ธาราริน ศิวกรณ์เงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ จนได้ยินเสียงน้ำดังมาจากนอกตัวคฤหาสน์ชัดเจนขึ้น สตรีสูงวัยหยุดชั่งใจชั่วครู่จึงตัดสินใจเดินไปตามทิศทางที่มาของเสียงนั้น แล้วท่านก็ถอนใจโล่งอก
อ้าว เล็กนั่นเอง ดึกดื่นป่านนี้นึกยังไงถึงลงมาว่ายน้ำคนเดียวล่ะลูก ธารารินเอ่ยถาม นั่งลงบนเก้าอี้ข้างสระน้ำ ซึ่งบุตรชายเกาะขอบสระลอยตัวผมลีบอยู่ไม่ห่าง
ผมนอนไม่หลับน่ะครับ เลยมาออกแรงสักหน่อย ศิราโหนบันไดสปริงตัวขึ้นจากสระ เดินมายังเก้าอี้ที่อยู่ข้างมารดาหยิบชุดคลุมสวม แล้วนั่งลง แล้วแม่ล่ะครับ ทำไมยังไม่นอน
รอพ่อเราน่ะสิ เห็นบอกว่าวันนี้มีงานเลี้ยง แม่ก็ลืมถามรายละเอียดว่าจะกลับกี่โมง ก็เลยนั่งคอยนี่ล่ะ ธารารินหันมาดึงลูกชายเข้าใกล้ แล้วหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาขยี้เช็ดผมให้เขาราวกับว่าศิราเพิ่งจะอายุห้าขวบอย่างไรอย่างนั้น!
แทนที่จะเบี่ยงตัวหลบ ชายหนุ่มกลับเลื่อนไปนั่งบนพื้นข้างๆ กันให้มารดาขยับมือสะดวกยิ่งขึ้น กิริยานุ่มนวลบอกชัดว่าคุ้นเคยที่จะออดอ้อนประจบผู้เป็นแม่เช่นนี้
ผมน่ะไม่เห็นจะเข้าใจเลย ว่าทำไมแม่ต้องอดตาหลับขับตานอนคอยจนพ่อกลับบ้านก่อน ถึงจะยอมขึ้นไปนอน คนของเราก็มีเยอะแยะ ใชว่าแม่จะต้องคอยเปิดประตูบ้านให้พ่อสักหน่อย ศิราบ่น
การทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก ไม่เคยเป็นเรื่องลำบากหรอกนะเล็ก
ศิราชะงักกับคำตอบของมารดา รักงั้นหรือ? แม่รักพ่อน่ะเขาไม่เถียง ส่วนเรื่องที่ใครต่อใครทั้งบ้านเมืองเชื่อกันว่าพ่อรักแม่เหลือเกินนั่น ก็ยากจะบิดเบือนเป็นอื่น
แต่แล้วความเชื่อมั่นของเขากลับต้องสั่นคลอนเมื่อเขาได้เห็นสายตาและกิริยาอาทรที่พ่อมีต่อสตรีอีกผู้หนึ่ง! ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า รัก ที่พ่อและแม่มี ความหมายตรงกันหรือไม่ และปริมาตรแห่งรักที่มีจะเท่าเทียมกันหรือเปล่า!
จู่ๆ ศิราก็นึกอยากรู้ขึ้นมา แม่ฮะ...สมัยนั้น พ่อกับแม่รักกันได้ยังไงเหรอฮะ?
อะไร ฟังพ่อเล่ามาตั้งหลายครั้งแล้ว ยังไม่เบื่ออีกหรือ
พ่อบอกแต่ว่าเห็นหน้าแม่ครั้งแรกก็รักเลย แต่ผมไม่เคยฟังแม่เล่าเลยนี่ฮะ ว่าแม่รู้ตัวว่ารักพ่อตอนไหน
ธารารินอมยิ้ม ดวงตาคู่งามที่บุตรชายถอดแบบไปไม่แผกเพี้ยนเหม่อลอยไปแสนไกลราวกำลังชลอเหตุการณ์ที่จำหลักอยู่ในหัวใจถ่ายทอดออกมาให้ศิราได้รับรู้
พ่อเล็กเขาไม่ใช่คนหล่อสะดุดตา แต่เขามีบุคลิกบางอย่างที่จับตาคน แม่ชอบบุคลิกของพ่อเขา ช่วงที่เขามาป้วนเปี้ยนที่คณะฯ รู้ไหมว่าพ่อเขาเป็นสิงห์ดำที่สาวบัญชีฯแอบมองกันเกรียวเลยนะ แม่ยอมรับว่าตัวเองก็แอบดูเขาอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นน่ะไม่รู้หรอกว่าพ่อมาปิ๊งใคร แต่พอเฉลยออกมา เพื่อนๆ แม่เขาเกรียวกราวกันน่าดู ธารารินกลั้นยิ้มเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ พ่อเขาเป็นคนมาดดีมาตั้งแต่ตอนหนุ่มๆ แล้ว ขนาดจะหยิบจับช้อนส้อมยังน่ามองเลย ต้องบอกว่าหลวงตาท่านอบรมคุณพ่อมาดี
แม่ไม่เข้าเรื่องเสียที ศิราบ่น
โอเคจ้า พ่อหนุ่มใจร้อน ถ้าถามแม่ว่ารักพ่อเขาตอนไหน แม่คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าให้บอกว่า รู้ตัว ซึ่งตอนนั้นก็รักไปแล้ว แม่ว่าก็คงจะเป็น...ตอนที่พ่อสารภาพรักกับแม่มั้ง
ศิรายู่หน้า ที่พ่อบอกว่าแม่ทำให้พ่ออยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ วัน เพื่อไม่ให้แม่ต้องผิดหวังที่เลือกพ่อนั่นน่ะหรือฮะ แม่เล่นเล่ารวบรัดตัดไปตอนจบแบบนี้ วัยรุ่นเซ็งเลยนะฮะนี่
อ๊าว! ก็แม่พูดจริงนี่นา ก่อนหน้านั้นแม่ไม่รู้หรอกว่าคิดอะไรกับพ่อหรือเปล่า แต่วันที่พ่อมาพูดกับแม่อย่างนั้น แม่กลับบอกตัวเองว่าพ่อไม่จำเป็นต้องดีกว่านี้เลย เพราะแค่ที่พ่อเป็นอยู่ตอนนั้น แม่ก็พอใจแล้ว เล็กต้องไม่ลืมสิว่าคุณตาทวดของลูกน่ะ ท่านถือยศถืออย่างยังกับอะไร กว่าพ่อจะฝ่าฟัน เอาชนะใจทั้งคุณตา ทั้งคุณตาทวดได้สำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่พ่อก็ทำได้ ศิราเสริมล้อเลียนมารดา
ธารารินตีแขนบุตรชาย เอ๊า! รู้อยู่แล้วยังจะมาแซวแม่อีก แม่ถึงบอกไง ว่าการอยู่ด้วยกัน บางครั้งแค่ความรักอาจจะไม่พอ แต่ถ้าเรามีศรัทธาในคนของเรา เราจะจับมือกันผ่านทุกเรื่องราวไปได้ แม่ภูมิใจนะที่แม่ไม่ได้เลือกคนผิด จะมีสักกี่คนที่จำได้ว่าท่านรัฐมนตรีคีรีที่คนนับหน้าถือตากันทั้งเมือง ที่จริงแล้วเริ่มต้นจากการเป็นแค่เด็กวัดจนๆ คนหนึ่งเท่านั้น มีเพียงแค่หลวงตาที่คอยอบรมสั่งสอน ไม่รู้จักพ่อแม่ตัวเองเสียด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้แม่ภูมิใจ ไม่ใช่การเป็นคุณหญิงธาราริน อย่างที่พ่อเขาพยายามไขว่คว้ามาให้หรอกนะ แต่แม่ปลื้มใจที่ผู้ชายคนหนึ่งมองเห็นความรักของแม่ และเขาเองก็รักแม่มากพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อแม่ และไม่ยอมให้แม่น้อยหน้าใครเลยเด็ดขาด
ใครที่แม่ว่า หมายถึงคุณป้าอภิญญาหรือครับ ศิราอ้างถึงมารดาของชนวีร์ ณัฐภัทร พี่สาวของธาราริน เพราะสมัยสาวๆ อภิญญานั้นแต่งงานไปกับบุตรชายคนเดียวของตระกูลณัฐภัทร แม้จะโชคร้ายที่สามีของอภิญญาเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม ทิ้งภรรยาสาวและบุตรชายสองคนเอาไว้เบื้องหลัง แต่ก็ต้องบอกว่าตลอดชีวิตของผู้เป็นป้ามีขวากหนามให้ฝ่าฟันน้อยมาก และจนบัดนี้ณัฐภัทรคอร์ปอเรชั่นภายใต้การบริหารของชนวีร์ ก็สยายปีกธุรกิจจนกลายเป็นสถาบันการเงินติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ขณะที่ภูมิ ณัฐภัทร บุตรชายคนเล็กของอภิญญาบัดนี้ก็เติบโตในหน้าที่การงาน เป็นถึงเลขานุการโท ประจำคณะทูตถาวรของสหประชาชาติ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์!
ต่างจากธารารินผู้เป็นน้องที่แม้จะมีชายหนุ่มฐานะดีมาหมายปองมากมาย แต่สุดท้ายเธอกลับเลือกความรักมากกว่าความเหมาะสม ด้วยการตกลงใจรับรักผู้ชายที่ไม่มีอะไรทัดเทียมกันเลย หลังการแต่งงานที่จัดแบบเล็กๆ และเรียบง่ายมีเฉพาะญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวฝ่ายหญิง คุณหนูผู้เพียบพร้อมก็ต้องย้ายตามสามีซึ่งถูกส่งไปเป็นปลัดหนุ่มที่ต่างจังหวัด
อาจเพราะคำมั่นที่คีรีมีต่อสตรีผู้เป็นที่รัก เขาจึงกัดฟันสร้างเนื้อสร้างตัวมาตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากงานหลวงแล้ว เขายังเก็บหอมรอมริบกู้เงินมาซื้อบ้านเก่าๆ ริมทะเลปรับปรุงเป็นบ้านพักตากอากาศเปิดให้เช่า ลองผิดลองถูกจนกิจการค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดคีรีก็มีทุนมากพอที่จะสร้างโรงแรมคีรีธาราแห่งแรก ณ หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี!
จากปลัดหนุ่มอนาคตไกล คีรีลาออกจากราชการ หันมาทำธุรกิจโรงแรมอย่างจริงจัง และขยายขนาดการลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนคีรีธาราเปิดสาขาใหม่ตามจังหวัดต่างๆ และกลายมาเป็นรีสอร์ตแอนด์สปาที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก เปลี่ยนเด็กวัดไร้สกุลให้กลายมาเป็นเศรษฐีใหญ่ที่เชิดหน้าในวงสังคมได้โดยไม่อายใคร
ท้ายที่สุดเขาผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองพร้อมทั้งตั้งธงว่าจะนำสิ่งที่อภิญญาไม่มี มาให้กับภรรยาผู้เป็นที่รักให้ได้...ตำแหน่งคุณหญิง!
ในวันนี้คุณหญิงธาราริน ศิวกรณ์จึงไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจเลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาตลอดเกือบสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้ประจักษ์แล้วว่าความรักมีพลานุภาพเปลี่ยนคนหนึ่งคนได้มากมายและยิ่งใหญ่เพียงใด
แม่ว่าลึกๆ พ่อเขาคงเอาคุณป้าเป็นหลักชัย แล้วก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่มีและเป็นไม่น้อยหน้าคุณป้าท่าน แต่สำหรับแม่แล้ว...แค่การได้รับความรักจากพ่อตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ แม่ว่านั่นแหละ...สิ่งที่แม่ต้องการมากที่สุด และต่อให้แม่ต้องมีทุกอย่างด้อยกว่าคุณป้าเพื่อแลกกับความรักที่ยิ่งใหญ่นั้น แม่ก็ยอมรับกับมันได้
ชีวิตรักของพ่อและแม่ที่ฟังมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ให้อย่างไรก็น่าซาบซึ้งเสียจนศิราทำใจให้เชื่อไม่ได้เลย ว่าวันหนึ่งคีรีที่รักภรรยาของตัวเองที่สุดจะไขว้เขวไปกับสตรีอายุรุ่นราวคราวลูกได้เฉกนั้น!
แม่เคยกลัวบ้างไหมฮะว่าพ่อจะ...เอ้อ...นอกใจแม่น่ะ ศิราพยายามทำเสียงสบายๆ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่สบายใจเลยสักนิด!
พ่อเล็กน่ะเหรอจะนอกใจแม่ เรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด แม่มั่นใจ
อะไรกันครับแม่ แม่ไว้ใจผู้ชายได้ยังไง ขนาดผมยังไม่ไว้ใจตัวเองเลยนะ ศิราแกล้งกระเซ้า ทั้งที่ลึกๆ กำลังหาวิธีพูดเพราะอยากให้มารดาได้เริ่มเตรียมใจไว้บ้าง
แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกเล็กยังไง สำหรับแม่...เมื่อแม่เลือกพ่อในวันนั้นแล้ว แม่ก็ต้องอยู่กับการตัดสินใจนั้นของตัวเอง ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าไว้วาง ยอมรับและเชื่อมั่นในตัวคนของเรา การหวาดระแวงไปไม่ได้ทำให้ความรักเติบโตได้เลย แม่จึงเลือกที่จะรักด้วยหัวใจและความเชื่อใจทั้งหมด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่สิ่งเหล่านั้นหมดไป ต่อให้รักแค่ไหน...ก็ไร้ค่า
ผมอยากรู้จักความรักอย่างที่แม่กับพ่อมีให้กันจัง
เล็ก...มีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า ธารารินช้อนค้างลูกชาย บังคับให้เขาเงยขึ้นสบตาเธอ
ทำไมแม่ถามอย่างนั้นล่ะครับ
ก็... สตรีสูงวัยบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะวางของใกล้ๆ กับเก้าอี้ริมสระ ระหว่างที่เราคุยกันนี้แม่เห็นเล็กชำเลืองไปทางโทรศัพท์ที่วางอยู่บนนั้นตั้งหลายรอบแล้ว กำลังรอสายคนสำคัญอยู่หรือเปล่าจ๊ะ
ศิราอึ้ง รีบปฏิเสธพัลวัน ผมเปล่าสักหน่อยนะฮะ แม่ใส่ความผมแล้ว
เล็กว่าไม่...แม่ก็ไม่เซ้าซี้ล่ะ ปลายประโยคตวัดเสียงนิดๆ
แม่...อย่างอนนะ ผมไม่ได้ปิดบังอะไรแม่จริงๆ ศิรารีบประโลม แล้วกระมิดกระเมี้ยนอธิบายต่อ คือ...พ่อวานให้ผมช่วยงานนิดหน่อยน่ะฮะ ผมก็เลยต้อง...เอ้อ...ติดตามผล
ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้โกหกมารดาจริงๆ นะ ก็คีรีขอให้เขาคุ้มกันอันดามันนี่นา ในเมื่อตอนนี้เธอคือคนในความคุ้มครองของเขา การที่เธอยังไม่โทร.มาบอกว่ากลับถึงบ้านแล้ว ก็เป็นเหตุสมควรที่เขาจะต้องเป็นห่วงมิใช่หรือ?
ศิราชะงัก เดี๋ยวนะ! เป็นห่วงงั้นเหรอ? เขาเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงกัน ไม่ใช่แล้ว ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!
เอ้อ...ตรงนี้ชักจะยุงเยอะ ผมว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะครับแม่ ศิราลุกขึ้นขยับเข้ามาพยุงมารดาอย่างกระฉับกระเฉงแทนการเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเข้ามาในตัวคฤหาสน์ สองแม่ลูกจึงพบว่าคีรีเพิ่งจะผ่านประตูใหญ่เข้ามาภายในเช่นกัน
คุณริน ขอโทษที ผมกลับดึกไปหน่อย รัฐมนตรีอาวุโสเอ่ยเป็นคำแรก ทั้งยังปรี่เข้ามาหาภรรยา และก้มลงจูบแก้มเธอเป็นการทักทายตามธรรมเนียมอีกด้วย
วันนี้เหนื่อยไหมคะ ธารารินตบท่อนแขนบุตรชายเบาๆ เพื่อให้เขาปล่อยมือ จากนั้นสุภาพสตรีคนเดียวในที่นั้นจึงขยับเข้าไปช่วยสามีถอดเสื้อสูทออกอย่างเอาใจ
เห็นหน้าคุณก็หายเหนื่อยแล้ว คีรีหยอด แล้วหันมาทางศิรา ชี้ชุดคลุมผ้าขนหนูของเขา ว่าไงเจ้าเล็ก นี่อย่าบอกนะว่าลุกขึ้นมาว่ายน้ำตอนใกล้เที่ยงคืนอย่างนี้น่ะ
พ่อกลับดึกจัง แม่คอยซะเกือบหลับแน่ะ มีงานเลี้ยงอะไรกันหรือครับ ศิราไม่ตอบโต้ แต่มุ่งสู่ประเด็นที่ตนเองสนใจ
ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก แค่นัดหารือเรื่องงานประมูลกันนิดหน่อย
กับพวกผู้ประกวดราคาหรือครับ ศิราคาด เพราะบริษัทฟิวเจอร์เทคโนโลยีเองก็จัดเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ประกวดราคาเช่นกัน!
ก็ด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ คีรีตอบส่งๆ ไม่ใส่ใจ ดึกแล้ว ไว้คุยกันพรุ่งนี้นะเล็ก ไป! คุณริน ผมพาคุณขึ้นไปนอนดีกว่า
ธารารินยิ้มบางๆ เมื่อสามีเข้ามาโอบเอวอย่างทุกครั้ง เธอหันไปบอกราตรีสวัสดิ์กับบุตรชายแล้วยอมเกี่ยวก้อยคล้องแขนคู่ชีวิตขึ้นชั้นบนเพื่อไปพักผ่อนแต่โดยดี
ศิรามองตามไปด้วยอารมณ์บูดบึ้ง มือล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอีกครั้ง เพื่อจะพบว่าหน้าจอยังคงว่างเปล่า
ชายหนุ่มไม่หยุดใช้เวลาหาคำตอบให้ตนเองด้วยซ้ำว่าความหงุดหงิดของเขาเกิดจากสาเหตุใด ระหว่างการไม่ได้ยินข่าวคราวจากอันดามันตามที่ควรเป็น หรือเป็นเพราะเขาเพิ่งรู้ตัวว่าไม่เคยกังวลห่วงใยใครอย่างนี้มาก่อนเลยกันแน่
จากคุณ |
:
สิริณ (แม่มณี)
|
เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 55 00:47:04
|
|
|
|