Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 25 นักรบจันทรา ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 25 นักรบจันทรา


ย้อนเวลากลับไปทางด้านนักรบจันทรา การ์คิดจะนั่งพักสักครู่แต่กองกำลังปีศาจรวมตัวประดุจเมฆหมอกสีดำสนิททะยานขึ้นจากหุบเหวไกลโพ้นปกคลุมร่างการ์ลูสเหมือนเศษแก้วในพายุทราย คริสทาร่าผู้บัญชาการหน่วยรบวิหคเพลิงสั่งทหารของนางให้ประจำจุดทันที ริเรียสอดที่คั่นหนังสือแล้วก้าวยืนข้างการ์รอการปะทะระหว่างกองทัพกับปีศาจ

“ขอเวลาประเดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะ” ชายหญิงคู่หนึ่งขี่นกยักษ์ร่อนลงข้างๆคริสทาร่า นกสีน้ำตาลหายไปในอากาศราวกับถูกเรียกโดยใช้วิชาเรียกสัตว์ปีศาจ

“ข้ามีนามว่าเรซี ลามีน่า เป็นพันธมิตรจากโลกอื่น” หญิงสาวดูมีอายุมากกว่าคริสทาร่าเล็กน้อย นางมีผมสีดำขลับเหมือนสีตา ผ้าสีเข้มเข้ากับผิวสีน้ำผึ้งได้อย่างดีเยี่ยม แววตาคมกริบของนางแทบผ่าแท่งเหล็กเป็นสองส่วนได้ “ส่วนชายคนนี้คือพีเตอร์ ซีค” ชายชื่อพีเตอร์เป็นชายร่างสันทัดมีดวงตาสีน้ำตาลขี้เล่น เขาหันมายิ้มให้การ์พอเป็นพิธี

“ข้าพอทราบเรื่องนี้จากท่านหญิงเอเลน่าและผู้กล้าแสงตะวันแล้ว มีมิติเชื่อมต่อโลกแห่งนี้กับอีกโลกหนึ่งอยู่” คริสทาร่ากระดกถ้วยกาแฟหลังการสั่งการอย่างหนักหน่วง “หากไม่รังเกียจเอาไว้คุยทีหลังได้หรือไม่ ตอนนี้ข้ามีแขกสำคัญ” นางพยักเพยิดไปทางกลุ่มปีศาจบนท้องฟ้า

“หามิได้” ทูตสันถวไมตรีจากต่างแดนยิ้มอย่างชื่นบาน “ทางเราต้องการแสดงเจตนารมณ์ให้ตัวแทนดินแดนนี้ได้เห็นว่าทางเราต้องการติดต่อด้วยสันติ จอมเทพสูงสุดผู้ปกครองโลกของเราจึงส่งพวกข้าสี่คนมาร่วมต่อสู้กับเหล่าปีศาจ อีกสองคนลงไปช่วยผู้กล้าแสงตะวันแล้ว”

“ล้อกันเล่นหรือ บอกว่ามาช่วยกลับมากันแค่สี่คน ตอนนี้เหลือสองแล้ว” คริสทาร่าย่นจมูก การ์คิดว่าคริสทาร่าพูดถูกต้อง หากตั้งใจช่วยจริงควรส่งกองกำลังมาเสียดีกว่า “ลองดูสิ หากท่านยับยั้งฝูงปีศาจเหล่านั้นได้ข้าจะเชื่อ”

“เป็นพระคุณอย่างสูง” หญิงจากต่างแดนโน้มหัวเคารพ นางเดินดุ่ยๆมาคุยกับการ์ไม่สนใจงานที่ได้รับมอบหมาย “ท่านคงเป็นนักรบจันทราใช่ไหม สีดวงตาเหมือนในตำนานจริงๆ ข้าคืออดีตคณะเดินทางของผู้กล้าพัวร์รีน ยินดีที่รู้จัก”

การ์โน้นตัวทักทายพร้อมกับหญิงสาว คำพูดของนางเป็นปริศนาที่จะต้องถามมารีน่าให้ได้ ตำนานที่ว่าคืออะไร เหตุใดสีดวงตาจึงไปเกี่ยวกับตำนานในโลกอื่นด้วย เขาอยากถามเสียตอนนี้แต่ฝูงมฤตยูย่างกรายเข้ามาใกล้จนไม่มีเวลาพูดคุย นางบอกว่าเป็นพรรคพวกของผู้กล้าอาจเป็นคนรู้จักของเวเบอร์ เพราะพี่บุญธรรมของเวเบอร์คือผู้กล้าของอีกโลกหนึ่ง

“ท่านรู้จักเวเบอร์ไหม” การ์เสี่ยงถาม เผื่อจะมาจากโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกที่เวเบอร์จากมา

“รู้จักสิ เวเบอร์ โฟรแซท เฟียร์เลส ตำนานที่อยู่ร่วมกับตำนานอีกสองคน คนที่สอนวิชาเรียกสัตว์ปีศาจให้เขาคือข้าเอง” หญิง
สาวหัวเราะเบาๆ คริสทาร่าจ้องหลังนางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ประเดี๋ยวข้าจะแสดงของดีให้ดู รู้จักวิชาเรียกสัตว์ปีศาจอยู่แล้วใช่ไหม ช่วยระวังหลังให้ด้วยพีเตอร์”

สายลมเย็นยะเยือกพัดวกวนในเขตแนวหน้า ก้อนอากาศสีดำสนิทราวค่ำคืนรวมตัวกันเหนือหัวนางสองจุด การ์เคยเห็นการเรียกสัตว์ปีศาจของเวเบอร์และไลล่าแล้ว ปกติจะเรียกแค่ทีละหนึ่งตัวเท่านั้น หญิงนามเรซีผู้นี้สร้างประตูมิติขึ้นสองจุดน่าจะเรียกออกมาทีละสองตัว หญิงผมดำหลับตาสงบนิ่ง มือทั้งสองชี้ไปยังก้อนอากาศสองจุดบนท้องฟ้า กองทหารของไพน์จับจ้องนางเป็นตาเดียว

“สายลมพันธนาการ ฝ่าเท้าพญามาร ปีกเพลิงกัลป์กาล เขี้ยวเล็บสังหาร สายหมอกแผดผลาญ เพลิงทมิฬชั่วกาล ข้าขอเอ่ยนาม หนึ่งให้สำแดงฤทธิ์ จักรพรรดิวิหคเพลิงมิสต์ หนึ่งให้ปรากฏร่าง จักรพรรดิมังกรแดงสคอรส์”

กลุ่มก้อนอากาศกลุ่มแรกมีร่างใหญ่โตราวขุนเขามาแทนที่ มังกรแดงกระพือปีกบินตรงเข้าต่อกรกับเหล่าอสูร ลมปีกของมันสร้างความแตกตื่นให้เหล่าทหารและวิหคเพลิงเบื้องล่าง แสงอาทิตย์ยามเช้าถูกปีกข้างหนึ่งบดบังจนเหมือนพลบค่ำ กลุ่มก้อนอากาศอีกกลุ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวลตาค่อยๆแพร่กระจายไปเบื้องหน้าสร้างกำแพงหมอกหนาแน่นราวหินผา ปีศาจตนใดสามารถหลบหลีกเท้าและปากของมังกรแดงได้พลันถูกแผดเผาด้วยกำแพงหมอกชั่วพริบตา เหล่าทหารรวมทั้งการ์และคริสทาร่าจ้องมองหญิงสาวกับปราการสองอย่างสลับกัน ที่บอกว่ามาช่วยไม่ใช่แค่คำโอ้อวดเสียแล้ว นางผู้นี้เป็นคนสอนวิชาเรียกสัตว์ปีศาจให้เวเบอร์ด้วยซ้ำ ความสามารถของนางอาจเทียบเท่ากองกำลังของไพน์กับโทรสรวมกันเสียอีก หญิงนามเรซีหลับตาแน่นเพ่งสมาธิไปยังสัตว์อสูรสองตัว กองพันอสูรลดกำลังลงฮวบฮาบด้วยฝีมือมังกรและสายหมอกของสตรีเพียงผู้เดียว

“ขอถามสักหน่อยสิ ตำนานที่ว่าคืออะไรหรือ ที่เกี่ยวกับสีตาของข้า” การ์ย่องไปถามชายผมดำชื่อพีเตอร์ ตอนนี้การต่อสู้ถูกควบคุมเรียบร้อยแล้ว เขาอาจไม่ต้องทำอะไรจนกว่าไบรอันจะลากพ่อของเขาขึ้นมาให้ช่วยเหลือ

“สองคนข้างหลังหยุดคุยสักที ข้าต้องใช้สมาธิ”

หญิงผมดำตวาดลั่น เหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้าและแขนสองข้างแสดงให้เห็นความพยายามบังคับควบคุมสัตว์อสูรทั้งสองตัว การ์ได้ยินมาจากไลล่าว่าสัตว์ปีศาจระดับจักรพรรดิกินแรงกายมหาศาลในการคงรูปมันในโลกนี้ นางไม่เพียงอวดโอ่ยังทำได้สมราคาคุยอีกต่างหาก เมื่อดวงอาทิตย์เบี่ยงทิศทางได้เล็กน้อยกำแพงสายหมอกจึงเบาบางลงปล่อยอสูรบางตัวเล็ดลอดออกมาให้กองทัพวิหคเพลิงจัดการ

“จะปล่อยสองตัวนี้แล้วนะพีเตอร์ เตรียมป้องกันให้ข้าด้วย” ดวงตาสีดำขลับเบิกโพลงสัตว์ปีศาจทั้งสองตัวหายไป คริสทาร่าสงสัญญาณให้กองทัพวิหคเพลิงออกบินทันที “ตะวันสิ้นแสง ฝ่าเท้าแห่งมังกร จันทราสิ้นสูญ เศียรแห่งอสรพิษ ความมืดแอบแฝงกายาอสูร ข้าแต่เปลวแสงอันทรงฤทธิ์ ข้าขอเอ่ยนาม ราชามังกรดำฟานุต ราชาไฮดร้า เอเรซัส”

กลุ่มก้อนอากาศสีดำสองลูกหายไปไร้วี่แววสัตว์ปีศาจ นางสบถในลำคอและเรียกซ้ำ คราวนี้มีมังกรดำกับไฮดร้าร่างใหญ่ปรากฏตัวออกมา มังกรดำกระพือปีกบินไปปะทะกับศัตรูส่วนไฮดร้ายืนปักหลักเบื้องหน้าหัวทั้งห้าคอยพ่นไฟป้องกันพวกเขาจากลูกหลงในการต่อสู้ การ์ดึงดาบแสงตะวันออกจากซองถึงเวลาต่อสู้ประชิดตัวแล้ว พีเตอร์ก็ชักดาบสองเล่มออกมาเตรียมพร้อมเช่นกัน เหล่าปีศาจบนท้องฟ้าเหลือน้อยทำให้การต่อสู้ทุลักทุเลมากกว่าเดิม เปลวไฟจากมังกรและนกเพลิงสังหารได้ครั้งละเล็กทีละน้อยเริ่มมีปีศาจร่างเล็กหลุดเข้ามาทางพวกการ์มากขึ้น ทำให้พีเตอร์ต้องทำงานหนักเพื่อปกป้องหญิงสาว ดาบสองเล่มกวัดแกว่งเป็นจังหวะสังหารสิ้นทีละตน การ์หาโอกาสเข้าไปช่วยแต่ไม่สบช่อง คนคู่นี้แข็งแกร่งกว่าที่เห็นภายนอก

กระทั่งหญิงผมดำหมดแรงกายส่งผลให้สัตว์อสูรทั้งสองตัวหายวับ ทหารหน่วยพยาบาลพานางไปหาที่นั่งพักระหว่างคนอื่นๆรับช่วงทำลายล้างต่อจากนาง การ์กับพีเตอร์กระโดดเข้าไปขวางอสุรกายหัวจระเข้ไม่ให้บุกเข้าส่วนพยาบาล ริเรียใช้เวทมนตร์ทรงอานุภาพเล่นงานปีศาจที่เหลือจนแตกพ่าย...


กองทัพปีศาจเหลือเป็นหย่อมๆเมื่อการ์ลูสบินกลับขึ้นมาจากหุบเหว เปลวเพลิงสีฟ้าใสเผาผลาญอสูรรายทางดูเหมือนประทีปยามพลบค่ำ นกเพลิงสีฟ้าโผบินลงมาตรงหน้าการ์คราวนี้มันดูอ่อนกำลังลงกว่าปกติ ปีกข้างหนึ่งมีเลือดสีแดงเกาะเป็นกระจุก ตามตัวมีรอยแผลทั่วไปหมด

“ประเดี๋ยวเล่นตามบทนะสุดที่รัก” เสียงหวานดุจน้ำผึ้งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงพักผ่อนพอแล้ว เขามุ่ยหน้าเหตุเพราะนางบอกเองว่าจะต้องพักอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มๆ

“ดีขึ้นแล้วหรือ” การ์ถาม เจ้านกเพลิงทักนางผู้หยั่งรู้แล้วหายตัวไปทันที เขามองแหวนของตนสลับกับมารีน่า สงสัยว่าเกิดอะไรกับสองคนนี้กันแน่

“เมื่อสักพักมีคนมาช่วยรักษาบาดแผลให้ข้า เอาน้ำตานกเพลิงให้ดื่มเพิ่มพลังด้วย” มารีน่าเท้าสะเอวดวงตาสีมรกตผ่องใสบรรจุพลังเอาไว้เต็มเปี่ยม

“ใครหรือ” นักรบจันทราหันไปมองกองทัพวิหคเพลิงฟาดฟันปีศาจกลุ่มสุดท้าย ถึงตอนนี้คงไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเขาและริเรียอีก นางผู้หยั่งรู้โยนห่อผ้าขนาดย่อมๆสองห่อให้ริเรีย ห่อหนึ่งคงเป็นผลึกกาลเวลา

“นางใส่เสื้อคลุมปกปิดใบหน้ามิดชิด ข้าจะเห็นได้อย่างไรละ” นางผู้หยั่งรู้หัวเราะร่วน สมองของเขาประมวลผลในพริบตา คนที่มาช่วยนางคืออลิเซียหญิงจากอนาคต จึงต้องปิดบังขนาดนี้

“มารีน่า อลิเซียคือลูกของไลล่าใช่หรือไม่” การ์ถามตรงๆตอนที่ยังมีเวลาเหลือ นางผู้หยั่งรู้พยักหน้า แววตาสีมรกตเศร้าหมองอยู่ชั่วพริบตา นางไม่เพียงตอบเขาว่าไลล่าคือแม่ของอลิเซีย ยังแอบบอกเป็นนัยอีกว่าพ่อของอลิเซียคือใคร

“ที่บอกเพราะรู้ว่าท่านไม่ชอบโพนทะนาเรื่องชาวบ้านหรอกนะ”

“แต่มารีน่า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร หมอนั่นเป็นแค่คนธรรมดา” การ์ย่นจมูก ภาพตอนสำรวจหอคอยกษัตริย์แทรกขึ้นแล้วหายวับ เป็นไปได้อย่างไรที่หมอนั่นจะมีสายเลือดของกษัตริย์อยู่ในตัว

“เมื่อถึงเวลาท่านกับริเรียจักหาทางพบได้เอง”

นางผู้หยั่งรู้ตีหน้าขรึม ไบรอันกับอลันถูกพลังอะไรสักอย่างส่งมาหาเขาในสภาพเหนื่อยอ่อน ผมมัดรวบของผู้กล้าแสงตะวันกระเซิงไม่เป็นทรง การ์ไม่เห็นอาการบาดเจ็บจึงคิดว่าสองคนนี้คงจัดการสาวกได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ต้องห่วงไบรอัน เมื่อถึงเวลาทางนั้นจะบีบให้ท่านทำตามสัญญาเอง” นางผู้หยั่งรู้พูด ผู้กล้าทั้งสองลุกขึ้นปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า “ดีใจไหมที่ไม่ต้องสู้กับพี่ชายของเวเบอร์ คู่ต่อสู้ของท่านกับริเรียคือพี่สาวของเวเบอร์ คนที่ต้องประลองกับผู้กล้าพัวร์รีนคือการ์”

“ข้าขอโทษการ์ เผลอไปสัญญากับพี่ของเวเบอร์ว่าจะประลองกัน แลกกับการจัดการสาวก” ผู้กล้าแสงตะวันสารภาพว่าโดนเล่นงานจนมุมจนต้องต่อรองให้พี่ของเวเบอร์เข้ามาช่วย “ข้ารู้มาว่าไลล่าตัดแขนขาของเวเบอร์อย่างละข้าง ภาวนาให้นางรอดด้วย”

“สวัสดีท่านผู้กล้าแสงตะวัน ข้าเรซี ลามีน่า ถูกส่งมาด้วยไมตรีจิตจากอิเดน คิดว่าท่านคงได้พบกับพวกของข้าอีกสองคนแล้ว ผู้กล้าพัวร์รีนกับเทพีเฟเรซิส” หญิงจากต่างแดนเดินโซซัดโซเซมาแนะนำตัวกับไบรอัน หญิงสาวมองดวงตาของผู้กล้าแสงตะวันแล้วพูดแบบเดียวกับตอนมองดวงตาของการ์

“ไม่ใช่เวลานี้สุดที่รัก ตอนนี้เรียกว่านักรบจันทราดีกว่า” มารีน่าแทรก นางรีบสุมหัวบอกแผนการทันที...  


กลุ่มแสงสีเหลืองเข้มแปรสภาพเป็นร่างไลล่า นางดูเหนื่อยอ่อน เศร้าโศก และงงงวยจากการถูกเคลื่อนย้ายทั้งที่ไม่น่ามีใครใช้เวทมนตร์กับนางได้ หญิงสาวกับผู้กล้าแสงตะวันกอดกันด้วยความดีใจที่รอดชีวิตมาทั้งคู่แม้นางจะแพ้แต่ไม่สิ้นชีวิต พันธมิตรจากโลกอื่นขอตัวกลับเพราะหมดธุระแล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของพวกเขา

“ประเดี๋ยวพ่อของท่านก็ขึ้นมา อีกไม่นานทางเราจะส่งทูตมาพบอย่างเป็นทางการ” หญิงนามเรซีกลั้วหัวเราะราวกับรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว นางกับเพื่อนชายกลายเป็นกลุ่มแสงพุ่งไปยังฟากฟ้าด้านทิศตะวันตก มารีน่าพูดทันควันว่าจะเล่าให้พวกเขาฟังหลังจากนี้

“มาแล้วการ์ เตรียมตัวให้ดี” ไบรอันเร่งให้การ์เดินไปด้านหน้าค่ายพัก “หลังจากนี้เป็นงานของเราคริสทาร่า ห้ามคนอื่นเข้ามาแทรกแซง”

เงาดำบินขึ้นมาบนท้องฟ้าเหนือหุบเหว ร่างเป็นชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลสั้นกระเซิงด้วยความเกรี้ยวกราด พื้นดินระเบิดอย่างไร้ความหมายระหว่างจอมปีศาจรีอัสพ่อแท้ๆของเขาบินมาทางค่ายพัก การ์บีบด้ามดาบแสงตะวัน เขาจะต้องคำรามสุดเสียงและแสดงให้สมจริงที่สุด

“ท่านคือจอมปีศาจรีอัส รีซูร่า พรีซีดเอนใช่หรือไม่” นักรบจันทราปิดท้ายการคำรามด้วยเสียงไอโขลก พ่อของเขาร่อนลงยืนตรงหน้า ร่างเล็กเปี่ยมด้วยรัศมีบางอย่างที่น่าเคารพศรัทธาราวกับกษัตริย์หรือบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ไม่แปลกใจที่เวเบอร์เคารพคนผู้นี้ประหนึ่งพ่อแท้ๆ “ข้าคือลูกชายของท่าน มาเวอร์ริค ชื่อในตอนนี้คือการ์ จัสติน ข้าและพวกพ้องมาที่นี่เพื่อหยุดยั้งท่าน” การ์ภาวนาให้เสียงคำรามดูดุดันมากพอจนคริสทาร่าเชื่อว่าเขาลงมือกับพ่อแท้ๆได้

“ด้านหลังนั่น ทางนั้นคงเสี้ยมสอนเจ้าว่าพ่อเจ้าคือคนเลว” พ่อของการ์กล่าว เสียงแหบแห้งทรงอำนาจจนการ์เกือบกลืนน้ำลายด้วยความลังเล “ฝ่ายที่ต่ำช้าคือสองเมืองใหญ่ต่างหาก กดดันเมืองอื่นให้อยู่ใต้อำนาจ เมื่อไม่ได้ดังใจก็หาเรื่องทำลายจนย่อยยับ คนที่สังหารเวเบอร์และสาวกทั้งสามคงเป็นคนของไพน์ใช่หรือไม่”

“ผิดแล้วท่านพ่อ”

การ์คิดว่าเสร็จงานนี้เสียงเขาคงแหบแห้งไปหลายวันแน่ เขาแอบสงสัยว่าเวเบอร์เป็นฝ่ายชนะเหตุใดจึงสิ้นชีพ “คนที่สังหารสาวกทั้งสี่ของท่านคือพรรคพวกของข้า พวกเรามาเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ท่านทำเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้ ข้าตามหาท่านด้วยความตั้งใจสุดท้ายของพ่อบุญธรรมแห่งข้า หยุดยั้งการทำลายล้างของท่านตามความประสงค์ของเอเลน่าน้องสาวแห่งข้า ตอนนี้ข้าต้องการให้ท่านล้มเลิกความตั้งใจกลับมาเป็นคนธรรมดา ข้ากับพรรคพวกจะยอมวางมือแค่นี้”

“ไม่มีทาง พ่อวางแผนนานนับปีจึงมาถึงจุดนี้ได้ ขอเพียงสองเมืองใหญ่ดับสิ้นต่อให้ร่างนี้แหลกสลายก็ไม่เป็นไร” ดวงตาสีน้ำตาลฉายแสงแรงกล้าทำให้การ์หวั่นเกรง เขาเคยซ้อมดาบกับพ่อบุญธรรมแบบทีเล่นทีจริง ความกดดันยามพ่อบุญธรรมเอาจริงเทียบไม่ได้กับความกดดันจากพ่อบังเกิดเกล้าผู้นี้ “ถอยไปเถิดลูกรัก เวเบอร์ผู้เปรียบเสมือนลูกคนหนึ่งของพ่อดับสิ้นไปแล้ว พ่อไม่อยากให้ลูกอีกคนต้องดับชีวิตตามไปด้วย”

“ข้าขอเตือนอีกครั้งในฐานะนักรบจันทราและลูกของท่าน พ่อบุญธรรมที่เลี้ยงข้ามาร่วมยี่สิบปีถูกสังหารด้วยฝีมือบริวารของท่านตอนเวเบอร์ไปรับตัวข้า” การ์คำรามสุดเสียงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “หากท่านไม่ยอมทิ้งความแค้นข้าก็ไม่มีเหตุผลให้ทิ้งความแค้นเช่นกัน ข้าจักตัดเยื่อใยบางๆนี่ทิ้งแล้วสังหารท่านให้มอดม้วย”

การ์พยายามยืดบทสนทนาให้นานที่สุด ตอนนี้คนอื่นๆคงเตรียมประจำจุดแล้ว มารีน่าย่องออกจากดงไม้ด้านหลังจอมปีศาจพร้อมรอยยิ้ม นางพยักหน้าว่าเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เขาต้องรุกไล่พ่อของเขาไปด้านหลังอีกนิด หากคลาดเคลื่อนจากจุดกึ่งกลางจะทำให้งานของคนอื่นหนักขึ้นโดยใช่เหตุ

“เตรียมรับมือ พ่อข้า” การ์ร้องอย่างห้าวหาญเข้าฟาดฟันอย่างไม่คิดชีวิต จอมปีศาจลังเลถอยกรูดหลบดาบสีเงินในมือลูกชายคนเดียว นักรบจันทราก้าวตามรอให้มารีน่าส่งสัญญาณอีกครั้ง

“จุดนั้นละการ์ ถอยออกมา” เมื่อสิ้นเสียงผู้กล้าแสงตะวันโซ่หนาหนักพลันพุ่งจากผืนดินรัดพันร่างของจอมปีศาจเอาไว้ทั้งตัวเหมือนดักแด้ในรังไหม คณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวันอีกห้าคนก้าวออกมาจากเงาไม้ตามรูปแบบดาวห้าแฉก ไบรอันเป็นคนถือโซ่ตรึงร่างพ่อของการ์ไว้กับพื้นดิน

ริเรียโยนห่อผ้าใส่ผลึกกาลเวลามาให้การ์ พวกนางกับไบรอันห้าคนจะสร้างเขตเวทมนตร์ล้อมรอบร่างที่จะถูกย้อนเวลา การ์จะต้องรอให้เวทมนตร์ทั้งห้าธาตุได้ระดับสมดุลจึงยื่นผลึกกาลเวลาไปสัมผัสกับร่างในสายโซ่ แสงสีทั้งห้าล้อมรอยตัวจอมปีศาจเอาไว้เหมือนซี่ลูกกรง ผลึกกาลเวลาถูกหยิบออกมาอยู่ในมือของนักรบจันทรา ความรู้สึกเย็นยะเยือกทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นกว่าเดิม แสงสีฟ้า แดง เขียว ทอง และน้ำตาล เข้มขึ้นเรื่อยๆ ด้านไหนสีอ่อนลงก็ถูกมารีน่าเร่งให้เพิ่มพลังขึ้นอีก ไบรอันเป็นคนเดียวที่รั้งท้ายเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้แถมต้องคอยพันธนาการจอมปีศาจเอาไว้ แสงสีน้ำตาลจากมือซ้ายของผู้กล้าแสงตะวันทรงพลังขึ้นอย่างเชื่องช้าแต่ต่อเนื่อง จนมาถึงจุดหนึ่งมารีน่ากู่ร้องให้เขาลงมือ

โซ่พันธนาการของไบรอันแตกสลาย ผลึกสีเหลือบรุ้งถูกโยนเข้าไปยังร่างกลางกลุ่มแสงห้าสี ทันทีที่ผลึกกาลเวลาสัมผัสร่างมันก็เปล่งแสงสว่างด้วยความปรารถนาของผู้โยน การ์ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องการย้อนเวลาบิดาของตนกลับไปยี่สิบปีตอนที่ยังไม่ถูกจอมอสูรเข้าครอบงำ ธาตุทั้งห้าเข้ากระตุ้นการทำงานของผลึกกาลเวลาตามที่เจ้าปากหนักอธิบาย การควบรวมของพลังห้าสายให้กำเนิดลมพายุย่อมๆ การ์หยีตาด้วยแสงสว่างและแรงลม ต้นไม้รอบด้านสั่นไหวราวกับถูกหักโค่น

“ตอนนี้ละไลล่า แค่สะกิดตรงหัวใจนิดเดียวไม่ต้องลึกมาก” เสียงมารีน่าสอดกลางเสียงพายุมนตรา

การ์พบว่าแสงกับลมพายุหายไปแล้ว ตรงกลางวงน่าจะมีแต่พ่อของเขาบัดนี้กลับกลายเป็นสองคน คนหนึ่งเป็นหญิงมีผมสีเหลืองทองตาสีพระจันทร์ อีกคนเป็นชายผมและตาสีน้ำตาล อายุของทั้งคู่คงมากกว่าพวกเขาไม่กี่ปี ไลล่ากรีดดาบสลายเวทลงบนหน้าอกของทั้งคู่ กลุ่มก้อนพลังเวทสีดำสนิทแยกออกมาเพราะร่างที่ต้องเข้าสิงสู่ถูกดาบสลายเวทสลักตราป้องกันเรียบร้อยแล้ว มันลอยล่องกลางอากาศไร้ที่ไปเหมือนหมึกดำถูกหยดลงน้ำ ไลล่ารีบก้าวถอยให้ไบรอันและริเรียทำงานต่อ

“ต่อไปเป็นการแต่งตั้งนักรบจันทรา เตรียมดาบเอาไว้นะการ์”

ไบรอันกับริเรียใช้เวทมนตร์กรีดแขนหยดเลือดตัวเองลงบนแก้วผลึกแผ่นบาง มารีน่ายื่นมือมาข้างหน้าใช้พลังเวทที่เหลือควบคุมพลังสีดำให้เป็นกลุ่มก้อนไร้รูปทรง การ์แทบสัมผัสพลังแรงกล้าจากร่างของนางผู้หยั่งรู้ได้ นางกำลังบังคับพลังสีดำเพื่ออะไรสักอย่าง ไบรอันกับริเรียรีบประกบผลึกสองแผ่นเข้าหากันโดยมีก้อนสีดำอยู่ตรงกลาง พลังสีดำสนิทถูกดูดซับลงแก้วผลึกทั้งสองจนเป็นสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำยืน การ์รู้สึกเหมือนมันคือเงาที่เขาถวิลหา

“เสียบดาบเข้ามาตรงกลางเลยการ์ พวกข้าสามคนคงสภาพนี้ได้ไม่นานนัก” ไบรอันคำรามจนลิ้นพันกัน เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของผู้กล้าแสงตะวันและเจ้าหญิงผมทอง ดาบของการ์ถูกเสียบเข้าไปในช่องว่างระหว่างแก้วผลึกโดยไม่รู้ตัว เมื่อที่กันมือกระทบแผ่นผลึกรอบตัวการ์ก็ดับวูบ

นักรบจันทราบัดนี้ถูกฝังอยู่ในความมืดมิด ร่างยืนแข็งไม่ขยับตามใจต้องการ ดวงตามองไม่เห็นอะไรเลยราวกับตาบอด มือข้างขวาที่กุมดาบแสงตะวันเย็นเฉียบรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ดาบแสงตะวันที่อบอุ่นเสมอกลับเย็นเหมือนเหล็กธรรมดา สัมผัสของโลหะถูกเปลี่ยนเป็นสัมผัสของแก้วผลึก น้ำหนักอาวุธคู่มือเบาลงเหมือนถูกเฉือนครึ่ง เขารู้สึกได้ว่าด้ามดาบเกิดผนึกอะไรสักอย่างเป็นที่กักเก็บพลัง หากแต่พลังที่ถูกกับเก็บในดาบตอนนี้กลับว่างเปล่าผิดกับตอนที่ยังเป็นดาบแสงตะวัน ตอนนั้นที่กักเก็บพลังในดาบเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับสูญ พอการเปลี่ยนรูปสิ้นสุดลงความมืดรอบด้านพลันถูกดูดเข้ามาในคมดาบเล่มใหม่ แสงสว่างรอบด้านไม่ทำให้ดวงตาของการ์พร่าเลือน สิ่งแรกที่เห็นคือดาบแก้วผลึกในมือ ที่จับดาบเป็นผลึกสีดำสนิทแกะสลักให้เหมาะมือ ผลึกสีเหลืองนวลเหมือนดวงจันทร์เรียบหลอมรวมกับที่กันมือจนไม่เห็นรอยต่อ เขาพบว่าใบดาบสีเหลืองมีความคมเหมือนกับมีดหั่นผักทื่อๆเทียบไม่ได้กับดาบแสงตะวันเล่มก่อน บางสิ่งในตัวเขากลับบอกว่าดาบเล่มนี้มีพลังแก่กล้ากว่าดาบแสงตะวัน สิ่งที่คาใจคือผนึกอาคมที่ตัวดาบ เหตุใดจึงไม่รู้สึกถึงพลังเหมือนดาบเล่มเดิม

“คราวนี้ก็เป็นนักรบจันทราเต็มตัวแล้ว ดีใจไหมสุดที่รัก”

มารีน่าดึงเขาออกจากภวังค์ พรรคพวกของเขาต่างเหนื่อยล้าแทบคลั่ง มารีน่ายืนหอบซี่โครงบาน ริเรียนั่งปาดเหงื่อกับพื้นหญ้า ไบรอันกับอลันใช้ต้นไม้ใกล้ๆต่างพนักพิงยืนส่งยิ้มเหนื่อยล้ามาให้ แม้แต่ไลล่ายังทรุดตัวนั่งข้างริเรีย แต่ละคนถูกความเหนื่อยอ่อนเกาะกุมทุกข้อต่อจนไร้เรี่ยวแรง

“แค่นี้ก็เป็นนักรบจันทราแล้วหรือ” การ์พ่นลมจากจมูก แค่เปลี่ยนดาบก็เปลี่ยนฐานะได้แล้วหรือนี่

มารีน่าใช้ความพยายามเลี่ยงว่าจะเล่าให้ฟังทีหลัง นางชี้ให้เขาดูชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่กลางวง พวกเขาดูสับสนและประหม่า การ์เสียบดาบจันทราข้างเอวพิจารณาคนคู่นั้นอย่างถ้วนถี่ ดวงตาของหญิงสาวเป็นสีพระจันทร์สวย ผมของชายอีกคนเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนเขาไม่มีผิด นางผู้หยั่งรู้บอกเขาตอนพักว่าพ่อและแม่ของเขารวมตัวกันเมื่อครั้งถูกจอมอสูรควบคุม เมื่อย้อนเวลากลับไปร่างของพ่อกับแม่ของเขาจึงแยกออกจากกันด้วย

“ท่านคือท่านอควาเรีย โมรัค กับท่านรีซูร่า พรีซีดเอนใช่ไหมขอรับ” การ์ถามหยั่งเชิง ดวงตาสีมรกตของมารีน่าจ้องมาที่เขา คงอยากถามว่าไม่เชื่อสิ่งที่นางบอกหรือ คนคู่นั้นพยักหน้าน้อยๆ ริเรียเคยบอกเขาว่าทั้งคู่ถูกย้อนเวลากลับไปแต่ตัวเท่านั้น ไม่สามารถลบความทรงจำหรือความรู้สึกในส่วนต่างของเวลา พ่อกับแม่ของเขาจะมีความทรงจำในช่วงที่เป็นจอมปีศาจเหลืออยู่

“มาเวอร์ริค” หญิงตาสีพระจันทร์ผุดลุกขึ้น มือข้างหนึ่งปิดป้องหน้าอกส่วนที่ถูกดาบสลายเวททิ่มแทง หญิงผู้นี้งดงามสูงส่งสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ของไพน์ เขาย้อนคิดถึงตอนที่ถามไบรอันเกี่ยวกับแม่ เจ้าปากหนักตอบว่าอยู่กับพ่อของเขา ถึงจะแปลความตามตัวอักษรไปนิดแต่เป็นความจริง “ผ่านมายี่สิบปี มาเวอร์ริคของแม่โตขึ้นขนาดนี้เลยหรือ” เจ้าหญิงผู้ถูกย้อนเวลาสวมกอดนักรบจันทราอย่างแนบแน่น เป็นครั้งแรกที่การ์ได้รับความรักจากแม่แท้ๆของตน

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะสังหารพ่อ อยู่ๆก็ถูกมัด รู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงแรงๆจนร่างของข้ากับอควาเรียแยกจากกัน เหตุใดเราสองคนจึงกลับไปเป็นหนุ่มสาวเหมือนตอนนั้น” อดีตจอมปีศาจรีอัสลุกขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลสำรวจคณะเดินทางอย่างถ้วนทั่ว ไลล่าลังเลว่าควรทำอย่างไรดี  

“ที่ว่าเรียกกลับคืนหมายถึงอย่างนี้สินะ ไบรอัน บรู๊ค” เสียงห้าวแกร่งของคริสทาร่าเรียกความสนใจของการ์ แม่ของเขาคลายอ้อมกอดหันไปมองผู้บัญชาการสูงสุดตั้งแต่หัวจรดเท้า นางอัศวินนกเพลิงคุกเข่าลงด้วยความจงรักภักดี “หม่อมฉันคือคริสทาร่า ไอยเรส ผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยอัศวินวิหคเพลิงแห่งไพน์ หม่อมฉันขอต้อนรับการกลับมาของท่านหญิงอควาเรียเพคะ”

“คริสทาร่า เด็กน้อยตัวเล็กๆคนนั้นหรือ” แม่ของการ์อุทานเบาๆมองคริสทาร่าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง “เวลาผ่านไปยี่สิบปีจริงๆหรือ เหตุใดข้ากับรีอัสจึงแยกจากกันได้ อธิบายให้แม่ฟังได้ไหมมาเวอร์ริค”

“ผลึกกาลเวลาขอรับท่านแม่” การ์ปาดน้ำตา เขาทำตามคำสั่งเสียของพ่อบุญธรรมได้แล้ว “ข้ากับพรรคพวกใช้ผลึกกาลเวลาย้อนเวลาพวกท่านกลับไปยี่สิบปี กลับไปเป็นตอนที่ยังไม่ถูกควบคุมและรวมตัวกัน แล้วใช้ดาบสลายเวทสร้างรอยแผลบนร่างท่านเพื่อไม่ให้พลังเวทของจอมอสูรเข้าควบคุมอีกครั้ง”

การ์อธิบายคร่าวๆให้พ่อกับแม่ของเขาฟังเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือครั้งนี้ ความพยายามหว่านล้อมผู้คนของไบรอัน ความดีความชอบของริเรียที่เจอเรื่องผลึกกาลเวลาเข้า ความยากลำบากในการห้ำหั่นกับสาวกเพื่อเข้าถึงตัวจอมปีศาจแม้การ์จะไม่ลงแรงด้วย ด้วยความดีใจทำให้เขาพูดไม่ยอมหยุด ตั้งแต่เรื่องคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อบุญธรรมกระทั่งการควบคุมของจอมอสูร  

“สรุปก็คือ” ไบรอันเดินมาพูดสรุปเพราะการ์ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว “พวกเราคณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวันทำลายจอมปีศาจรีอัสจนสิ้นซาก ช่วยพวกท่านให้หลุดพ้นจากการควบคุมกลับเป็นคนปกติ ไม่มีปัญหานะคริสทาร่า”

“เจ้าคงเป็นผู้กล้าแสงตะวัน ข้าจำที่เวเบอร์เล่าได้ลางๆ” พ่อของการ์ขมวดคิ้ว นิสัยมองซ้ายขวาเวลาใช้ความคิดเหมือนกับเขาไม่มีผิด พูดถึงเวเบอร์รีอัสคนธรรมดาก็น้ำตาเอ่อ พ่อกับแม่ของการ์กุมมือกันแน่นด้วยความรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายคนหนึ่งไป

“พอมีแรงบอกเราไหมมารีน่า” การ์หันไปคุยกับนางผู้หยั่งรู้ ตอนนี้นางลงไปนั่งหอบกับพวกริเรีย “ในเมื่อเวเบอร์ชนะไลล่าได้ทำไมจึงสิ้นชีวิต”

“ตอนนี้แค่เสียร่างไปเท่านั้น” ความขี้เล่นหายไปจากน้ำเสียง นางผู้หยั่งรู้ตอบแบบขอไปที “ร่างเขาเสียหายยับเยินเพราะดาบสลายเวท ต้องรอร่างใหม่สักพัก ประเดี๋ยวก็มาหรอก”

“นางคือผู้หยั่งรู้ขอรับ เชื่อได้แน่นอน ไลล่าก็รับรองด้วยว่านางเป็นฝ่ายแพ้ เวเบอร์เป็นอมตะไม่มีทางตายง่ายๆหรอกขอรับ” การ์เรียกรอยยิ้มของพ่อกับแม่อีกครั้ง ส่วนลึกเขาไม่คิดว่าไบรอันจะปลื้มเรื่องนี้สักเท่าไร ลองเจอกันคราวหน้าอาจมีศึกละเลงเลือดเกิดขึ้นก็ได้ “จริงสิท่านพ่อท่านแม่ พอดีเกิดเรื่องไม่คาดคิดข้าจึงรับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นน้องบุญธรรม นางคือไลล่าคนที่ต่อสู้กับเวเบอร์นั่นละขอรับ คิดว่าเวเบอร์คงบอกเรื่องนี้แล้ว”

ไลล่าถูกนักรบจันทราฉุดดึงให้ลุกขึ้น การ์ดันร่างเขินอายให้ไปยืนต่อหน้าพ่อกับแม่พร้อมแนะนำให้รู้จักกัน ตอนแรกเขาเดาว่าทั้งคู่คงรับไม่ได้ที่มีลูกสาวบุญธรรมเป็นยอดฝีมือ เอาเข้าจริงทั้งรีอัสและอควาเรียกลับชอบไลล่าจนแสดงท่าทีอย่างไม่ปิดบัง เอเลน่าน้องสาวเขาเคยเล่าเรื่องบันทึกเกี่ยวกับท่านแม่อควาเรียให้ฟังว่าเป็นคนแก่นกะโหลก ตรงจุดนี้กระมังที่นางถูกใจไลล่าเป็นพิเศษ

“มองแล้วรู้สึกเหมือนอควาเรียสมัยก่อน สวยและมีฝีมือ” รีอัสโอบกอดเขาและไลล่าพร้อมกัน “รู้หรือเปล่าว่าแม่ของพวกเจ้าเก่งขนาดไหน นางสามารถซ่อนมีดสั้นไว้ในเสื้อผ้าได้ถึงยี่สิบห้าเล่ม มากที่สุดเท่าที่พ่อเคยรู้ สาบานได้ว่านางเป็นเจ้าหญิงของไพน์”

“สามสิบต่างหาก วันนั้นข้าลืมเอาไว้ในห้องนอนห้าเล่ม” อควาเรียทำให้การ์รู้สึกแปลกๆ กึ่งตกใจกึ่งตะลึงในความสามารถ นางหันไปขอบคุณพวกไบรอันที่ช่วยครอบครัวของเขาเอาไว้แถมยังได้ลูกสาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน “ข้าว่าพวกเราไปคุยดันในกระโจมของทหารดีกว่า พวกเพื่อนเจ้าต้องการการพักผ่อนนะมาเวอร์ริค”

การ์ชะโงกดูคณะเดินทางที่เหลือ ริเรีย อลัน และไบรอันลงไปนั่งกับพื้นในฐานะผู้ถูกลืม ส่วนมารีน่า นางยืนจ้องไปยังท้องฟ้าด้านหนึ่งอย่างจดจ่อราวกับกำลังมองอะไรสักอย่าง เขาลองหยีตามองไปทางเดียวกับมารีน่า ฝูงบินสีขาวกลืนไปกับก้อนเมฆกำลังมุ่งมาทางนี้ ด้วยจำนวนมหาศาลแม้มองจากระยะไกลก็เห็นว่าไม่ใช่นก คริสทาร่ารีบปฏิเสธเพราะทัพเสริมจะมาด้วยม้าไม่ใช่สัตว์บิน

“เตรียมตัวเอาไว้การ์ ในหมู่พวกเราตอนนี้เหลือแค่ท่านที่ยังต่อสู้ได้” มารีน่าเอ่ย การ์รู้ทันทีว่าเป็นสมุนของจอมอสูร “หากเวเบอร์มาช้าเกินไปพวกเราอาจถูกปิดปากด้วยการสังหารหมู่” นางผู้หยั่งรู้วางสีหน้าเรียบเฉย การ์ชักดาบจันทราเล่มใหม่ออกมา เขาไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนแต่เขาจะต้องปกป้องครอบครัวและคณะเดินทางให้ได้...

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 07:24:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com