38
เขมรัฐนิ่งไปครู่หนึ่ง คำพูดของโขงไม่ต่างอะไรกับการโยนหินก้อนเล็ก ๆ ลงไปบนผิวน้ำที่สงบเรียบให้เป็นระลอกคลื่น
ดวงตานั้นรอคอยคำตอบ เขาเองก็ถามกลับไปด้วยอาการนิ่ง
“แม่จะมีเวลามาเหรอ เขาต้องทำงานนะ”
“ถ้าผมขอ ก็คงมาได้แหล่ะครับ”
เขมรัฐจุดยิ้ม “อย่าพูดเอาแต่ใจแบบนั้นสิ เขาว่างเมื่อไหร่ก็มาเอง”
คราวนี้เป็นโขงบ้างที่นิ่ง เขาเขี่ยข้าวต้มที่อยู่ในถ้วยไปมา
“ผมหมายถึง...อยากให้เรากลับมาอยู่ด้วยกัน แบบครอบครัว”
ไม่ต้องมีประโยคสุดท้าย คนเป็นพ่อก็เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง คำว่าครอบครัวที่ผ่านมาสำหรับพวกเขาไม่มีคำว่าแม่ ถึงตอนนี้ลูกชายพูดขึ้นมา เขารู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิม ยิ่งเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุขล้นปรี่ตลอดช่วงหลายวันยืนยันความคิดนี้ได้
“ได้ไหมพ่อ”
อาจะเป็นเพราะเขมรัฐไม่เคยคิดว่าจะมีคำถามแบบนี้ เขาปิดประตูสำหรับสายไหมไปแล้ว พอลมอดีตพัดหวนมาเกาะกุมใจสองพ่อลูก คนหนึ่งสะท้าน อีกคนย่อมสั่นไหว
“เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว”
เขาปิดสมุด “เอาไว้โขงหายก่อนเราค่อยคุยกันใหม่นะ” เขมรัฐลุกจากโต๊ะไปหยิบยามาให้ มองอีกฝ่ายที่กินยาด้วยอาการขยะแขยงอย่างเคยก่อนจะตบไหล่
“ไปอาบน้ำเตรียมนอนได้แล้ว”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายเป็นการตัดบท แม้จะมีรอยไม่ค่อยพอใจในสีหน้าแต่โขงก็ทำตามแต่โดยดี
วันศุกร์ก่อนเปิดภาค มีครูมาทำงานเกือบครบ ปุริมากับบัณฑิตาเดินมาที่โรงอาหาร นอกจากนี้ยังมีชาร์คกับเหมียว ทันทีที่เห็น บัณฑิตาเปิดฉากก่อน น้ำเสียงล้อเลียนแววตาพราวระยับ
“มิน่าล่ะ พี่กบถึงได้บอกให้บุ้งไปกินข้าวที่ฟาร์ม เพราะหัวหน้ามากินข้าวต้มกลางวันกับครูสาวนี่เอง”
“พูดดี ๆ บุ้ง น่าจะดีใจนะที่ไม่ใครแย่งกินแหนม”
“กลัวตายล่ะ” สาวตัวเล็กลอยหน้า
“เชอะ ใครเขาจะไปอยากได้ แหนมตุ้มจิ๋วแค่นั้น”
“พี่เข้!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทั้งหมดพากันหัวเราะลั่น ไม่เว้นแม้แต่ปุริมา บัณฑิตารู้ว่าตัวเองเสียท่าก็สะบัดหน้าเดิน กระแทกส้นออกไป พึมพำว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
“มีคนที่ปะทะคารมชนะบุ้งได้ด้วย” ชาร์คว่า มองเขมรัฐทึ่ง ๆ
“แหม ชาร์ค คุณเข้น่ะรุ่นไหน ชั่วโมงบินมันต่างกัน ว่าแต่วันนี้คุณเข้มาถึงโรงเรียนเลยนะคะ” เหมียวแซวยิ้ม ๆ
“ผมเอาข้าวมาส่งแฟนครับ” เขมรัฐชี้ปิ่นโต
“คุณ” ปุริมาปรามเมื่ออีกฝ่ายพูดเต็มปาก ไม่โกรธ แม้ว่าทุกคนจะรู้กันหมดว่าเธอกับนายฟาร์มคบหากันในฐานะคนรัก แต่อดเขินไม่ได้
“น่าอิจฉาจัง” เพื่อนครูเปรย “ตาเม่นนะ มีแต่เราทำให้ตลอด ขนาดกางเกงในยังต้องหาให้เลย”
เขมรัฐกับชาร์คหัวเราะ “กินด้วยกันไหมครับ”
“อุ้ย! คุณเข้ชวนกินข้าวหม้อเดียวกันเหรอคะ”
“ผมไม่เคยชวนใครมาก่อนนะ ถ้าไม่ใช่ครูเหมียว”
“พี่เหมียว เดี๋ยวพี่เม่นปล่อยพี่ไปสีโซฟาแน่ ๆ”
“ชาร์ค!!”
เสียงหัวเราะเกรียวกราว
ขณะที่บรรยากาศมื้อกลางวันที่โรงอาหารในโรงเรียนสนุกสนาน ที่ริมทะเล สายไหมกับโขงกำลังเพลินกับข้าวเหนียวไก่ย่าง ตามกำหนดการคือ สายไหมจะพักอยู่จนถึงวันอาทิตย์แล้วกลับ ซึ่งวันจันทร์จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโขงพอดี พอเธอถามเรื่องนี้ เด็กหนุ่มก็ทำหน้าเบื่อ
“ถ้าอย่างนั้น แม่อยู่อีกวันแล้วกัน”
คนฟังตาโต ตื่นเต้น “ดะ ได้เหรอครับ”
“ก็...แม่อยากเห็นโขงแต่งชุดนักเรียน”
คราวนี้เปลี่ยนเป็นสีหน้าเขิน พลางลูบท้ายทอย “ไม่เห็นน่าดูเลย ใส่กางเกงขาสั้น”
“ไม่ชอบเหรอ”
โขงขมวดคิ้ว “ผมคิดมานานแล้วว่าทำไมโรงเรียนประเทศไทยจะต้องให้นักเรียนใส่กางเกงขาสั้นโชว์ขนหน้าแข้งด้วยก็ไม่รู้ ไม่ใช่แค่ม.ต้นนะ ม.ปลายด้วย แล้วแม่คิดดูสิ อายุสิบแปด ใส่กางเกงขาสั้น เวลาไปไหนมันดูแปลก ๆ”
“แปลกเพราะกลัวแพ้หนุ่มอาชีวะล่ะสิ พวกนั้นใส่กางเกงขายาวนี่”
“แม่รู้ทัน” โขงบ่นอุบ สายไหมหัวเราะ มองหน้าลูกชายที่เริ่มเป็นหนุ่ม วันนี้เขาแต่งตัวด้วยเสื้อกับกางเกงยีนส์ที่เธอซื้อให้ ตอนไปรับก็ทำเป็นเก๊กหน้านิ่ง ๆ แต่เธอรู้ดีว่าเขาปลาบปลื้มกับของเหล่านี้มากขนาดไหน การใส่มันบนร่างกายนั่นหมายถึงการประทับเธอให้อยู่ในหัวใจด้วยเช่นกัน
เสียงโทรศัพท์ดัง สายไหมมองเลขหมายหน้าจอ ไม่คุ้น แต่ก็รับเพราะเกรงว่าจะเป็นคนจากที่ทำงาน
“สวัสดีค่ะ”
“คุณรับโทรศัพท์เสียงหวานดีนะ ไม่หมือนตอนทำหน้าเซ็งใส่ผมเลย”
สายไหมขมวดคิ้ว และนึกได้ทันที “คุณ...” กำลังจะต่อว่าแต่เห็นสายตาโขง ลืมเรื่องว่าเขาได้เบอร์เธอมาได้ยังไง อู่ซ่อมรถที่รู้จักกันแน่นอน เธอสูดลมหายใจ
“มีอะไรอะไรคะ”
“เปล่าครับ แค่โทรมาเพราะจะบอกว่าผมจะกลับกรุงเทพแล้ว”
คนฟังยกคิ้ว “ธุระกงกางอะไรของฉันล่ะคะ”
“พูดตัดรอนจังนะ ผมช่วยคุณยังไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยนะ”
“ก็เรียกมาสิ โยกโย้เสียเวลา”
สินธพยิ้มอยู่อีกฝั่งของเมือง “เอาไว้ก่อน คิดออกเมื่อไหร่จะบอก แค่นี้นะสายไหม เอาไว้คุยกันใหม่” แล้วเขาก็วางสายไป หญิงสาวทำหน้ารำคาญ พอสบตาคนร่วมโต๊ะกลับยิ้ม
“มีหนุ่มมาจีบแม่ใช่ไหมครับ”
สายไหมอึ้ง และนั่นทำให้โขงยิ่งเริงร่า “ผมทายถูก แม่สวยแบบนี้ต้องมีคนมาจีบอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างเวลาที่ผู้หญิงที่ถูกตามจีบก็มักทำเสียงแข็งไว้ตัวแบบนี้แหล่ะครับ”
คนเป็นแม่ถึงกับนิ่ง เป่าปากอย่างคาดไม่ถึงว่าลูกชายวัยสิบห้าจะฉลาดขนาดเดาความคิดจากน้ำเสียงและสีหน้าได้
“รู้มากจริงนะเรา พ่อบอกเหรอ”
โขงโคลงศีรษะ อารมณ์สนุกสนาน เขามองไปยังกลุ่มคนที่นั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ “สมมุติว่าฝรั่งคนนั้นมาจีบ แม่จะบอกว่าผมเป็นลูกไหม”
สายไหมมองตาม รู้ว่ากำลังถูกลองใจ ถ้าจะตอบว่าบอก เขาต้องรู้แน่ว่าเธอพูดเอาใจ “แม่ถามกลับ ถ้าโขงเป็นฝรั่งคนนั้น แล้วแม่บอกว่าโขงเป็นลูก จะยังจีบต่อไหม”
“ต้องดูก่อนว่ามีหมาเลี้ยงแกะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่าครับ”
หญิงสาวหัวเราะ จำนนกับคารมและความโตกว่าวัย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้ว่าเด็กชายถอดแบบพ่อไม่ผิดเพี้ยน
ช่วงเวลาแห่งความสุขดำเนินไปจนบ่ายคล้อย เธอมาส่งเขาที่ร้านริมเล เพราะจะช่วยงานเสิร์ฟต่อ โขงยังรีรอที่จะลงจากรถ เขากำมือเหมือนตัดสินใจ
“แม่...ถ้าโขงอยากให้แม่มาอยู่กับเรา กับพ่อ”
ในอกสายไหมสั่นระรัว รวมไปถึงมือที่จับพวงมาลัย เธอไม่ได้ฝัน และหูไม่ได้ฝาด เมื่อเข้าใจความต้องการในประโยคนั้น
“โขงอยากให้แม่อยู่ด้วยเหรอ”
“ครับ”
เธอลดเสียง “แต่แม่ไม่ได้อยู่กับโขงมาก่อนเลยนะ”
“ก็อยู่ตอนนี้ไงครับ”
หญิงสาวเรียกสติและลมหายใจ กดความตื่นเต้นไม่ให้แสดงออก เอื้อมมือไปจับไหล่เด็กหนุ่ม ค่อย ๆ เลื่อนไปลูบศีรษะ ตอบตกลงทันใดไม่ใช่วิธีการที่เหมาะ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”
สีหน้าอีกฝ่ายผิดหวัง คลับคล้ายว่าจะถูกปฏิเสธ คนเป็นแม่ยิ้มอ่อนโยน “แต่โขงมีเบอร์แม่นี่นา เราโทรคุยกันได้ ถ้าโขงอยากเจอแม่จะขับรถมาหา แม่บอกแล้วว่าต้องถามพ่อก่อน แม่...เอ๊ะ อะไรกัน ยังเหลืออีกครั้งสองวัน ทำไมมาร่ำลากันแล้ว ไปเถอะโขง เดี๋ยวย่ารอ” โขงปลดเข็มขัดนิรภัย
“ถ้ามีอะไรอยากได้สำหรับเรื่องเรียนบอกแม่นะ จะพาไปซื้อ แม่กลับก่อน เดี๋ยวเช้าวันจันทร์จะไปส่งที่โรงเรียน”
เด็กหนุ่มยิ้มแป้นออกมาเมื่อได้ยินคำสุดท้าย
ลับหลังคนเป็นลูก คราวนี้สายไหมจุดยิ้มสมใจให้ตนเอง สิ่งที่รอคอยกำลังมา ภาพที่วาดไว้กำลังชัดขึ้น
ปุริมารู้สึกถึงสายตาหลายคู่กำลังมองมาที่เธอ เพราะภาพที่เห็นดูราวกับว่าจะผลักเธอให้กลายเป็นคนอื่นทั้งที่ตำแหน่งปัจจุบันเป็นคนรักของคนที่ขับรถเข้ามาส่งลูกชาย หากแต่หญิงสาวที่ยืนข้างกับเขาสร้างคำถามในใจผู้ปกครองและเพื่อนครู
แน่นอนว่าไม่พ้นสายตาของครูผึ้งและครูปลา เพราะทั้งสองคนรับไหว้นักเรียนตรงประตูทางเข้า ป่านนี้เม้าท์กันสนุกปาก ปุริมาช่วยจัดแถวให้นักเรียนอนุบาล ขอบคุณที่เช้านี้เธออาสามาช่วยงาน ไม่ต้องยืนตัวเปล่าเก้กังทำอะไรไม่ถูก
ปุริมามองภาพนั้น ความคิดแล่นพล่าน เขมรัฐให้สายไหมนั่งรถมาส่งโขง นั่นเป็นคำขอของโขง หรือเป็นความต้องการของสายไหมเอง ที่แน่ ๆ เธอคนนั้นปรากฎกายในตำแหน่งที่แม้แต่ปุริมายังไม่เคยทำ เธอมีโอกาสหลายหน แต่ทั้งเขากับเธอยังไม่เคยใช้ประโยชน์ของมวลชนต่อหน้าฐารกำนัลเช่นนี้ เจ็บในใจแปลบปลาบ
พอเงยหน้ามาอีกที ทั้งรถและคนก็เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนไปแล้ว
สายไหมนั่งรถมากับเขมรัฐ เธอกำลังดื่มด่ำกับความสุขที่ได้รับจากคำอาวรณ์ของโขง ตอนที่ร่ำลากันเมื่อสักครู่
‘แม่มาเที่ยวอีกนะครับ’
‘ได้อยู่แล้ว’
โขงทำท่าไม่อยากจะผละออกไป เขามองหน้าพ่อเหมือนกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญ ‘พ่อ’ คนถูกเรียกทำท่าฟัง ‘ถ้าเกิดแม่จะมาอยู่ที่นี่เลย พ่อให้อยู่ไหม’
น้ำเสียงลูกชายฟังทีเล่น แต่สายไหมรู้ว่ามันกระแทกใจชายหนุ่มจริงจัง เห็นนัยน์ตาส่องประกาย ก่อนที่เขาจะตอบยิ้ม ๆ
‘ก็ได้นะ ฟาร์มปูยังขาดคน’
‘พ่อ’ โขงลากเสียง แล้วเดินออกไปด้วยอาการไม่สบอารมณ์นัก สายไหมกำลังจะหันมาลอบสังเกตสีหน้า แต่เขมรัฐพลิกตัวแล้วบอกสั้น ๆ ว่าให้กลับ
เธอพยายามห้ามรอยยิ้มตัวเอง
“เดี๋ยวผมไปส่งที่โรงแรมนะ”
เขมรัฐเอ่ยทำลายความเงียบ ดึงเธอกลับมาสู่ห้องโดยสาร “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ จะพาไหมไปทิ้งทะเลเหรอ”
“เปล่า เผื่อว่าไหมอยากซื้อของฝากหรืออะไรไง” เขาตอบเรียบ ๆ ไม่มีรอยขำขันจากประโยคที่เธอหยอดไว้ หญิงสาวผ่อนลมหายใจ
เธอรู้ดี การไปอยู่ตรงกลางของคู่รักไม่ก่อประโยชน์แน่ ซ้ำอาจจะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เขมรัฐเป็นผู้ชายฉลาด หากเขาไม่หนักแน่น คงไม่เลี้ยงลูกชายจนโตและผูกพันด้วยรักจนสนิทสนมกันเช่นนี้ เขาไม่ลังเลในการกระทำ ยังหยอกล้อกับผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่กังวลว่ายังมีเธอซึ่งเป็น ‘เมียเก่า’ นั่งอยู่ เธอคนนั้นก็เช่นกัน แม้จะถูกตอกเล็ก ๆ จนแววตาไหววูบ แต่สีหน้าที่มองชายหนุ่มยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
จะออกแรงไปทำไมเมื่อรู้ว่าป้อมปราการอิฐมันแข็งแกร่ง หันมาตรงคันดินดีกว่า ถูกเซาะหนักเข้าไม่อ่อนยวบยาบให้มันรู้ไหม
และเท่าที่เห็นดินเด็กชายโขงละลายลงกระแสน้ำของเธอโดนสิ้นเชิงแล้ว
“ขอบคุณค่ะเข้ ขอบคุณทุกอย่าง”
สายไหมบอกเมื่อเขาส่งเธอหน้าโรงแรม เขมรัฐพยักหน้า
“ขับรถดี ๆ นะ”
หญิงสาวหันกลับเข้าในล็อบบี้ แต่ยังไม่ขึ้นลิฟท์ มองออกมาเห็นชายหนุ่มกดโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าเขาเองก็เข้าใจสถานการณ์ไม่น้อย ยิ่งคิดยิ่งเสียดาย
เธอหักความคิดนั้นลง อีกไม่นานหรอก
....
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
11 เม.ย. 55 22:06:16
|
|
|
|