หัวใจก้นครัว ๓๘-๓๙-๔๐ (แก้ไขใหม่)
|
 |
บทที่ ๓๘ รถกระบะแบบสี่ประตูที่บรรทุกลังใส่ผลไม้และดอกไม้อยู่เต็มด้านหลัง วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าเรือนพักไม้สักแบบชั้นเดียว เจ้าของบ้านออกมายืนโบกมือต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม ให้กับคนขับคือ พายุ มีเปียโนนั่งอยู่ตอนหน้า ด้านหลังยังมี ดีใจกับหนูนา ก่อนจะเข้าไปช่วยขนข้าวของที่เตรียมมาทันที เมื่อรถจอดสนิทแล้ว มาเลย เอาของมาวางไว้ตรงนี้มุมบ้านนี้ก่อน หน้าบ้านเราไม่มีแดดหรอก วางทิ้งไว้ได้เลย เข้ามานั่งกินข้าวกลางวันกันที่หลังบ้านดีกว่านะ รักษภูมิ บอกพลางเดินนำแขกที่มาเยือนเข้าไปในตัวบ้านพักของเขา เพื่อทะลุไปยังบริเวณด้านหลังบ้าน เมื่อเดินเข้าไปด้านในของเรือนไม้สัก ที่ข้างในตัวบ้านปลูกไว้อย่างโปร่ง ครึ่งหนึ่งของตัวบ้านด้านซ้ายมือ ถูกแบ่งเป็นส่วนรับแขก มีเฟอร์นิเจอร์สีอ่อนเข้าชุดกันวางไว้ ติดกับผนังบ้านด้านในสุด มีโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ตั้งอยู่ ด้านบนมีกรอบรูปหลายขนาด แต่วางจัดเป็นแนวระนาบเดียวกันได้อย่างลงตัว ส่วนทางด้านขวา เป็นประตูไม้สักทั้งบานที่คาดว่าเป็นห้องนอนของชายหนุ่ม และถัดมาเป็นประตูห้องน้ำที่สามารถเปิดทะลุจาก ทั้งด้านนอกและด้านในห้องนอนของรักษภูมิได้ด้วย ทันทีที่ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ถูกเปิดออกกว้าง สายลมก็พัดโกรกมาให้เย็นสดชื่น ลานกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มเข้ากันกับตัวบ้าน ปูยาวไปจนสุดที่ขอบบึงบัวขนาดไม่ใหญ่นัก มีสวนดอกไม้และพืชสวนครัว ปลูกอยู่เป็นหย่อมล้อมรอบอย่างเป็นระเบียบ เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่ ที่โต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มีเก้าอี้เข้าชุดกันวางโดยรอบ เด็กรับใช้ในบ้านก็นำน้ำเก๊กฮวยใส่น้ำแข็งเย็นเฉียบ มาตั้งตรงหน้าทุกคนอย่างรู้งาน ไม่นานนัก ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อสับรสเด็ดฝีมือเจ้าบ้านก็ถูกนำมาเสิร์ฟอีกเช่นกัน หลังจากที่ทุกคนจัดการอาหารกลางวันตรงหน้าเรียบร้อย รักษภูมิเอ่ยออกมาว่า อย่าเพิ่งอิ่มนะ เราเตรียมเค้กช็อกโกแล็ตหน้านิ่ม ฝีมือเรา เอาไว้ทุกคนกินด้วยนะ โห! ไม่ยักรู้ว่านายก็ทำเค้กเป็นกะเขาด้วย ดีใจ อุทานออกมาอย่างทึ่งในตัวชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ก้อ...แบบมือสมัครเล่นนะ ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกนะ ถ้าเอาไปเปรียบกับระดับประกาศนียบัตรขั้นสูง จากเมืองนอก อย่างเปียโนเขาอ่ะ รักษภูมิออกตัวแก้เก้อที่ถูกชม อะไรกัน พี่รัก อยู่ดีๆมาแซวกันซะงั้น อย่างงี้ ต้องขอชิมฝีมือซะแล้วซี เด็กสาวแซวกลับบ้าง เค้กช็อคโกแล็ตแช่เย็นจัด ถูกนำมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่รักษภูมิจะค่อยบรรจงตัดออกเป็นชิ้น แล้วจัดใส่จานส่งให้จนครบคน ดีใจ ค่อยๆตักเค้กรูปทรงสามเหลี่ยมตรงหน้าเข้าปากอย่างช้าๆ หน้าช็อคโกแล็ตนุ่มลิ้น ไม่หวานจัด มีกลิ่นหอมของช็อคโกแล็ตที่เข้ากันกับเนื้อเค้กแบบสปอนจ์สีเข้ม จนละลายหายเข้าไปในปากอย่างไม่รู้ตัว เมื่อหันไปมองทุกคนรอบๆกาย ล้วนแสดงออกมาไม่ต่างจากเขาด้วยเช่นกัน จู่ๆดีใจก็เกิดความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมา จนเขาต้องเอ่ยปากออกมาอย่างที่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเขาเองจะมีความถามแบบนี้มาก่อน เค้กอร่อยมากเลยอ่ะ รัก นายสอนเราบ้างได้ไหม? ได้สิ เอาไว้เรียนจบก่อนดีไหม เราคงมีเวลาเหลือพอให้ได้ทำอะไรๆสนุกกัน รักษภูมิ ตอบอย่างอารมณ์ดี ที่เห็นว่าทุกคนพากันชื่นชอบในฝีมือทำเค้กของเขา งั้น พี่รัก พาพวกเราไปดูห้องทำขนมของพี่หน่อยได้ไหมล่ะ อยากเห็นจัง หนูนา เอ่ยปากอ้อน รักษภูมิ พาทุกคนเดินไปยังห้องกระจกที่กั้นอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะที่ทุกคนนั่งรับประทานอาหารกลางวัน ผ่านตู้เย็นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมด้านข้างของห้อง ที่เอาไว้เก็บของที่จำเป็นต้องแช่เย็น หรือนำเค้กที่ทำเสร็จแล้วมาแช่เย็นให้อยู่ตัว ส่วนภายในห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ใหญ่จนเกินไปนัก ด้านในสุดมีเครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้เพื่อให้อุณภูมิในห้องเย็นคงที่ ซึ่งจำเป็นต่อการทำเบเกอรี่ในบางชนิด ถัดมาเป็นโต๊ะสเตนเลสขนาดยาว มีเครื่องตีแป้งวางอยู่ที่ริมโต๊ะ ชั้นสำหรับใส่ข้าวของเช่นเครื่องชั่งน้ำหนัก หรือแป้ง น้ำตาล ฯลฯ ซึ่งถูกบรรจุไว้ในกล่องพลาสติกและเขียนชื่อติดไว้อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็มาสุดที่มุมห้องติดกับประตูคือก๊อกน้ำและอ่างน้ำสเตนเลสอย่างดีที่เอาไว้ทำความสะอาด ตรงข้ามเป็นชั้นแบบเข็นได้ที่ด้านบนมีเตาอบอเนกประสงค์ขนาดพอเหมาะวางอยู่ โห! เจ๋งว่ะ รัก ดีใจอุทานอย่างตกตะลึงพรึงเพริด สุโค่ยเลย! พายุเสริมเสียงหลง มืออาชีพมากๆ เอาไว้สอนเบอเกอรี่แบบโฮมเมดได้เลยนะเนี่ย เปียโน รำพึงออกมาอย่างทึ่งเช่นกัน เราว่า ไม่ใช่มือสมัครเล่นธรรมดาแล้วนะเนี่ย พี่รัก หนูนา บอกพลางเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปลูบๆคลำๆ เครื่องตีแป้งรุ่นใหม่ที่ตั้งอยู่อย่างชื่นชม เอางี้ ก่อนสอบปฏิบัติ มาใช้ครัวบ้านเราอีกก็ได้นะ ยินดีเสมอ แต่ตอนนี้ เราคงต้องกลับไปนั่งประชุมเรื่องสอบจัดดอกไม้วันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย เวลาเหลืออีกไม่มากแล้วนะ พวกเรา รักษภูมิตัดบท ก่อนที่จะเสียเวลากับการชื่นชมห้องทำขนมของเขา ทั้งที่ในใจก็แอบปลื้มอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
จากนั้นทุกคนก็พากันย้ายมานั่งประชุมกันที่หน้าบ้าน หนูนากับเปียโน นั่งเล่นบนเก้าอี้ชิงช้าไม้ที่แกว่งไปมาอย่างช้าๆ มองดู ดีใจ รักษภูมิและพายุ ที่ช่วยกันร่างแบบ บนโต๊ะไม้สักที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
จนรถตู้คันใหญ่สีขาวรุ่นใหม่เอี่ยมที่วิ่งมาตามทาง มาจอดต่อจากรถกระบะของพายุ สิตาก็เดินเข้ามาสมทบทุกคนที่หน้าเรือนพักของรักษภูมิอย่างอารมณ์ดี วันนี้หญิงสาวแต่งหน้าแต่งตัวสวยเต็มที่ เนื่องจากหล่อนเพิ่งไปให้สัมภาษณ์กับรายวิทยุและรายการเพลงทางโทรทัศน์ เพื่อแนะนำเพลงเปิดตัวของหล่อนนั่นเอง
เนื้อย เหนื่อย ทำงานนั้ก หนัก ยังไม่ได้พักตั้งแต่เช้าเลยนะเนี่ย สิตา เดินบ่นมาแต่ไกล จนมาถึงที่ที่ทุกคนนั่งอยู่ หล่อนจึงยืนเท้าสะเอวแล้วชะโงกลงมองแบบบนโต๊ะตัวเตี้ยที่ดีใจร่างเสร็จพอดี แล้วพูดต่อไปว่า เออ เข้าท่าแฮะ สวยดีนี่ แล้วแบ่งงานกันหรือยังละเนี่ย?
ทุกคนที่ตอนแรกทำเป็นไม่สนใจหล่อน ก็หันมองหน้ากัน ก่อนที่จะพากันหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างชอบใจ ปล่อยให้สิตามองคนนั้นที มองคนนั้นที อย่างไม่เข้าใจท่าทีเหล่านั้น
เราพนันกันไว้ว่า ถ้าสิตามาถึง จะบ่นคำว่าอะไรออกมาก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเปียโนจะทายถูกเผงเลย สมกับเป็นน้องรักของสิตาเลยนะ ดีใจ เฉลยทั้งที่ยังหัวเราะกิ๊กอยู่ จนสิตา ต้องหันไปค้อนใส่เปียโนอย่างเก้อเขิน ก่อนจะบ่นอุบ
บ้าจริง อะไรก็ไม่รู้พวกนี่ มาหาเรื่องจับผิดเค้าอยู่ได้ ก็ขอบ่นบ้าง อะไรบ้าง จะได้ไหมล่ะ อุตส่าห์ทำตัวเรียบร้อยน่ารักในฐานะศิลปินมาเกือบทั้งวันแล้ว ถ้าไม่รักกันจริง ไม่ได้เห็นอย่างนี้หรอกนะ ทุกคนพากันมาโอ๋ สิตา จนหญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นอีกครั้งแล้ว จึงเริ่มการประชุม วางแผนการจัดดอกไม้และผลไม้แกะสลักที่จะทำการสอบในวันรุ่งขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
กลุ่มของสิตา ออกแบบการจัดดอกไม้ให้เป็นลักษณะของซุ้ม ที่ใช้เถาวัลย์พันให้เป็นรูปทรงโค้ง ก่อนจะพันทับด้วยเฟิร์นหลากชนิดจนเป็นสีเขียวทั้งโครง ด้านบนถูกแขวนด้วยดอกไม้สดและดอกไม้แกะสลักประดับเป็นลูกบอลทรงกลม ถัดลงมา มีกิ่งไม้ยื่นออกมาด้านละข้าง สำหรับวางนกพิราบแกะสลักจากเผือก หนึ่งคู่ ด้านหลังของซุ้ม เป็นการจัดวางด้วยผลไม้แกะสลักลายวิจิตร จัดวางตามตำแหน่งต่างระดับกัน จำนวนสิบจุด และยังมีดอกไม้สดและดอกไม้แกะสลัก ใบไม้ชนิดต่างๆวางแซมเสริมไปจนเต็ม สิตากับเปียโน ถูกมอบหมายงานให้รับผิดชอบหน้าที่ แกะสลักผลไม้ ได้แก่ แตงโม แคนตาลูป เมลอนสีเขียว มะละกอ ตามถนัด คนละ ห้าลูก ส่วนหนูนาและรักษภูมิ ดูแลเรื่องของการจัด ปัก ดอกไม้สด ดอกไม้แกะสลัก รวมถึงใบไม้สด ส่วนดีใจกับพายุ จัดการเรื่องการจัดวางโครงเถาวัลย์ และโอเอซิส ตามตำแหน่งต่างๆที่กำหนดไว้ ซึ่งทั้งหมดมีเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น การซ้อมปฏิบัติ ได้มีการจับเวลาเหมือกับการสอบจริง ซึ่งทุกคนต่างก็ขะมักเขม้น ตามหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย จนเสียงกริ่งของนาฬิกาปลุกที่จับเวลาไว้ ดังเตือนขึ้นทุกคนจึงวางมือ เพื่อที่จะใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการจัดวางตกแต่งให้เสร็จเรียบร้อยตามแบบ สิ้นเสียงกริ่งที่ดังขึ้น สิตา ก็โวยวายออกมาเสียงดังว่า โอ๊ย! ตายแล้ว ทำไม่ทันอ่ะ ทำได้แค่ สี่อันเอง ทำไงดีล่ะ? รักษภูมิ เดินมาดูแล้วก็บุ้ยใบ้ไปทางเปียโนที่นั่งอยู่อีกมุมของบ้าน แล้วแย้งเสียงอ่อยออกมา แต่เปียโน ทำทันนะ ห้าลูก แล้วลายก็ยากกว่าของเธออีกนะ สิตา แหม...ก็ทักษะคนเรามันไม่เท่ากันนี่นา มือคนนะจ๊ะ ไม่ใช่เครื่องจักร สิตา เถียงเสียงอ่อยเช่นกัน แต่ในก็ชักจะเริ่มหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน จึงเสนอความคิดเห็นออกมาว่า เอางี้สิ! ก็เอาของเปียโน ห้าอัน เอาของสิตา สี่อัน ได้ไหมล่ะ มันทำไม่ทันจริงๆนะ ดีใจ ว่า ไม่ได้หรอก มันก็ไม่สมดุลกันสิ สองข้างมันต้องเท่ากัน งั้นก็แกะแค่คนละสี่ลูกพอไหมคะ ดีเหมือนกัน เวลาที่เหลือ เปียโนจะได้ไปช่วยพี่รักกับพี่หนูนา จัดดอกไม้ เปียโน พยายามไกล่เกลี่ยอย่างอารมณ์ดี ฮูเร้! ไชโย้! เปียโน น่ารักที่สุดในโลกเลย เดี๋ยว สิตาจะพาไปเลี้ยง ไอติมดีไหม ไปกันเฉพาะผู้หญิงนะ ผู้ชายไม่เกี่ยว! สิตาแกล้งเน้นคำใส่ ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอเห็นดีใจ พายุและรักษภูมิ ทำหน้าเซ็ง หล่อนจึงรีบบอก อ้ะ..อ้ะ ล้อเล่นน่า พาไปกินกันหมดทุกคน ไม่ต้องเสียใจไป สหาย แต่กว่าจะได้ออกไปกินไอศกรีมตามที่ตั้งใจไว้ ก็ต้องใช้เวลาอีกกว่าชั่วโมง เพราะทุกคนช่วยกันแกะสลักดอกไม้ชนิดต่างๆจากฟักทอง หัวไช้เท้า แครอท เพื่อเก็บไว้ใช้สำหรับการสอบในวันรุ่งขึ้นอีกจำนวนมาก จนครบตามที่ออกแบบไว้นั่นเอง บรรยากาศของการสอบปฏิบัติในวันต่อมา เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ภัทร จัดให้มีการสอบที่บริเวณมุมด้านซ้ายสุดของลานหินอ่อนที่ริมแม่น้ำ ติดกับโป๊ะที่ไว้ใช้รับส่งลูกค้าที่โดยสารมาจากทางเรือของโรงแรม ช่วงเวลาของการสอบและการตัดสิน จะเริ่มในช่วงบ่ายที่เป็นเวลาปิดพักให้บริการและคาบเกี่ยวไปจนถึงเวลาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงเย็นของไทยทัศน์ เพราะภัทรตั้งใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการลงคะแนนตัดสินผลงานของนักเรียนด้วยเช่นกัน อากาศในวันนี้ ร่มเย็น แดดไม่ร้อนจนเกินไปนัก มีสายลมพัดมาจากโชยเอื่อยมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ปุยเมฆสีขาวลอยไปมากระจายเต็มท้องฟ้าสีสดใส แต่ในเวลานี้ กลุ่มของสิตานั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกกระสับกระส่าย เนื่องจากความกดดัน เพราะนี่คือการสอบปฏิบัติครั้งแรกของพวกเขา ทันทีที่ภัทรประกาศจับเวลาให้เริ่มมีการสอบ พายุ หนุ่มร่างยักษ์ในกุ๊ก เรียกให้ ดีใจ รักษภูมิ หนูนา เปียโน และสิตา เดินเข้าไปรวมตัวกันที่หน้าซุ้มที่จัดไว้สำหรับทำการสอบ เขาบอกให้ทุกคนที่ยืนล้อมกันเป็นวงกลมอยู่นั้น ยื่นมือไปทับกันที่ตรงกลางวง ซึ่งทุกคนก็ทำตามที่เขาสั่งอย่างงงๆ จนเขาวางมืออวบอูมอยู่ด้านบน แล้วพูดด้วยเสียงเอาการเอางานแบบ ในซีรี่ย์ญี่ปุ่นที่เขาชอบนำมาเล่าให้ทุกคนฟัง เรามาพยายามด้วยกันนะ! Fighting! เมื่อได้ยินคำนั้น ทุกคนพากันมองหน้ากันอย่างเหรอหรา ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตา กลั้นหัวเราะกับท่าทีของหนุ่มร่างยักษ์ไม่ได้ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่ตนได้ซักซ้อมไว้แล้ว ภัทร คอยเดินมาบอกเวลาที่เหลืออยู่เป็นระยะๆ สลับกับการเดินให้กำลังใจ แต่สำหรับสิตาแล้ว หล่อนคิดว่า ภัทรเดินมาดูให้ทุกคนรู้สึกกดดันเสียมากกว่า อีกทั้ง คุณบุปผาชาติ อาจารย์ผู้สอนและเชฟท่านอื่น ก็วนเวียนมาดูเป็นระยะเช่นกัน เหลือเวลาอีก ห้านาที ภัทรประกาศออกไมโครโฟนเสียงดัง จนทุกคนที่กำลังช่วยกันรุมตกแต่งผลงานอยู่นั้น ลนลานไปกันใหญ่ ก่อนจะรีบวางมือ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น ภัทร ปล่อยให้นักเรียนทุกคนไปรับประทานของว่าง และพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นเวลาสิบห้านาที ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่หน้าผลงาน ต่อหน้าคณะกรรมการเพื่อพรีเซ้นต์ด้วยปากเปล่าอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเวลาพักหมดลง สิตา หนูนา เปียโน ดีใจ พายุ และรักษภูมิ ก็กลับมาประจำที่ผลงานของตน ก่อนที่จะได้พบกับคณะกรรมการที่จะมาตัดสิน อันได้แก่ ภัทร คุณบุปผาชาติ คุณรพี พัชริดา ผู้จัดการโรงเรียน และแขกสุดวีไอพี นั่นคือ มิสเตอร์เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการโรงแรมประจำเครือของประเทศฮ่องกง ที่มาประชุมที่เมืองไทยพอดี Gorgeous! สวยมาก วิจิตรบรรจงสุดๆ คุณช้อบ ชอบ คุณรพี อุทานเสียงดัง เมื่อมาตรวจผลงานของกลุ่มสิตา ดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบเพชรเกลือกขึ้นลงไปมาอย่างถูกใจ ก่อนจะปรบมือให้กำลังใจสิตาและเพื่อนอย่างออกนอกหน้านอกตาอีกครั้ง แล้วหันไปพูดภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์เฮนรี่อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะหันมาฟัง รักษภูมิ ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มพรีเซ้นต์แนวความคิดของผลงานว่า ผลงานของกลุ่มเรา ใช้ชื่อว่า โลกแห่งความสุข ลูกโลกด้านบนที่ประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้สดและดอกไม้แกะสลักนั้น หมายถึง โลกที่อุดมสมบูรณ์ ส่วนนกสองตัวที่เกาะกิ่งไม้อยู่สองข้างนั้น เมื่อโลกอุดมสมบูรณ์ สัตว์ทั้งหลายก็พากันมาอาศัย เพื่อให้ธรรมชาติเจริญสืบไป ส่วนผลไม้แกะสลักที่วางเรียงสลับ ลดหลั่นกันไปมานั้น แสดงถึง...เอ่อ... รักษภูมิ อธิบายต่อไม่ถูกเพราะเขาตื่นเต้นจนเกินไป ความโชคดี ค่ะ เพราะเลขแปด ในความหมายของชาวจีน คือความโชคดี ใครที่ได้มาถ่ายรูปกับซุ้มผลไม้แปดแบบของเรา จะมีความโชคดีติดตัวไปตลอดปีเลยทีเดียวค่า... สิตา อธิบายต่อไปอย่างทันควัน หล่อนยิ้มแย้มไปด้วยขณะที่พรีเซ้นต์ จนคณะกรรมการไม่ได้เอะใจว่ามันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกันเลย ทุกคนที่ยืนล้อมผลงานของกลุ่มตนนั้น ต่างระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ เมื่อคณะกรรมการเดินไปตัดสินผลงานของกลุ่มอื่นแล้ว แต่ก็อดหัวเราะให้กันไม่ได้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่สิตาด้นสดออกไปเมื่อครู่นี้ ไม่นานนัก คณะกรรมการก็ประชุมกันเพื่อลงคะแนนตัดสิน โดยให้มิสเตอร์เฮนรี่ประกาศ ในฐานะกรรมการกิตติมศักดิ์ เขาประกาศออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า สำหรับกลุ่มที่ได้ รางวัลที่หนึ่ง ที่จะได้รับการถ่ายรูปผลงานเพื่อตีพิมพ์เป็นโปสการ์ดสำหรับส่งในเทศกาลปีใหม่ของโรงแรมในเครือทั่วโลกของเรา ได้แก่ กลุ่มที่ ใช้ชื่อ ผลงานว่า...โลกแห่งความสุข ครับ! ขณะที่สิตาและเพื่อนๆในกลุ่มยังคงตกตะลึงอยู่ เขาถือไมโครโฟนมาชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่ใช้ตัดสินต่อไปอีกว่า ในความเชื่อของเราชาวจีน เลข หนึ่ง เลข สอง และเลข แปด ต่างมีความหมายที่เป็นมงคล ต่อชีวิต การที่มีสัญลักษณ์ตามจำนวนเลขมงคลตามที่กล่าวมาอยู่ในรูปถ่ายนั้น ปีใหม่ของคุณจะเป็นปีใหม่ที่ดีไปตลอดดีแน่นอน สิตา ที่เป็นตัวแทนขึ้นไปรับรางวัลจากมิสเตอร์เฮนรี่นั้น หันไปมองทุกคนในกลุ่มด้านล่าง เป็นเชิงว่า
เห็นมะ? ชั้นไม่ได้มั่วนะ! การสอบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สิตาและเพื่อนในกลุ่ม รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ต่างตกลงใจกันว่าจะไปฉลองสอบเสร็จที่ร้านส้มตำเจ้าประจำ สิตาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนใครเพื่อน เดินไปดื่มน้ำที่แคนทีน ก่อนที่จะไปสมทบกันที่ลานจอดรถ
ระหว่างเดินผ่านกำแพงต้นพู่ระหงที่ปลูกไว้ตามแนวทางเดินนั้น ภัทรก็เดินมาเรียกหล่อนตามหลัง ซึ่งขณะนั้น มีเพียงแค่ภัทรและสิตาเพียงลำพังเท่านั้น
จะกลับแล้วเหรอครับ เป็นยังไงบ้าง นานๆจะได้เจอกิ๊กเก่า ดีใจไหมครับ? ภัทรเอ่ยขึ้นขณะที่เดินไปหา หญิงสาวที่หยุดรอเขา สิตา ยิ้มหวานให้เขาอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบอย่างที่ภัทรฟังแล้วรู้สึกแขยงว่า ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ไม่พูดเสียยังดีกว่านะคะเชฟ แล้วหล่อนก็หันก็เดินหันกลับไปตามทางเดินทันที ภัทร ฉุดที่ข้อศอกของสิตาเบาๆ แล้วรีบบอก ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าพอเห็นคุณกับตาเฒ่าหัวงูนั่นทีไร มันอดคันปากไม่ได้เสียทุกที เมื่อเห็นหญิงสาวหยุดแล้วหันกลับมามองเขาด้วยนัยน์ตาแป๋ว อย่างที่หล่อนชอบทำ ชายหนุ่มก็รู้สึกเขินอายจนต้องพูดอย่างอึกอักว่า ผมอยากมาแสดงความยินดีกับคุณจริงๆนะครับ วันนี้ คุณเก่งมาก ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่นด้วยความเขินอายอีกครั้ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าบอกเรื่องที่ตั้งใจออกไป ผมจะต้องไปทำฟู้ดโปรโมชั่นที่แอฟริกาใต้ เจ็ดวัน จะต้องออกเดินทางในคืนนี้ตอนเที่ยงคืน คุณจะคิดถึงผมบ้างไหม สิตา? สิตา ไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้มให้กำลังใจอย่างที่หล่อนชอบทำให้ภัทรเห็นเสมอ หล่อนนึกเห็นใจในตัวเชฟหนุ่ม ทั้งๆที่ เขาจะต้องเดินทางไปทำงานไกลถึงอีกทวีปหนึ่งของโลกในคืนนี้ แทนที่เขาจะพักผ่อนเพื่อเตรียมตัว แต่กลับมาทำงานที่ไทยทัศน์ตามปกติ รวมถึงมาคุมสอบปฏิบัติด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่จำเป็น หญิงสาวสำรวจชายหนุ่มร่างสูงกำยำในชุดเชฟตรงหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองเห็นผ้าผูกคอของที่บิดเบี้ยวไปอีกทาง ซึ่งชายหนุ่มคงยุ่งจนไม่ทันได้สังเกต หล่อนจัดทรงมันให้เข้ารูปด้วยความใส่ใจอีกครั้ง ก่อนจะสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของภัทรที่ยืนเหนือหล่อนตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ หล่อนยิ้มออกจากใจ ผ่านทางสายตา และคำพูด ให้กำลังใจภัทรต่อไปว่า ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ สิตาเชื่อว่าเชฟทำได้ และทุกอย่างมันจะออกมาดี เจ็ดวันไม่นานหรอกนะคะ เดี๋ยวเราก็จะได้มาเจอกันที่นี่อีกครั้ง ขอให้โชคดีนะคะ ภัทรประสานสายตากับหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีความสุข เขาอยากหยุดเวลานี้ไว้ตราบนานเท่านาน ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ล้วนมลายหายสิ้นไป เพียงแค่เห็นแววตาแห่งความภาคภูมิที่หล่อนมองมาที่เขา ต่อจากนี้จะให้เขาไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็ยอม ขอให้รู้ว่ามีหล่อนรอคอยการกลับมาเขาอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว เสียงเป่าปากของรักษภูมิ ดังขึ้นมาที่ปลายทางเดิน ทำให้ทั้งภัทรและสิตาหลุดออกจากภวังค์แห่งความรักอย่างเขินอาย เขามองหญิงสาวเดินจากไปจนลับสายตา ก่อนที่จะหันกลับไปทำตามหน้าที่ที่รอเขาอยู่อย่างฮึกเหิมอีกครั้ง ภาพของเชฟหนุ่ม ในไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด จากอิริยาบถต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วเป็นการแอบถ่าย โดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว ถูกเปิดขึ้นดู อย่างอารมณ์ดี สิตาใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอ ไล่ไปทีละภาพ พลางนึกถึงเรื่องราวการสนทนาระหว่างหล่อนกับชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อสักครู่นี้ ผมไม่อยากไปเลย แต่เพื่ออะไรหลายๆอย่าง มันจำเป็นต้องไป แต่ขอให้รู้ไว้นะ ว่าหัวใจผมฝากเอาไว้ที่คุณคนเดียวนะ สิตา... เสียงกระซิบที่แผ่วหวานของภัทร ผ่านโทรศัพท์ ขณะที่เขารอเรียกขึ้นเครื่องบิน ยังหวานแว่วแผ่กำซาบมาให้หล่อนหวนระลึกถึง ...เจ็ดวัน มันคงไม่นานเกินไป ที่เจ้าของหัวใจจะกลับมาทวงกับคนที่รับฝากไว้ ที่สำคัญอย่าลืมดอกเบี้ยนะครับ ขอเป็นจุ๊บเบาๆที่แก้ม ก็พอ จะได้ไหมครับ เสียงห้าวทุ้ม ที่ออดอ้อนเสียจนหล่อนอดใจละลายไปกับคำหวานเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน ถ้าผมปิดคอร์สแรกได้สำเร็จ ผม คุณและป้าทับทิม เราไปเที่ยวเมืองเหนือด้วยกันนะครับ ผมยุ่งกับงานเสียจน ไม่มีเวลาให้ป้าทับทิมเลย ถ้ามีคุณไปด้วย ป้าคงมีความสุข คุณรูไหม ป้ามักชอบบ่นคิดถึง คุณกับเสมอๆ อย่างกับรู้ว่าเราชอบกันอยู่... คำพูดประโยคสุดท้ายของภัทร ยังคงวนเวียนอยู่ในโสตประสาทของหญิงสาวก่อนที่จะเผลอหลับไป
ฝากดูแล ป้าทับทิมด้วยนะครับ สิตา!
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังหวีดแหลมขึ้นมา ท่ามกลางความเงียบ ที่ทำให้หญิงตกอยู่ในห้วงนิทรารมย์อันแสนสุข สิตาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างตกใจ หล่อนยังคงงัวเงียอยู่ เมื่อเอื้อมมือไปกดรับโทรศัพท์ โดยที่ยังไม่ทันสังเกตว่าปลายคือผู้ใด แต่แล้วเสียงตกใจปนสะอื้นจากอีกฝ่ายที่ดังขึ้น อย่างละล่ำละลัก ทำให้สติของหล่อนกลับมาได้รวดเร็ว แต่ก็แฝงไปด้วยความงุนงงกับข้อความที่ได้ยินเหล่านั้น
น้องสิตา แย่แล้ว... คุณ...คุณป้า...ฮือ ฮือ เป็นลม หกล้ม ตกบันไดลงมา เลือดเต็มไปหมด ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 55 01:46:31
|
|
|
|