Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สงกรานต์...แถวนั้น ติดต่อทีมงาน

============
สงกรานต์...แถวนั้น
============




วันสงกรานต์


ท้องฟ้าสีครามแจ่มใสนกกาโบยบิน อากาศแจ่มใสสายลมสดชื่น  อารมณ์แจ่มใสร่าเริง  คลื่นซึนามิก็ไม่ได้มาเยี่ยมอย่างที่กลัวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะไม่มีใครอยากต้อนรับหนูซึ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าเป็นดีที่สุด


สองสาวแต่งตัวออกจากบ้าน เพื่อไปเที่ยวงานสงกรานต์ เราขอสมมุติให้สาวทั้งสองชื่อว่า กีวี่ กับนูนี่  ซึ่งหากซื่อไปคล้าย และ/หรือ พ้องรูปพ้องเสียง กับชื่อใคร ถือว่าเป็นความบังเอิญเท่านั้น เพราะผู้เขียนเคารพในการตั้งชื่อของแต่ละคน

ทั้งสองนั่งคุยกันบริเวณเก้าอี้หินอ่อนในเงาต้นสน หน้าตึกใหญ่

“เธอจะไปเล่นสงกรานต์ที่ไหน”  

นูนี่เอ่ยถามขึ้น หลังจากมาพบกันโดยบังเอิญ

“ฉันตั้งใจว่าจะไปแถวถนนข้าวเปลือก”

กี่วี่ตอบขณะยกกระจกส่องหน้าตาเพื่อความแน่ใจในความงามก่อนเล่นน้ำสงกรานต์

“เห็นว่าถนนข้าวเปลือกคึกคักมาก มีคนมาเล่นน้ำสงกรานต์มากมาย ทั้งฝรั่ง จีน ไทย แขก โอ้ย..ท่าทางสนุก แล้วเธอจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะ”

“ฉันจะไปเที่ยวถนนข้าวซอย”

“ถนนข้าวซอยมันอยู่ที่ไหน”

กี่วี่สงสัย เพราะเกิดมาไม่เคนได้ยินชื่อถนนแบบนี้

“มันก็อยู่แถวๆ นั้นล่ะ”

“อ๋อ..”

กี่วีถึงบางอ้อ “ แหม นึกออกแล้ว แหม..... นึกตั้งนาน  แหม..นึกว่าที่ไหนเสียอีก..ที่แท้ก็อยู่แถวนั้นนั่นเอง แต่ว่า เอ๊ะ.....แล้วแถวนั้นที่ว่ามันอยู่แถวไหน”

“มันเป็นความลับ”

นูนี่เอามือป้องป้องกระซิบราวกับเป็นความลับที่สำคัญถึงวาระสุดท้ายของมนุษย์โลก “รู้แล้วเธออย่าไปบอกใครเชียวนา แถวนั้น มันก็อยู่แถวนั้นล่ะ มันจะอยู่แถวไหนไม่ได้ เพราะแถวไหนไม่ใช่แถวนั้น”

“มิน่าล่ะ...”

กีวี่ตบเข่าฉาด “ว่าทำไมมันแปลกๆ ว่าทำไมตอนแรกก็นึกออก แต่ทำไมต่อมานึกไม่ออก ที่แท้แถวนั้นก็อยู่แถวนั้นนั่นเอง แหม.....ชักอยากจะไปแถวนั้นกับเธอเสียแล้วสิ ถนนข้าวซอยที่ว่า ท่าทางจะอร่อยกว่าถนนข้าวเปลือก”

“ของมันแน่อยู่แล้ว ใครเขากินข้าวทั้งเปลือกกันล่ะจ๊ะ...แต่ข้าวซอยนี่กินได้โดยไม่ต้องใส่เปลือกข้าว เอางี้ไหมล่ะ เดี๋ยวเราไปด้วยกัน”

“ได้เลย แต่จะไปตอนไหนล่ะ” กี่วี่ถาม

“ตอนไหน ไม่ใช่ตอนนี้.รออีกสักนิด”

ตอบพลางนูนี่ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา  “นี่เพิ่งจะ 8.36 น. เอง ยังเช้าอยู่ ถ้าไปตอนนี้คนยังไม่ค่อยมี ไม่สนุก ”

กีวี่จับข้อมือของนูนี่มาดูบ้าง แล้วทำหน้าสงสัย

“ไหนๆๆ..นาฬิกาของเธออยู่ไหน ไม่เห็นมี”

นูนี่มองดูข้อมือตัวเองแล้วก็เบิกตาโตร้องเสียงดังด้วยความตกใจว่า

“ว๊าย..แล้วนาฬิกาฉันหายไปไหน ใครมาขโมยนาฬิกาของฉันไป แล้วเมื่อกี่ฉันรู้ได้ยังไงว่าเป็นเวลา 8.36 น. มันต้องมีอะไรผิดปกติ”

“ใจเย็นๆๆ”

คู่สนทนาพยายามปลอบใจ ลูบหลังไปมาเหมือนลูบหลังคนเมาจนจะอ้วก “ลองนึกดูว่าเธอเจอมันครั้งสุดท้ายวันไหน”

นูนี่นั่งนิ่ง ทบทวนความทรงจำของตัวเอง ดูเหมือนว่าการจะออกไปเที่ยวงานวันสงกรานต์ชักจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว ในที่สุดเธอก็เริ่มนึกออก

“ฉันเห็นมันครั้งสุดท้ายเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นเวลา 22.15 น. ฉันวางมันลงหัวเตียง ข้างๆตุ๊กตาแมวสีขาวราคา 253 บาท ไม่นึกว่าเวลาแค่สองปี เพิ่งรู้ตัว ฉันทำมันหายตอนไหนก็ไม่รู้” กล่าวจบเธอก็น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ยิ่งกว่ามีชายหนุ่มหน้าตาพระเอกเกาหลีสองร้อยคนมาหักอกเธอ

“ไม่เป็นไรน่า..”

กีวี่ยังคงรับบทคนปลอบใจที่ดี

“เราไปเที่ยวกัน แล้วขอดูนาฬิกาคนอื่นก็ได้ ใครไม่ยอมเราก็วิ่งตามดูให้ได้ จะไม่ยอมให้ดูก็ให้รู้ไป พวกเราต้องมามีดสักเล่มไว้ป้องกันตัวพวกที่ชอบเล่นสงกรานต์แบบวิตถารวิปริต”

“มีแบบนั้นด้วยเหรอ” ถามหน้าตาตื่น

“มีสิ.....มีมากด้วย มีทุกปี เราต้องระวังตัว ไม่แน่ใจก็อย่าไปเที่ยวในพื้นที่เสี่ยง ได้ข่าวว่ามีทั้งพวกโรคจิต พวกค้ากำไรเกินควรอยู่ในงานเพียบ สาวๆเปลืองหน้าเปลืองตัวตามๆกัน”

“จังซี้มันต้องถอน”

สาวนูนี่ขบกรามเกรอดด้วยความรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้น แล้วดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้น เตรียมตัวออกเดินทาง

“เอ้อ....แล้วเราจะไปยังไง ถนนข้าวซอยที่ว่า”  กีวี่ถาม

“นั่นน่ะสิ”

สาวนูนี่ตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ ทำไมฉันไม่คิดเรื่องนี้มาก่อนนะ ฉันเองก็ลืมไปแล้วว่า แถวนั้น มันอยู่ตรงไหน เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพวกเราเรียกแท็กซี่ แล้วบอกให้เขาไปส่ง แถวนั้น คนขับแท็กซี่จะต้องรู้จักแน่ๆ....”

“หัวแหลมมาก จะได้ไม่หลงไปแถวนู้น” กีวี่ดีดนิ้วชมเปาะ แต่แล้วก็ชะงัก แล้วมองหน้าคู่สนทนาถามขึ้นว่า

“เธอแน่ใจหรือว่าคนขับแท็กซี่จะไว้ใจได้ บ้านเมืองเรายังไม่มีการดูแลเรื่องนี้ ขนาดขี้ยาออกมาจากคุกได้สองเดือนยังมาขับแท็กซี่ได้ เกิดมันฆ่าพวกเราจะทำไง”

“แย่แล้ว....”

นูนี่ร้องเสียงหลงใบหน้าซีดเผือด ยกมือทาบอก สีหน้าท่าทางราวกับกำลังจะโดนฆ่าจริงๆ “โดนฆ่าก็ตาย ตายแล้วก็ไม่ได้ไปเที่ยวสงกรานต์  ไม่ได้หายใจ ไม่ได้ไปถนนข้าวซอย ไม่ได้ไป “แถวนั้น” “แบบนี้ก็แย่สิ แต่มันจะฆ่าใครก่อนระหว่างฉันกับเธอ..แล้วใครจะพาเธอไป แถวนั้น”

“เอ่อ..ฉันคิดว่าเธอก่อนนะ”

“ทำไมต้องเป็นฉันก่อนล่ะ....”

“น่า ไม่ต้องถามมาก ยอมๆถูกฆ่าตายก่อนไปเถอะ ฉันจะหาทางไปแถวนั้นเอง”

นูนี่ร้องไห้โฮทันที ยังไม่ไปถึงงานสงกรานต์ก็โดนฆ่าเสียแล้ว มันเป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริง สำหรับสงกรานต์ปีนี้

“ไม่ต้องห่วง”

กีวี่ยังคงปลอบต่อ” ฉันจะหนีเอาตัวรอดไปแถวนั้น แล้วหาคนมาช่วยเธอ ให้เธอแกล้งตายไม่หายใจไปก่อนสักสองสามชั่วโมง มันจะได้ตายใจ ฉันไปไม่นานหรอกกลับมาจากแถวนั้น จะรีบกลับมา”

“ฉันตายก็กลายเป็นผีน่ะสิ แล้วฉันจะทำยังไง”

“เรื่องนี้เธอต้องรู้ดีกว่าฉันสิจ๊ะ เพราะฉันไม่ได้ตาย แต่เธอต่างหากเป็นคนตาย”

“ฉันตายแล้วจริงๆหรือนี่”

นูนี่คร่ำครวญ “แต่ทำไมฉันถึงหายใจอยู่เลยตอนนี้”

“อ้าว..เป็นไปได้ไง”

อีกฝ่ายหน้าตาตื่น มองหน้าแล้วเริ่มถอยหลังทีละน้อย” “แสดงว่าเธอเป็นคนตายที่ไม่ยอมตายไปแล้ว มีที่ไหน ตายไปแล้วยังหายใจอยู่แบบนี้ ไม่เอาล่ะ....ฉันไปเที่ยวแถวนั้นคนเดียวดีกว่า”

“ไม่มีทางเสียล่ะ...”

นูนี่เค้นเสียงทั้งน้ำตา “ฉันอุตส่าห์ยอมตายแล้ว เธอจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้ เราต้องไปแถวนั้นด้วยกัน”

“แต่ เธอเป็นผี...”

กีวี่บอกเสียงสั่น ยังมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนถึงกลายเป็นฝีไปได้ มันจะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันตายไปแล้ว เพราะฉันยังหายใจได้อยู่ ฉันไปกับเธอแล้วจะช่วยคุ้มครองเธอไง เพราะฉันเป็นผี ใครมาแกล้งเธอฉันจะหลอกมันให้หัวโกร๋นไปเลย”

กีวี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วเริ่มเห็นด้วยกับข้อเสนอของนูนี่ ใช่แล้ว...น่าจะเป็นเรื่องดี ไปเที่ยวโดยมีวิญญาณคอยคุ้มครองแบบนี้ เท่และปลอดภัยดีแน่นอน

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่เธอห้ามหลอกฉันนะ”

“ฉันจะหลอกเธอทำไม ฉันเพิ่งตาย ยังหลอกไม่เป็นสักหน่อย..ว่าแต่พวกเราไปกันเถอะ”

ทั้งสองมองหาป้ายรถแท็กซี่แต่ไม่เห็น มีบางอย่างผิดปกติ..

แล้วเราจะไปได้ยังไงล่ะนี่”

นูนี่เอ่ยปากถามเพื่อนรวมชะตากรรม เพราะมองอย่างไรก็ไม่เห็นมีรถแท็กซี่ผ่านมาแม้แค่คันเดียว

“เราไปรถเมล์ดีกว่า”

กี่วี่เสนอแนะ “รถเมล์ปลอดภัยกว่า จะต้องมีสักสายที่ผ่านแถวนั้น”

“ดีๆๆๆๆ”

นูนี่รีบเห็นด้วย “ไปรถเมล์ก็แสดงว่าฉันไม่ต้องตายเสียใช่ไหมล่ะ ใช่ๆๆ เราไปรถเมล์ดีกว่านะ”

“แปลว่าตอนนี้เธอไม่ตายแล้วล่ะ มิน่า....เมื่อกี้ยังสงสัยว่าทำไมตายไปแล้วยังหายใจได้ ที่แท้เธอไม่ได้ตายสักหน่อย แหม..เพิ่งคิดออก....ป่ะ เราไปกันเถอะ”

สองสาวตั้งท่าจะไปแถวนั้นทางรถเมล์ แต่เมื่อมองดูกันและกันอีกครั้งต่างฝ่ายก็ชะงัก เมื่อเห็นว่าทั้งสองอยู่ในชุดขาวทั้งตัวเหมือนกัน แถมมีหมายเลขปักบริเวณอกเสื้อ

“ทำไมเธอแต่งตัวแบบนี้ไปงานสงกรานต์”  ทั้งสองส่งเสียงถามพร้อมกัน และมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ ก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งแต่งกายสวยงามออกมาจากบ้านแท้ๆ เป็นแบบนี้ได้อย่างไร ต้องมีบางอย่างผิดปกติ

ขณะนั้นเอง นางพยาบาลสาวสองคนปรี่มาจากด้านหลัง ตรงมาหาคนไข้ “ระดับไม่มีอันตราย” ทั้งสอง

ได้เวลากลับห้องทานยาแล้วค่ะ”

พยาบาลยิ้มและบอกเสียงใส ทั้งสองเป็นพยาบาลประจำ”สถานบันวิเคราะห์โรคทางจิต” อันใหญ่โตและมีชื่อเสียง

“ว้า...อดเลย”

นูนี่หน้าเจื่อน ส่วนกีวี่หน้าเสียเพราะอดเที่ยว

“พวกคุณจะไปไหนกันคะ”

“พวกเราจะไปเที่ยวงานสงกรานต์กันค่ะ” นูนี่ตอบ

“ไม่เป็นไรค่ะ..พวกเราเตรียมงานสงกรานต์ให้แล้ว ในตอนบ่าย ที่ห้องโถง ตอนนี้ไปทานยากันก่อนนะคะ”

“เย......”

คนไข้สาวทั้งสองร้องพร้อมกันอย่างดีใจ

ไม่ต้องไป

“แถวนั้น”

ให้ลำบากยุ่งยากอีกแล้ว


ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ





******************

แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 11:04:17

แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 10:15:20

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 10:10:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com