6/2
โถงของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใจกลางกรุงซุตซูโอ่อ่ากว้างขวางสมกับเป็นที่พักของชาวต่างชาติซึ่งต้องแลกด้วยค่าเช่ารายเดือนค่อนข้างสูง ต่างจากค่าครองชีพของชาวคาซาน
วิคเตอร์ให้คนขับรถมาส่งนักท่องเที่ยวสาวที่นี่ตามคำฝากฝังของบุรุษซึ่งลลิลดาเคยฝากเขาส่งจดหมายให้ เขาไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหล่อนกับชายผู้นั้นหรอก แต่ทันทีที่เห็นเธอพุ่งลงจากรถตรงเข้าไปสวมกอดชายชาวต่างชาติคนนั้น ก็อดนึกถึงน้องชายเพื่อนที่แสดงออกว่ามีใจกับหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้
เขาหัวเราะเยาะมันในใจประสารุ่นพี่ที่มองว่ารุ่นน้องนั้นโง่เง่ากว่าตนเสมอ หัวเราะด้วยความสมเพชเวทนา หาได้สาแก่ใจด้วยเลย
ใบหน้าเจ้าเนื้อแย้มยิ้มด้วยไมตรีจิตเมื่อลลิลดาควงแขนบุรุษหนุ่มเดินตรงมา เธอกล่าวขอบคุณเขาและขอแลกนามบัตรกัน
ฉันจะติดต่อไปอีกแน่นอนค่ะ เร็วๆ นี้
ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายหรี่ตามองน้องสาว ถ้อยคำสุดท้ายจริงจังมากกว่าการพูดเพื่อเอาใจ สร้างความประหลาดใจแก่เขาจนต้องถามขึ้นขณะอยู่ในลิฟต์กันลำพัง
ติดใจอะไรขนาดนั้น
เธอรู้ว่าพี่เพียงถามเย้า หากก็กระทบใจเธออย่างจัง
ฉันก็พูดเผื่อไปอย่างนั้น ยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันนี่นะ อาจต้องใช้บริการบริษัททัวร์เพราะพี่ไม่มีเวลาให้ หญิงสาวตอบความจริงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งนั้นมีเพียงเธอเองที่รู้ว่าตนจะทำอะไร
มาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยว
ลลิลดายกมือป้องศีรษะเมื่อเจคทำท่าจะใช้บัตรแข็งสำหรับปลดล็อคประตูห้องพักเคาะลงมาบนศีรษะเธอ น้องสาวค้อนขวับ ก่อนแลเลยไปยังภายในห้องซึ่งมีเก้าอี้ยาวตั้งอยู่ตรงกลาง โต๊ะกินข้าวและเคาน์เตอร์ครัวครัวอยู่ลึกถัดไป
ขวามือเป็นประตูสู่ห้องนอน เธอนึกชื่นชมในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ เบาใจว่าตนคงรอดพ้นจากการช่วยพี่จัดข้าวของเสียแล้ว
พี่จัดการทั้งหมดนี่ช่วงที่ฉันไม่อยู่อย่างนั้นเหรอ ทำได้ไงน่ะ
หาสาวโสดสักคนมาช่วยทำ
พูดเป็นเล่น! หญิงสาวร้องเสียงหลง
ก็พูดเล่นน่ะซี ผู้พี่เอ่ยกลั้วหัวเราะ คนที่ทำงานแนะนำมา เจ้าของคนเก่าเขาย้ายไปประจำประเทศอื่นแล้วทิ้งกุญแจไว้ฝากขายหรือให้เช่าแทน
เจ๋ง!
ว่าแต่เราเถอะ ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง ไม่เล่าให้ฟังสักที เห็นส่งจดหมายมาฉบับเดียวแล้วเงียบหาย นึกว่าถูกฆ่าหมกป่าแล้ว
ก็พี่ไม่ถาม เธอย้อนอย่างขอให้ได้ยียวน ก่อนเล่าจริงจัง ฉันอยากให้พี่ได้ไปที่นั่นด้วยตัวเองสักครั้ง ถ้าพี่ต้องการเรียนรู้วิถีชีวิตแท้จริงของพวกเขาล่ะก็ มันมีกฎเกณฑ์ แบบแผนมากกว่าในหนังสือมากนัก ชนิดที่ต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิตเทียว
ยกตัวอย่างเช่น...
ผู้หญิงผู้ชายห้ามพูดคุยกันกลางวันกลางที่สาธารณะ
ฮื้อ
เพราะมันจะทำให้เสียงานไงล่ะ ชาวทิชกูโบราณเขาสอนเพื่อป้องกันลูกหลานของเขาใจแตก เขาถือว่าเวลากลางวันควรจดจ่อกับหน้าที่การงานของแต่ละคน
อ้อ แล้วพบกันกลางคืนงั้นซี ไม่ยิ่งอันตรายกว่าหรือ เผื่อว่าอะไรๆ มันจะสปาร์คกัน
เจคหัวเราะลั่นเมื่อถูกน้องสาวตีเผียะลงบนต้นแขนล่ำสัน ชักสนุกขึ้นมากับการฟังเจ้าหล่อนบอกเล่าประสบการณ์ และยังโต้เขากลับทุกเม็ด
กลางคืนก็พบไม่ได้ จนกว่าจะได้เต้นรำด้วยกันในคืน...ก็องโกลัน หางเสียงลลิลดาแผ่วลงตามใจซึ่งประหวัดถึงค่ำคืนแห่งเสียงเพลงนั้น
ทว่าประโยคที่พี่ย้อนถามก็ทำให้ต้องรวบรวมสมาธิกลับมาขยายความให้ฟัง
คืนอะไรนะ
ก็องโกลัน งานเฉลิมฉลองซึ่งมีขึ้นทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ผู้ชายจะนำนมม้ามาขอบคุณผู้หญิงในครอบครัวที่ช่วยดูแลเขา ดูแลบ้านของเขา เวลาที่เขาต้องทำงาน
หลังจากนั้นก็เป็นงานเต้นรำรอบกองไฟ ผู้ชายจะเต้นได้กับคนในครอบครัวเท่านั้น หรือต้องรอลุ้นให้ผู้หญิงที่เขาชอบมาชวนเต้นรำ เมื่อนั้นจึงถือเป็นการประกาศความสัมพันธ์ต่อหน้าทุกคน
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างตะลึงงัน ทั้งจากความรู้ใหม่ซึ่งเพิ่งรับรู้ และแปลกใจที่น้องสาวผู้ไม่เคยสนใจประเพณี วัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์ สามารถถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ได้มากมาย
แล้วถ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบมาขอเต้นรำล่ะ เขายังสนุกกับการซักไซ้ต่อ
ลลิลดาพลันนึกถึงตัวเองขึ้นมา แต่แล้วก็รีบจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มสมาชิกครอบครัวของเขาทันที
ผู้ชายก็ต้องไม่สบตา...
เออหนอ แต่ทำไมคาชาลไม่ปฏิเสธเธอเล่า คำถามหนึ่งแวบเข้ามาในใจ พร้อมกับคำตอบที่เธอเคยย้ำกับตัวเอง นั่นก็เพราะเธอเป็นสมาชิกครอบครัวของเขาไง!
น้อยครั้งหรอกที่จะเป็นอย่างนั้น ชาวทิชกูน่ะเขามีสายตาดีเป็นพิเศษ นอกจากจะใช้สอดส่ายดูแลฝูงสัตว์เลี้ยงแล้ว พวกเขายังคอยลอบสบตากับคนรัก เมียงมองกันจนแน่ใจว่าใจตรงกันนั่นแหละ ฝ่ายหญิงถึงได้ขอเต้นรำ
วาว!
หญิงสาวยิ้มภูมิใจที่ตนสามารบอกเล่าความประทับใจจนพี่ชายตะลึง ทว่ารอยยิ้มกระหยิ่มก็ประดับบนใบหน้าได้ไม่นาน เมื่อผู้พี่สวนกลับมาด้วยคำถามหยอกเย้า ทีเล่นทีจริง หากก็ น็อค เจ้าหล่อนได้อยู่หมัด
หวังว่าเราคงไม่ได้ขอใครเต้นรำด้วยนะ ไม่อย่างนั้นพี่คงต้องโทรทางไกลบอกให้อาเรณูมาสู่ขอพ่อหนุ่มทิชกู
บ้าซี เธอแหว แล้วใจคอพี่จะไม่ให้ฉันพักผ่อนหน่อยเหรอ คนกลับมาเหนื่อยๆ
ลลิลดาเตรียมเปิดประตูห้องนอนเพื่อนำกระเป๋าของตนไปเก็บ ทว่าชายหนุ่มชิงดึงประตูปิด ผายมือไปยังเก้าอี้รับแขกด้วยสีหน้ายียวน
โซฟานั่นเป็นของเธอ น้องสาว
น้องสาวตวัดค้อน เดินไปกระแทกตัวลงนั่งแล้วเอนนอนเหยียดยาวให้พี่รู้ว่าไม่มีวันจะได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ตราบใดที่เธอยังพักอยู่ที่นี่...
เจคมองคนนอนกระดิกเท้าก่อนส่ายศีรษะอย่างเห็นขัน หลังยัยตัวแสบกลับมา ภายในห้องซึ่งเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับจะปรากฏภาพ กราฟิติ ขึ้นมาบนกำแพง ก็เหมือนกับชีวิตว่างเปล่าของเด็กหนุ่มที่พ่อไม่มีเวลาให้ กระทั่งมีเด็กผู้หญิงเอเชียคนหนึ่งมาเพิ่มเติมสีสัน มาให้เขาดูแล ให้รู้ว่าการมีพี่น้องมันดีอย่างไร
..................
ลลิลดาอ่านชื่อบริษัทบนนามบัตรสลับกับมองป้ายชื่อเดียวกันนั้นซึ่งติดอยู่หน้าตึกแถวหนึ่งคูหาบนถนนสายหลักของเมืองหลวง ครั้นมั่นใจว่าเป็นสถานที่ที่ตนตามหาจึงผลักประตูเข้าไป
ข้างในบริษัททัวร์ซึ่งเธอเคยใช้บริการผ่านโรงแรมซอมซ่อกว่าที่คิด อากาศภายในค่อนข้างอบอ้าวเมื่อไร้ช่องทางลมพัดผ่าน นอกจากพัดลมติดเพดานเครื่องเดียว ตรงกันข้ามกับท่าทางสบายๆ ของพนักงานในห้องนั้น หรือความเรียบง่าย ไม่เร่งร้อนต่อสิ่งใดอาจเป็นเอกลักษณ์ของผู้คนที่นี่กระมัง
เธอถามถึงวิคเตอร์กับพนักงานชายคนหนึ่ง พร้อมกับคนที่เธอถามถึงลงบันไดมาพอดี
มิส มีอะไรให้เรารับใช้หรือครับ เขาทักอย่างจำได้
เปล่าหรอกจ้ะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเธอมากกว่า
ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่าครับ
นักท่องเที่ยวสาวผงกศีรษะก่อนเดินตามไกด์หนุ่มขึ้นไปยังชั้นสาม ประตูหน้าห้องเขาแขวนป้ายผู้จัดการชัดเจน
ไม่อยากเชื่อเลย นี่ฉันได้ผู้จัดการเป็นไกด์นำเที่ยวให้หรือนี่ เธอเย้าพลางนั่งลงตรงข้ามโต๊ะทำงาน
แสงอาทิตย์ส่องมาจากหน้าต่างหลังโต๊ะสาดให้เห็นฝุ่นฟุ้งลอยอยู่กลางอากาศ ราวชายผู้นั้นนั่งอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกดั่งกามเทพอ้วนกลม ลลิลดาหัวเราะกิ๊กในใจกับจินตนาการของตนเอง
ผมเป็นพนักงานธรรมดาแหละครับ มีหน้าที่บริการนักท่องเที่ยว มิสอย่าได้เกรงใจ
เธอเป็นชาวทิชกูใช่ไหมจ๊ะ แล้วทำไมถึงออกมาทำงานนี้ล่ะ
ผมกำพร้าครับ รัฐบาลให้การศึกษาและสนับสนุนทุนแก่ผู้มีความประพฤติดี ผมจึงอยากตอบแทนประเทศชาติบ้าง เขาตอบความจริงครึ่งเดียว
เขากำพร้าเพราะบิดามารดาถูกกองกำลังของนายพลวายุ้คกวาดล้างเมื่อยี่สิบปีก่อน พร้อมกับหัวหน้าครอบครัวโยซีและชาวทิชกูอีกหลายคน ด้วยข้ออ้างถึงการจัดระเบียบประเทศใหม่ ไม่ให้มีชนเร่ร่อนอีกต่อไป ชาวทิชกูหลายกลุ่มซึ่งไม่พอใจจึงกระทำอารยะขัดขืน ยกขบวนเข้าสู่เมืองหลวงพร้อมกันกระทั่งถูกปราบปราม
ผู้ซึ่งรอดชีวิตในคราวนั้นล้วนเป็นลูกเด็กเล็กแดงและคนชราที่พักอาศัยนอกเมือง รัฐบาลต้องการลบคำครหาจึงจัดตั้งเขตสงวนชาวทิชกูให้พวกเขาอยู่อาศัย และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสืบต่อมาด้วยการให้การศึกษาด้านภาษาต่างชาติแก่ชาวทิชกู ใครที่มีแววมีความสามารถและความประพฤติดีเช่นวิคเตอร์ ก็ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล ขณะเดียวกันก็มีชาวทิชกูที่ยังคงเจ็บแค้นลักลอบหลบหนีออกไปยังชายแดน รอวันปลดปล่อยพวกตนเองในที่สุด เช่นเพื่อนสนิทของเขา...พี่ชายของคาชาล
แล้วคนอื่นๆ ล่ะ เขาไม่อยากทำงานแบบเธอบ้างเหรอ
ดวงตาเรียวเล็กของไกด์หนุ่มปรากฏแววยิ้มพราย แม้ไม่เอ่ยชื่อเขาก็ทราบว่าเจ้าหล่อนหมายถึงใคร
คนเรามีฝันต่างกันนี่ครับ ผมมันพวกรักสบายไปเสียแล้ว
สีหน้าคนฟังฉายแววฉงน หากก็วกกลับมาพูดถึงธุระของตนเอง
ฉันประทับใจทัวร์ของเธอมาก แล้วก็พอทราบว่าวิคเตอร์คอยจัดหาสิ่งขาดเหลือไปให้ชาวทิชกูเสมอๆ ใช่ไหมจ๊ะ
อ้อ ครับ แสดงว่ามิสรู้มามากทีเดียว
ลลิลดายิ้มบาง ฉันต้องการมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขา แต่ทราบว่ามันไม่จำเป็นสำหรับชาวทิชกูเลย ฉันจึงอยากให้เธอนำไปซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคให้พวกเขาแทน อย่าหาว่าฉันหน้าใหญ่เลยนะ แต่ฉันรักทุกคนที่นั่นจริงๆ
ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกครับ โชคดีของพวกเขาแล้วที่มีคนมีน้ำใจนึกถึง
วิคเตอร์ไม่ได้บอกว่าหากคนทะนงในศักดิ์ศรีอย่างคาชาลทราบจะรู้สึกเช่นไร แต่ถ้าเขาไม่บอกสักอย่างแล้วนำข้าวของไปมอบให้แทนน้ำใจที่ทุกคนดูแลนักท่องเที่ยวของเขาอย่างดีตามปกติก็คงไม่เป็นไร
ถ้าเธอได้เดินทางไปที่นั่นอีก ฉันขอฝากรูปนี้ให้คาชาลทีนะจ๊ะ ฝากบอกเขาด้วยว่าเพื่อนคนนี้จะติดตามข่าวคราวและระลึกถึงเขาตลอดไป
ชายหนุ่มมองรูปถ่ายสลับกับคนตรงหน้า ภาพถ่ายย้อนแสงแม้จะพร่าเลือน แต่ก็พอมองเห็นเงาคนบนหลังอาชาแต่ไกล เขาดูไม่ออกว่าเป็นคาชาลหรือใคร แต่ผู้ถ่ายภาพนี้กลับมั่นใจทั้งที่รู้จักกับหมอนั่นเพียงสัปดาห์เดียว
..................
เอ้า ดูให้เต็มตา พ่อดาราหน้ากล้อง
วิคเตอร์ยื่นรูปถ่ายให้แก่คนในภาพตามที่ได้รับมอบหมายจากลลิลดา เขารอจนแน่ใจแล้วว่าปลอดคนระหว่างกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ตนพามากำลังเพลิดเพลินกับอาหารกลางวัน จึงปลีกตัวมาพูดคุยกับน้องชายเพื่อนสนิทยังบริเวณคอกม้า
คาชาลเพ่งมองเงารางเลือนของตนในภาพด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาทั้งตื่นตระหนกเพราะไม่คุ้นกับเทคโนโลยี แล้วยังความรู้สึกว่าตนถูกละเมิดสิทธิอีก หากยังไม่เท่าความอ่อนหวานซึ่งค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นในใจ ขณะรับฟังเพื่อนพี่ชายเล่าสืบไป
มิสแวะมาที่บริษัทก่อนกลับ เธอฝากรูปนี้ให้เจ้าแล้วยังฝากข้อความมาอีกด้วย แต่ข้ารู้ว่าฟังจากปากข้าหรือจะสู้อ่านด้วยตาตัวเอง ข้าขอให้เขาเขียนข้อความมาหลังรูปแทน
มือหนารีบพลิกกระดาษมันปลาบนั้นรวดเร็ว ข้อความภาษาอังกฤษเขียนด้วยหมึกสีเข้มราวกับจะสลักลงบนใจเขาเช่นกัน
'แด่ คาชาล โยซี
ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ทริปของเธอช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้ฉันมาก และคงมีแรงสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเข้ามา ฉันหวังสุดหัวใจว่าเทพพระอาทิตย์จะประทานพลังให้แก่เธอเช่นกัน สหายของฉัน
รัก ลิลลี่ มิตรของเธอ'
คำลงท้ายสั้นๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง เขารู้ว่าเธอเขียนตามมารยาท แต่ข้อความทั้งหมดต่างหากที่อ่อนหวานเหลือเกิน โดยเฉพาะประโยคที่เธอเอ่ยถึงเทพพระอาทิตย์...เทพผู้ประทานพลังให้แก่เธอและเขาบนหน้าผายามเช้าวันสุดท้ายนั่นเอง
เออนะ หมายความว่าเธอยังคงระลึกถึงเช้าวันนั้นเช่นเดียวกับเขาใช่หรือไม่ ใจชายหนุ่มพองโตคับอกทีเดียว
เธอฝากอะไรมาให้ใครอีกหรือเปล่า เขาถามผู้ส่งสารอย่างร้อนรน ไพล่นึกถึงบุตรของเม็งโพ หรือแม้กระทั่งน้องสาวตน
เขาปรารถนาให้ตนเป็นคนพิเศษหนึ่งเดียว เหมือนกับที่ความรู้สึกพิเศษในใจเขานี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายไหวไหล่ คาชาลจึงดึงร่างอ้วนกลมมากอดแนบแน่นทันที
เฮ้ย! ไอ้นี่ กระดูกข้าจะหักแล้วเว้ย รุ่นพี่ประท้วง พอๆ ข้าจะกลับไปดูนักท่องเที่ยวแล้ว คาชาล เจ้าต้องหัดควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้ ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างล้มเหลวกลางคัน
คำเตือนของวิคเตอร์ผ่านเข้าหูและทะลุออกไป ข้อความของเธอเปรียบดั่ง พลัง ให้เขามีแรงสู้กับอุปสรรคต่างๆ เช่นกัน
คาชาลกำลังประมาท เลินเล่อ เขาเหมือนคนหนุ่มไฟแรงทั่วไป ยามมีรักก็รักแรง ส่วนเรื่องงานก็เปี่ยมด้วยอุดมการณ์แรงกล้า หากความแรงนั้นก็เหมือนจรวดซึ่งยากต่อการควบคุม
แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 55 11:01:38
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเนา 55 10:42:01
|
|
|
|