Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คฤหาสน์สนธยา ตอนที่ 1 ติดต่อทีมงาน

'ในความว่างเปล่าที่ไม่เปล่าว่าง จุดเริ่มต้นหยาดหยดลงมา ก่อเกิดเป็นวงคลื่นลูกแล้วลูกเล่า มันสั่นสะเทือน มันแทรกซึม ก่อเกิดเป็นความไร้ระเบียบ ทำให้ความเปล่าว่างไม่เป็นความว่างเปล่า วงแล้ววงเล่าที่กระจายออก ไกลออกไป ไกลแสนไกล จนมายาภาพที่ถูกเรียกว่าความเป็นจริงค่อยๆ ปรากฎ แล้วทุกสิ่งก็บังเกิดขึ้น'

มิยาซาว่า รุริโกะ วางดินสอในมือลงข้างสมุดตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เธอกระพริบตาถี่ๆ จ้องมองตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เรียงรายอยู่บนหน้ากระดาษอย่างเป็นระเบียบ ความหมายของพวกมันค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ความเข้าใจ

เธอพิจารณาข้อความที่เป็นลายมือของตัวเองด้วยความหวาดหวั่น 'มันเกิดขึ้นอีกแล้ว' บางครั้งเธอจะขีดเขียนอะไรบางอย่าง บางสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจ เธอเขียนมันออกมาโดยไม่รู้ตัว และไม่เคยชอบพวกมันเลย

เธอหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก อากาศเค็มๆ ชื้นๆ ที่เริ่มคุ้นเคยลอยเข้าไปเต็มปอด 'ลืมมันซะ' เหมือนกับที่เคยทำมาทุกครั้ง เธอพลิกสมุดไปหน้าถัดไป หน้าที่ยังคงว่างเปล่า หน้ากระดาษว่างก่อนที่บิ๊กแบงจากปลายดินสอจะก่อกำเนิดเป็นจักรวาลเรื่องราวของเธอ

แล้วเธอก็ใช้ที่หนีบกระดาษเสียบคั่นลงไป พร้อมกับท่องคาถาประจำตัว 'ปิดมัน ผนึกมันเอาไว้ อย่าให้มันออกมาได้อีก' ในสมุดเล่มนี้ยังมีที่หนีบกระดาษเสียบอยู่อีกหลายอัน รวมถึงในเล่มก่อนหน้า และคงจะมีเพิ่มขึ้นอีกตราบเท่าที่เธอยังคงไม่เลิกเขียน

เธอเอื้อมมือออกไปหยิบแก้วน้ำ ความเย็นเยียบของมันพุ่งจู่โจมเข้าใส่ปลายนิ้ว เธอยกมันขึ้น หยดน้ำที่เกาะอยู่รอบแก้วทำให้เกิดเป็นวงขึ้นบนผิวโต๊ะกระจก

เธอจ้องมอง 'วงคลื่นแห่งจุดเริ่มต้น' ก่อนรีบปัดความคิดนั้นทิ้งไป

ความเย็นจากผิวแก้วกระทบกับริมฝีปากบาง ก่อนรับรู้ได้ถึงของเหลวเยียบเย็นที่ค่อยๆ ไหลผ่านเข้าไปในกาย เธอทอดสายตามองออกไปจากโต๊ะซึ่งกลายเป็นที่นั่งประจำ ทิวเขานอนทอดตัวเห็นเป็นเงาอยู่ไกลๆ ภายใต้หมู่เมฆ หาดทราย สายลม และเกลียวคลื่น

เธอยังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรต่อไป จึงตัดสินใจลุกออกไปเดินเล่นข้างนอก โดยวางทุกสิ่งทิ้งไว้บนโต๊ะ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากสมุดจำนวนหนึ่ง กับดินสออีกสองสามแท่ง พนักงานสาวในชุดเครื่องแบบของที่พักริมทะเลแห่งนี้ส่งยิ้มให้ ก่อนรีบหลบสายตาในยามที่เธอเดินผ่าน

ดวงอาทิตย์สีส้มกลมโตลอยอยู่เหนือขอบ ณ ที่ซึ่ง ท้องฟ้า กับผืนน้ำรวมเป็นหนึ่งเดียวกันจนไม่อาจแยกออก มันเป็นช่วงเวลาอันงดงามที่สุดในความรู้สึกของเธอ ช่วงเวลาที่แสงแห่งกลางวันอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ยอมพ่ายแพ้ให้แก่ความมืดดำแห่งราตรีกาล ช่วงเวลาอันพิเศษสุดซึ่งถูกเรียกว่า สนธยา

เธอเดินเล่นไปตามหาดทราย ก่อนที่แสงสุดท้ายของวันนี้จะหมดสิ้นลง วันนี้ที่จะไม่หวนคืนกลับมาได้อีกตลอดกาล วันนี้ที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน แต่จะยังคงมีวันพรุ่งนี้อยู่เสมอ 'นั่นจะจริงหรือเปล่า' เธอเองก็ไม่กล้าแน่ใจ

เธอถอดรองเท้า ปล่อยให้ฝ่าเท้านุ่มนิ่มได้รับสัมผัสอันนุ่มนวล แต่หยาบกระด้างของเม็ดทราย ความรู้สึกที่ผสมผสานปนเปกันจนไม่อาจแยกออก ซึ่งรวมกันเป็นความรู้สึกสุขสบายอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกที่มวลมนุษย์ผู้สวมใส่รองเท้าได้หลงลืมไปเนิ่นนาน ความรู้สึกแห่งอิสระในยามที่เดินท่องไปในธรรมชาติ อันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

เธอเดินเล่นไปเรื่อยๆ ปล่อยให้คลื่นที่สาดซัดเข้าใส่ฝั่งอย่างไม่มีวันจบสิ้น ได้ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อที่ขาวนวลเนียน เธอเหยียดแข้งเหยียดขาอย่างเต็มที่ เพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากการนั่งอยู่ที่โต๊ะเกือบทั้งวันโดยเขียนอะไรไม่ได้สาระเลยแม้แต่น้อย เธอเคยประสบกับการตีบตันทางความคิดจนทำให้เขียนอะไรไม่ออกแบบนี้มาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยชินกับมันเสียที

เธอเป็นนักเขียนนิยายลึกลับที่ประสบความสำเร็จไม่มากนักในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ มันเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเธอไม่มากนัก แต่เธอก็รักมัน

'รัก' อาจไม่ใช่คำที่ถูกต้องนัก เธอหลงไหล เธอเสพติดมัน ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมาน และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอเขียนออกมาโดยไม่รู้ตัวเหล่านั้น แต่เธอก็ไม่อาจหยุด เธอไม่อาจแม้แต่จะจินตนาการไปถึงชีวิตที่ปราศจากการเขียนได้เลย

ตอนนี้เธอกำลังเดินอยู่บนหาดทรายแห่งหนึ่งในประเทศไทย สถานที่ซึ่งผู้คนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด หรือเขียน แต่ก็ยังสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษากาย และรอยยิ้ม รอยยิ้มแบบที่พนักงานคนนั้นมีให้กับเธอ รอยยิ้มที่บางครั้งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

เพื่อนคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนของเธอ แนะนำให้มายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อค้นหาไอเดียในการเขียนนิยายเรื่องใหม่ 'เธอจะต้องชอบแน่ ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ทะเลก็สวยใช้ได้ แม้คลื่นจะเล็กไปหน่อยก็ตาม'

แล้วเธอก็ชอบมันจริงๆ ไม่ใช่เพราะความเงียบสงบ ไม่ใช่ท้องทะเล ไม่ใช่หาดทราย หรือที่พัก แต่มันคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ คฤหาสน์เก่าแก่ในสภาพทรุดโทรมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากที่พักไม่ไกลนัก

สิ่งก่อสร้างโบราณที่มาตั้งอยู่อย่างผิดที่ผิดทาง อาคารที่ก่อด้วยอิฐรูปทรงแปลกตา ซึ่งดูเหมือนเจ้าของจะมีความชอบที่หลากหลาย ไม่เหมือนใคร และไม่อาจตัดสินใจเลือกอย่างหนึ่งอย่างใดลงไปได้ จนกระทั่งถึงวันที่มันก่อสร้างเสร็จ

เธอเงยหน้าขึ้นมองบานหน้าต่างไม้ขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะเปิดออกได้ด้วยการยกขึ้น แต่มันไม่เคยถูกเปิดใช้มานานมากแล้ว แถมบางบานยังมีแผ่นไม้ตีปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาอีกด้วย

ลวดลายแกะสลักที่เคยมีอยู่เดิมบนบานหน้าต่างเหล่านั้นได้ถูกลบเลือนหายไปจนเกือบหมดสิ้น แต่ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยเหล่านั้น กลับทำให้เกิดเป็น ใบหน้าที่บิดเบี้ยว ดวงตาที่ฉายความน่ากลัวออกมาอย่างประหลาด เธอไม่แน่ใจว่าแต่เดิมนั้น มันเคยเป็นสิ่งที่ดี หรือเลวร้ายยิ่งกว่านี้กันแน่

บนหลังคาถูกทำให้เป็นยอดแหลม การวางตำแหน่งอันสับสนของพวกมัน ทำให้เกิดภาพหลอกตาได้อย่างแปลกประหลาด จนเธอไม่อาจแน่ใจได้ว่าพวกมันมีจำนวนเท่าใดกันแน่ แม้จะพยายามนับอยู่หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีรูปสลักของตัวอะไรบางอย่างเกาะอยู่บนยอดเสาของระเบียงขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุด และที่เสาประตูหน้าซึ่งเป็นประตูไม้สองบานซึ่งดูมั่นคงแข็งแรง แม้จะเก่ามากแล้วก็ตาม

สำหรับเธอ มันคือส่วนที่ดีที่สุด มันเปล่งประกายความลึกลับออกมาอย่างไม่ปิดบัง มันทายท้า มันไม่กลัวเกรงผู้ใด และมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนิยายเรื่องใหม่ที่ยังคงไม่คืบหน้าของเธอ

เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นเรื่องราวอย่างไร จะมีอะไรเกิดขึ้นภายในคฤหาสน์ที่น่ากลัวหลังนี้ แต่เธอไม่รีบร้อน เธอรู้จักความรู้สึกนี้ดี เธอกำลังรอคอย รอให้ความคิดของเธอตกตะกอน รอให้ประกายแห่งจินตนาการถูกจุด แล้วเปลวไฟของเธอก็จะลุกโชนขึ้น

เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะลงมือเขียนมัน เขียนให้เร็วที่สุดเท่าที่แขนเล็กๆ ของเธอนี้จะเร็วได้ เขียนมันด้วยดินสอ ลงในสมุดเปล่าที่เธอมีอยู่มากมาย นี่เป็นวิธีการเขียนในแบบของเธอ โลกลึกลับทั้งหมดของเธอถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการเช่นนี้

เธอเขียนแบบนี้มาตั้งแต่ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ในชั้นประถม ตั้งแต่เรียงความเพื่อใช้ส่งครู จนถึงนิยายลึกลับเรื่องแรกในชีวิตของเธอ และมันไม่เคยเปลี่ยน เธอไม่เคยคิดจะใช้เครื่องมืออื่นใด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์ดีด หรือคอมพิวเตอร์ มันเป็นเหมือนพิธีกรรมอย่างหนึ่งสำหรับเธอ

ลูกกลมสีส้มนั้นค่อยๆ คล้อยต่ำลง ก่อนที่จะเริ่มบิดเบี้ยวอย่างแปลกตา เมื่อมันเคลื่อนผ่านหมู่เมฆ และชั้นบรรยากาศ ก่อให้เกิดเป็นสีสันหลากหลายที่เธอไม่เคยเบื่อหน่าย สนธยา ช่วงเวลาที่ไม่ใช่ทั้งกลางวัน และกลางคืน ช่วงเวลาที่สิ่งแปลกประหลาดทุกชนิดสามารถเกิดขึ้นได้

หางตาของเธอจับความเคลื่อนไหวของอะไรได้บางอย่าง ความเย็นเยียบวิ่งผ่านไปตามไขสันหลัง ขนที่หลังคอลุกตั้งชัน มีบางอย่างที่เธอไม่ควรหันไปมองกำลังเกิดขึ้น แต่เธอไม่อาจหยุดตัวเอง เธอจะต้องเสียใจที่หันกลับไป แต่เธอก็ไม่อาจหยุด มันเป็นเช่นนี้เสมอ เธอรู้ เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยๆ ในนิยายของเธอ

เธอละสายตาจากท้องฟ้าเบื้องหน้ากลับไปยังระเบียงของคฤหาสน์อีกครั้ง มันอาจเป็นเพียงจินตนาการ อาจเป็นเพียงการเล่นตลกของแสงเงา มันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ แต่เธอเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดลูกไม้สีดำยาวกำลังยืนเหม่อมองไปที่ขอบฟ้าในทิศทางเดียวกับเธอเมื่อครู่

ผมดำยาวสลวยนั้นปลิวไปทางด้านหลังล้อกับสายลม เผยให้เห็นวงหน้าขาวนวลซูบซีด แต่งดงาม ชุดลูกไม้สีดำบางเบาแนบชิดไปกับลำตัว ทำให้เห็นเรือนร่างที่อวบอัดอย่างลางเลือน ยิ่งเพิ่มความงามลึกลับชวนลุ่มหลงให้มากขึ้นไปอีก

เธอยังมองเห็นรายละเอียดอื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง สิ่งที่ไม่น่าจะมองเห็นได้ด้วยตา ในระยะห่างไกลขนาดนี้ มันทำให้เธอเกิดความสงสัย 'ฉันกำลังมองเห็น หรือคิดว่าตัวเองกำลังมองเห็นอะไรกันแน่'

หญิงสาวลึกลับคล้ายพึ่งรู้สึกตัวว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ เธอจึงก้มหน้า และได้พบกับหญิงสาวผู้มีดวงตาสีน้ำตาลกลมโตงดงาม แฝงไว้ด้วยความลึกลับ ริมฝีปากบางซึ่งถูกเจ้าของเม้มอย่างลืมตัว ผมสีดำตัดสั้น อยู่ในชุดยาวสีขาวสะอาดตา กำลังยืนนิ่งอยู่บนหาดทรายห่างออกไปไม่ไกลนัก

สายตาของทั้งสองสบประสานกัน ดวงอาทิตย์พลันลับขอบฟ้า แสงสีสุดท้ายแห่งวันสูญสิ้น ถูกแทนที่ด้วยแสงมืดแห่งยามราตรี แสงจันทร์ และแสงดาว แสงที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจของมนุษย์มานับตั้งแต่อดีตกาล แสงที่มนุษยชาติพยายามทุกวิถีทางเพื่อขับไล่ให้หมดสิ้นไป

รุริโกะกระพริบตา แล้วบนระเบียงมืดๆ นั้นก็มีเพียงความว่างเปล่า หญิงสาวลึกลับไม่ได้แค่หายไป แต่ไม่เคยมีสิ่งใดอยู่ตรงนั้นมาก่อน เธอคิดอย่างนั้น แน่ใจว่ามันเป็นอย่างนั้น 'มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น นอกจากจินตนาการของฉัน' จินตนาการที่มีรายละเอียดมากเกินไป มากเกินกว่าที่เธอจะคิดขึ้นมาเองได้ 'ไม่ ทั้งหมดนั้นคือจินตนาการของฉัน'

เธอมองไปรอบกาย แล้วทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป ชายทะเลที่เคยอบอุ่น แสนสบาย กลับกลายเป็นลึกลับ น่าหวาดหวั่น เมื่อถูกอาบไล้ด้วยแสงแห่งราตรี 'ได้เวลากลับแล้ว' เธอมองหาแสงไฟประดิษฐ์ที่ส่องสว่างออกมาจากที่พักอันเป็นจุดหมายของเธอ และอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองไปยังระเบียงที่ว่างเปล่าแห่งนั้นอีกครั้ง

โต๊ะประจำของเธอถูกยึดครองไปโดยคนแปลกหน้าสามคน 'ทำไมกันนะ' เธอรู้สึกคุ้นเคยกับคนเหล่านี้อย่างประหลาด ทั้งๆ ที่แน่ใจว่าไม่เคยรู้จัก หรือพบเจอกันมาก่อน 'จะเคยเห็นจากในโทรทัศน์หรือเปล่านะ' แต่เธอก็ไม่ค่อยได้ดูรายการของประเทศนี้มากนัก เพราะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ

ทุกคนต่างมีกระเป๋า เป้ และข้าวของกองอยู่ข้างกาย แสดงว่าคงพึ่งเดินทางมาถึง และเมื่อดูจากขนาดของกระเป๋าทำให้คิดว่าน่าจะเตรียมตัวมาพักกันหลายวันทีเดียว

“พี่เคนยังเช็คอินไม่เสร็จอีกหรือ”

หญิงสาวผมสั้น ในชุดเสื้อกล้ามลายดอกไม้หลากสี กับกางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะสีชมพูหวาน นั่งใช้หมวกปีกกว้างพัดให้กับตัวเอง ที่นั่งข้างๆ มีหญิงสาวอีกคนที่มีรูปร่างเล็กกว่า แต่มีหลายส่วนที่บ่งบอกว่าทั้งสองน่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน

ผู้หญิงคนนี้ใส่กางเกงขายาว เนื้อผ้าบางเบา ปิดซ่อนเรือนร่างมากกว่า แต่มีสีสันสดใสไม่แพ้กัน กำลังก้มหน้าดูข้าวของในกระเป๋าใบเล็กของเธอ

“ไหมก็ไปช่วยเขาสิ”

เธอตอบโดยไม่เงยหน้ามอง ไหมแลบลิ้นทำหน้าหลอกจากทางด้านหลัง ก่อนหันไปหาผู้ชายอีกคนซึ่งนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกัน ชายผิวเข้ม ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และแว่นตาดำ เขาทำท่าทางเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“พี่จริงใจขา ช่วยไปดูให้หน่อยสิคะ”

ไหมส่งสายตา พร้อมทำเสียงออดอ้อน ชายที่ถูกเรียกว่าจริงใจสะดุ้ง ก่อนปั้นรอยยิ้ม และขยับลุกขึ้น

“...ได้จ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ”

“ไม่ต้องเลยพี่จริง ถ้าไหมอยากรู้ ก็ให้เดินไปดูเองสิ”

จริงนั่งลง ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับไหม ที่แลบลิ้นใส่แผ่นหลังเดิมอีกครั้ง และในตอนนั้นเองที่ทุกคนรู้สึกถึงผู้แปลกหน้าซึ่งมาหยุดยืนลังเลอยู่ที่โต๊ะของพวกเขา

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

หญิงสาวที่คล้ายกับจะทำหน้าที่เป็นผู้นำของกลุ่มเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าของตัวเอง เธอมองดูรุริโกะที่หิ้วรองเท้าไว้ในมือข้างหนึ่ง เท้าทั้งสองของเธอยังคงมีเม็ดทรายติดอยู่ เธอคงเป็นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่เธอมีธุระอะไร และตัวเธอมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแตกต่าง แปลกตาไปจากปกติ

“...”(ขอโทษที่รบกวนนะคะ ฉันขอสมุด ดินสอ คืนด้วยค่ะ)

ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากัน

“เธอเป็นคนญี่ปุ่น”

ไหมพูดออกมาโดยไม่มีความจำเป็น เพราะทุกคนสามารถบอกได้ในทันทีตั้งแต่คำแรกที่ได้ยินแล้ว

“หรือว่า จะเป็นภรรยาตัวจริงของเคนจิ”

จริงที่ดูท่าทางเป็นคนเงียบๆ พูดออกมาหน้าตาเฉย หญิงสาวเผลอหัวเราะอย่างลืมตัว ไหมซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นแฟนกับเคนจิที่ว่าทำหน้าเครียด

“พี่จริง พี่ปุ้ยด้วย ไหมโป้งทั้งคู่เลย”

เธอยกนิ้วโป้งขึ้นมาทำท่าประกอบ ปุ้ยกับจริงหัวเราะกันคิกคัก ก่อนที่ปุ้ยจะหันกลับมาหารุริโกะที่ยืนยิ้มเจื่อนๆ เพราะไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“...เอายังไงดีล่ะ ไหม ไปตามเคนมาหน่อยสิ จะได้คุยกันรู้เรื่อง”

จริงมองตามสายตาของรุริโกะไป และได้พบกองสมุดกับดินสอพวกนั้น เขาคิดว่าตัวเองพอจะคาดเดาความต้องการของเธอได้แล้ว

“ไม่ต้องหรอก ผมรู้แล้วว่าเธอต้องการอะไร”

เขาหยิบพวกมันยื่นส่งให้กับเธอ ซึ่งรับไปพร้อมกล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทยตะกุกตะกัก กับก้มศีรษะให้เล็กน้อย

“โคะ คุง ค่ะ”

ดินสอแท่งหนึ่งร่วงหล่นลงมา ทั้งเขา และเธอต่างรีบก้มลงเก็บ มือของทั้งสองสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งคู่เงยหน้าสบตา และเสียงของไหมดังขึ้น

“พี่จริงแอบจับมือเค้าด้วย”

เขารีบปล่อยมือ พร้อมกับหันไปมองปุ้ย ซึ่งมีสีหน้าเฉยๆ และนั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่ดี รุริโกะมองดูทุกคนก่อนก้มศีรษะให้อีกครั้ง แล้วเดินจากไป ระหว่างทางเธอสวนกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปหากลุ่มคนเมื่อครู่ เขามีรูปร่างสมส่วน เสื้อกล้าม และกางเกงขาสั้น ขับเน้นให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ

ชายคนนี้ท่าทางเหมือนจะเป็นนักกีฬา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอคิดว่า เขาน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น แต่เธอก็ไม่คิดจะทักทายเขาแต่อย่างใด เธอชอบความสงบ และยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นให้น้อยที่สุด

“ทำไมช้าจัง”

เสียงของไหมดังจากทางด้านหลัง

“ขอโทษ ขอโทษ เรียบร้อยแล้ว ขนของไปเก็บที่ห้องได้เลย”

เสียงเขาพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังมั่นใจว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่น พวกเขาลุกขึ้น ขนข้าวของ เดินไปยังฝั่งตรงกันข้ามกับห้องพักของเธอ ที่พักแห่งนี้มีเพียงชั้นเดียว ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยมีห้องอาหารเมื่อครู่คั่นอยู่ตรงกลาง

เธอไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่ทั้งหมดกี่ห้อง แต่รู้สึกว่าปีกทางด้านซ้ายนี้จะมีเธอพักอยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น 'ก็ดีแล้ว' ทันใดนั้นสมุดเล่มหนึ่งก็ร่วงหล่นจากมือ ลงไปกางคว่ำหน้าอยู่บนพื้น เธอเห็นที่หนีบกระดาษอันหนึ่งถูกดีดกระเด็นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เธอควรจะหยิบ แล้วปิดมันในทันที แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เหมือนในตอนนั้น ตอนที่เธอมองเห็นหญิงสาวชุดดำบนระเบียง เธอหงายหน้าที่เคยถูกปิดผนึกเอาไว้นั้นขึ้นมาดู มันมีตัวอักษรที่เรียงกันในแนวตั้งจากทางด้านซ้ายอยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เธอกลั้นใจอ่านพวกมัน

'ตัวละครพร้อมหน้า เวลาเปิดม่านมาถึงแล้ว'

แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 09:00:17

แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 08:58:35

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 08:42:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com