xxxซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก..บทที่๙ xxx (กรณ์ วรรณกานต์)
|
 |
ในตอนเช้าตรู่..พิมพ์ศิรินอนฟังเสียงกลุ่มนกดังจ้อกแจ้กบนต้นโมกใหญ่ใกล้หน้าต่าง ก่อนจะลุกลงจากเตียงถอดชุดนอนโยนลงตะกร้าผ้าและคว้าเตรียมผ้าขนหนูมาพันเนื้อตัวเปล่าเปลือยเพียงลวกๆพร้อมก้าวเข้าห้องน้ำและหยุดดูใบหน้าตัวเองหน้ากระจกเงาเห็นถึงริ้วรอยของความอ่อนล้าจากการโหมงานหนักปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน..เมื่อก่อนที่เธอเป็นเพียงผู้ช่วยของบิดาก็ต้องรับผิดชอบมากมายอยู่แล้ว และเมื่อต้องขึ้นมารับผิดชอบงานทั้งหมดของบิดาที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างในส่วนของภาคสนามเป็นส่วนใหญ่ เธอจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากบรรดาลูกน้องที่ล้วนแต่เป็นผู้ชายทั้งหมด และผลจากการที่เพียรพยามยามเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ความอ่อนหวาน งดงามของความเป็นผู้หญิงจึงถูกหล่อหลอมด้วยความแข็งกระด้าง ทั้งๆที่เธอเองนั้นก็ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตสวยงามในสังคมเฉกเช่นผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่บุกตะลุยอยู่ในไซต์งานท่ามกลางฝุ่นละอองและกลุ่มคนงานที่ล้วนแต่มีนิสัยกักขฬะ
และเหนือสิ่งอื่นใด เธอต้องการการยอมรับจากพี่ชายต่างสายเลือดมากที่สุด อยากให้เขาเห็นในความสามารถและความสำคัญในการที่มีเธออยู่เคียงข้างในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า..ไม่ว่าเธอจะเพียรพยายามสักแค่ไหน ในสายตาของเขา เธอก็เป็นได้เพียงน้องสาวไม่ต่างอะไรไปจากโมรียาเท่านั้น ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงของความเป็นบุรุษเพศเช่นที่เขามอง 'แขกคนสำคัญ' ผู้แสนเย้ายวนคนนั้น
หญิงสาวทอดถอนใจ ก่อนปลดผ้าขนหนูหันเดินผ่านกระจกฝ้าและเปิดฝักบัวให้สายน้ำอุ่นกระทบผิวกาย เธอไม่ได้ชิงชังผู้หญิงคนนั้น แต่เธอกำลังอิจฉาในความสวยงามที่ผู้หญิงคนนั้นมี และมันกำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายต่างสายเลือดของเธอ จนเขามองไม่เห็นและไม่รู้สึกแล้วว่าข้างกายยังมีเธออยู่อีกคน
หลังอาบน้ำเสร็จ พิมพ์ศิริสวมเสื้อผ้าในชุดรัดกุมและหันเดินไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียง หยิบปืนพกออกมาตรวจดูแม็กกาซีนซึ่งเหลือเพียงไม่กี่นัด จึงหยิบตลับใหม่ที่บรรจุลูกกระสุนเต็มแม็กกาซีนใส่คืนด้ามและนำมันใส่ในกระเป๋าสะพาย ซึ่งแม้จะมีบอดี้การ์ดคนสนิทคอยปกป้องอยู่แล้วแต่เธอยังต้องเตรียมพร้อม หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ตัวเธอจะได้ไม่เป็นภาระให้คนอื่นคอยพะวง..แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวออกจากห้อง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นจากโฟร์แมนที่คุมงานก่อสร้าง เพื่อรายงานถึงปัญหายุ่งยากที่ทำให้เรียวคิ้วบนใบหน้าคมหวานขมวดมุ่น และพูดโต้ตอบไม่กี่คำก็วางสาย หันเปิดประตูออกจากห้อง และเจอกับราโมน่าซึ่งกำลังเดินออกจากห้องมาพอดี
อรุณสวัสดิ์ ผู้พักอาศัยเอ่ยทักทาย
ค่ะ พิมพ์ศิริตอบรับอย่างเสียไม่ได้ และก้าวยาวๆลงบันไดไป
ราโมน่าได้แต่มองตามพลางคิดว่า ความสามารถในการผูกมิตรของเธอมันใช้ไม่ได้เลยกับผู้หญิงบ้านนี้
ภายในห้องอาหาร..อนาวินกำลังนั่งสนทนากับน้องสาว และเมื่อพิมพ์ศิริก้าวนำราโมน่าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหาร ถ้อยคำที่กำลังพูดค้างไว้ด้วยเรื่องจิปาถะเป็นอันต้องหมดความหมาย เมื่อสายตาและความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มพุ่งตรงไปอยู่ที่ราโมน่า ก่อนเอ่ยทักทาย
มอร์นิ่งครับ
มอร์นิ่งค่ะ
ราโมน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้มแก้เก้อก่อนก้มมองจานอาหารแทน เพราะหลังจากวันที่เกิดเรื่องซึ่งผ่านไปแล้วสองวัน แม้ว่าความชิงชังในตัวของเธอยังกระจ่างชัดในดวงตาของโมรียา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นบุคคลอันตรายสำหรับเธอแล้ว แต่ขณะนี้ เธอกำลังหนักใจในความรู้สึกและทุกถ้อยประโยคของอนาวิน..บ่อยครั้งที่เขาพาตัวเองเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ใกล้ พร้อมรอยยิ้มชวนมองที่ส่งกระแสเร่าร้อนรุนแรงฉายชัดในดวงตาคมปลาบ และคำพูดยั่วเย้าดั่งหนุ่มสาวที่กำลังสานสัมพันธภาพทั่วไป ซึ่งล้วนแต่เปี่ยมด้วยภยันตรายกระทบตรงต่อหัวใจของเธอที่บัดนี้กำลังเอนเอียง อ่อนไหวไปตามแรงปรารถนาในส่วนลึกของเธอที่อยากสนองตอบรับต่อความรู้สึกจากเขาใจแทบขาด..ได้แต่เฝ้าภาวนา ขอให้เธอพ้นไปจากบ้านหลังนี้โดยเร็ว ก่อนที่แรงต้านทานของเธอจะพังครื้น
พิมพ์ศิรินั่งฝั่งตรงข้ามปรายสายตามองอนาวิน ก่อนหยิบขนมปังปิ้งมาปาดทาเนยข่มกลั้นอาการยอกแสลงใจ และเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ เดี๋ยวขวัญจะไปโรงพักนะเฮีย
อนาวินละสายตาจากผู้หญิงอีกคน เพื่อจะหันมาให้ความสนใจกับผู้หญิงอีกคนพร้อมๆกับความกังขา ไปทำไม
เมื่อกี้คุณสองโทรมาบอกว่า เมื่อคืนคนงานของเรามีเรื่องกับคนงานของพวกรัตนากร ตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสามคน ส่วนพวกที่เหลือถูกตำรวจรวบเข้าห้องขังหมด
ราโมน่าถึงกับชะงักงัน ใบหน้าเจื่อนจืดในความขัดแย้งที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบเสียที และพยายามข่มใจนั่งเงียบฟังบทสนทนาต่อไป
แล้วทำไมไม่ประกันตัวออกมา
คุณสองไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ตำรวจไม่ยอมให้ประกันตัว พิมพ์ศิริกัดขนมปังเคี้ยวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว และมันน่าเจ็บใจก็ตรงที่พวกตำรวจยอมให้อีกฝ่ายประกันตัวได้ แต่ไม่ยอมปล่อยคนของเรา อ้างว่าคนของเราอันตรายมากกว่า ถ้าปล่อยตัวกลัวว่าจะพากันก่อเหตุรุนแรงซ้ำซ้อน เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่น เลยให้สงบสติอารมณ์อยู่ในห้องขังไปก่อน ฮึ! เฮงซวยชะมัด
ถ้อยคำสบถดังทิ้งท้ายในอคติฝังใจที่มีต่อบุคลากรในเครื่องแบบ ตามด้วยแก้วน้ำส้มยกดื่มไปได้ครึ่งแก้วก็วาง ก่อนลุกขึ้นยืน ขวัญไปล่ะ เดี๋ยวจะเลยไปที่ไซต์ด้วย
อนาวินมองตามร่างเพรียวระหงของญาติผู้น้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ความจริงเรื่องจุกจิกแบบนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของทนายความมาช่วยรับภาระแทน แต่ดูเหมือนว่า ในขณะนี้บริษัทมีปัญหาคดีความประดังประเดเข้ามาอย่างเหลือเชื่อ จนทีมทนายความต่างพากันวิ่งวุ่นวายไม่หยุดหย่อน และตัวเขาต้องจมปรักอยู่กับการประชุม ลูกค้าและต้องคอยตอบโจทย์ปัญหาต่างๆที่คณะผู้ถือหุ้นและทีมผู้บริหารจะสรรหามาจี้ถาม ส่วนน้องสาวของเขาที่บิดาเลี้ยงประคบประหงมดุจไข่ในหินและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศนั้นก็ไม่ได้ถูกฝึกให้มานั่งควบคุมทำงานภายในบริษัททั้งหมด จะช่วยแบ่งเบาได้เพียงในส่วนของบริษัทลูกเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการออกแบบเท่านั้น จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรในภาระที่พิมพ์ศิริแบกรับไว้ได้..ในครั้งแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้เกรงว่าพิมพ์ศิริจะทนรับแรงกดดันไม่ไหว แต่แล้วก็สามารถทำให้เขาคลายกังวลลงได้และมั่นใจว่า ญาติสาวคนนี้จะสามารถช่วยเขาประคับประคองบริษัทนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันที่บิดาของเขาและของเธอกลับมาคุมบังเหียนได้อีกครั้ง
โมรียาวางถ้วยกาแฟพลางปรายตามองราโมน่า และอดไม่ได้ที่จะเปรยคำกระทบกระเทียบออกมา ดูเหมือนว่าคนของเธอจะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนของฉันเยอะทีเดียว ไม่รู้ว่าลุงของเธอทำได้ไงนะ..อืมม์ รู้สึกว่าฉันจะตั้งคำถามผิดไปนะ ความจริงต้องถามว่า ลุงของเธอจ่ายเดือนละเท่าไหร่ต่างหากล่ะ
ราโมน่าสบสายตาหยามหยันนั้น ก่อนตอบเสียงแข็ง ลุงของฉันไม่เคยจ่ายเงินให้ใครทั้งนั้น
และอีกฝ่ายหยัดยิ้มในทันที หึ! ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน
อนาวินถอนใจเฮือกหันมาปรามน้อง หนูเล็ก พอแล้วน่า
ดวงตาเรียวคมตวัดมองพี่ชายชั่วครู่ ก็หันมาให้ความสนใจอาหารเช้าของตน และทั้งหมดต่างทานกันไปเงียบๆจนกระทั่งอาหารของโมรียาหมดจาน เธอก็ลุกขึ้น แล้วเจอกันที่บริษัทนะเฮีย
อือ
อนาวินตอบรับในลำคอดังไล่หลัง ก่อนหันกลับมาทางราโมน่า ซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมเป็นการยุติอาหารมื้อเช้า และเงยหน้ามาสบเขาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมา
อย่าถือสาคำพูดของหนูเล็กเลยนะ เขามักจะพูดและทำอะไรตามใจเสมอ แต่ความจริงก็ไม่มีอะไรนักหรอก
...โม้นาจะพยายามทำใจให้ชินกับนิสัยส่วนตัวของคุณหนูเล็กค่ะ
อนาวินส่ายหน้ายิ้มฝืดกับถ้อยคำนั้น พูดเหมือนประชดกันเลยนะ
ราโมน่ารู้ว่าเขามีปัญหามากมายอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้ตัวเองเป็นปัญหาเพิ่มให้เขาอีก จึงรีบแย้มยิ้มกว้างเอาใจ เปล่าประชดนะคะ..แต่โม้นาพูดเรื่องจริงเลยล่ะ
ชายหนุ่มเห็นแววล้อเลียนในดวงตาคู่สวย และเขาก็หัวเราะขลุกขลักในลำคอร่วมไปกับเธอ โอเค งั้นพี่ไปทำงานก่อนล่ะ..อยู่บ้านก็อย่าซนนักล่ะ แล้วเจอกันตอนเย็นครับ และลุกขึ้นพร้อมขยิบตาให้ก่อนหันเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
ราโมน่าพึมพำตามหลัง พูดอย่างกับว่าเราเป็นเด็กเฝ้าบ้านอย่างนั้นล่ะ ฮึ!
หลังจากที่อนาวินออกไปทำงานแล้ว ราโมน่าออกมาเดินเล่นภายในสวนและเลยไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำ กดโทรศัพท์มือถือที่ได้คืนมาชั่วคราวโทรหาชนาธิปตามปกติ โดยทุกคำพูดของเธอลอยเข้าหูคนของอนาวินสองคนที่ยืนไม่ห่าง จนกระทั่งเธอพูดคุยกับชนาธิปจนหายคิดถึงแล้ว ก็คิดจะเข้าสู่โลกของสังคมออนไลน์บ้าง และในทันทีที่เริ่มพิมพ์ข้อความ เธอก็รู้สึกถึงเงาทะมึนปกคลุมลงมา เมื่อสองร่างใหญ่พากันก้าวเข้ามาชะโงกหน้าอ่านทุกตัวอักษร
หญิงสาวถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนเงยหน้าพร้อมๆกับที่สองร่างยืดตัวขึ้นก้าวถอยห่างออกไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ฉันขอเวลาส่วนตัวหน่อยสิ เล่นมาจ้องกันซะติดขนาดนี้ฉันอึดอัดนะ
และหนึ่งในสองก็ตอบกลับ ขอโทษครับ พวกผมต้องทำตามคำสั่งของคุณจิล
คนฟังทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ก่อนส่งโทรศัพท์มือถือของตนคืนให้ผู้คุมทั้งสอง เอ้า เอาคืนไปเลย ฉันหมดอารมณ์สนุกแล้ว
และคนที่พูดกับเธอเมื่อครู่ก็รับโทรศัพท์ของเธอมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง และเอ่ยถาม คุณต้องการอะไรอีกหรือเปล่าครับ
เดิมทีราโมน่าคิดจะกลับขึ้นห้อง แต่เมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องทางให้เอาคืนเพื่อระบายอาการหงุดหงิดเช่นนี้ ตัวเธอก็ไม่รอช้าที่จะรีบคว้ามันไว้
มี
และเริ่มร่ายยาวถึงสิ่งที่ต้องการ จนสองหนุ่มต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาช่วยกันพิมพ์รายการ ที่มีตั้งแต่นิตยสารเกี่ยวกับวงการบันเทิงแทบทุกสำนักพิมพ์ สารพันเครื่องประทินโฉมยี่ห้อดังตั้งแต่หัวจรดเท้า และของจุกจิกอีกมากมายก่อนจะตบท้ายด้วยเค้กร้านโปรด ซึ่งสำหรับตัวเธอต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันทีเดียวกว่าจะเดินซื้อของพวกนี้ครบ แต่กลับย้ำคำสั่งออกไปว่า
แค่นี้ล่ะ แล้วก็เอามาให้ฉันภายในหนึ่งชั่วโมงนี้นะ จากนั้นก็เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้าน
สองหนุ่มหันมองหน้ากันเพียงอึดใจก็รีบออกไปหาซื้อในสิ่งที่หญิงสาวต้องการ โดยหยิบยืมบัตรเครดิตของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพทุกคนภายในบ้านไปด้วย เพราะมั่นใจว่า ลำพังแค่บัตรเครดิตธรรมดาของเขาสองคนคงไม่พอจ่ายเป็นแน่
ราโมน่านั่งๆนอนๆสลับกับการดูโทรทัศน์อย่างเบื่อหน่าย พลางนึกถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เธอมองมันอยู่หลายครั้ง นึกอยากลงไปว่ายเล่นให้ฉ่ำใจแต่ก็เบื่อกับสายตาของบรรดาผู้คุมทั้งหลายที่พากันเดินเพ่นพ่าน คอยแต่จะจับตามองเธอทุกฝีก้าวราวกับว่าสองขาของเธอติดสปริงจนสามารถกระโดดข้ามกำแพงไปได้อย่างนั้นล่ะ
เฮ้อ เมื่อไหร่ไอ้เรื่องบ้าๆนี้มันจะจบเสียทีนะ เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตแสนอิสระได้อีกครั้ง
หญิงสาวทนดูรายการในจอสี่เหลี่ยมที่แสนเบื่อหน่ายและไม่รู้ว่าถอนหายใจไปแล้วกี่ครั้งแล้ว จนเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงลุกขึ้นไปเปิด แล้วก็แทบหลุดอุทาน เมื่อเห็นร่างใหญ่ของสองหนุ่มที่คอยตามเธอกำลังหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ใบหน้าเข้มกระด้างชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราย และหนุ่มคนเดิมที่พูดคุยกับเธอเป็นประจำก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย
พอดีรถมันติด เลยเกินเวลาที่คุณสั่งไปหน่อย..ขอโทษนะครับ
เอ่อ..ไม่เป็นไร หญิงสาวบอกและขยับร่างเปิดทางให้สองหนุ่มขนของที่ซื้อนำมาวางในห้อง ด้วยความรู้สึกสงสาร และสำนึกว่าไม่สมควรไปแกล้งพวกเขาเลย ทั้งๆที่พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
สงสัยกว่าจะได้ของทั้งหมด คงวิ่งกันตาเหลือกเลยมั้ง
ของที่สั่งครบนะครับ
หญิงสาวตรวจดูเพียงคร่าวๆก็พยักหน้ารับ แต่ในใจแย้งตอบสวนทันควัน ของเยอะขนาดนี้ ใครจะไปจำได้ล่ะว่าสั่งอะไรไปบ้าง ขอบใจนะ
ครับ
เมื่อทั้งสองออกไปจากห้องแล้ว ราโมน่าเทของทั้งหมดลงบนเตียงจนเกลื่อนกราด พลางเท้าเอวมองพร้อมพึมพำด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ โม้นาไม่คืนเงินให้หรอกนะพี่จิล เพราะถือว่าเป็นของกำนัลแลกกับการที่โม้นาต้องติดแหง็กอยู่ในบ้านหลังนี้ และเลือกหยิบชุดครีมบำรุงหน้าและผิวกายราคาแพงพร้อมนิตยสารอีกสองเล่มเดินยิ้มพรายเข้าห้องน้ำ..อย่างน้อย ในวัน-สองวันนี้ เธอคงมีเรื่องอะไรให้ทำเป็นการฆ่าเวลาบ้าง นอกจากการนั่งๆนอนๆดูหนังฟังเพลงเท่านั้น
ต่อค่ะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
18 เม.ย. 55 03:07:26
|
|
|
|