นักรบจันทรา ตอนที่ 27 จอมอสูร
|
 |
ตอนที่ 27 จอมอสูร
ข้ายังคิดไม่ตกเลยไบรอัน ข้าทำตามคำสั่งเสียของพ่อบุญธรรมแล้ว ครอบครัวของข้ากลับมาอยู่เคียงข้างเป็นเรื่องน่ายินดี แล้วข้าจำเป็นต้องสังหารจอมอสูรด้วยหรือ การ์ถอนหายใจกับไบรอันจ้องมองกองไฟกองเดียวในถ้ำห่างไกล
วันที่สี่นับตั้งแต่ช่วยย้อนเวลาจอมปีศาจรีอัสให้กลับเป็นคนปกติ ต้องขอบคุณวาทศิลป์ของเจ้าปากหนักไบรอันที่ช่วยหยุดยั้งกองทัพของไพน์ที่ต้องการเข้าร่วมต่อสู้กับจอมอสูรด้วย ผู้กล้าแสงตะวันช่วยหลอกให้กองทัพหยุดรอพวกเขาฟื้นตัวเป็นเวลาห้าวัน ย่างเข้าวันที่สี่พวกเขาก็ดอดหนีมายังเมืองทางเหนือไกลโพ้นทิ้งไว้แค่จดหมายเล็กๆว่าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาติดร่างแหเรื่องนี้ด้วย มารีน่าใช้ขนปีกการ์ลูสพาคณะเดินทางของนักรบจันทรามาอยู่กลางพายุหิมะ โชคดีที่เป็นเขตภูเขาสูงจึงหาถ้ำได้ไม่ยากเย็น
นั่นเป็นหน้าที่ของเจ้าการ์ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของนักรบจันทราไม่ใช่ผู้กล้าแสงตะวัน
เจ้าปากหนักเปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากสร้างดาบจันทราให้เขา ไบรอันลดความสำคัญของตัวเองมาเป็นเพื่อนร่วมทางไม่ใช่ผู้นำอย่างเคย แม้จะลดความสำคัญของตนลงยังไม่วายติดนิสัยเดิม ทั้งไบรอันและเวเบอร์ตีกันเพื่อได้นั่งคลุมผ้าผืนเดียวกับไลล่าจนนางต้องขู่ว่าจะเผาทั้งคู่ด้วยไฟของซีซาร์จึงยอมหยุดถกเถียง เวเบอร์ยอมไปนั่งคลุมผ้าผืนเดียวกับมารีน่าอย่างเสียไม่ได้ ความหนาวเย็นจากผนังถ้ำทำให้ความคิดของพวกเขาทื่อลง เคราะห์ดีที่มีดาบจอมกษัตริย์และดาบเทพวิหคจึงสร้างกองไฟได้ง่ายๆ
เลิกเครียดแล้วมาทายปัญหากันดีกว่า มารีน่ายังคงความสดใสไว้ได้กลางอากาศเย็นยะเยือก ปากถ้ำถูกอุดด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดปานกลางเว้นช่องเล็กๆให้ลมเย็นแทรกเข้ามาตามความคิดนาง ใครในหมู่พวกเราที่แตกต่างจากคนอื่น มีใครอยากตอบบ้าง คิดอีกทีเรื่องนี้ก็เครียดน้อยกว่าเรื่องเมื่อกี้นิดหนึ่ง
ไบรอัน เจ้านั่นกระจอกที่สุด เวเบอร์ใช้เศษไม้เขี่ยกองไฟ การ์ห่มผ้าผืนเดียวกับไบรอันจึงสัมผัสความแค้นฝังลึกได้มากกว่าคนอื่น มารีน่าบอกว่าผิดตามด้วยเสียงโห่ทับถมเบาๆ
ไลล่า นางมีส่วนของสองคนอยู่ในคนเดียว ไบรอันตอบโดยไม่ยินยลคำค่อนขอดจากศัตรูหัวใจ เราตอนก่อนหน้านี้ก็เป็นเหมือนนางนี่ไบรอัน ก่อนข้าจะแยกวิญญาณเข้ามาในร่างนี้ ผิดเหมือนกัน นางผู้หยั่งรู้โห่ เริ่มมีเสียงหัวเราะจากริเรียและไลล่า
อลันใช่ไหม เขาร่วมคณะโดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ การ์ตอบบ้าง คราวนี้นางผู้หยั่งรู้นิ่วหน้าไม่บอกว่าผิดหรือถูก
คำตอบถูก เหตุผลถูกครึ่งเดียว นางผู้หยั่งรู้โบกไม้โบกมือ อลันผู้โดดเดี่ยวไม่มีใครห่มผ้าด้วยกันขมวดคิ้ว การ์คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมารีน่าจึงนำมาพูด
ในโลกที่ชื่อว่าอิเดน ย้อนอดีตไปนานแสนนานเมื่อครั้งจอมเทพเอริสยังอยู่กับมนุษย์ ผู้ช่วยชีวิตเขาในวัยเยาว์มีน้องอยู่สามคน หญิงสาวผู้ช่วยชีวิตมีดวงตาสีพระจันทร์แดง น้องคนรองมีดวงตาสีอำพัน คนถัดมามีดวงตาสีพระจันทร์ยามเต็มดวง คนเล็กสุดมีดวงตาสีมรกตสวยงาม เมื่อจอมเทพเอริสสถาปนาตัวเองขึ้นปกครองดินแดนได้มอบพรแก่พี่น้องทั้งสี่ ให้สีของดวงตาถ่ายทอดสู่ลูกหลานเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อองค์จอมเทพ ระหว่างมอบพรนั้นคนเล็กที่มีดวงตาสีมรกตตายด้วยโรคประหลาดองค์เอริสจึงคืนชีวิตให้เขาอีกครั้งพร้อมมอบพรวิเศษให้ผู้สืบสายเลือดของเขาสามารถตายได้สองครั้ง ต่อมาเมื่อองค์เอริสสร้างระบบสองเมืองใหญ่ พระองค์ต้องการสายเลือดที่เข้มแข็งมาเป็นผู้ปกครองจึงนำลูกหลานของสองพี่น้องผู้มีดวงตาสีอำพันและพระจันทร์มาปกครองเมืองใหญ่ แล้วนำลูกหลานของผู้มีดวงตาสีมรกตมาอยู่ดินแดนนี้เพื่อช่วยเหลือยามเกิดเหตุร้าย และเป็นการเสริมความแข็งแกร่งเข้าสู่สายเลือดของชาวเรมิสต์
เมื่อเกิดเรื่องพระองค์ยังไม่วายเลือกสายเลือดของอิเดนขึ้นมาช่วยขจัดปัดเป่าภัยอันตรายอีก หมายความว่าตัวข้า ไบรอัน เวเบอร์ การ์ และไลล่า เป็นญาติที่ห่างกันมาก สามารถสืบสายเลือดได้ว่ามาจากที่เดียวกัน มีเพียงอลันเท่านั้นในคณะเดินทางของพวกเราที่เป็นชาวเรมิสต์สายเลือดแท้ ไม่มีส่วนของอิเดนเจือปนแม้แต่นิด ของริเรียนั้นพิเศษกว่าคนอื่น ลูกสาวคนโตขององค์เอริสรักใคร่ชอบพอมนุษย์ธรรมดาพระนางจึงทิ้งความเป็นเทพลงมาอยู่กินกับชายที่นางรัก ด้วยความที่เคยเป็นบุตรีขององค์จอมเทพผู้สูงส่งจึงถูกส่งมาอยู่ในที่ซึ่งไม่มีใครรู้จักนั่นก็คือเรมิสต์ นางกับชายผู้นั้นได้เป็นผู้ปกครองเมืองหนึ่งเป็นของขวัญจากบิดา มารดาของนางก็มอบของขวัญให้เช่นกัน เทพีไวน์ผู้เป็นมารดาบันดาลให้หุบเขาในเขตเมืองนั้นมีแร่ผุดขึ้นมามากมายจนเมืองนี้ได้รับชื่อว่าเก็ม ริเรียจึงมีสายเลือดขององค์เอริสโดยตรงถือเป็นอีกคนที่ไม่เหมือนใครในพวกเรา
มารีน่าทำให้ชาวคณะเดินทางทุกคนเงียบกริบ การ์เข้าใจสิ่งที่การ์ลูสเคยบอกแล้วว่าเหตุใดเขาจึงต้องเป็นนักรบจันทรา จอมเทพสูงสุดไม่เสี่ยงให้สายเลือดชาวเรมิสต์ขึ้นมาต่อกรกับศัตรูร้ายจึงเลือกเขาขึ้นมาเป็นคนจัดการ ไบรอันกระซิบข้ามกองไฟไปคุยกับเวเบอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เวเบอร์ยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยพอให้เห็นความเป็นมิตร
คำถามพาเครียดข้อที่สอง มารีน่าทำลายความเงียบ การ์มีลางสังหรณ์ว่าคำถามนี้จะทำให้เครียดหนักกว่าเดิม การ์ลูสเคยบอกท่านใช่ไหมการ์ว่าก่อนหน้านี้ท่านคือนักรบแสงตะวัน ไม่ใช่นักรบจันทรา ลองเดาเหตุผลกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะเขาใช้ดาบจันทราอย่างไรละ ดาบแสงตะวันเปลี่ยนเป็นดาบจันทรา นักรบแสงตะวันย่อมเปลี่ยนเป็นนักรบจันทราด้วย ไบรอันตอบอย่างเอือมระอาแต่เรียกเสียงหัวเราะคิกคักได้ การ์คิดว่าเหตุผลนี้อ่อนเกินไปแต่มารีน่าบอกว่าถูกต้อง
ย้อนเวลากลับไปกันอีกรอบ จอมเทพเอริสและเทพีเฟรเซียต้องการใช้ความมืดในเรมิสต์สร้างดาบวิเศษ ปัญหาคือความมืดนั้นมากมายจนบดบังส่วนที่เป็นแสงสว่างจนหมด ท่านทั้งสองมองเห็นอนาคตว่าจะมีเหตุการณ์ที่ความมืดส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาจึงสร้างดาบแสงตะวันซึ่งเป็นส่วนแสงสว่างขึ้น เมื่อนำไปดูดกลืนความมืดพร้อมผลึกสองชิ้นกับเลือดผู้ทรงอาคมสองคนมันจะกลายเป็นดาบจันทรา คราวนี้เหมือนประชด องค์เอริสทรงเรียกผู้ที่จะครอบครองและทดลองอานุภาพของดาบเล่มนั้นว่านักรบจันทรา แต่เทพีเฟรเซียทรงขัดขึ้นว่าหากยังไม่ได้ดาบจันทราก็ยังเรียกว่านักรบจันทราไม่ได้ พระนางนั้นทั้งรั้นและหัวดื้อจนองค์เอริสต้องปล่อยเลยตามเลย เรียกผู้ครอบครองดาบจันทราส่วนแสงว่านักรบแสงตะวัน เมื่อใดที่ดาบแสงตะวันเปลี่ยนเป็นดาบจันทราแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเป็นนักรบจันทรา มารีน่าเรียกเสียงหัวเราะได้สมใจอยาก การ์คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเหตุผลบ้าๆอย่างนี้ สุดท้ายเป็นผู้ถือดาบจันทราก็น่าจะได้ชื่อนักรบจันทราไปเลย
คำถามพาเครียดข้อต่อไป รู้หรือไม่ว่าใครเป็นแขกยามค่ำของเรา
ไม่ทันสิ้นเสียงก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่าตัวคนถูกป่นละเอียดคาปากถ้ำ การ์ฉวยดาบจันทราด้านหลังเผื่อแขกยามวิกาลจะเป็นศัตรู แสงไฟวับวามถูกความมืดเบื้องนอกกลืนกินเกือบสิ้นมองเห็นแค่ขาสองคู่ เวเบอร์นั่งหันหลังให้ปากถ้ำผุดลุกขึ้นแล้วโค้งอย่างนอบน้อม มารีน่าก็ลุกขึ้นพร้อมแนะนำทุกคนว่าคนที่มาถึงคือพี่บุญธรรมสองคนของเวเบอร์ ลมเย็นพัดกรูเงาหิมะเลือนรางเป็นไปได้ว่าพายุหิมะข้างนอกสงบแล้ว
พายุข้างนอกหนักจนมองแทบไม่เห็นเลยทำให้สงบลงสักพัก เสียงหญิงสาวทุ้มต่ำทำให้การ์เชื่อที่ไบรอันเล่า พี่ของเวเบอร์มีความสามารถเหนือมนุษย์ พวกข้าใช้เวลาเสียค่อนวันกำจัดสมุนและสาวกที่เหลือจนเหลือแค่จอมอสูรโดดๆแค่ตนเดียว เรากักตัวไว้ในแท่งน้ำแข็งกว่าจะออกมาได้พวกเจ้าก็คงไปถึงแล้ว ยึดผ้าแพรเหล็กกล้ามาด้วยงานของพวกเจ้าจะได้ง่ายขึ้น การ์และไบรอันครางแทบพร้อมกัน แค่สองคนก็ผนึกจอมอสูรร้ายได้แล้วอย่างนั้นหรือ
ข้าเอาเกราะมาฝากนักรบจันทราด้วย เสียงชายหนุ่มคงเป็นพี่ชายบุญธรรมของเวเบอร์ ห่อหนังขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงข้างกองไฟ ข้างในมีเกราะเหล็กสุมกันอยู่ ไม่ใช่ของดีเด่แต่ดีกว่าไปตัวเปล่าๆ ใช้เสร็จแล้วคืนเวเบอร์ด้วย
ส่วนเจ้าเวเบอร์น้องรัก ข้าให้เจ้ายืมเกราะเทพเป็นเวลาหนึ่งวัน เทพีไวน์ทรงลงอาคมด้วยพระองค์เอง มันจะเชื่อฟังเจ้าจนกว่าการต่อสู้กับจอมอสูรจะเสร็จสิ้น
แสงขาวจากปากถ้ำส่องฉายเข้ามาในเวิ้งถ้ำจนเห็นแง่งหินได้ทุกอัน ชิ้นส่วนสีขาวไข่มุกลอยออกมารวมตัวเป็นชุดเกราะขนาดใหญ่ แสงบนผิวเกราะดับลงจึงเห็นว่าเป็นเพียงเกราะขึ้นสนิมธรรมดาๆ การ์ขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ชุดเกราะรบยังเป็นชุดขึ้นสนิมคร่ำคร่า อัญมณีอะไรสักอย่างติดอยู่ส่วนหน้าอกก็ฝ้ามัวดูไม่ออกว่ามันเคยมีสีใด
ส่วนพระนางผู้หยั่งรู้ ขัดข้องหรือไม่หากข้าจะขอคุยเรื่องคนที่สองกับท่าน พี่สาวของเวเบอร์กระแอม มารีน่าตอบตกลงทันที ข้าไม่ได้คิดกล่าวหาท่าน แต่ข้อมูลที่ท่านฝากเวเบอร์มานั้นคลุมเครือและกว้างเกินไปสักนิด
พอดีตอนนั้นมีสาวกของเทพปีศาจอยู่ใกล้ๆจึงไม่อยากพูดมาก มารีน่าหัวเราะไม่มีท่าทีเคารพหรือหยิ่งทะนงจนเกินตัว เอาไว้มาจิบน้ำชาคุยกันในปราสาทของท่านไวน์ก็แล้วกัน ไม่ต้องกลัวใครแอบฟัง
ข้าชอบมุขตลกของท่านนะ ที่บอกว่าอยู่ใกล้ข้าจนติดความเป็นเทพไป ทำอย่างกับโรคติดต่อ พี่สาวของเวเบอร์หัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะสะท้อนไปมาในผนังถ้ำสร้างความประหลาดใจให้เวเบอร์และพวกเขา
คู่รักพี่บุญธรรมของเวเบอร์หายไปด้วยมนตร์เคลื่อนย้าย การ์โล่งใจจนบอกไม่ถูกที่พี่ของเวเบอร์นำเกราะมามอบให้แถมช่วยกรุยทางล่วงหน้าให้อีกต่างหาก พรุ่งนี้เช้าตรู่ของเวลาที่นี่พวกเขาจะบุกเข้าไปในเขตเทพซึ่งอยู่ขั้วโลก ปัญหาเหลือสิ่งเดียว เขายังคิดไม่ตกว่าควรกำจัดจอมอสูรดีหรือไม่ เวเบอร์เอาชุดเกราะในห่อหนังมาให้เขาใส่เพื่อความคุ้นเคย เนื้อเหล็กเย็นเฉียบไม่หนักอย่างที่คิด ชิ้นส่วนเกราะน้อยชิ้นเพื่อปกป้องเฉพาะที่ อก แขน ขา ไม่มีส่วนหัว อย่างไรคงดีกว่าเกราะขึ้นสนิมที่เวเบอร์ได้รับ
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยสวม นั่นคือเกราะวิเศษมีเงื่อนไขซับซ้อนมากมาย ข้าไม่อยากเสี่ยงให้สิ้นฤทธิ์ก่อนวันพรุ่งนี้ เวเบอร์ย้ำอีกคำว่าเกราะเก่าเก็บนั่นคือเกราะวิเศษ เขาคลุมผ้าห่มนั่งเคียงมารีน่าโดยการบังคับ
พรุ่งนี้ข้ากับท่านการ์จะเข้าประชิดตัว พวกเจ้าคอยสนับสนุนอยู่แนวหลัง เกาะกลุ่มกันไว้จะได้ป้องกันง่าย เวลาโจมตีไม่ต้องกลัวโดนพวกเดียวกัน ข้าเบี่ยงเวทมนตร์หรืออาคมต่างๆได้ ส่วนดาบจันทราก็ดูดพลังทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังของตน อย่างหลังเป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้เวทมนตร์แรงๆโจมตีต่อเนื่อง หากไม่โดน ข้ากับดาบจันทราจะทำให้มันโดนเอง เวเบอร์วางแผนต่อสู้ให้เสร็จสรรพ เหตุเพราะพี่ชายเขาคืออดีตผู้กล้าเลื่องชื่อจึงรู้เรื่องแบบนี้มากกว่าใคร ชายตาสีพระจันทร์แดงเสริมอย่างเบื่อหน่ายว่าเคยฟังการต่อสู้จากปากพี่บุญธรรมเป็นการลงโทษมามากกว่าสามสิบรอบ...
เช้าตรู่มาถึงเร็วจนไม่ทันตั้งตัว การ์จำได้ว่านอนไม่หลับจึงนั่งถกกลยุทธ์กับเวเบอร์อยู่พักใหญ่ ก่อนความทรงจำจะถูกบั่นทอนเขาจำได้คร่าวๆว่ามารีน่าต้องการให้พวกเขาพักมากที่สุดเพื่อเตรียมต่อสู้บางทีเขาอาจโดนมนตร์สะกดให้หลับก็ได้ การได้ย่ำบนกองหิมะทำให้หัวโล่งอย่างประหลาด อากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อดวงอาทิตย์จับขอบฟ้า ที่น่าตกตะลึงคือเกราะเก่าเมื่อคืนกลับกลายเป็นเกราะทองคำมันวาว อัญมณีบนหน้าอกเป็นบุษราคัมเม็ดโตส่องแสงเรืองรองอย่างประหลาด
ยามพี่หญิงข้าใส่มันเป็นเกราะเงิน อัญมณีคือทับทิมสีเลือด เวเบอร์ไม่ต้องเสียเวลาใส่เกราะเหมือนการ์ แค่ยื่นมือไปสัมผัสมันก็ลอยเข้าหาผู้สวมแปรสภาพเป็นสีทองอร่ามตั้งแต่หน้าอก หัวไหล่ แม้กระทั่งนิ้วมือยังถูกปกคลุมมิดชิด เห็นแบบนี้แต่เบาเหมือนหนังสัตว์มันเปลี่ยนไปตามคนใส่ ข้ารู้แค่นี้ละ เวเบอร์ขอให้มารีน่าใช้ขนปีกของการ์ลูสเคลื่อนย้ายอีกครั้ง
แสงสีฟ้ากับแรงกระตุกหายไปเผยให้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจี อากาศอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิล่องลอยเหมือนความฝัน กลิ่นหอมจางไร้ที่มาสร้างบรรยากาศดุจสวนสวรรค์ มารีน่าพาพวกเขามาอยู่เบื้องหน้าสิ่งก่อสร้างใหญ่โต พูดให้ถูกมันคือแท่งน้ำแข็งขนาดเท่าปราสาทหลังใหญ่ ไอเย็นปกคลุมจนมองเห็นรายละเอียดได้เลือนราง เสียงปริแตกส่งผลให้ทุกคนเตรียมตัวต่อสู้ ในนาทีสุดท้ายการ์ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ กระทั่งผลึกน้ำแข็งทลายลงปล่อยร่างภายในให้เป็นอิสระ คนเบื้องหน้าคือผู้ใช้ร่างเทพรีอาเป็นปลอกป้องกัน ใบหน้างดงามเหมือนผู้หญิงตามรูปเคารพ ผ้าไหมพลิ้วสีขาวบริสุทธิ์ดั่งปุยเมฆ ผมสีดำสนิทดั่งถ่านไม้ ตาสีฟ้าเหมือนจอมเทพสูงสุดแห่งอิเดนไม่มีผิด จอมอสูรร่อนลงยืนหน้าพวกเขาอย่างแผ่วเบา รัศมีความน่าเกรงขามคละกันระหว่างความเมตตาและน่ากลัว
ข้ารู้ว่าเจ้าคือจอมอสูร ขอถามบางสิ่งได้หรือไม่ การ์กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันยุ่งเหยิง เหตุใดท่านจึงใช้พ่อข้าต่างหุ่นเชิด ใช้เวทมนตร์มืดเข้าควบคุมเหมือนตุ๊กตาใช้แล้วทิ้ง
พ่อของเจ้าต้องการทำลายสองเมืองใหญ่ เขาต้องการพลังข้าจึงมอบให้ เทพอสูรตอบออกมาด้วยเสียงของเทพรีอา ก้องกังวานทรงพลังเปี่ยมล้น ข้าแก้แค้นผู้สร้างที่นี่ด้วยการเข้าแทนที่ตัวจริงเท่านั้นซึ่งข้าทำขั้นแรกสำเร็จแล้ว เมื่อใดที่ข้าติดต่อเทพปีศาจในอีกโลกหนึ่งได้จึงเริ่มขั้นต่อไป เจ้าต้องการสันติสุขหรือจึงมากำจัดข้าอย่างนี้
อย่างนั้นถ้าเจ้าไม่มอบพลังให้ พ่อข้าคงล้มเลิกแผนทำลายเมืองใหญ่ใช่หรือไม่ การ์วาดดาบจันทราเบาๆ คำตอบที่ชัดเจนที่สุดผุดขึ้นมาแล้ว เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด มอบพลังให้กับพ่อข้าสุ่มสี่สุ่มห้าจนท่านจนมุม ครอบครัวข้าแตกแยกจนบุตรต้องมาสู้กับบิดาตนเอง หากไม่มอบอำนาจล้นฟ้าให้เขาคงไม่กลายเป็นแบบนี้ ข้าไม่ต้องมาเป็นนักรบจันทรา พ่อแท้ๆของข้าไม่ต้องเป็นจอมปีศาจ พ่อบุญธรรมของข้าคงไม่ต้องจบชีวิต
ความโกรธแค้นผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดจนการ์ต้องควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่พอเหมาะพอสม มือทั้งสองข้างกุมดาบจันทราแน่นจนผลึกด้ามดาบสั่นระริก เหตุผลที่เขาสู้รบปรบมือกับจอมอสูรไม่ใช่เพราะสันติสุขหรือชะตากรรม แต่เพราะจอมอสูรผู้นี้ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกไปคนละทาง พ่อบุญธรรมที่เทิดทูนยิ่งต้องมาจบชีวิต ขืนปล่อยไปพ่อของเขาอาจถูกควบคุมอีกครั้งคราวนี้ทางไพน์อาจสังหารต้องเพื่อยุติเรื่องนี้ เวเบอร์คงมองเห็นเจตนาของเขาแล้ว ชายตาสีพระจันทร์พยักเพยิดให้พวกไบรอันถอยออกไปด้านหลัง
เหตุผลแค่นั้นหรือ จอมอสูรกล่าวด้วยความตกใจ
พ่อบุญธรรมของข้าเคยสอนไว้ ลูกผู้ชายต้องพูดน้อยต่อยหนัก แถมข้าไม่ถนัดคิดเรื่องเหตุผลบ้าบอคอแตกเกินกว่าสิ่งที่เห็น ข้าจะฆ่าท่านเพื่อแก้แค้นกับสิ่งที่ทำกับครอบครัวของข้า การ์คำราม การ์ลูส จงออกมาเป็นอสุรเทวภัณฑ์แห่งข้า เขาได้ยินเรื่องอสุรเทวภัณฑ์จากไลล่าแล้วจึงคิดว่าการ์ลูสอาจทำแบบเดียวกันได้ ตอนแรกเขาคิดว่าอาจออกมาเป็นอาวุธซัดหรือโล่ป้องกัน ไอร้อนสายหนึ่งด้านหลังชุดเกราะถักทอเส้นใยแผ่วบางเป็นปีกสีฟ้าใสเหมือนปีกของการ์ลูส เขาจำที่การ์ลูสบอกได้ว่าหน้าที่ของมันคือเป็นปีกให้นักรบจันทรา เขาไม่คิดว่าจะเป็นปีกตามตัวอักษรอย่างนี้
ร่างกายของท่านถูกข้าปรับสภาพเอาไว้ชั่วคราวนะขอรับ เสียงการ์ลูสก้องอยู่ในหัว พอคิดว่าการ์ลูสจ้ออยู่ใกล้ๆตลอดเวลาก็เหนื่อยหูแล้ว การบินอาจทำให้คลื่นไส้สักนิดแต่จะชินไปเอง ขอเพียงท่านคิดข้าจะทำตามที่ท่านสั่ง และจะหลบหลีกให้ด้วยเป็นกรณีๆไป
การ์พยักหน้าให้เวเบอร์เงื้อดาบเข้าฟาดฟันจอมอสูรที่ไร้อาวุธ ดาบเล่มหนึ่งถูกสร้างขึ้นจากความมืดลอยเข้าสู่มือของเทพจอมปลอม ดาบจันทราปะทะกับดาบเล่มนั้นเปิดช่องโหว่ให้เวเบอร์เข้าปะทะด้านข้าง นักรบจันทราสบถในลำคอเพราะคู่ต่อสู้หลบได้ในพริบตา ก้อนไฟนรกสีแดงสดรวมตัวกันในมือข้างหนึ่งก่อนถูกปล่อยเข้าหาการ์ ดาบจันทราดูดซับไฟก้อนนั้นเอาไว้ก่อนปล่อยกลับคืนเจ้าของ ร่างซีกหนึ่งของจอมอสูรถูกทำลายโดยเปลวไฟแต่สามารถคืนสภาพได้ในพริบตาเหมือนเวเบอร์
ทำต่อไปจนกว่าจะหมดพลังคงสภาพ เวเบอร์คำราม ดาบในมือเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แรงดึงดูดรอบข้างกระพือไหวไม่เป็นระบบ พื้นดินถูกยกตัวลอยสูงราวไร้น้ำหนักแล้วพุ่งเข้าหาร่างบอบบางกลางวง เกิดระเบิดขึ้นภายในพร้อมกับการหลบหนีของจอมอสูร
การ์ทะยานเข้าไปหาแต่เวเบอร์ไม่อยากรอ เขาจับแขนการ์เหวี่ยงขึ้นไปในอากาศเลยร่างจอมอสูรไปอีกด้วยพลังมหาศาล ปีกด้านหลังกระพือปล่อยเวทมนตร์พยุงตัวกลางอากาศ หูอื้อชาเพราะแรงเหวี่ยง ความคลื่นไส้ถาโถมแล้วหายไป เจ้าการ์ลูสคงรักษาให้ทันทีด้วยน้ำตาของมัน จอมอสูรลอยเข้าหาเขาพร้อมพลังสีดำบนใบดาบ พลังสีดำถูกกลืนโดยดาบจันทราแต่แรงกระแทกทำให้การ์เสียหลัก เขายังไม่คุ้นการเปิดปิดผนึกกักเก็บพลังของดาบ รู้ตัวอีกทีก้อนพลังรูปนกนางแอ่นก็พุ่งมาทางเขาโดยจงใจ นกนางแอ่นสีน้ำทะเลถูกดาบแสงตะวันดูดกลืนอีกครั้ง แขนขวาของเขาปวดแปลบเมื่อสะบัดดาบปล่อยก้อนพลังงานที่ถูกขโมยมาใส่เป้าหมายเหนือหัวแต่พลาด เวเบอร์ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ดาบในมือเปลี่ยนเป็นแท่งกระจกใสฟาดฟันสะท้อนก้อนพลังจากการ์เข้าไปหาจอมอสูรจนกระอักเลือด
รอก่อนการ์ เสียงไบรอันคำรามเรียกความสนใจ
ลูกธนูไม้ของไบรอันกลายเป็นต้นไม้ใหญ่เติบโตแตกกิ่งก้านรัดพันจอมอสูร การ์กับเวเบอร์บินหลบกิ่งก้านพัลวัน พร้อมกันนั้นไลล่าเรียกมังกรดำออกมาพ่นเปลวเพลิงเผาผลาญจอมอสูรพร้อมกับไม้ใหญ่ เปลวไฟร้ายแรงกว่าครึ่งพลาดเป้าราวจงใจส่งพลังให้เขา
นักรบจันทรากับเวเบอร์สบตากัน ดาบในมือบุรุษนัยน์ตาสีพระจันทร์แดงเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงสุกสกาว เขาทั้งสองพร้อมใจกันปล่อยลูกไฟขนาดเท่ามังกรตัวย่อมๆใส่ต้นไม้ของไบรอัน สองพลังอัดกระแทกต้นไม้จนแหลกลาญแต่มองไม่เห็นจอมอสูรอยู่ข้างใน ร่างลุกไหม้เหนือหัวการ์ตวัดดาบเข้าหาโชคดีที่เกราะบ่าช่วงเบี่ยงทิศทางไว้ได้ การ์ยกดาบปัดป้องรุกไล่ก่อนสั่งให้การ์ลูสพาบินหนีเพื่อรักษาระยะห่าง เขาแทบไม่มีเวลาคิดว่าเพื่อนพ้องจะทำอะไรต่อ ประสาทสัมผัสตอนนี้เฉียบคมแข็งกร้าวกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงลมและเมฆฝนบนท้องฟ้า กลุ่มเมฆฝนรวมตัวดั่งคลื่นยักษ์ปล่อยพายุสายฟ้าลงมาในฉับพลัน การ์ได้ดาบจันทราช่วยดูดซับสายฟ้าเอาไว้ได้ ทางเวเบอร์และพวกไบรอันก็ป้องกันตัวเองได้เช่นกัน
ลากมันลงมา ไบรอันและอลันคำรามอีกครั้ง ทั้งคู่กระโจนออกจากกลุ่มเพื่อเป็นฝ่ายรุก
เวเบอร์เลิกคิ้วแล้วทำตามศัตรูหัวใจต้องการ เขาไปปรากฏตัวเหนือหัวจอมอสูรใช้ดาบสีดำจ้วงแทงลงมา แม้จะปัดป้องดาบของเวเบอร์ได้แต่แรงอาคมจากดาบส่งร่างเป้าหมายลงสู่พื้นด้วยแรงโน้มถ่วง ร่างเล็กๆถูกเข็มดินหอกน้ำแข็งจากพื้นทิ่มแทงจนเลือดอาบ หากไม่ใช่ฝีมือริเรียก็มารีน่า ร่างถูกปักคาระเบิดเป็นชิ้นๆพร้อมดินและน้ำแข็ง แม้ร่างขาดวิ่นแต่จอมอสูรยังไม่ยอมตาย ยังคงลอยเท้งเต้งกลางอากาศรอการรักษาตัว ก้อนไฟนรกสีดำทมิฬถูกปล่อยไปยังพวกมารีน่าที่ยืนปักหลัก ลูกแรกถูกมารีน่าซัดก้อนพลังรูปนกนางแอ่นใส่จนกระจายตัวเป็นวงกว้าง จอมอสูรหายไปจากคลองสายตาของการ์ไปปรากฏตัวด้านหลังกลุ่มผู้หญิง ไบรอันและอลันรีบวิ่งไปช่วยเหลือแต่สายไปเสียแล้ว ก้อนพลังสีดำสนิทก้อนที่สองพุ่งออกมาปะทะกับปราการน้ำแข็งของริเรีย ปราการน้ำแข็งแตกร้าวใกล้พังทลายในขณะที่กลุ่มก้อนไฟสีแดงสดอีกก้อนพุ่งลงมาสมทบกับลูกแรก การ์สั่งให้การ์ลูสพาไปช่วยพวกผู้หญิงให้เร็วที่สุด หูทั้งสองอื้ออึงด้วยความเร็วในการบิน ตาพร่าเลือนแทบลืมไม่ขึ้น
ถึงบอกให้รวมตัวกันอยู่อย่างไรละ เสียงก่นด่าของเวเบอร์ดังแทรกเบาๆ
หัวของการ์หมุนติ้วและหยุดกึก ปราการน้ำแข็งของริเรียพังทลาย ครั้งแรกการ์นึกว่าเวเบอร์มาช่วยกันได้แต่เปล่าเลย สิ่งที่ป้องกันพวกนางจากไฟนรกคือเกราะของเวเบอร์ เสื้อเกราะสีทองเรืองรองไร้รอยขีดข่วนทั้งที่อยู่ภายใต้หมอกควัน เขามองหาจอมอสูรอีกครั้ง คราวนี้ไปปรากฏตัวอยู่หลังเวเบอร์ ชายตาสีพระจันทร์แดงหันกลับไปป้องกันแต่ไม่ทันจนถูกดาบสีเงินกรีดหั่นร่างกายเป็นสองส่วน ชายหนุ่มตาสีพระจันทร์แดงร่วงหล่นสู่พื้นดินจากการถูกสังหารอย่างเฉียบขาด การ์ไม่มีเวลาตกใจมากนักเพราะจอมอสูรพุ่งมาทางเขาพร้อมดาบอาบเลือด ในหัวของเขาว่างเปล่าอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง
จะทำอะไรเวเบอร์ ออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้นะ เสียงร้องของไบรอันดึงความสนใจการ์
ดาบของจอมอสูรฉวยโอกาสพุ่งเข้าหาแต่มีหอกน้ำแข็งกระจายตัวมาทางเขากับจอมอสูรเป็นระลอกไม่ทันให้ตั้งตัว การ์เห็นว่าริเรียคงมาช่วยถ่วงเวลาจึงหลบบ้างปัดป้องบ้างดาบจันทราดูดกลืนน้ำแข็งได้ไม่หมด ส่วนที่เหลือก็แม่นราวจับวางพุ่งปักลงบนตัวเขาตรงส่วนที่ไม่ได้ป้องกันจนต้องบินหนีไปร้องไป มังกรดำตัวหนึ่งบินเข้าปะทะจอมอสูรให้เขาพักหายใจบ้าง เขาหันไปดูผู้กล้าแสงตะวัน มือทั้งสองกุมหัวราวกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างอยู่
ขอยืมร่างพักเดียวเท่านั้น สาบานได้ว่าข้าจะออกไปหลังเสร็จงาน เสียงคำรามจากคอของไบรอันกลับเป็นเสียงของเวเบอร์ หมอนั่นถูกวิญญาณของเวเบอร์เข้าสิงหรือ ไม่ได้มีแค่เจ้าหรอกที่รู้สึกขยะแขยงรับรองได้ ถ้าเราไม่ร่วมมือกันเจ้าคนเดียวคิดว่าจะปกป้องไลล่าได้หรือ สุดท้ายผู้กล้าแสงตะวันยอมศิโรราบแต่โดยดี เกิดการเปลี่ยนแปลงกับไบรอันแต่การ์ไม่มีเวลามอง
จอมอสูรผ่าร่างมังกรเป็นสองเสี่ยงแล้วบินมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง ดาบจันทราปัดป้องอย่างร้อนรน ปีกของการ์ลูสสร้างเปลวเพลิงขึ้นแผดเผาฝ่ายตรงข้าม การ์แอบดูดเปลวเพลิงสีฟ้าใสเข้ามาในดาบแล้วปล่อยมันเข้าหาคู่ต่อสู้ จอมอสูรกรีดร้องอยู่ในเปลวเพลิงของการ์ลูสส่งผลให้การ์มีโอกาสเหลือบไปมองไบรอัน คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เหมือนไบรอัน ผมสยายยาวถึงเอวมีสีก้ำกึ่งระหว่างเหลืองกับทอง ขลุ่ยเทพสายลมถูกชายผู้นั้นเป่าสร้างทำนองเพลงแสบแก้วหู มังกรธาตุทั้งห้าคำรามกึกก้อง การ์เคยเห็นมังกรน้ำและมังกรไฟแล้ว ส่วนมังกรดิน มังกรไม้ และมังกรทองก็มีรูปร่างไม่ต่างกัน ต่างแค่เพียงสิ่งที่ประกอบกันเป็นร่างมังกรยาวเหยียด มังกรทั้งห้าเข้ากลุ้มรุมจอมอสูรจนไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นโจมตี ไม่ถึงอึดใจชายผู้ยืนในจุดที่ผู้กล้าแสงตะวันก็หยุดบรรเลงเพลงกวนประสาท ชายคนใหม่ตะโกนสุดเสียงให้พวกเขาหาที่หลบ สังหรณ์ของการ์บอกว่าอะไรสักอย่างจะเกิดกับเหล่ามังกรทั้งห้าที่รัดพันกันกลางอากาศเขาสั่งการ์ลูสให้บินลงไปกันให้พวกริเรียแต่ไม่ทันเสียแล้ว มังกรทั้งห้าถูกระเบิดออกเป็นร้อยๆชิ้น แรงระเบิดทำให้นักรบจันทราพุ่งกระแทกพื้นเต็มแรง แถมมีเศษชิ้นส่วนมังกรปลิวมาอัดให้จุกเล่นเสียอีก
เมื่อพายุสงบจอมอสูรก็ไม่ได้ใช้ร่างเทพรีอาเป็นเปลือกอีกต่อไป มังกรสีดำสนิทขนาดใหญ่กว่าภูเขา มันทรงตัวด้วยขาสี่ข้างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ร่างใหม่ของจอมอสูรกรีดร้องจนภูผาสะเทือน จะเรียกมันว่ามังกรก็กระไรอยู่นอกจากหัวทรงอำนาจบนบ่าแล้วสีข้างมีรยางค์ยืดออกมาอีกหลายสิบอันแต่ละอันเหมือนกับส่วนหัวไม่มีผิด จะเรียกร่างนี้ว่าไฮดร้าก็ไม่ได้เพราะไม่ได้งอกจากส่วนของบ่าหรือลำคอ ปากนับสิบพ่นไฟและพายุออกมาทางพวกเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว ชั่วเวลานั้นการ์ทำได้แค่หมอบให้ต่ำที่สุดสั่งดาบจันทราให้ดูดกลืนพลังเท่าที่จะทำได้ ดินและหินจำนวนมากมายถาโถมเข้ามาดั่งห่าฝน วินาทีแห่งพายุสิ้นลงการ์ก็ต้องถอดเกราะอกออกเพราะโดนหินขนาดใหญ่ปะทะจนยุบเข้าไปถึงผิวกาย ผู้กล้าแสงตะวันที่รวมตัวกับเวเบอร์ปรากฏตัวข้างเขาในพริบตาแล้วฉุดให้ลุกขึ้น จุดเด่นที่บอกให้รู้ว่าเป็นการรวมตัวของสองคนนั้นคือดวงตา ข้างหนึ่งเป็นสีมรกตเหมือนไบรอัน ส่วนอีกข้างเป็นสีพระจันทร์แดงเหมือนเวเบอร์ไม่มีผิด
ริเรียกับมารีน่าสลบไปแล้ว อลันที่มาช่วยพวกนางก็พลอยสลบไปด้วย ไลล่าวิ่งมาหา ตามตัวนางเต็มไปด้วยบาดแผลจากพายุเมื่อครู่ หญิงสาวมองเพื่อนชายด้วยความสงสัยว่าเขาคือใครกันแน่
ข้าเสียร่างไปจึงใช้วิญญาณผสานร่างกับเจ้านี่ชั่วคราว เสียงเวเบอร์ทำให้ไลล่าถอนหายใจเฮือก เตรียมตัวเอาไว้ท่านการ์ เราจะเล่นงานแบบรวดเดียวจบ พอดูใกล้ๆก็พบว่าร่างรวมนี่มีแผลเหมือนกัน การ์เดาว่าคงไม่สามารถรักษาตัวได้ตลอดเวลาเหมือนเวเบอร์
ขลุ่ยผิวสีเงินในมือของร่างรวมกลายสภาพเป็นเคียวน้ำแข็งขนาดใหญ่ วงน้ำแข็งโค้งคมกริบมีขนาดยาวกว่าส่วนสูงของผู้ถือ ไม่ทันดูรูปลักษณ์ให้ครบถ้วนทั้งคนและเคียวกลายเป็นแสงสีฟ้าพุ่งผ่าร่างอสูรยักษ์เป็นสองส่วนเป็นเหตุให้แผ่นดินสะเทือนเลือนลั่นจากการล้ม การ์ลูสไม่รอช้าลากร่างของเขาขึ้นไปบนฟ้าอย่างไม่ปรานีปราศรัย ส่วนหัวของจอมอสูรยังยั้วเยี้ยเหมือนหนอนแมลงวัน เคียวกลายเป็นตรีศูลดำขลับ ชายผู้นั้นทิ่มตรีศูลด้ามยาวลงกับพื้น พลันผืนดินมีเข็มผุดขึ้นมาพันธนาการร่างมังกรดำเอาไว้
การ์ไม่รู้จะมองไปที่ใดก่อน หมาจิ้งจอกเพลิงของไลล่าพุ่งมาหาราวผีพุ่งไต้ เปลวเพลิงสีแดงสดแลบเลียตามตัวถูกดาบจันทราดูดซับจนหมด ทางคู่ลูกผสมปล่อยลำแสงเหลืองทองมาหา ความร้อนแรงแผดเผาผิวกายเขายามพลังนั้นถูกกลืนกิน เขาต้องกัดฟันทนความเจ็บปวดไปพร้อมกับปิดกั้นผนึกในดาบไม่ให้ปล่อยพลังออกมาก่อนเวลา สุดท้ายก้อนพลังรูปนกนางแอ่นสีน้ำทะเลโบยบินเข้าไปในดาบจันทราโดยสมยอม ดาบจันทราเปล่งแสงร้อนแดงดั่งดวงตะวัน พลังเอ่อล้นแทบกระแทกผนึกอาคมในดาบให้หลุดออก นักรบจันทราละล้าละลังอยู่ว่าก้อนพลังรูปนกนางแอ่นมาจากที่ใดแต่เขาหยุดไม่ได้แล้ว หากเขาไม่ปล่อยพลังในดาบไปเผาจอมอสูรตรวนอาคมจะเปิดพลังสุดท้ายจากทั้งสามที่ส่งเข้ามาจะไร้ความหมาย หัวนับสิบหันดวงตาดำสนิทมาทางเขาปากเปิดอ้าเปลวเพลิงจากปากเหล่าพร้อมเผาเขาให้เหลือแค่ซาก การ์ไม่คิดกลัวอะไรอีกแล้ว ปีกของการ์ลูสพาเขาดิ่งไปหาจอมอสูรอีกครั้งด้วยพลังเต็มเปี่ยมผ่านเปลวเพลิงไปราวกับเป็นอากาศธาตุ หูของเขาได้ยินเสียงลมหวีดหวิวกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของตัวเขาเอง ดาบจันทราตวัดวูบปล่อยพลังที่ถูกดูดเก็บเอาไว้ทั้งหมดไปยังจอมอสูรเบื้องล่างอย่างแม่นยำ แสงและแรงระเบิดแทบไม่ส่งผลกับเขาด้วยความที่เพิ่งพุ่งผ่านเปลวเพลิงมา ร่างเหนื่อยอ่อนของการ์ถูกพัดร่วงคลุกดินเป็นทางยาว ร่างระโหยเต็มไปด้วยแผลแทบทุกชนิด กรีด แทง กระแทก และลวกด้วยไฟจากนรก
การ์ทรงตัวขึ้นยืนทิ้งน้ำหนักลงบนดาบคู่มือ ร่างของจอมอสูรกำลังถูกเผาผลาญ เขาเห็นไลล่านอนสลบไกลออกไป ปีกของการ์ลูสหายไปเนื่องจากเสียพลังไปอักโขเพื่อให้เขาบินได้ นักรบจันทรากระโผลกกระเผลกไปหาผู้กล้าแสงตะวันจึงพบว่ากำลังหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน รูปร่างภายนอกกลับเป็นไบรอันอีกครั้ง
หากแต่งานของเขายังไม่สิ้นสุด พอเปลวเพลิงมอดดับยังเหลือร่างไหม้เกรียมหมอบคลานลากตัวเองออกไปจากกองขี้เถ้า จอมอสูรยังมีชีวิตอยู่ การ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเดินไปหาร่างปางตายหมายปลิดชีพให้ดับดิ้น ทว่าสติของเขาริบหรี่และล้มลงบนพื้นดิน กำลังกายและกำลังใจหมดสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว...
จากคุณ |
:
Lazy return
|
เขียนเมื่อ |
:
20 เม.ย. 55 04:25:43
|
|
|
|