Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 19 พลังสีขาว ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 19 พลังสีขาว

รอบข้างคณะเดินทางหลังผ่านมนตร์เคลื่อนย้ายสีฟ้าใสคือหมู่บ้านร้างกลางหุบเขาห่างไกล การ์ ริเรีย และไลล่าเต็มใจใช้ขนปีกการ์ลูสเคลื่อนย้ายตามไบรอันมา การ์ไม่รู้ว่าเจ้าปากหนักวางแผนอะไรอยู่จึงถือวิสาสะตามมาด้วยความเป็นห่วง จำใจทิ้งอลันและมารีน่าไว้ที่เมเทอาร์ อากาศหนาวเสียดผิวบาดลึกจนถึงกระดูก หูลั่นอื้ออึงจนต้องกลืนน้ำลายให้หาย พวกเขาสามคนคงอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในหุบเขาทางตอนเหนือ ยอดภูเขาไกลลิบมีสีขาวของหิมะปกคลุม เหนือกว่าสิ่งใดคือความรู้สึกเย็นแปลกๆเมื่อหายใจเข้าออก เป็นความเย็นจากความหวาดกลัว

“ก็บอกแล้วว่าอย่าตามมา!” เจ้าปากหนักวิ่งออกมาจากบ้านหลังหนึ่งแล้วรีบฉุดลากพวกเขาเข้าไปในบ้านเก่าซอมซ่อ เจ้าตัวรีบปิดประตูทันทีราวกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง

“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนไบรอัน ทำไมท่านจึงกลัวขนาดนั้น” การ์ดึงดาบแสงตะวันออกจากซอง เขาคิดไว้แล้วว่าจะต้องร่วมมือกับไบรอันปกป้องคณะเดินทางให้ปลอดภัยทุกคน

คำตอบร้องโหยหวนขึ้นนอกเขตตัวบ้าน การ์มองลอดช่องบานกบหน้าต่างจึงเห็นเงาดำทมิฬนับร้อยยืนออกอยู่รอบตัวบ้าน ไบรอันบอกว่านั่นคือวิญญาณแค้นของคนในหมู่บ้านนี้รวมตัวกัน วิญญาณเหล่านี้จะสูบกินพลังชีวิตของมนุษย์จนเหลือแค่ร่างกับดวงวิญญาณไร้ซึ่งสติและจิตใจ ผู้กล้าแสงตะวันบอกอย่างร้อนรนว่าภูตผีเหล่านี้กลัวไฟเป็นที่สุด ตอนนี้พวกเขามีไบรอันและริเรียที่ใช้เวทมนตร์สร้างเปลวเพลิงได้ใยต้องกลัวเหล่าวิญญาณด้วย

“ถ้าใช้เวทมนตร์ได้ก็ดี เพราะนี่คือกับดักที่วางล่อข้าเอาไว้” ไบรอันอธิบาย ผมสีเหลืองเป็นกระเซิงผิดกับตอนอยู่บนลานประลองในเมเทอาร์ “หมู่บ้านนี้ถูกล้อมไว้ด้วยศิลาอาคมที่ต่อต้านเวทมนตร์เกือบทุกชนิด หมอนั่นรู้ว่าข้าใช้เวทมนตร์เป็นอาวุธจึงล่อมาที่นี่ ใช้เวทมนตร์เข้ามาได้แต่ใช้เวทมนตร์เพื่อออกไปไม่ได้ แถมพวกภูตผีนั่นก็ล้อมที่นี่ไว้ เป็นวิญญาณแค้นหลายร้อยดวงที่ตายไปตอนนั้น ตอนที่พวกปีศาจบุกหมู่บ้านเพื่อตามหาฟลอร่า นางมังกรครึ่งมนุษย์ฟลอร่า”

“เรียกสัตว์ปีศาจก็ไม่ได้ด้วยไบรอัน ขนของการ์ลูสก็ใช้ไม่ได้” ไลล่าร้องคร่ำครวญ

หญิงสาวทดลองเรียกมังกรผ่านแหวนและวิชาเรียกสัตว์ปีศาจ ทั้งสองอย่างไม่สามารถดึงสัตว์ปีศาจออกมาจากต่างมิติได้ ไบรอันรีบกำชับมาว่าดาบของนางก็ไม่มีผลด้วยเช่นกันเพราะมันเป็นอาคมปิดกั้นเวทมนตร์จากศิลาไม่ใช่จากตัวมนุษย์ ริเรียครุ่นคิดสักพักแล้วถามว่าเหตุใดบ้านหลังนี้จึงปลอดภัยจากวิญญาณร้ายเหล่านั้น

“มีเพียงวิญญาณสองดวงในบ้านหลังนี้ที่หลุดพันจากการควบคุม” ไบรอันพยายามจัดทรงผมใหม่อย่างหวั่นวิตก “พ่อกับแม่ของข้าเอง วิญญาณของท่านทั้งสองหลุดจากการควบคุมได้อย่างไรไม่รู้แต่พวกท่านใช้พลังที่เหลืออยู่ปกป้องบ้านหลังนี้เอาไว้จากวิญญาณตนอื่น ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ในบ้านหลังนี้ก็ไม่ต้องกังวล จนกว่าพลังของพวกท่านจะหมด ไม่ต้องถาม ที่นี่เคยเป็นบ้านของข้าจนกระทั่งพวกปีศาจเข้ารุกราน”

การ์มองบ้านเก่าของไบรอันอย่างถ้วนถี่ เป็นบ้านเล็กๆที่น่าอยู่ เครื่องเรือนกว่าครึ่งผุพังตามกาลเวลาหากยังพอมองเห็นภาพในอดีตได้ ห้องรับรองเต็มไปด้วยกระจกให้แสงแดดส่องผ่าน โต๊ะทานอาหารในครัว หน้าต่างหลุดวิ่นปล่อยให้ลมเย็นลอดผ่านเข้ามา เขาใช้เวลาชั่วครู่นึกภาพครอบครัวที่มีความสุข พ่อแม่ลูกสามคนกับนางมังกรครึ่งมนุษย์อีกหนึ่งตน พวกเขาอยู่ในบ้านนี้อย่างสงบสุขจนกระทั่งพวกปีศาจเข้าโจมตีเข่นฆ่าผู้คน

“การ์ ฟังข้าสิ” เขาตื่นจากภวังค์ทันทีเมื่อไบรอันเขย่าตัวเขาเบาๆให้ได้สติ “ตอนนี้มีแค่ดาบของเจ้ากับขลุ่ยผิวของข้าที่ใช้ได้ เราจะตีฝ่าวงล้อมวิญญาณข้างนอกออกไป”

เขาพอเดาได้ว่าเจ้าปากหนักวางแผนใช้อาวุธอาคมสร้างเปลวไฟเพื่อเปิดทางหนี เสียงหวีดหวิวในตัวบ้านลอยมาตามลมว่าเวลาใกล้หมดแล้ว ไบรอันไม่มีทีท่ารั้งรอให้คิดอะไรรีบกระชากตัวเขาออกจากบ้าน ดาบสีแดงสดในมือสร้างเปลวเพลิงล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ การ์ได้รับคำสั่งให้สร้างคลื่นความร้อนเผาบ้านหลังที่ใกล้ที่สุดเป็นจุดพักหลบเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าอาณาเขตไร้เวทมนตร์จะหมดลงที่จุดไหน

เสียงอะไรสักอย่างดังสะท้อนกลางหุบเขาสูง คล้ายกับเสียงห่านป่าหากแต่ดังและกินเวลายาวนานกว่ามาก เหล่าเงาสีดำจากอดีตแตกฮือเปิดทางให้พาหนะบางอย่างวิ่งตัดผ่านหน้าพวกเขา การ์ไม่เคยเห็นพาหนะดังกล่าวมาก่อนเลยในชีวิต มันทรงตัวอยู่ด้วยล้อหน้าหลังข้างละสองล้อ รูปทรงเรียวยาวคล้ายสัตว์ตัวเขื่องหากแต่สิ่งที่ประกอบมันขึ้นมาคือโลหะและสิ่งประหลาดที่เป็นเงาวาวสีแดงฉาด

ผู้นั่งอยู่บนเจ้าสิ่งนั้นสวมเสื้อแขนยาวมันวาวถุงมือสีดำ ที่หัวถูกครอบด้วยหมวกทรงกลมด้านหน้าเป็นกระจกสีดำ ผมสีเหลืองยาวสยายเพราะแรงลม ผู้ช่วยเหลือพวกเขาบังคับพาหนะให้วิ่งล้อมเป็นวงกลมส่งผลให้ฝูงวิญญาณร้ายกระจัดกระจายออกไปจากสายตา กลิ่นคลื่นเหียนจากพาหนะทำให้พวกเขาแทบเป็นลมยังไม่นับเสียงดังเสียดแก้วหู เมื่อแน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัยนางก็สั่งให้พาหนะดังกล่าวหยุดส่งเสียง หญิงสาวใช้เวลาครู่หนึ่งลงจากพาหนะแล้วถอดหมวกออก นางคืออลิเซียหญิงสาวจากโลกในอนาคต คงมาช่วยพวกเขาตามคำสั่งของมารีน่า

“อย่าสูดอากาศจากท่อไอเสียมากเกินไปนะเจ้าคะ” หญิงจากอนาคตวางหมวกรูปทรงประหลาด นางดึงห่อของจากอานนั่งหนังมาให้พวกเขา บอกว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคือเสื้อผ้าสำหรับป้องกันความหนาวเย็น “พรุ่งนี้หลังจากออกไปจากที่นี่ขอให้ท่านผู้กล้าแสงตะวันช่วยรักษาปอดของพวกท่านด้วย สิ่งที่เจ้าสี่ล้อนี่ปล่อยออกมาเป็นควันพิษสำหรับโลกนี้และโลกไร้เวทมนตร์ เพราะที่นี่ถูกทำให้เวทมนตร์เสื่อมอำนาจข้าจึงขี่มันมาช่วยพวกท่านได้นี่ละ”

พอได้ยินว่าเป็นไอพิษการ์รีบดึงคอเสื้อมาปิดจมูก หญิงสาวหัวเราะบอกว่าปิดตอนนี้ก็สายไปแล้ว ข้างในห่อของเป็นเสื้อผ้าหนาสำหรับเขตหนาวเย็น อีกทั้งยังมีผ้าห่มหนาอบอุ่นผืนใหญ่อีกสามผืน เป็นปริศนาสำหรับการ์ว่านางใส่ทั้งหมดลงในห่อหนังเล็กๆนี่ได้อย่างไร นางจากอนาคตให้ไลล่าและริเรียรีบเอาห่อหนังไปเก็บในบ้านของไบรอันก่อนคนที่วางกับดักนี้จะปรากฏตัว

“ใครเป็นผู้ทำให้เหล่าวิญญาณใต้อาณัติข้าแตกกระเจิง”

ไม่ทันสิ้นคำเตือนของอลิเซีย ชายในชุดม่วงก็ควบม้าสีน้ำตาลมาทางพวกเขา ชายวัยกลางคนผู้นั้นมีดวงตาและสีผมเหมือนไบรอัน การ์นึกออกทันที หลังไลล่าประลองเสร็จไบรอันมองชายคนนี้แล้วเกิดคลั่งจนตามมาติดกับดัก จากนั้นพวกเขาก็ตามมาติดกับดักด้วยอีกกลุ่มหนึ่งด้วยความไม่รู้

“ข้าเป็นคนทำเอง” อลิเซียตอบรับเสียงใส นางเดินไปหาศัตรูของไบรอันอย่างอาจหาญเยี่ยงชายชาตรี การ์กับไบรอันจะไปช่วยนางแต่หญิงสาวหันมาห้ามเอาไว้ “จะให้เรียกชื่อใดกัน ไบรอัน เรแกน หรือเทรซชรี่ บรู๊ค ชื่อของร่างนั้น”

“รู้ได้อย่างไรว่าข้าคือไบรอัน เรแกน ทั้งที่ข้าสิงสู่อยู่ในร่างคนอื่นแท้ๆ” ชายวัยกลางคนทำให้การ์หัวหมุน คนๆนี้เป็นคนตระกูลบรู๊คเหมือนไบรอันหรือ ดูจากอายุแล้วพอๆกับรุ่นพ่อของพวกเขา ที่บอกว่าสิงสู่มันเป็นอย่างไร เหตุการณ์ยุติเมื่อไรเขาจะถามอลิเซียให้ได้

ไม้เท้าหัวลูกแก้วถูกชูขึ้นเหนือหัวชายบนหลังม้าแสงสีม่วงคล้ำเปล่งออกมาวูบหนึ่ง เหล่าวิญญาณอาฆาตกลับมารวมตัวกันอีกครั้งตัวตนเหมือนมนุษย์หากอยู่ในสภาพเงาสีคล้ำคล้ายกระจกลนไฟ วิญญาณส่งเสียงร้องชวนขนลุกขณะที่วงล้อมบีบรัดพวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ หญิงจากอนาคตเอ่ยคำวิเศษขึ้นมาสิบพยางค์ ราวกับมีคลื่นพลังความร้อนแผ่กระจายออกมาจากร่างนาง ฝูงเงาผีต่างถอยห่างออกไปอย่างหวาดกลัว ชายบนหลังม้าจ้องหญิงสาวตาเขม็งเพราะสามารถลบล้างอำนาจของเขาได้

“สองสิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกคือไฟ และพระพุทธคุณ” การ์มั่นใจว่าหญิงจากอนาคตต้องยิ้มอย่างมุมปากอย่างมั่นใจ แล้วพระพุทธคุณคืออะไรเขาจดคำถามไว้ในหัวอีกหนึ่งข้อ “มาลองดูกันไหมท่านผู้เฒ่า พลังสีดำที่ท่านใช้บงการวิญญาณเหล่านี้กับพลังสีขาวที่ข้าถือครองอยู่ สิ่งใดจะเหนือกว่ากัน”

คำท้าทายได้รับคำตอบรับทันที กลุ่มอากาศสีดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากลุกแก้วก่อนตัวขึ้นเหนือร่างชายบนหลังม้า กลุ่มอากาศก่อตัวหนาแน่นบดบังท้องฟ้าสลัวยามเที่ยงวัน ชายผู้ใช้ร่างคนตระกูลบรู๊คออกคำสั่งห้วนสั้น กลุ่มพลังสีดำพลันไหววูบเข้าหาคณะเดินทางประดุจเป้าหมายสำคัญ การ์ได้ยินหญิงจากอนาคตท่องมนตร์อะไรสักอย่างเกิดเป็นโดมแก้วส่องสว่างครอบคลุมป้องกันพวกเขาจากพลังสีดำมืด

การ์จำได้ว่าไบรอันเคยพูดถึงพลังสีขาวของนางจากอนาคต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยพบพลังที่ยิ่งใหญ่สูงส่งแต่แปลกประหลาดแบบนี้ แสงสีขาวนวลก่อเป็นโดมสีขาวต่อต้านกลุ่มก้อนสีดำที่น่ารังเกียจ แสงสีขาวพวยพุ่งจากร่างหญิงสาวไม่ขาดสายสัมผัสของพลังสีขาวนั้นแช่มชื่นใสบริสุทธิ์จนชวนขนลุก พลังสีขาวนี่มีต้นกำเนิดจากที่ใด เหตุใดจึงทรงอำนาจขนาดนี้ การประลองกำลังระหว่างกำแพงสีขาวและกลุ่มควันสีดำยืดเยื้อยาวนาน พวกการ์ยืนนิ่งฟังหญิงสาวท่องบ่นมนตราอะไรสักอย่างที่ทำให้โดมแสงแข็งแกร่งขึ้น พลังสีดำจากชายบนหลังม้าก็ไม่ละความพยายามหมอกควันสีดำปกคลุมโดมสีขาวเอาไว้หมดทุกด้าน เมื่อโดมสีขาวเปิดช่องโหว่เจ้าพลังสีดำคงกระโจนเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง การ์หันมองไบรอันทันทีที่หญิงสาวร่ายโคลงเสร็จ เขาคิดว่านางคงไม่มีพลังเหลือพอจะประคองโดมแสงเอาไว้อีกแล้ว แต่เปล่าเลย

หญิงสาวหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากในเสื้อคลุม สิ่งที่นางถือเป็นโลหะสีดำขนาดกะทัดรัดมีรูปร่างคล้ายท่อนไม้ป้อมสั้นพร้อมที่จับยื่นออกมาด้านข้าง นางใช้มือทั้งสองข้างกุมด้ามอ้วนสั้นหันด้านยาวไปทางชายขี่ม้า เสียงอสนีบาตดังกึกก้องจนหูแทบหนวก พลังสีดำภายนอกหายไปเป็นแถบ ส่วนที่อยู่ข้างเคียงไหลมาเชื่อมต่อช่องโหว่จนสามารถมองเห็นข้างนอกโดมแสงได้เลือนราง

“ไหนว่าใช้เวทมนตร์ไม่ได้อย่างไรละ” การ์ร้อง “ก็ไม่ใช่เวทมนตร์สักหน่อย” หญิงสาวนวดไหล่ขวาพอเป็นพิธี การ์มองเห็นโลหะเล็กๆหล่นลงแทบเท้านาง

นางรีบใช้มือทั้งคู่กุมด้ามอาวุธสายฟ้าอีกครั้ง คราวนี้นางเล็งไปทางชายบนหลังม้า เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกสองครั้งต่อเนื่อง การ์ไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไรคราวนี้พลังสีดำมะเมื่อมค่อยๆสลายตัวอย่างช้าๆ ชายบนหลังม้าลงไปนอนกองบนพื้นดิน ม้าพยศทำท่าจะหนีแต่คงมีอะไรบางอย่างบังคับไม่ให้มันเคลื่อนที่ได้ ไบรอันเรียกให้ดูรอยเลือดบนแขนเสื้อข้างหนึ่งของชายคนนั้น อลิเซียทำได้อย่างไร ที่นี่ตอนนี้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แถมนางไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนด้วยซ้ำ หรือจะเป็นพลังสีขาวที่ว่า

“ข้าไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะใช้แค่พลังสีขาว นี่แหละที่เขาว่าแก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน ข้าเล่นเล่ห์นิดเดียวก็ติดกับแล้ว” หญิงสาวคลึงไหล่ขวาอีกครั้ง อาวุธชิ้นนั้นคงสร้างปัญหาให้นางพอสมควร “ฝึกตั้งนานกว่าจะยิงได้แม่นขนาดนี้ ถึงจะทำไม่ได้อย่างคุณหญิงหมอก็เถอะ” นางจากอนาคตพูดเรื่องที่การ์ไม่เข้าใจอีกแล้ว โดมแสงสีขาวและพลังสีดำหายไปให้อากาศเย็นเซื่องซึมเข้าปกคลุมอีกครั้ง ชายผู้นั้นทรงตัวขึ้นอย่างยากลำบาก แขนซ้ายมีเลือดไหลอาบอาจได้รับบาดแผลจากอาวุธของหญิงสาว

“ข้าให้โอกาสท่านหนี หากยังคิดต่อกรกับข้าอยู่คราวนี้แม่จะยิงให้พรุนเป็นรังผึ้งเลย” หญิงสาวตั้งท่าจับอาวุธ คู่อริของไบรอันกำลังลังเลว่าควรต่อกรกับนางต่อดีหรือไม่สุดท้ายก็ควบม้าหนีไปอย่างง่ายดาย ก่อนลับตาไปการ์เห็นแสงสีม่วงครามจากลูกแก้ว บรรดาภูตผีรายล้อมเข้ามากลุ้มรุมทันควัน อาจทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ตามไปทันที ไบรอันตั้งท่าต่อสู้แต่หญิงสาวชี้อาวุธสายฟ้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงสายฟ้าคำรามลั่นอีกครั้งสร้างความตระหนกให้สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต

“สิ่งไร้ตัวตนในที่แห่งนี้จงฟังข้า” หญิงสาวจากอนาคตคำรามจนไอโขลก “หากเราไม่เคยมีกรรมต่อกันจงหลีกหนี แต่หากเราเคยทำกรรมต่อกันไว้จงเข้ามา ข้าจะทำให้หายไปจากโลกนี้เอง” ทันทีที่เสียงคำรามสิ้นลง เหล่าวิญญาณปั่นป่วนแล้วสลายตัวหายไปในซากปรักหักพัง ไม่มีวิญญาณร้ายตนไหนหลงเหลือเป็นปัญหาอีกแล้ว การ์ขนลุกด้วยความกลัว คำพูดของนางเปี่ยมไปด้วยพลังและความมั่นใจจนไม่อาจไม่สั่นคลอนจนเขายอมให้นางเป็นคนที่น่าเกรงขามอีกคนหนึ่ง

ปุยละอองหิมะเล็กๆร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ช่วงนี้ของปีซีกโลกครึ่งบนเป็นฤดูหนาว นี่อาจเป็นหิมะแรกที่ตกในแถบนี้ ความหนาวเย็นทำให้คณะเดินทางหลุดพ้นจากความเงียบ นางจากอนาคตเก็บอาวุธไว้ในเสื้อคลุมแล้วลากพาหนะเข้าไปในบ้านของไบรอัน นางบอกว่าหิมะจะตกหนัก แม้ออกเดินทางตอนนี้ก็ต้องจมหิมะก่อนพ้นเขตไร้เวทมนตร์

“ห้องหนังสือบนชั้นสองดีกว่า มีช่องระบายอากาศแต่ไม่มีหน้าต่าง ใหญ่พอให้ทุกคนนอนด้วยกันทั้งหมด มีเตาผิงด้วย” ไบรอันเดินนำขึ้นบันไดหักพังไปยังชั้นสอง

ห้องหนังสือที่ว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ กำแพงสามด้านมีแต่ชั้นหนังสือและซากหนังสือกระจายเกลื่อน กลางห้องมีเบาะนั่งยาวฝุ่นเขรอะตั้งขนาบโต๊ะวางของหน้าเตาผิง การ์พิจารณาช่องลมเหนือชั้นหนังสือให้แน่ใจว่ามีช่องให้อากาศผ่านเข้าออกได้ ไบรอันคงสำนึกผิดที่ทำให้ทุกคนเข้ามาติดกับดักหมอนั่นรีบไปตรวจเตาผิงว่ายังใช้ได้อีกหรือไม่ จากนั้นจึงเดินไปรวบรวมเศษไม้ในบ้านมาทำฟืนก่อไฟในเตาผิง ริเรียบ่นว่าอยากแยกนอนเฉพาะผู้หญิงแต่นางไม่สามารถหาห้องที่หน้าต่างและเตาผิงยังคงสภาพเดิมได้ กรอบหน้าต่างหักพังบ้าง บานหน้าต่างหลุดบ้าง ช่องระบายควันในเตาผิงใช้การไม่ได้บ้าง

“ไม่มีใครโกรธท่านหรอกน่าไบรอัน” การ์กับเจ้าปากหนักช่วยกันยกม้านั่งยาวและโต๊ะวางของไปกองไว้มุมห้อง “คนเราก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก”

“ท่านผู้กล้าแสงตะวันจะหลบไปรำลึกความหลังก่อนก็ได้นะเจ้าคะ” นางจากอนาคตช่วยไลล่าหากิ่งไม้นอกบ้านมาทำฟืนอย่างร่าเริง ความน่าสะพรึงกลัวของพลังสีขาวและอาวุธสายฟ้าหายไปในบัดดล “ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกไม่ดี คงแย่กว่านี้ถ้าเราเอาเครื่องเรือนในความทรงจำของท่านมาใช้ก่อกองไฟ”

กิ่งไม้แห้งที่หญิงสาวทั้งสองนำมาเป็นกิ่งไม้แห้งสนิทจำนวนมาก กว่าครึ่งถูกผ่าเตรียมไว้เป็นเชื้อไฟอีกต่างหาก ถามได้ความว่าอลิเซียไปรื้อห้องเก็บของหลังบ้านจนพบกองฟืนเก่าเก็บ นางกับไลล่าจึงเลือกชิ้นที่แห้งสนิทมาเป็นเชื้อไฟ ไบรอันนิ่งเงียบเหมือนอย่างเคย เขาปลีกตัวไปห้องอื่นคนเดียวด้วยความรู้สึกผิด นางจากอนาคตบุ้ยใบ้ให้ไลล่าตามไปอยู่เป็นเพื่อน

“คืนนี้ผู้ชายคนนั้นคงไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหมอลิเซีย” การ์ถามเพื่อความแน่ใจ วิญญาณในป่ายังรับมือง่ายกว่าวิญญาณแค้นของมนุษย์ที่ถูกควบคุมอีกต่อหนึ่ง

“ถึงมาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเจ้าค่ะ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ตรงนี้จะไม่มีภัยใดกล้ำกลายคณะเดินทางของท่านได้เด็ดขาด”

นางจากอนาคตลงมือจุดเตาผิงทันที กิ่งไม้แห้งจำนวนหนึ่งถูกจัดเรียงบนตะแกรงสนิมเขรอะการ์จะใช้ดาบแสงตะวันจุดไฟให้แต่นางไม่ต้องการ หญิงสาวใช้เศษกระดาษในห้องกับแท่งบรรจุของเหลวอันเล็กๆจุดไฟ เขาได้กลิ่นน้ำมันจากเครื่องมือจุดไฟของนางด้วย ไม่นานไฟก็ลุกติดกิ่งไม้แห้งแผ่ความอบอุ่นในห้องนี้อีกครั้ง แสงมืดสลัวในห้องถูกบรรเทาลงด้วยแสงไฟเลือนราง ริเรียค้นจนเจอหนังสือน่าอ่านจึงนำมาหาที่นั่งอ่านโดยใช้แสงของเตาผิง เขายังข้องใจการกระทำของริเรียเมื่อวานนี้ นางแอบชอบเขาจริงๆหรือจงใจแกล้งเหมือนมารีน่า

“อากาศเย็นลง หิมะข้างนอกคงตกหนักขึ้นแล้ว” ริเรียค้นห่อหนังหาเสื้อคลุมกับผ้าห่ม การ์แทบกลายเป็นหินเมื่อหญิงสาวเอาเสื้อตัวหนึ่งมาสวมให้เขาแล้วชวนไปนั่งด้วยกันข้างเตาผิง “ไม่มานั่งหน้าเตาผิงประเดี๋ยวไม่สบายนะ” หญิงสาวใช้ผ้าห่มหนาคลุมตัวอีกชั้นหนึ่งแล้วนั่งหน้าเตาผิงอุ่นๆ เขาแทบไม่รู้ตัวเมื่อหญิงจากอนาคตลากเขาลงไปนั่งข้างๆ แถมเอาผ้าห่มที่ริเรียกำลังห่มอยู่มาพาดตัวเขาเสร็จสรรพ

“ลองนั่งอ่านหนังสือเงียบๆบ้างก็ดีเหมือนกันนะเจ้าคะ” อลิเซียเดินไปหยิบหนังสือมาให้เขาเล่มหนึ่ง เป็นนิยายการผจญภัยของมังกรน้อย ไหนๆเขาก็หลวมตัวมาถึงขั้นนี้แล้วจึงเปิดหนังสืออ่านข้างๆริเรีย “ขอเวลาข้าไปดูคู่นั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ” ดวงตาสีมรกตของอลิเซียฉายความร่าเริงออกมาตลอดเวลา คงไม่แปลกเท่าไรนักที่คนนิสัยแบบนี้จะเป็นญาติกับเขา พ่อบุญธรรมเคยพูดบ่อยๆว่าตอนเป็นเด็กเขาซนมาก ทั้งร่าเริงและแข็งแรงจนน่ากลัว...



อาหารกลางวัน หรือจะให้ถูกต้องตามเวลาท้องถิ่นคืออาหารเย็นของพวกเขาเป็นผลไม้และเนื้อแห้งที่หญิงจากอนาคตนำติดตัวมา นางยังมีกล่องสีดำๆมีสายระโยงระยางกับถุงผ้าสำหรับเวลานอนมาด้วย การ์ไม่รู้ว่านางขนของทั้งหมดนี่มาได้อย่างไร แค่มันช่วยประทังความหิวให้พวกเขาจนกว่าจะออกไปพ้นเขตไร้อาคมได้ก็พอ ไบรอันยังนิ่งงันไม่ยอมพูดจา เป็นครั้งแรกที่เขาอยากให้เจ้าปากหนักคนนี้วางสีหน้าเมินเฉยนิ่งเงียบเพราะรู้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่หุบปากแล้วทำหน้าอมทุกข์อย่างนี้

“ขอเวลาให้เราอีกสักนิด ได้หรือไม่” ไลล่าประวิงเวลาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับคนที่นางรัก

ความจริงเขาไม่อยากห่มผ้าผืนเดียวกับผู้ชายด้วยกัน แต่ตอนนี้มีตัวเลือกเสียที่ไหน นั่งกับริเรียรู้สึกขัดเขินไม่คุ้นเคย นั่งกับไลล่าคงโดนไบรอันและเวเบอร์เล่นงาน นางจากอนาคตก็ปลีกตัวนั่งคนเดียวกับกล่องสีดำ เส้นสายสีดำสองเส้นส่งเสียงแปลกๆเชื่อมต่อหูนางกับเจ้ากล่องสีดำที่ว่า หญิงสาวนั่งเหม่อลอยมองเข้าไปในเตาผิงไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ สักพักนางก็ดึงสายสีดำออกจากหูแล้วลากคณะเดินทางออกมาจากความเงียบและมืดหม่นในยามเย็น

“อยากไถ่โทษใช่ไหมเจ้าคะ ที่ทำให้คนอื่นเข้ามาเดือดร้อนด้วย” อลิเซียทำให้เจ้าปากหนักเงยหน้าทันควัน “อย่างแรก ลองหาห้องหับมิดชิดประกบร่างสร้างความอบอุ่นกับท่านหญิงไลล่าก่อนดีไหมเจ้าคะ รับรองว่าทุกคนต้องหายโกรธแน่” นางจากอนาคตยิ่งทำให้อากาศหนาวเย็นเสียดแทงเข้าไปในสมอง ประกบร่างสร้างความอบอุ่นเป็นอย่างไรหรือ หญิงสาวถึงกับสบถสาบานที่พวกเขาไม่ยอมขำด้วย

“อย่างที่สองคราวนี้ของจริงเจ้าค่ะ ข้าจะบอกอนาคตนี้ให้ท่านรู้เพียงผู้เดียว หากทำตามที่ข้าบอกรับรองว่าท่านได้ไถ่ความรู้สึกผิดบาปออกไปได้แน่นอน จะลองฟังไหมเจ้าคะ” เจ้าปากหนักตอบตกลงทันที ทั้งคู่จึงย้ายไปคุยกันในที่ลับตา การ์จะแอบตามไปแต่ไม่สามารถเปิดประตูห้องได้เพราะหญิงสาวหาอะไรค้ำยันที่เปิดประตูอีกฝั่งเอาไว้ ลงใช้ดาบแสงตะวันพังประตูนางคงรู้ตัวก่อนว่าเขาคิดแอบฟัง

เจ้าปากหนักกลับมาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ความมั่นใจกลับมาในดวงตาสีมรกตตามความคาดหวังของการ์ ลองเป็นแบบนี้ถามไปคงไม่ได้คำตอบแน่นอน เขาตัดใจไม่ถามหากเสนอให้ไลล่ามาใช่ผ้าห่มร่วมกับริเรียแทนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ผู้กล้าแสงตะวันคนเดิมก็ยังไม่ยอม ยังเล่าให้ฟังทั้งรอยยิ้มว่าในฤดูหนาวครอบครัวของเขาก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน พ่อแม่ของเขาจะย้ายเครื่องเรือนสองชิ้นไปอยู่มุมห้องแล้วมาห่มผ้าหน้าเตาผิงกันสามคน หากไม่หาอะไรมาย่างกินก็จะหาหนังสือมาอ่าน เป็นสิ่งบันเทิงในฤดูหนาวหลังเวลาอาหารเย็น

“ฟังแล้วข้าอยากทำบ้าง ท่านนักรบจันทราเจ้าขา ขอหลานตัวเล็กๆคนนี้ห่มด้วยคนได้ไหมเจ้าคะ” อลิเซียสร้างเสียงหัวเราะอีกครั้ง “แม่ของเจ้าไม่ใช่ไลล่าหรือ ไปนั่งห่มผ้ากับนางสิ” การ์ถามหยั่งเชิง คิดว่าสังหรณ์ของเขาไม่มีทางถูกต้อง

“แม่ของข้าเป็นเจ้าหญิงของไพน์เจ้าค่ะท่านนักรบจันทรา ท่านหญิงไลล่าตอนนี้เป็นแค่คนธรรมดา จะเป็นแม่ของข้าได้อย่างไร” หญิงสาวเจตนาเผยช่องโหว่ให้มองเห็น หากในอนาคตเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ไลล่าเป็นเจ้าหญิงข้อแม้ของนางก็จะบรรจบลงที่ไลล่าคือแม่ของนาง นี่อาจเป็นสิ่งที่อลิเซียทำให้มารีน่าอารมณ์เสีย หญิงจากอนาคตพูดมากเกินไป

“เสียดายเก็มอยู่แถบอบอุ่น คงไม่ต้องจุดเตาผิงบ่อยนัก” การ์คิดว่าได้ยินเสียงริเรียบ่นกับตัวเอง หันไปมองก็พบว่านางกำลังจดจ่อกับหนังสือเล่มบาง

พวกเขาจะต้องทนนอนหลับใต้ผ้าห่มแบบนี้หนึ่งคืน อลิเซียสาบานว่าวันรุ่งขึ้นจะขี่พาหนะสี่ล้อไปส่งให้นอกเขตปลอดเวทมนตร์ โชคดีพรมในห้องยังไม่ถูกกัดแทะจนหมดพอให้ได้รับไออุ่นจากพื้นได้ ไบรอันกับไลล่าชิงนอนกอดกันอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าต่อตาพวกเขา การ์ยอมให้เป็นพิเศษเพราะทั้งสองเหน็ดเหนื่อยจากการประลองอีกทั้งไม่คิดสานความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งไปกว่านี้ และเขาต้องนอนข้างผู้หญิงจอมเผด็จการไม่มีสิทธิ์มีเสียงไปว่าสองคนนั้น...


รุ่งเช้าอากาศเย็นจับใจมีแต่การ์ที่เขินจนหน้าแดงทั่วตัวร้อนรุ่มด้วยความเขินอาย เหตุเพราะตอนตื่นนอนเขาพบว่าริเรียนอนกอดเขาอยู่ ร่างท่อนบนของนางแทบเกยทับร่างของเขาอย่างจงใจ การ์เก็บความทรงจำในครั้งนี้ไว้ส่วนนอกสุดเตรียมกำจัดมันทิ้งเมื่อมีโอกาส ไม่ว่านางจะจงใจหรือไม่เขาก็ไม่อยากให้เกิดซ้ำสอง แค่มารีน่ากอดเขาแบบทีเล่นทีจริงก็มากจนเกินรับได้แล้ว

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะท่านนักรบจันทรา” อลิเซียกับเขาช่วยกันรื้อรถเข็นเก่าๆออกจากห้องเก็บของ นางจะใช้พวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถเข็นแล้วลากไปจากที่นี่ “ท่านริเรียรักท่านจริงๆเจ้าค่ะ นางไม่ได้เห็นท่านเป็นของเล่น ก็แค่เขินจนไม่กล้าเผยความรู้สึกเท่านั้นเอง” คำว่าเท่านั้นเองลอยวนเวียนอยู่ในหัวของการ์ นางพูดว่าเท่านั้นเอง ลองให้นางเป็นคนโดนแกล้งแบบนี้บ้างจะรู้ว่าไม่สนุกเลยสักนิด คนเถื่อนๆอย่างเขาจะมีใครมาชอบกัน

รถเข็นเก่าๆถูกผูกเข้ากับท้ายพาหนะของหญิงสาวอย่างแน่นหนา การ์กับไบรอันลองขึ้นไปกระโดดสักพักเพื่อความแน่ใจว่าจะรับน้ำหนักพวกเขาได้ โชคดีที่มันเคยเป็นรถขนผักจึงมีพื้นที่และที่กั้นไม่ให้สิ่งของร่วงหล่น เจ้าปากหนักทำให้เสียเวลาด้วยการพาไลล่าเดินชมตัวบ้านและรูปพ่อกับแม่ของตน ทิ้งให้เขากับอลิเซียยัดผ้าห่มลงถุงหนังอีกครั้ง พวกเขายังจำเป็นต้องใช้เสื้อคลุมตัวหนาระหว่างเดินทางผ่านหิมะสีขาวโพลน

“อย่ากินนะไลล่า มันเป็นหิมะแรกก็จริงแต่ไม่สะอาดเท่าไรหรอก” เจ้าปากหนักทำให้พวกเขาเสียเวลาอย่างต่อเนื่องด้วยการพาคนรักเดินชมหิมะ หญิงสาวแสดงความชื่นชมในความสวยของเกล็ดหิมะจนเหมือนเด็กๆ ทั้งลองจับเล่น ลองลงไปนอนบนพื้น ล่าสุดนางจะลองชิมด้วยซ้ำว่ารสชาติเป็นอย่างไร

“ไม่ยาวไปหรืออลิเซีย” ริเรียตั้งข้อสังเกตถึงความยาวเชือกระหว่างพาหนะของอลิเซียกับรถเข็น การ์เป็นผู้ตัดและมัดเชือกเองจึงรู้ว่ารถเข็นกับพาหนะของนางห่างกันร่วมสี่หลา

“ข้าไม่อยากให้พวกท่านจมกองหิมะเจ้าค่ะ แล้วไอที่ท่อไอเสียท้ายรถปล่อยออกมาเป็นพิษ ประเดี๋ยวจะเป็นลมเสียก่อน”

หญิงสาวจากอนาคตเร่งให้พวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถเข็น นางสวมหมวกทรงกลมแล้วบอกให้ริเรียมานั่งด้านหลังบนเบาะหนังดำขลับ เจ้าปากหนักแสดงความรักอวดโอ่อีกครั้งด้วยการนั่งกอดไลล่าอย่างแนบแน่นไม่ให้นางตกจากรถเข็น เขาเสียอีกที่ต้องนั่งเอียงๆอย่างลำบากลำบน

“ท่านริเรียกอดข้าแน่นๆเจ้าค่ะ คิดว่าข้าคือท่านนักรบจันทราก็ได้” อลิเซียทำให้การ์อยากลุกไปเขกหัวหนึ่งครั้งในฐานะลุง หากมีหลักฐานเมื่อไรว่านางคือลูกของไลล่าเขาจะบังคับวางแผนอบรมเปลี่ยนนิสัยอลิเซียให้แก่นกะโหลกน้อยกว่านี้ “สามท่านข้างหลังเกาะให้ดีนะเจ้าคะ ตอนแรกจะกระชากสักนิด อย่าหันหน้ามาทางนี้โดยตรงด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้พวกท่านเป็นลม”

พาหนะจากอีกโลกคำรามสองครั้งแล้วเดินหน้าด้วยแรงมหาศาลจนการ์แทบหล่นจากรถเข็น ควันร้อนถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้พวกการ์ไอน้ำหูน้ำตาไหล ความร้อนเป็นสิ่งที่ดีเสียแค่กลิ่นและความเป็นพิษที่อลิเซียพูดถึง ยิ่งเสียงพาหนะคำรามดังเท่าไรความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้นตาม เขาตะโกนคุยกับไลล่าว่าเร็วพอๆกับขี่มังกรในมิติสัตว์ปีศาจ ส่วนไบรอันเมารถเข็นทนแรงสั่นสะเทือนมากๆไม่ได้ต้องกุมปากมองไปข้างทางตลอดเวลา หิมะจากล้อด้านหลังพ่นโดนพวกเขาไม่มากนักด้วยระยะห่างของเชือก เวลาผ่านไปยาวนานกว่านรกสั่นสะเทือนร้อนระอุจะหยุด พาหนะสี่ล้อหยุดส่งเสียงคำรามแล้วหยุดกึกเกือบทันที รถเข็นไหลเลยสิ่งลากจูงจนเชือกตึงส่งผลให้พวกเขาสามคนหล่นลงบนพื้นหิมะสีขาว การ์ไอโขลกสาบานว่าไม่ขอเสี่ยงแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ไบรอันยังทำหน้าที่ได้ไม่ตกหล่นด้วยการเป็นเบาะรองรับหญิงสาวไม่ให้กระแทกพื้น

“ให้นั่งมังกรยังดีกว่า” เจ้าปากหนักบ่นอุบ ไลล่าบอกขอบคุณเป็นการใหญ่ที่ช่วยกันกระแทกให้ ริเรียก็ลงมาจากยานพาหนะด้วยสภาพที่ไม่ต่างกัน เวียนหัวจากแรงสะเทือน ผมสีทองเป็นกระเซิงเพราะแรงลม

“เรามาถึงเขตที่ใช้เวทมนตร์ได้แล้วเจ้าค่ะ” อลิเซียใช้เวทมนตร์ตัดเชือกที่ผูกอยู่ท้ายพาหนะ “เจอกันคราวหน้าเมื่อยุคสมัยของข้ามาถึงนะเจ้าคะไม่นานพวกท่านก็จะลืมเรื่องของข้าจนหมด มีเพียงท่านนักรบจันทราที่จำได้เลือนราง” นางจากอนาคตกล่าวลาพวกเขาอย่างเป็นทางการ

หญิงสาวรีบเข็นพาหนะสองล้อกลับไปเขตไร้อาคมอีกครั้งบอกว่าจะขอซิ่งกลางหิมะให้สะใจอีกสักรอบค่อยกลับเมืองแก้วผลึก เสียงคำรามของยานพาหนะดังแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน การ์ยักไหล่พลางพาทุกคนไปนั่งพักบนก้อนหินใหญ่ริมทาง ดวงอาทิตย์สีซีดขึ้นพ้นดงไม้เล็กน้อย หากไม่รู้ว่าอยู่เหนือแค่ไหนก็ไม่อาจรู้เวลาบางทีนี่อาจเป็นเวลาเที่ยงหรือช่วงสายของวันก็ได้

เสมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ความรู้สึกเหมือนเครื่องในถูกเขย่าอย่างแรงไม่ทันหายไปคนกลุ่มใหม่พลันปรากฏตัวออกจากเงาป่าด้วยดาบในมือ ชายฉกรรจ์สามคนอายุไล่เลี่ยกันล้อมพวกเขาอย่างชำนิชำนาญ มีเพียงการ์ที่พอต่อสู้ได้ ไบรอันยังไม่หายเมารถเข็น ริเรียยังหอบหายใจด้วยความเพลียจากการเดินทาง ส่วนไลล่าถูกจับมอมยาอะไรสักอย่างจนหลับไม่ได้สติ หากต้องปะทะกันพวกเขาแพ้แน่ จะหนีก็ห่วงไลล่า หากจะมอบสมบัติให้พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะให้เพราะสัมภาระส่วนใหญ่อยู่กับมารีน่าที่เมเทอาร์

“การ์ลูส”

การ์ออกคำสั่งไม่ทันจบเจ้านกเพลิงสีฟ้าพลันปรากฏกายขึ้นบนแขนซ้ายของเขา เสียงแหลมกังวานกู่ร้องสำแดงพลังจนเขาปวดหู ทันทีที่นกเพลิงปรากฏตัวชายทั้งสามก็เปลี่ยนท่าทีลังเลว่าจะสู้หรือหนี “ข้าคือเจ้าชายองค์หนึ่งของไพน์ ต้องการสิ่งใดจงบอกมา หากไม่เกินความสามารถข้าจะช่วย” การ์เชิดหน้าขึ้น ที่จริงความรู้สึกพะอืดพะอมแล่นขึ้นลำคอแล้ว ดวงตาสีพระจันทร์ของเขามองคนทั้งสามด้วยท่าทีสูงส่งไม่แสดงความกลัวหรือความกังวลออกมา

“พวกเราสามคนพี่น้องและท่านแม่ถูกเนรเทศจากไพน์ด้วยความผิดของญาติห่างๆคนหนึ่ง เราสามคนอับจนหนทางจนต้องหนีมาทางเหนือปล้นคนผ่านทางหาเงินประทังชีวิต” ชายอายุคราวพ่อพูดขึ้น “พวกเราอยากได้รับอภัยโทษ จะได้กลับไปทำงานในเมืองได้อีกครั้ง”

“ดูพวกเจ้าตอนนี้สิ เข้าเล่นงานคณะเดินทางของข้าแล้วบอกว่าอยากให้ทางการลดโทษให้” การ์คำราม กลบความรู้สึกคลื่นไส้ลงไป “เห็นดวงตาข้าก็น่าจะรู้แล้วว่าเป็นราชนิกุลของไพน์ ยังกล้ากระโดดเข้ามาหาเยี่ยงโจรป่าไร้สำนึก”

การ์ไม่ขู่เปล่าล้วงหยิบแหวนประจำราชวงศ์ออกมาใส่ให้ทั้งสามดูด้วย แหวนสีทองเปล่งรัศมีเรืองรองพร้อมนกเพลิงประจำตัวแสดงให้เห็นว่าเป็นพวกขุนนางส่งผลให้ทั้งสามคุกเข่าให้เขาทันที

“นามของข้าคือมาเวอร์ริค โมรัคขอเอาชื่อตัวเป็นประกัน ครอบครัวของพวกเจ้าจะได้รับพิจารณาเรื่องอภัยโทษ ตอนนี้คืนตัวเพื่อนร่วมทางของข้ามาได้แล้ว”

นักรบจันทราเรียกร้องให้ชายทั้งสามส่งร่างไร้สติของไลล่าคืน ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของนางแต่เพื่อความปลอดภัยของคนพวกนี้ เวเบอร์คงอาละวาดแหลกลาญหากรู้ว่ามีคนอื่นชุบมือเปิบทำอะไรไลล่าก่อนตนหรือไบรอัน หากผลีผลามชิงตัวไลล่ามาเองพวกนั้นคงคิดว่าเขากำลังเล่นละคร

“มิได้ฝ่าบาท พวกเราขอรับตัวนางผู้นี้ไว้เป็นประกันว่าจะได้รับอภัยโทษ” ร่างสวยงามของไลล่าถูกเคลื่อนย้ายไปด้านหลังทันที การ์โกรธจนใบหน้ากระตุก เขาพยายามช่วยชีวิตสามคนนี้แท้ๆ “เป็นแค่บริวารของฝ่าบาทไม่ใช่หรือ”

“พาไปหาคริสทาร่าหมดนี่เลยได้ไหมการ์ลูส” การ์กระซิบกับนกเพลิงที่มุมปาก

นกเพลิงสีฟ้าขบจะงอยปากเบาๆ พวกเขาและชายฉกรรจ์ทั้งสามถูกแสงสีฟ้าของมนตร์เคลื่อนย้ายครอบคลุม แรงเหวี่ยงจากมนตร์ตราทำให้ทั้งสามตกใจ เมื่อเทียบกับการนั่งรถเข็นเมื่อกี้แล้ว การเคลื่อนย้ายด้วยขนปีกของการ์ลูสเป็นแค่ของเรียกน้ำย่อยเท่านั้น...


แสงสีฟ้าดับวูบลงในทันใด ความต่างของสภาพอากาศและอุณหภูมิทำให้พวกการ์ไอขรมรู้สึกเหมือนลำไส้ถูกบีบตัวจนกลายเป็นก้อน ไบรอันรีบดึงตัวการ์หลบม้าที่เกือบเตลิดเพราะมีแสงสีฟ้าพุ่งมาตัดหน้า สตรีผมเงินผู้บัญชาการกองทัพวิหคเพลิงของไพน์สบถดังลั่นม้าของนางเกือบเหยียบเขาเป็นครั้งที่สอง คราวนี้โชคดีที่ไบรอันช่วยดึงร่างเขาให้พ้นกีบเท้าอันทรงพลังที่พุ่งลงมาโดยไม่รั้งรอ ส่วนเจ้าการ์ลูส มันบินหนีไปก่อนดวงตาเขาปรับแสงได้เสียอีก

“อย่างนี้จงใจลอบสังหารเชื้อพระวงศ์นะ คริสทาร่า” เจ้าปากหนักปล่อยร่างยวบยาบของการ์ลงสู่พื้นดิน อารามตกใจทำให้แข้งขาอ่อนขึ้นทันควัน

“เห็นเข้ามาขวางม้าอีกรอบเลยคิดว่าคงอยากลองโดนม้าเหยียบดูสักครั้ง” ดวงตาสีน้ำตาลของนางอัศวินนกเพลิงน่าเกรงขามจนการ์อยากถอยหนี เขาไม่อยากมีเรื่องกับพวกทหารอีกแล้ว “พอดีจริงๆ ข้านำขบวนเสด็จของท่านหญิงเอเลน่ากลับมาที่ไพน์ เพิ่งมาถึงด้วยซ้ำ...เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าหลวงของไพน์ ไบรอัน บรู๊ค!” นางคำรามเมื่อไบรอันหันไปสั่งสารถีคุมรถม้าให้นำเสด็จผ่านเข้าปราสาทได้เลย

การ์ลุกขึ้นมองไปรอบๆ ตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าประตูปราสาทของไพน์ การ์จำกำแพงปราสาทสีดำสนิทและท่อนซุงด้านบนที่ทำให้นกเกาะได้ สถานที่ที่พวกเขาโผล่ออกมาคือกลางประตูปราสาทไม่ผิดที่คริสทาร่าอยากให้ม้าเหยียบเขาอีกหน จนไบรอันสะกิดเขาจึงรู้ตัวว่ามาที่นี่ด้วยเหตุผลใด

“คริสทาร่า ท่านช่วยลดโทษให้พวกเขาได้หรือไม่” การ์ลูสบินมาเกาะแขนการ์อีกครั้ง คราวนี้เจ้านกเพลิงนิ่งเงียบจนน่าสงสัย การ์อดคิดไม่ได้ว่ามันคงอยากให้ธุระเสร็จเร็วๆ

“ได้โปรดให้พวกเราแม่ลูกเข้ามาทำงานในเมืองอีกครั้งเถิดท่านคริสทาร่า” หนึ่งในชายสามคนอุทธรณ์ “ข้านำหญิงสาวนางนี้มาถวายแด่ท่านอาร์เดน์ทิสด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน” หญิงสาวที่นำมาถวายเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากไลล่า เจ้าคนพูดไม่รู้เรื่องกลุ่มนี้ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า การเดินทางและเคลื่อนย้ายที่รุนแรงทำให้เส้นความอดทนขาดผึงจนไม่อาจระงับไว้ได้อีก

“ไม่ได้ คืนผู้หญิงคนนั้นให้ข้าเดี๋ยวนี้” การ์คำราม บารมีและพลังท่วมท้นออกมาจนสัมผัสได้ มือขวายกขึ้นหันหัวแหวนออกมาทางไลล่า “ข้ามาเวอร์ริค โมรัคขอแต่งตั้งหญิงผู้นั้น ไลล่า แลนเซลท์เป็นน้องสาวบุญธรรมแห่งข้า ทำแบบนี้ได้ใช่ไหมคริสทาร่า”

“ฝ่าบาทคือโอรสของท่านหญิงอควาเรีย พระภคินีแห่งกษัตริย์พระองค์ก่อน ฝ่าบาทจึงมีสิทธิ์ขาดในการแต่งตั้งใครก็ตามเป็นพระขนิษฐาหรือพระอนุชาบุญธรรมของฝ่าพระบาท ตอนนี้หญิงผมเขียวที่ฝ่าบาทต้องการได้เป็นพระขนิษฐาของฝ่าบาทอย่างไม่เป็นทางการแล้วเพคะ” คริสทาร่าเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ตอนนี้หญิงผู้นั้นคือเจ้าหญิงแห่งไพน์แล้ว ถ้าไม่ปล่อยตัวจะมีความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง” ไบรอันเสริม ขนต้นคอการ์ลุกชันจนสัมผัสได้ ตอนนี้ไลล่ากลายเป็นเจ้าหญิงแล้ว นางเป็นน้องสาวอีกคนของเขา...

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 16:45:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com