูดไม่ผิดหรอก พวกลูกต้องกำจัดวัชพืชพวกนั้น กำนันเมฆเอ่ยด้วยหน้าตาขึงขัง พาลทำให้อิสรีย์อารมณ์เสียหนักขึ้นอีก และก่อนที่การปะทะคารมระหว่างศึกสายเลือดจะบังเกิดขึ้น เสียงตะโกนโหวกเหวกจากสาวน้อยร่างบางที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์สีชมพู ก็ดึงความสนใจของคนทั้งหมดภายในบ้าน
พี่เอ๋ยกลับมาแล้วเหรอคะ เด็กสาวร้องถามไถ่ทั้งที่มอเตอร์ไซค์ยังไม่ทันจะจอดสนิทดี เจ้าตัวหอบหิ้วถุงน้ำแข็งมาพร้อมๆ กับก้าวเร็วรี่ ตรงเข้าสวมกอดหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของอิสรีย์ด้วยความดีใจ
โบว์คิดถึงพี่เอ๋ยที่สุดในโลกเลย
กำนันเมฆหน้าบึ้ง เห็นภาพสองสาวกอดหอมกันแล้วมันคันหัวใจยุบยิบ จนต้องออกปากทักท้วงเสียงหลง แม่โบว์ให้มันน้อยๆ หน่อย เป็นผู้หญิงยิงเรือทำอะไรไม่รู้จักอายฟ้าอายดินเขาบ้าง นี่แฟนพี่เอ๋ยเขาก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ
สาวน้อยนามว่าโบว์หันมากระพริบตามองผู้สูงวัยกว่าด้วยความแปลกใจ พลางกล่าวตอบโต้ โหลุง พูดซะเสียเลย แล้วโบว์ต้องอายฟ้าอายดินเรื่องอะไร แค่หอมแก้มพี่เอ๋ยเนี่ยนะ
แล้วผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน กำนันเมฆตวาดแว้ดอย่างไม่พอใจ
ก็โบว์นี่แหละผู้หญิงดีๆ ที่ทำ น่ารำคาญจังลุงนี่ อย่างว่าแหละคนแก่แล้วก็เลยบ่นมาก คนเป็นหลานส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนเดินเลี่ยงไปเอาน้ำแข็งไปเก็บไว้ในครัวที่อยู่ห้องด้านหลัง
ใครแก่กันหาไอ้โบว์ พูดงี้สวยสิ
โห้ย! สวยนานแล้วลุงไม่รู้รึไง แม่สาวจอมแก่นไม่วายตะโกนเถียงมาจากในครัว
เถียงคำไม่ตกฟากเลยนะเอ็ง คอยดูนะข้าจะฟ้องพ่อเอ็ง
เชอะ! ก็อย่างนี้ทุกทีแหละลุง
โบว์เดินออกจากครัวมายื่นหน้ายื่นตาเถียง ครั้นเมื่อเห็นหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างกายอิสรีย์ เจ้าตัวก็บรรจงฉีกยิ้มหวานส่งให้ พูดไทยได้ไหมคะเนี่ย
ครับพูดได้
แล้วจะอยู่ที่นี่กี่วันคะ สาวรุ่นทำใจกล้าขยับเข้ามาใกล้หนุ่มลูกครึ่ง เดี๋ยวโบว์เป็นไกด์นำเที่ยวให้เอาไหมล่ะ
ไม่ต้องเลย ทว่าคนที่ปฎิเสธแทนกลับเป็นกำนันเมฆ เพราะรู้สึกหวงชายหนุ่มแทนลูกสาว ชักจะแก่แดดเกินไปแล้วนะเอ็ง ให้มันรู้บ้างนั่นมันแฟนใคร
พี่เอ๋ย ให้หนูพาแฟนพี่ไปเที่ยวได้มะ หนูจะพาเขาไปดูวิถีชีวิตชนบทของชาวนาไทยไง โบว์หันมาถามเชิงขออนุญาตเอากับอิสรีย์โดยตรงเลย
อิสรีย์หันมองคนตัวสูงข้างกาย ถามเขาเสียงแข็งว่า คุณอยากไปหรือเปล่าล่ะ
เรวินทร์ขมวดคิ้วกลับกริยาแปลกๆ ของหญิงสาว แล้วยังกำนันเมฆอีกล่ะที่พยายามถลึงตาตีหน้าบึ้งใส่เขา สร้างบรรยากาศกดดันพิลึก ซึ่งตรงข้ามกับแม่สาวน้อยนามโบว์ที่ยิ้มหวานนัยน์ตาเต้นระริก
ไม่ล่ะ วันนี้ผมอยากพักผ่อนไว้วันอื่นดีกว่า
ต้องอย่างงี้สิ กำนันเมฆยิ้มล่าด้วยความชอบใจกับคำตอบของชายหนุ่ม
วันนี้ไม่ได้แสดงว่าวันอื่นได้ใช่ไหมคะ...งั้นวันพรุ่งนี้ไปได้สิคะ โบว์ไม่ยอมแพ้ยังคงลุกไล่ต่อ
ไม่มีวันไหนทั้งนั้นแหละ รีบกลับบ้านเอ็งไปเลย กำนันเมฆทนไม่ไหวดันร่างหลานสาวไปยังมอเตอร์ไซค์สีชมพู
ปล่อยนะลุง โบว์พยายามสลัดจากการเกาะกุมของชายสูงวัย
อิสรีย์มองภาพการโต้เถียงของสองลุงหลานด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนข้างกาย พลันใบหน้าร้อนซู่ จากสายตาอ่อนโยนของเขาที่ทอดมองเธออยู่ก่อนแล้ว ปากไวเท่าความคิด
มองอะไร
ครอบครัวคุณนี่อบอุ่นดีนะ
ตรงไหนวุ่นวายล่ะไม่ว่า
ก็ตรงที่วุ่นวายนี่ล่ะ ผมว่าน่ารักดีออก
พิลึกคน อิสรีย์ค่อนเสียงเบา ทนสบสายตาอันเจิดจ้าของเขามิได้ต้องเสมองไปทางอื่นแทน คิ้วเรียวขมวดยุ่ง เมื่อเห็นรถเก๋งสีแดงขับแล่นเข้ามาจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน
สองลุงหลานหยุดโต้เถียงทันทีที่เห็นผู้ที่ก้าวลงจากรถ หญิงสาวผิวขาวเรือนร่างสูงโปร่งก้าวเดินตรงมาด้วยท่วงท่ามาดมั่น จากลักษณะการแต่งตัวนำสมัย ผมย้อมสีม่วงซอยสั้นสไลด์ปัดสไตล์เกาหลี เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ สวมรองเท้าบูทครึ่งน่อง ทำให้แลดูคล้ายผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเอ็งโผล่มาเลยนะไอ้นุ้ย วันนี้คิดยังไงถึงมาบ้านข้าได้ล่ะ ลมอะไรหอบมาหา กำนันเมฆร้องทักเมื่อเห็นหน้าผู้ที่ก้าวมาใหม่
ก็ลมคิดถึงไงฮะ แต่แหมพ่อผมชื่อหนุ่ยนะฮะไม่ใช่นุ้ย จำให้มันแม่นๆ หน่อย นุ้ยหรือหนุ่ยท้วงนิ่มๆ โหย! อมพระมาพูดโบว์ก็ไม่เชื่อหรอก อย่างพี่นุ้ยนี่นะจะคิดถึงลูกอย่างเจ้าอ้อแอ้ โบว์เบะปากทำท่าทางดูถูก เพราะเด็กสาวรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายดี นี่คงคิดจะมาขายขนมจีบกับญาติผู้พี่ของเธออีกแล้ว
ก็คิดถึงอ้อแอ้นั่นแหละ ลูกทั้งคนนะแหมได้ข่าวว่ากลับมาบ้านวันนี้ก็เลยรีบมาเยี่ยมนี่ไง นุ้ยกล่าวพลางแสร้งทำเป็นกวาดสายตามองรอบกาย ก่อนหยุดส่งสายตาหวานให้แก่อิสรีย์ แล้วนี่เจ้าแอ้มันไปไหนแล้วล่ะ ไม่เห็นหัวเลยลูกคนนี้ป๋ามาหาทั้งที เอ๋ยเห็นบ้างป่ะ
โฮ้ย! พูดออกมาเต็มปากเต็มคำเชียวนะ ป๋าๆ เนี่ย อยากให้เด็กมันสับสนรึไงวะ กำนันเมฆเสริมตาเขียวขุ่น
ใช่ พี่นุ้ยทำอย่างกับเป็นพวกลักเพศเชียว โบว์ช่วยตำหนิซ้ำเป็นขุนพลอยพยัก สองลุงหลานจับมือแท็กทีมเป็นพันธมิตรโดยอัตโนมัติ
เอ้า...พี่หนุ่ยก็ไม่เคยปิดบังนี่จ้ะน้องโบว์ อย่างพี่หนุ่ยนี่เขาเรียกผู้ชายข้ามเพศ นุ้ยโต้อย่างอารมณ์ดี
:-)! ทำเป็นคุยผู้ชายข้ามเพศ มันก็แค่ทอมนั่นแหละวะ กำนันเมฆหมั่นไส้สาวร่างโย่งเต็มแก่
สองหนุ่มสาวหันมาสบตากันอย่างแปลกใจ โดยเฉพาะเรวินทร์ไหนเจ้าตัวเล็กบอกว่าพ่อกับแม่ไปสวรรค์แล้วยังไงล่ะ แต่เท่าที่ฟังจากการสนทนา พอจะจับได้ว่าผู้หญิงมาดทอมบอยคนนี้เป็นแม่แท้ๆ ของอ้อแอ้
คนแก่นี่นะ โลกเขาไปถึงไหนแล้ว เดี๋ยวนี้ความรักไม่มีพรมแดนแบ่งแยกหญิงแยกชายกันแล้วหรอกน่า แม้จะโดนถล่มอย่างหนัก สาวร่างโย่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเลยสักนิด โต้กลับนิ่มๆ ก่อนขยับเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอิสรีย์ พลางกวาดสายตามองคนเป็นเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า
คนโดนจ้องหน้าบึ้งกอดอกด้วยความไม่พอใจ กับสายตาจาบจ้วงของอีกฝ่าย แม้ว่าจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ตามทีเถอะ แต่สัญชาตญาณในกายมันบอก ว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่น่าจะเป็นคนที่ไว้ใจได้
วันนี้เอ๋ยแต่งตัวแปลกๆ นะ นุ้ยทัก
หากอิสรีย์ไม่คิดต่อคำ เพราะไม่อยากจะสนทนากับคนไร้มารยาทแบบนี้ให้เสียปาก เธอหันไปคว้าแขนเรวินทร์แล้วกล่าวกับเขาแทน
คุณไรท์เอ๋ยเหนื่อย เอ๋ยอยากพักผ่อน ไปกันเถอะค่ะ
อะไรกันเอ๋ย ไม่คิดทักทายเพื่อนหน่อยเหรอ แล้วนั่นใครล่ะแนะนำก่อนสิ อย่าบอกนะว่าแฟน นุ้ยก้าวเข้าไปดักทางของสองหนุ่มสาว แล้วทำท่าทางเหมือนว่ากำลังหึงหวงอิสรีย์อย่างไงอย่างงั้น
นี่คุณไรท์แฟนเรา รู้จักแล้วนะ อิสรีย์ตอบด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนฉุดชายหนุ่มให้ก้าวตามเธอขึ้นไปบนชั้นสอง
นุ้ยชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็นกริยาเมินเฉยของเพื่อน เธอหวังจะก้าวตามหลังสองหนุ่มสาวไปด้วย ทว่าเจอขัดขวางเสียก่อนจากสองลุงหลาน ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
พี่เอ๋ยเขาไม่ค่อยสบาย วันนี้พี่นุ้ยกลับบ้านไปก่อนเถอะ โบว์ได้ทีรีบขับไล่ไสส่ง
งั้นคืนนี้นุ้ยขอค้างกับลูกนะพ่อ คิดถึ้งคิดถึงเจ้าอ้อแอ้น่าดูเลย นุ้ยงัดไม้ตายขึ้นมาแก้เกม ใช้ความสัมพันธ์ของแม่และลูก
ไม่! กำนันเมฆปฏิเสธเสียงแข็ง
เอ๊ะนี่พ่อ คิดจะขัดขวางแม่ลูกเหรอ
เฮอะ ใครจะไปขัดขวางเอ็ง แต่ข้าจะให้เจ้าแอ้ไปนอนที่บ้านเอ็งแทนแล้วกันไอ้นุ้ย จะได้เอาไปเลี้ยงไปรักให้หายคิดถึงไง เดี๋ยวเย็นๆ ข้าจะให้ไอ้ตุ่มเอาไอ้แอ้ไปส่งให้ที่บ้านเอ็ง หมดธุระแล้วก็กลับบ้านไปเหอะ อย่าหาว่าข้าไล่เลยนะ กำนันเมฆเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะประสานเสียงหัวเราะกับหลานสาว
นุ้ยหน้าบึ้งเมื่อเจอเข้ากับการแก้ลำคืนแบบนี้ ต้องยอมถอยออกไปตั้งหลัก เพราะขืนดันทุรังคงไม่มีอะไรดีขึ้น ทว่าคนอย่างเธอไม่ทางยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับอิสรีย์ เพื่อนวัยเด็กที่ตนแอบหลงรักมานาน ยังไงเธอก็ต้องหาทางเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ . . . . .
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้อิสรีย์ที่กำลังก้าวเดินนำไปยังห้องนอนชั้นสองหยุดชะงัก เพราะเสียงเพลงเรียกเข้านั้นไม่คุ้นหู เมื่อหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นชายหนุ่มกำลังควักโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมารับ
ว่าไงท๊อป นายมีอะไร
คิ้วเรียวสวยขมวดยุ่ง เมื่อเห็นเขาเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงหน้าบ้าน เดาเอาจากชื่อคนปลายสายน่าจะเป็นผู้ชาย แล้วนั่นมีลับลมคมในอะไรกันนักหนาเชียวถึงคุยกันต่อหน้าเธอไม่ได้
อิสรีย์ชะงักมือเรียวยกกุมศีรษะด้วยความตกใจ ต่อความคิดของตนเอง นี่เธอถ้าจะบ้าไปแล้วที่คิดอะไรกับเขาแบบนี้ เขาไม่ใช่แฟนของเธอสักหน่อยยายจิตตา เขาเป็นแฟนของคุณเอ๋ย ร่างที่เธอสิงสู่อยู่นี่ต่างหาก
ไม่ได้ๆ นั่นของคนอื่นเขา ผิดศีลข้อสามเชียวนะ หญิงสาวตบหน้าตัวเองสองสามทีเพื่อเรียกสติ ก่อนจะเดินโผเผกลับเข้าไปยังห้องนอน โดยไม่เอะใจสักนิดว่ารู้จักตำแหน่งแห่งหนของบ้านหลังนี้ได้อย่างไร
ด้านเรวินทร์เห็นอิสรีย์ทำท่าทางแปลกๆ ก็เผลอขำใส่โทรศัพท์ จนเป็นเหตุให้ทิษณุสงสัย
เป็นไรคุยอยู่ดีๆ ก็ขำออกมาเนี่ย
เห็นแมวมันเอาขาตบหน้าตัวเองตลกดี เรวินทร์ตอบแบบไม่จริงจังด้วยการโกหกคำโต นัยน์ตาสีฟ้าใสพราวระยับ
มีด้วยเหรอ ทิษณุไม่เชื่อเรื่องที่ญาติเล่าให้ฟังเท่าใดนัก หากเขาคร้านจะใส่ใจเปลี่ยนบทสนทนาไปทางอื่นแทน เออแล้วนี่ตอนนี้นายอยู่กระบี่รึเปล่า
ไม่แล้ว ฉันว่าเที่ยวแถวตำบลท่าทรายทองเสียหน่อย อยู่ใกล้กรุงเทพดี
ไปทำอะไรที่นั่น
เที่ยวมั้ง
แปลก...คราวนี้นายเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่ แล้วนี่จะอยู่กี่วัน พักโรงแรมไหน เผื่อเสาร์อาทิตย์ฉันจะได้ขับรถไปหาถูก
เรวินทร์ส่ายหน้ากับทิษณุที่ยิงคำถามใส่มาเป็นชุด แต่ก็ยอมตอบคำถามของอีกฝ่ายโดยดี ไม่ได้พักโรงแรมที่ไหนหรอก ฉันพักบ้านกำนันเมฆ ที่ท่าทรายทองนี่แหละ
กำนันเมฆนี่ใคร ญาติทางฝ่ายไหนของเราเหรอ
เอ่อ เรวินทร์อึ้งไปเมื่อเจอกับคำถามนี้ของญาติสนิท...นั่นสิ เขาไม่ได้เกี่ยวดองเป็นอะไรกับตระกูลนี้เลยนี่นา กระทั่งจะเรียกว่าเป็นเพื่อนของอิสรีย์ได้รึเปล่า เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ญาติหรอก แค่คนรู้จัก
อย่างงี้ฉันก็ไปกวนนายไม่ได้แล้วสิ ฉันไม่รู้จักกับกำนันเมฆเขานี่หว่า
เออ...ไม่ต้องมาหรอก ฉันว่าจะอยู่ที่นี่ไม่กี่วันเอง ไม่แน่พรุ่งนี้ฉันอาจจะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้
เหรอ งั้นถ้ากลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่โทรบอกด้วยนะ คุณพ่ออยากเจอนาย กินข้าวด้วยกันสักมื้อสองมื้อเป็นไง
ได้ แต่อย่ามีคุณนาตนะ เดี๋ยวพาลจะกินข้าวไม่ลง เรวินทร์ไม่วายต่อรอง
รู้น่าของแสลงแบบนั้น ไม่พาตั้งโต๊ะด้วยหรอก ทิษณุเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ทำงานก่อนล่ะ เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน
บาย
อือบาย เรวินทร์กดตัดสายเพื่อน ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนที่เห็นอิสรีย์หายเข้าไป
หนุ่มลูกครึ่งหยุดอยู่หน้าประตูไม้สักบานหนา ตัดสินใจเคาะประตูเบาๆ เพราะต้องการคุยกับหญิงสาวที่อยู่ด้านใน ทว่าแม้เพียรเคาะเท่าไหร่คนที่อยู่ในห้อง กลับไม่มีท่าทีขานรับและเมื่อเขาลองหมุนลูกบิดดู ประตูไม้หนากลับเปิดออกอย่างง่ายดาย
ขอโทษนะคุณเอ๋ย ขอผมเข้าไปหน่อยนะ ชายหนุ่มขออนุญาตเสียงเบา ขณะก้าวเดินเข้าไปในห้องของเธอ
ภายในห้องนอน จุดดึงดูดสายตาที่สุดคือเตียงสี่เสาแบบโบราณขนาดใหญ่ และร่างบอบบางที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยท่าทางน่ารัก สองมือเล็กพนมรองอยู่ใต้แก้ม ข้างกายนั้นมีตุ๊กตาหมีขนฟูสีน้ำตาลวางอยู่ใกล้ๆ ห่มคลุมด้วยผ้าห่มลายคิตตี้สีชมพูหวาน ชวนให้นึกถึงเจ้าหญิงองค์น้อยๆ ที่กำลังนิทราในหนังสือนิทานภาพของเด็กเล็ก
เห็นแบบนี้แล้วเรวินทร์ก็ไม่คิดอยากรบกวนคนที่กำลังหลับ เขาก้าวถอยออกจากห้อง ปิดประตูตามหลังอย่างเบามือ รอเธอตื่นก่อนค่อยคุยตอนนั้นก็คงไม่สายนักหรอก . . . . .
กว่าอิสรีย์จะตื่นอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม ตัวกระตุ้นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรา คือท้องอันหิวโหยที่ไม่มีอาหารอะไรตกถึงท้องในมื้อกลางวันนั่นเอง เพราะตั้งแต่มาถึงบ้านก็มีเรื่องวุ่นๆ มาก่อกวนไม่ได้หยุด หลังจากจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จ เธอก็ลากเท้าลงมายังชั้นล่าง ก่อนหยุดยืนมองญาติๆ สี่ห้าคนที่กำลังล้อมวงทำกิจกรรมวาด วัด ตัดกระดาษฟรอยด์สีต่างๆ ด้วยความแปลกใจ
อ้าวเอ๋ยตื่นแล้วเหรอ ป้าจันทร์ทักพลางวางกรรไกรในมือลง
นี่กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ
ทำต้นกัลปพฤกษ์ ป้าจันทร์ตอบพลางดันแว่นสายตาขึ้นบนดั้ง แล้วลงมือตัดกระดาษเป็นรูปดาว
ทำไปทำไมคะ
อ้าวฉลองโบสถ์ใหม่ที่สร้างเสร็จนี่ไง วัดบ้านเรามีงานปิดทองฝังลูกนิมิตเจ็ดวัน ญาติอีกคนช่วยอธิบาย
หมู่บ้านเรารับอาสาทำสอยดาวจับฉลากหาเงินเข้าวัด ก็เลยมาช่วยกันลงแรงทำบุญนี่ไงคะ โบว์ชูดาวสีทองพร้อมทั้งเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
แล้วนี่ข้าวกลางวันทานรึยัง ป้าทำขนมจีนซาวน้ำไว้ในครัวแน่ะ ทานได้ไหม ป้าจันทร์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นสีหน้าซีดเซียวของหญิงสาว
ค่ะ อิสรีย์ยิ้มรับแล้วตั้งท่าจะเดินเข้าไปในครัว ที่อยู่ด้านหลัง
ทว่าป้าจันทร์กลับเรียกรั้งเธอเอาไว้ มานั่งพักดีกว่าป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอลูก เดี๋ยวป้าไปตักขนมจีนให้เอง
ไม่เป็นไรค่ะ เอ๋ยไม่รบกวน อิสรีย์ปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจ รีบเดินนำเข้าไปในครัว
โบว์ไปช่วยพี่เขาสิ ป้าจันทร์เรียกใช้หลานสาว โบว์วางงานในมืออย่างไม่มีอิดออด ก้าวตามไปช่วยเหลืออิสรีย์ในครัว
กุ้งแห้งตำหมด เดี๋ยวโบว์ช่วยตำกุ้งแห้งให้นะ โบว์ตรงไปเปิดตู้เย็น หยิบกระปุกกุ้งแห้งออกมา
ไม่เป็นไรมีแค่ไหนก็กินแค่นั้น ไม่ต้องยุ่งยากหรอกโบว์
ไม่ยุ่งหรอกพี่ ขอเวลาโบว์โขลกกุ้งแป๊บเดียว ว่าแล้วสาวรุ่นก็รีบหยิบกุ้งแห้งใส่ครก ออกแรงโขลกทันที
ขณะนั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว อิสรีย์จึงถามถึงหนุ่มๆ แล้วนี่พ่อพี่กับเจ้าแอ้หายไปไหนเนี่ย คุณไรท์ด้วย
เจ้าแอ้หลับกลางวันอยู่ในห้องข้างบน ส่วนลุงก็ชวนคุณไรท์ไปหากิ่งไม้แห้งมาทำต้นกัลปพฤกษ์จ้ะ
แล้วงานวัดนี่เริ่มตั้งแต่วันไหนเหรอ อิสรีย์ถามด้วยความสนใจ ขณะเดียวกันมือก็สาละวนอยู่กับการตักขนมจีนและเครื่องเคียงใส่จาน
มะรืนนี้แล้วล่ะพี่ นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำดาวทันหรือเปล่า มีตั้งเจ็ดวันแน่ะ
เดี๋ยวพี่ช่วยอีกแรง แต่ขอกินมื้อนี้เสร็จก่อนนะ
ดีนะเนี่ยที่พี่เอ๋ยลาพักร้อน เลยได้กลับมาช่วยงานบุญที่บ้าน โบว์ว่าพลางใช้ช้อนโกยกุ้งที่โขลกจนป่นแล้วโรยใส่จานขนมจีนให้อิสรีย์ หลังจากนั้นก็จัดแจงเก็บอุปกรณ์ทำครัวเข้าตู้
เออแล้วนุ้ยนี่ปัจจุบันเขาทำงานอะไรอยู่เหรอ อิสรีย์ตั้งประเด็นถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจ และเลือกใช้คำถามที่เป็นกลางๆ เพื่อไม่ให้อีกสงสัยว่าตนความจำเสื่อม
คนไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นจะไปทำงานอะไรเหมือนชาวบ้านเขาเป็น ก็ได้แต่กินสมบัติเก่าเก็บค่าเช่าที่ ลอยชายจีบสาวไปวันๆ นั่นแหละ พระเอ้ไม่น่าหลงผิดไปกับยายคนนี้ได้เลย โบว์เบ้หน้าแสดงถึงความเป็นปรปักษ์ต่อคนที่เอ่ยถึงเต็มที่
อิสรีย์ขมวดคิ้วสะดุดกับชื่อ พระเอ้ ที่ได้ยินมาถึงสองครั้ง หากแต่เธอไม่ทันได้สงสัยนานเพราะป้าจันทร์ที่ตามมาสมทบในครัวเป็นคนเฉลยให้เอง เพราะทันได้ยินคำพูดของโบว์ในตอนท้าย
นี่ยายโบว์ เราเป็นน้องต้องเรียกหลวงพี่เอ้ต่างหาก ส่วนแม่เอ๋ยเขาเป็นพี่จะเรียกพระเอ้เฉยๆ ก็ไม่แปลกหรอก
แหมก็มันติดปากนี่ เห็นพวกลุงป้าๆ เรียกพระเอ้ๆ กัน โบว์เถียงเสียงอ่อย งั้นอย่างเจ้าอ้อแอ้ก็ต้องเรียกหลวงพ่อสินะ เพราะพระเอ้...เอ้ย! หลวงพี่เอ้ท่านเป็นพ่อของเจ้าอ้อแอ้มัน
ทุกวันนี้เจ้าอ้อแอ้มันก็เรียกว่าหลวงพ่ออยู่แล้วนี่ เอ้าแล้วเรามัวโอ้เอ้อะไรอยู่ยายโบว์ รีบๆ ไปช่วยกันตัดกระดาษสิ ป้าจันทร์ออกปากไล่ ขณะที่มือก็สาละวนอยู่กับการผสมน้ำหวานใส่กระติก
สาวรุ่นเบ้ปากก่อนหันมาบอกกับคนเป็นพี่ งั้นโบว์ไปตัดกระดาษก่อนนะพี่เอ๋ย
อิสรีย์ที่นั่งฟังเงียบๆ เริ่มประมวลคำพูดของทุกคนเข้าสมอง หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้เป็นพ่อของเจ้าอ้อแอ้ คนที่เป็นพ่อแท้ๆ คือพระเอ้ซึ่งเป็นน้องชายของเธอเอง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่แม่ของเจ้าหนูนั่น แล้วใครล่ะที่เป็นแม่ หญิงสาวนึกทบทวนถึงคำพูดของกำนันเมฆเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน หรือว่า...
ป้าจันทร์ นุ้ยนี่เขาเป็นญาติทางไหนกับครอบครัวเราคะ เธอโพล่งถามด้วยความข้องใจ
ป้าจันทร์ที่กำลังก้าวออกจากครัวชะงัก หันมองหลานสาว เราความจำเสื่อมจริงๆ เหรอเอ๋ย
ก็ลืมๆ เป็นช่วงๆ จำได้เป็นช่วงๆ แหละป้า อิสรีย์ยิ้มแหยๆ ไม่ยอมรับความจริง
นุ้ยเป็นแม่ของเจ้าแอ้ เป็นอดีตน้องสะใภ้เรานั่นแหละ
หา! ป้าว่าไงนะ คนเป็นหลานอุทานด้วยความตกใจ นี่เธอเข้าใจผิดหมดเลยสิ นุ้ยนี่นะ เขาเป็นทอมไม่ใช่เหรอคะ
ป้าก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นทอมจริงหรือไม่จริง แต่ก็เห็นมีท่าทางห้าวๆ แบบนี้มาตั้งแต่เป็นสาวรุ่นแล้วนี่นะ เราเป็นเพื่อนกับมันมาน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ไม่ใช่รึ
คำถามทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องครัวของป้าจันทร์ ทำเอาอิสรีย์มึนงงไปหมด จากที่คิดว่าจะได้รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากคนในครอบครัวนี้บ้าง กลับตรงข้ามมีเรื่องชวนปวดหัวให้ขบคิดเพิ่มมากขึ้นไปอีก
หลังจากทานขนมจีนซาวน้ำเสร็จเรียบร้อย อิสรีย์ก็ออกจากครัวไปช่วยงานพวกญาติตัดกระดาษทำดาว ไม่นานนักสองหนุ่มต่างวัยก็พากันเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ใบหน้าของเรวินทร์นั้นแดงก่ำเพราะเนื่องจากตากแดดอยู่หลายชั่วโมง
เป็นไงได้ต้นไม้มารึเปล่า ป้าจันทร์ถามพลางนำน้ำเย็นไปเสิร์ฟให้สองหนุ่มต่างวัย
มือชั้นนี้แล้วน่าพี่จันทร์ ได้มาสามต้นอยู่ท้ายกระบะนั่นแหละ กำนันเมฆโอ่พลางยกน้ำขึ้นจิบดับกระหาย ก่อนถาม แล้วนี่ไอ้บอมบ์กะไอ้ตุ่มกลับมาจากวัดยัง จะได้ให้มันช่วยกันลิดใบต้นไม้ออก
มาพอดีเลยนั่นไง ป้าจันทร์พยักพเยิดไปทางสองหนุ่ม ซึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ลานต้นไม้หน้าบ้าน หลังลงจากรถตุ่มเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาในบ้าน
เอ้านี่สต๊อกของรางวัล สรุปว่าเราต้องทำดาวประมาณสองหมื่นหนึ่งพันดวง เฉลี่ยวันละประมานสามพันนะ ตุ่มยื่นกระดาษปึกหนึ่งส่งให้มารดา
เฮ้ย! ทำอะไรเยอะแยะอย่างงั้นวะ ใครจะไปทำทันไม่ใช่เทวดานะจะได้เสกออกมาได้ ป้าจันทร์โวยทันทีเมื่อรับกระดาษมาคลี่อ่าน
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะแม่ ตุ่มเอ่ยเสียงอ่อยๆ
แต่บอมบ์เห็นครับ ก็รองสิงห์ทองนั่นแหละตัวดี หนุ่มบอมบ์ชิงฟ้องหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ไปตกลงอะไรกับเจ้าอาวาสไว้ งานหนักก็เลยตกมาอยู่ที่พวกเรานี่แหละ
บรรยากาศภายในบ้านเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
เอาน่าๆ พวกเราคิดเสียว่าทำบุญน่า มีเวลาอีกตั้งหลายวัน กำนันเมฆปลุกปลอบเมื่อเห็นสีหน้าพี่น้องลูกหลานที่ทำเหมือนกำลังกลืนยาขม ทำสามพันดวงแรกให้เสร็จก่อน วันต่อไปค่อยว่ากันอีกทีนะ
ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลงมือทำงานโดยไม่ปริปากบ่นอันใดอีกต่อไป
++++++++++++++++++
(เจอกันวันเสาร์นะคะ ^^) คุณปุ๊กกุย...มาต่อตอนใหม่แล้วค่า ^^
ขอบคุณสำหรับกิ๊ฟนะคะ ปุ๊กกุย, พิมพ์นรา, npuiy
ลิงค์ตอนเก่าจ้า...^0^
บทที่ 10... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11933666/W11933666.html บทที่ 9... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11919907/W11919907.html บทที่ 8... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11889306/W11889306.html บทที่ 6-7... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11859551/W11859551.html บทที่ 5... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11829456/W11829456.html บทที่ 4... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11798581/W11798581.html บทที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11768529/W11768529.html บทที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11734893/W11734893.html บทที่ 1... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11706142/W11706142.html
จากคุณ |
:
แก้วชมพู
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 55 19:49:20
|
|
|
|