Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักฉันให้มาก..กว่านี้สักนิดได้ไหม.....2/2 (ตอนจบ) ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11944241/W11944241.html



ความเดิม

ผมหมายถึงภาพที่มองเห็น...เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้หรือ....คือการใช้ปังตอในมือเฉือนเนื้อตามบริเวณบ่าทั้งสองข้าง ..ต้นแขน...เฉือนออกมาแบบไม่น่าเป็นไปได้.....เพราะเนื้อที่ถูกเฉือนยังสั่นไหวด้วยความมีชีวิตระริก...เขายิ้มแสยะและเอามืออีกข้างคว้าเนื้อพวกนั้นเข้าปาก

ผมได้ยินเธอกรีดร้อง

*********


==============================
รักฉันให้มาก..กว่านี้สักนิดได้ไหม.....2/2 (ตอนจบ)
==============================



ภาพนั้นคงทำให้เธอตกใจสุดขีดถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป ดีว่าผมคว้าเธอไว้ทัน

หนี.....ผมต้องพาเธอหนี ให้พ้นจากสถานการณ์อันน่ากลัวนี้ แต่การพยายามอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งแล้ววิ่งหนีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้างหน้ามองเห็นประตูบ้านหลังหนึ่งเปิดอ้าเอาไว้ จะเป็นบ้านใครก็ช่างไม่สนใจแล้ว เพราะหางตามองเห็นชายรูปร่างกำยำวิปริตกินเนื้อตัวเองคนนั้นวิ่งตามมาอีกแล้ว

พอเข้ามาได้ก็กระชากประตูปิดล็อคโดยแรงเกือบจะเป็นเวลาเดียวกับคมปังตอฟันโครมเข้าบานประตูพอดี เสียงร้องคำรามเหมือนสัตว์ป่าบ้าคลั่งดังลั่นสนั่นกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอกขณะเสียงคมมีดยังสับฟาดลงประตูไม่ขาดระยะชวนให้สติแตกเหลือเกิน แต่ผมจะต้องไม่เป็นอะไรในตอนนี้

แทบไม่มีเวลาหายใจด้วยซ้ำเมื่อหันไปมองภายในห้องหัวใจก็แทบหยุดเต้น

พวกเราไม่ได้อยู่คนเดียว

ร่างทะมึนหลายร่างยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก แสงในห้องทำให้มองเห็นรูปร่างและใบหน้าของคนพวกนั้นชัดเจน

ชายสวมหมวก เสื้อลายใบหน้าย่นยับและมีนิ้วมือเป็นใบมีดแหลมคม  ผมจำได้ว่านั่นคือเฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง A Nightmare on Elm Street อย่างไม่ต้องสงสัย

ชายร่างยักษ์ใส่หน้ากากถือมีดดาบเล่มยาวในมือจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเจสัน วอร์ฮีส์ แห่ง Friday the 13 th (ศุกร์ 13 ฝันหวาน) และคนร่างยักษ์อีกคนยืนอยู่ด้านหลังสุดมีหน้ากากทำมาจากหนังหน้าของมนุษย์และเลื่อยยนต์อยู่ในมือ นั่นคงเป็น LEATHERFACE แห่ง THE TEXAS CHAINSAW MASSACRE

นี่มันยิ่งกว่าฝันร้าย จอมฆาตกรสามตัวจากหนังสามเรื่องมารวมกันอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ เพราะนี่ไม่ใช่ความฝัน

ด้านนอกมีชายโรคจิตกับปังตอ ด้านในมีทั้งฆาตกรโรคจิต ปีศาจอมตะ แล้วยังจะมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม...ทำไมไม่ขนมาให้หมด ซอมบี้ จากNight of the Living Dead ผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า ยังมีอีกเยอะ

ทันใดนั้นผมเห็นด้านซ้ายมือมีประตูเปิดเอาไว้บานหนึ่ง นั่นน่าจะเป็นหนทางรอดถ้าผมวิ่งออกไปในตอนนี้ แต่ผมจะทำแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อคนรักยังนั่งพิงผนังห้องหมดสติอยู่แบบนี้

ถ้าหนีผมอาจจะรอด ถ้าไม่หนีก็ตายทั้งสองเรา ใครจะไปสู้กับฆาตกรโรคจิตและปีศาจอมตะพวกนั้นได้ ตามหลักเหตุผลผมควรจะหนีไปคนเดียวเพราะยังมีทางรอด แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้

ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน ถึงรอดไปชีวิตที่เหลือคงตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย ผมเริ่มมองหาอาวุธหรืออะไรสักอย่างซึ่งพอจะเอามาต่อสู้กับพวกนั้น

เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีไม้เบสบอลวางผนังอยู่ข้างๆ ใครจะเป็นคนเอามาวางก็ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิด ผมคว้าไม้เบสบอลสีหม่นขึ้นมา ในขณะพวกกระหายเลือกเริ่มเดินตรงมา เสียงเลื่อยยนต์ของ LEATHERFACE เริ่มส่งเสียงคำรามกึกก้อง

ผมก้มตัวหวดไม้เบสบอลตูมลงบนขาทั้งสองของเฟรดดี้ครูเกอร์ ในจังหวะที่มันเหวี่ยงกรงเล็บใบมีดตรงเข้ามา ขาทั้งสองของมันหักออกเหมือนเป็นท่อนไม้ผุๆร่างทรุดฮวบลงทันที เฟรดดี้ไม่ได้เก่งกาจแบบในหนัง

แต่พอยืดตัวขึ้นยืน เจ้าเจสันเข้ามาถึงตัวพอดี มีดดาบของมันแทงเข้าระหว่างอกของผมอย่างสุดทางหลบหลีก แน่นอนว่าผมไม่เคยรู้สึกถึงการถูกแทงด้วยมีดดาบมาก่อน แต่ความรู้สึกตอนนี้บอกว่ามันเป็นแบบนี้เอง มันเจ็บแปรบเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านร่างกายไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังเหมือนคนบ้าเลือดไปแล้ว ฟาดไม้เบสบอลเข้ากลางแสกหน้ากากฮ๊อกกี้ของเจสัน ทั้งหน้ากากทั้งศีรษะของเจสันระเบิดออกมาเป็นเศษเลือดเศษสมองกระจายไปทั่ว ร่างโงนเงนเอียงล้มคว่ำลงกับพื้น

เหลือเจ้า LEATHERFACE ที่ตอนนี้กำลังยืนกวัดแกว่งเลื่อยยนต์ไปมาเหมือนจงใจโชว์ ทำให้ผมนึกถึงฉากในหนังเรื่องสิงหาสับตอนจบ ซึ่งเป็นฉากที่ฆาตกรปีศาจผู้นี้กำลังยืนกวัดแกว่งเลื่อยยนต์ในมือไปมาอย่างคลั่งแค้นที่เหยื่อสาวหลุดมือไปได้ หลังจากนั้นมาก็ไม่มีนักแสดงคนไหนมารับบทแกว่งเลื่อยยนต์ได้เท่และงดงามจนกลายเป็นฉากคลาสสิกเหมือนที่ LEATHERFACE ฉบับต้นแบบดั้งเดิมทำได้เลย

มัวแต่โชว์ผมเลยมีเวลาสำรวจดูตัวเองเห็นมีดยาวปักอกแน่น เลือดไหลออกมาเป็นทาง เจ็บก็เจ็บแต่ผมยังไม่ตาย ไม่หมดสติ ราวกับว่าวิญญาณถูกตอกตรึงฝั่งอยู่ในร่างไม่ยอมหลุดลอย

ที่รักของผมยังไม่ได้สติ ผมมองอย่างเป็นห่วง กำลังคิดว่าจะประคองเธอออกไปทางประตูบานนั้น แต่เจ้าสิงหาสับทะลึ่งเบื่อการควงเลื่อยโชว์ ยกเลื่อยพุ่งปราดเข้ามาแบบกะทันหัน

ผมใช้ไม้เบสบอลรับการจู่โจม แต่มีหรือจะสู้เลื่อยยนต์ได้ ไม้เบสบอลขาดออกเป็นสองท่อน แต่แรงปะทะก็ทำให้มันชะงักลงเล็กน้อย เป็นโอกาสที่เฝ้ารอ ไม้เบสบอลที่เหลือในมือทิ่มพรวดเข้ากลางอกมันพอดี มันช่างง่ายดายเกินคาดคิด ไม้เบสบอลที่เหลือในมือยังมีความยาวพอจะทะลุออกไปด้านหลัง

LEATHERFACE  ยกเลื่อยค้างงอยู่เหนือหัว ท่าทางเหมือนจะงงเพราะไม่เคยชินกับการถูกการใช้ไม้เบสบอลแทงทะลุออก และมันก็ติดแน่นจนดึงไม่ออก

ผมนึกถึงดาบยาวของเจสันซึ่งยังปักคาอก เลยลองใช้มือดึงออกมาดู

อ้าว....คราวนี้กลับดึงออกมาง่ายๆ จนน่าแปลกใจ

และก็ใช้ดาบนั้นล่ะฟันเข้าไปกลางลำตัวของจอมปีศาจเลื่อยจนร่างขาดเป็นสองท่อน ท่อนบนตกลงมาตั้งบนพื้นมือยังยกเลื่อยค้างเหนือหัวอยู่เช่นนั้น ส่วนท่อนล่างซึ่งเหลือสะโพกลงมายังไม่ยอมล้ม มันเดินเปะปะไปมาเหมือนคนตาบอด มันคงงงเหมือนกันว่าทำไมตัวถึงยกออกเป็นสองส่วน

ทันใดนั้นเองเฟรดดี้ ครูเกอร์ ก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งใช้กรงเล็บขูดไปตามผนังจนเกิดประกายไฟและเสียงเสียวบาดลึก แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ชี้นิ้วคมกริบมายังร่างของคนรักของผมพลางส่งเสียงแหบต่ำน่ากลัวว่า

“พวกข้าต้องการเฉพาะเธอคนนั้น ปล่อยเธอไว้ แล้วเจ้าจะรอด”

“เจ้าลูกพลับเน่า..”

ผมร้องด่าแล้วเหวี่ยงดาบฟันเต็มแรง คราวนี้เจ้าเฟรดดี้ใช้เล็บใบมีดของมันจับดาบไว้แน่น แต่การที่ขาขาดทั้งสองข้างทำให้เคลื่อนไหวไม่ถนัด ผมลุกขึ้นใช้เท้ายันอกของมันและออกแรงดึงดาบสุดแรงเกิด

ร่างของเฟรดดี้ล้มฟาดลงไปด้านหลัง กรงเล็บเหล็กหลุดติดดาบมาด้วยและตะกุยตะกายเคร้งคร้างมาตามคมดาบ เสียงโลหะครูดกันฟังเสียวฟันจนต้องเหวี่ยงดาบในมือทิ้งไกลออกไป

อ้าว...นั่นเจ้าเจสันซึ่งหัวยับเยินไปแล้ว หลุดพรวดพรวดขึ้นมาอีกคนและยันกายขึ้นยืนอย่างช้าๆ แต่ผมมั่นใจว่ามันมองไม่เห็นเพราะไม่มีนัยน์ตาเหลือไว้มอง

ผมหายใจออกมาเป็นเลือด เกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองถูกแทงมิดอก แต่ยังไม่ยอมตาย หรือจะโดนเวทมนต์คำสาปอะไรกัน  หรือผมกลายเป็นผีดิบไปแล้ว..??

ช่างเถอะ จะเป็นไรก็ได้ ขอให้มีชีวิตรอด เพื่อปกป้องคนรัก ซึ่งเธอกำลังงัวเงียลืมตาขึ้นมา

“ลุกขึ้นเร็ว.”

ผมร้องเร็วปรื๋อเมื่อเห็นเจสันโงนเงนเปะปะใกล้เข้ามา

เธอยื่นมือออกมา ผมรีบดึงมือของเธอให้ลุกขึ้น แต่พระเจ้าช่วย..!!

มันเรื่องนรกอะไรกัน...!  แขนขวาของเธอขาดออกจากไหล่อย่างง่ายดายเหมือนเป็นกระดาษเปื่อยยุ่ยแล้วสลายหายไป ทำเอาตะลึงตาค้าง

สีหน้าของเธองุนงงมากกว่าจะรู้สึกเจ็บปวด  เธอลองยื่นแขนซ้ายออกมาให้จับ ผมลองดึงอีกครั้ง..ให้ตายดับลับหาย....แขนซ้ายเธอขาดสลายติดมือมาอีกแล้ว

หัวใจของผมเจ็บแปรบขึ้นมาราวถูเขาไฟปะทุ การเห็นคนรักมีอันเป็นไปแบบนี้มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเกินคำบรรยาย มากกว่าการถูกแทงหลายพันหลายหมื่นแสนเท่า

เสียงเฟรดดี้หัวเราะอย่างขบขันพลางส่งเสียงเยาะเย้ยว่า

“เธอไม่มีวันหนีออกจากห้องนี้ไปได้หรอก เจ้าหน้าโง่”

ผมก้มตัวลงประคองตัวเธอลุกขึ้น ขาทั้งสองของเธอพลันหลุดออกจากร่างเหมือนหุ่นถูกถอดชิ้นส่วน ในขณะกำลังยืนงง ลำตัวของเธอก็หลุดร่วงลงไปบนพื้นแล้วสลายตัวไปอีกแล้ว เหลือเพียงศีรษะของเธออยู่ในอ้อมแขนของผม ซึ่งยังมองหน้าทำตาปริบๆ

“เห็นไหม..ว่าแกเอาเธอไปไม่ได้”

เสียงกวนประสาทตามแบบฉบับของเฟรดดี้ครูเกอร์แว่วมาเข้าหู ภาพในห้องตอนนี้ยิ่งกว่าฝันร้าย  ลำตัวท่อนบนของ LEATHERFACE ยังพยายามทำท่าเดินทั้งที่ไม่มีท่อนล่าง มันดูแล้วทั้งตลกและน่าขนลุก ส่วนท่อนล่างก็เดินชนโน่นชนนี่เปะปะ  เจสันกางมือควานไปมาในอากาศเหมือนปีศาจตาบอด ส่วนครูเกอร์นั่งหัวเราะคิดคักอยู่บนพื้น ทั้งหมดประกอบกันเป็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวสยดสยองเกินจินตนาการ


“ทิ้งฉันไว้ที่นี่ แล้วคุณหนีไป”

เสียงของเธอแผ่วโหย เหลือเพียงศีรษะในอ้อมแขนแต่ยังพูดได้แบบนี้ผมไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว

“เราจะไปด้วยกัน”

ผมกระซิบบอกด้วยความตั้งใจครั้งสุดท้าย แล้วเผ่นพรวดไปยังประตูทางออกซึ่งหมายตาไว้ตั้งแต่แรก

ด้านนอกตอนนี้กลายเป็นพื้นดินกว้าง ซ้ายมือมองเห็นขุนเขาตระหง่าน ขวามือมีเสียงอื้ออึงเหมือนฝูงผึ้งจำนวนมหาศาล

ไม่ใช่เสียงหมู่ผึ้ง ในที่สุดพวกมันก็มาจนได้ ฝูงซอมบี้หลุดออกมาจาก  Resident evil ทุกภาค และจาก  Dawn of the dead มากันโดยพร้อมเพรียงแบบมืดฟ้ามัวดินข้างหน้าของกองทัพซอมบี้ คลับคล้ายคลับคลาจะมี Aliens และ Predator เป็นตัวนำทัพ แค่นี้ยังไม่พอหรืออย่างไรกัน


ผมวิ่งตรงไปทางซ้ายมือนั่งเป็นทางหนีทางเดียว หนีทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสรอดหรือไม่ แต่ต้องหนีสุดชีวิต ผมมีสิ่งมีค่าที่สุดอยู่ในมือ จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องได้เด็ดขาด

ผมรู้ว่าไม่มีวันไปถึงภูเขาลูกนั้น เพราะวิ่งไปได้ไม่ไกลก็พบว่ามีหุบเหวมืดดำขวางหน้าอยู่ ไม่มีทางหนีอีกแล้ว

“ส่งเธอมาให้เรา แล้วเจ้าจะรอด”

เสียงเฟรดดี้ครูเกอร์ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว มันขี่หลังปีศาจค้างคาวตัวใหญ่โฉบบินไปมาอยู่ด้านหลังตัดท้องฟ้าสีเลือดอันเดือดพล่านไปด้วยกลุ่มเมฆสีส้ม ฝูงซอมบี้วิ่งใกล้จะถึงตัวแล้ว

ผมกอดศีรษะของคนรักแน่น ไม่มีวันที่จะยอมให้มือปีศาจพวกนั้นแตะต้องเธอ

ผมสงบจิตใจ กระโจนลงสู่หุบเหวมืดดำ



********


แสงไฟวูบวาบเบื้องหน้าทำให้ผมได้สติ ความทรงจำกลับมาอีกครั้ง จอภาพขนาดใหญ่ด้านหน้าเพิ่งจะดับลง

ตอนนี้ผมอยู่บนเก้าอี้ซึ่งมีอุปกรณ์เครื่องมือระเกะระเกะอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่สาวกำลังก้มหน้าลงมามองบอกอย่างยิ้มแย้มขณะปลดอุปกรณ์ทางไฟฟ้าซึ่งครอบศีรษะผมออกไป

“ดีใจด้วยนะคะ คุณสอบผ่าน”

ใช้แล้ว..ผมเริ่มนึกขึ้นมาได้ ผมกับคนรักจะแต่งงานกัน แต่ในการจดทะเบียนกันใน พ.ศ.นี้ไม่ได้ง่ายอย่างอดีต เพื่อประกันว่าชีวิตสมรสจะมีโอกาสยั่งยืนมั้นคง ไม่สร้างปัญหาให้สังคม  คู่แต่งงานจะต้องเข้ามาทดสอบ”ระดับของความรัก” ที่มีต่อกัน

“โปรแกรมจำลองเสมือนจริงของเรายังอยู่ในขั้นพัฒนา มันอาจดูขัดหูขัดตาบ้างนะคะ ดีว่าพวกเรามีโปรแกรมเสริมจากหนังผียุคเก่าเลยเอามาประยุกต์ใช้ คงไม่เลวใช่ไหมคะ”

ผมพยักหน้า นึกถึงผู้คนที่ท่าทางค่อนข้างผิดธรรมชาติ แสดงว่าคนเขียนโปรแกรมยังเขียนไม่ดีนัก ท่าทางวิปริตผิดธรรมชาติในโปรแกรมก็เพื่อกดดันให้คนแสดงพฤติกรรมธาตุแท้ออกมาให้มากที่สุดนั่นเอง


เอ้อ...แล้วเธอล่ะครับ”

ผมหมายถึงคนรักที่สอบอยู่อีกห้องหนึ่งข้างๆ  เจ้าหน้าที่สาวทำหน้าเสียใจขณะบอกว่า

“เสียใจด้วยค่ะ เธอสอบไม่ผ่าน”

หัวใจของผมเหมือนตกวูบลงแล้วลอยหายไปในอากาศ

“ไม่เป็นไรครับ”

ผมบอกอย่างเศร้าซึม กำหนดการแต่งงานของพวกเราต้องยืดออกไปอีกแล้ว

ด้านนอกห้อง เธอยืนรออยู่ น้ำตาคลอ ผมยิ้มปลอบใจ กระซิบให้กำลังใจว่า

“ไม่เป็นไรที่รัก ปีหน้ามาสอบใหม่ พวกเรายังมีเวลาจะพัฒนาความรัก”

“ฉันเสียใจค่ะ...เธอก้มหน้ากับบ่าของผม “แค่อีกนิดเดียวก็จะสอบผ่านแล้วค่ะ แค่ฉันรักคุณให้มากกว่านี้สักนิดเท่านั้น”

“ความรักมันเรียนลัดไม่ได้” ผมกระซิบ “มันต้องเป็นไปของมันเองไม่ต้องกังวล เรายังมีเวลา....”

“ขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไร ที่รัก” ผมบรรจงใช้นิ้วมือปาดน้ำตาให้ เธอเริ่มยิ้มออกมาได้ การสัมผัสเพียงเท่านี้คงไม่เลยเกณฑ์ระดับมาตรฐานของ Love Bio NanoChip

เธอสอบไม่ผ่าน ด้วยคะแนนที่พลาดไปเพียงนิดเดียว!

ไม่เป็นไรที่รัก..ไม่เป็นไร
ถึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมก็ยังรักเธอเสมอ

เวลาที่จะได้จูบเธอ อยู่กับเธอ เลื่อนไปอีก แน่นอนว่าตอนนี้พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้ วิทยาการของเราพัฒนาขึ้น คนทุกคนถูกฝัง “เลิฟไบโอนาโนชิป” ไว้ในร่างกายเพื่อป้องการก่ออาชญากรรม  ถ้าผู้หญิงและผู้ชายแสดงความรักกันมากเกินไป เช่นการจูบกัน หรือมีอะไรกัน “Love Bio NanoChip” จะทำงานทันที มันจะเร่งปฏิกิริยาเคมีแบบเผาผลาญอย่างรวดเร็ว ฝ่ายชายจะเผาไหม้กลายเป็นอากาศธาตุในเวลาไม่ถึงนาที



มีทางเดียวจะปลดล็อค“เลิฟไบโอนาโนชิป” ได้คือการสอบให้ผ่านเท่านั้น ซึ่งการสอบนี้ต้องสอบกับโปรแกรมเสมือนจริง คุณจะเข้าไปอยู่ในโลกจำลองนั้นเพื่อทดสอบ โปรกรมจะลบความทรงจำบางส่วนแบบชั่วคราวเพื่อป้องกันการโกงสอบการตัดสินใจจะมาจากความรู้สึกส่วนลึกและจริงใจเท่านั้น

ถึงเลิฟไบโอนาโนชิป จะมาตีกรอบสังคมมนุษย์ แต่ข้อดีของมันคือทำให้สถิติอาชญากรรมทางเพศเป็นศูนย์ และทำให้ผู้คนหันมาศึกษาแก่นแท้ของ “ความรัก” มากขึ้น ที่ผ่านมาคนรักหลายคู่แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร บางครั้งความรักกับความใคร่แยกกันยาก แต่ถึงระดับหนึ่งเราจะมองเห็นว่ามันแยกกันได้ เมื่อคุณรักใครสักคนอย่างจริงใจโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของครอบครอง แน่นอนว่าไม่ใช่เกิดขึ้นกับทุกคน

ผมเองยังอยากกอดเธอ แสดงความรักกับเธอ แต่ก็รอคอยได้เช่นกัน โดยไม่ต้องทุรนทราย


ที่รัก..ปีหน้าผมคงจะได้จูบคุณ โดยที่ผมไม่ต้องสลายกลายเป็นอากาศธาตุ


ปีหน้า.... คุณจะรักผมขึ้นอีกสักนิด จะได้ไหม

เพียงนิดเดียวก็พอแล้ว ..........








จบแล้วครับ

ดราม่ารักซึ้งอย่างที่บอกใช่ไหมล่ะ  ^^..เชื่อยังทีนี้..^^







********

แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 15:21:54

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 15:00:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com