Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 96 ติดต่อทีมงาน

ภายในถ้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดอีกเป็นคนที่สอง พูดให้ถูกคือไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ บุรุษตรงหน้าจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเพลิงหาญ เฉิงยู่กงที่เก็บตัวฝึกวิชาสิบกว่าปี ดังนั้นพอหายจากอาการตกตะลึงสือหย่งหลุนจึงคุกเข่าค้อมคำนับพร้อมทักทายอย่างนอบน้อม ฟ่านไป่หนิงเห็นดังนั้นก็ทำตามมันบ้าง

ชายชราโยนน่องไก่ซึ่งเหลือแต่กระดูกทิ้ง แลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทางเสียดาย เอ่ยว่า

“เจ้านี่เองบุตรชายของสุ่ยเซียน เออ...หรือเพราะข้าไม่ได้ลิ้มรสมือนางมาเนิ่นนาน ถึงรู้สึกว่าไก่ย่างตัวนี้อร่อยกว่าสมัยที่นางทำเองนัก”

“เรียนอาจารย์ปู่ นั่นเพราะตอนที่ศิษย์ทำหน้าที่ส่งอาหารยังถ้ำนี้ ก็พบว่าหากอาหารใดเน้นรสเค็มมากหน่อยมักเหลือกลับไปทุกครั้ง ดังนั้นตอนหมักไก่จึงลดปริมาณเกลือลงขอรับ”

“อ้อ” เฉิงยู่กงตบเข่าฉาด “ข้ารู้แล้ว เจ้าคือเด็กส่งอาหารคนก่อน มิน่าหลังเจ้าเริ่มทำงานได้ไม่กี่สัปดาห์ จู่ ๆ อาหารก็ถูกปากข้าขึ้นมาก ส่วนเด็กส่งอาหารคนใหม่นี่ไม่ไหวเลย จนป่านนี้ยังทำข้าอารมณ์เสียอยู่เรื่อย”

มันเลื่อนไก่ที่เหลือวางข้างตัว กวาดตามาทางสตรีเพียงคนเดียวในถ้ำ “แล้วดรุณีนางนี้คือใครกัน”

“ผู้เยาว์เรียกหาว่าฟ่านไป่หนิง เป็นศิษย์คนที่สี่ของซินแสเทวะเจ้าค่ะ”

คนถามเขม้นมองนางตาไม่กระพริบ “ศิษย์เจ้าเฒ่าสุย? แต่เจ้านั่นไม่เคยรับศิษย์หญิงมาก่อน แม่นางได้ร่ำเรียนวิชากับมันจริงเรอะ”

“อาจารย์ปู่” สือหย่งหลุนรีบทักท้วง “ซินแสเทวะรับนางไว้ด้วยเหตุผลบางประการ ไป่หนิงเป็นศิษย์ท่านจริง ๆ ขอรับ”

“ข้าไม่เชื่อ” เฉิงยู่กงเอ่ยหน้าตาเฉย “เจ้าต้องพิสูจน์ตัวเองให้ข้าเห็นก่อน”

ฟ่านไป่หนิงอ้าปากค้าง จะให้นางพิสูจน์อย่างไรกัน ไปควานหาผู้ป่วยแล้วนำมารักษาให้มันดูหรือ

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน” ชายชราแย้งเองตอบเองเสร็จสรรพ “เจ้าลองรำเพลงฝ่ามือกระเรียนล่าลมให้ข้าดูก่อน ถ้าเป็นศิษย์เฒ่าสุยจริงคงไม่ยากกระไรมัง”

แม้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่นางก็ไม่เห็นเหตุผลต้องคัดค้านความต้องการอีกฝ่าย จึงเดินไปยืนเตรียมตัวกลางโถงถ้ำ เริ่มวาดท่วงท่าวิชาประจำตัวอย่างช่ำชอง ด้านเฉิงยู่กงก็ชมเชยมิขาดปาก แววตาที่เริ่มขุ่นมัวตามอายุกลับปรากฏประกายสดใสราวเด็กพบของเล่นถูกใจก็มิปาน

“ฮ่า ๆ ข้ายอมรับแล้ว ที่แท้ก็คนใกล้ชิดของเจ้าเฒ่าสุยนั่นเอง มันสบายดีใช่ไหม”

ชื่ออาจารย์ที่ผ่านหูทำเอาฟ่านไป่หนิงต้องหลุบเปลือกตาลง ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกจนพูดไม่ออก สือหย่งหลุนเข้าใจอาการนางดี จึงเร่งฝีเท้าไปแตะบ่าสหายแทนการปลอบประโลม แล้วหันมาเอ่ยให้แทน

“อาจารย์ปู่ ท่านซินแสเทวะเพิ่งเสียไปเมื่อไม่นานนี้เองขอรับ”

“ว่ายังไงนะ!” ชายชราทะลึ่งตัวพรวด “มันตายได้อย่างไรกัน!”

“เป็นฝีมือของสมาคมรัตติพิกลขอรับ”

“สมาคมรัตติพิกล? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”

“มันเป็นสมาคมเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน คอยช่วยเหลือพรรคอสุราอาฆาตอยู่ขอรับ”

“พรรคอสุราอาฆาตรึ” เฉิงยู่กงทรุดนั่งอีกครั้ง ใบหน้าฉาบฉายไปด้วยเงาทะมึนของความโกรธเคือง หากพยายามกดน้ำเสียงให้ราบเรียบว่า “จงเล่ามาให้ละเอียดซิ”

สือหย่งหลุนจึงเริ่มอธิบายข้อมูลตั้งแต่ต้น แรก ๆ เฉิงยู่กงฟังอย่างสงบ จนเข้าสู่ช่วงที่ฝ่ายธรรมะบุกเรือนเพลินบุปผามันก็รีบซักถามรายละเอียด จนกระทั่งถึงตอนสุดท้ายมันค่อยส่งเสียงคำราม

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเฒ่าสุยต้องมาตายด้วยน้ำมือบุตรสาวของสหายเก่าตนเอง เฮอะ...เงารางเลือนเช่นนั้นรึ แล้วพวกเจ้าคิดทำอย่างไรกับนาง”

“ผู้อาวุโส” ดรุณีน้อยพูดขึ้น “ผู้เยาว์ซาบซึ้งความห่วงใยของท่าน แต่อาจารย์สั่งไว้ว่าห้ามแก้แค้นเด็ดขาดเจ้าค่ะ”

เนื่องจากการตัดสินใจบิดเบือนคำสั่งเสียของซินแสเทวะเพื่อตามหาตัวประมุขรัตติพิกล เป็นความลับระหว่างพวกมัน ฟ่านไป่หนิงจึงมิได้ชี้แจงออกไป

“ว่าอย่างไรนะ” เฉิงยู่กงตะโกนลั่น “ห้ามแก้แค้น? เจ้าเฒ่าสุยไฉนเลอะเลือนเพียงนั้น”

“ผู้เยาว์ก็ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ทว่าก่อนตายอาจารย์พึมพำคล้ายระลึกถึงอดีตแต่เก่าก่อน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกันก็ได้ พวกท่านเป็นสหายกันมานาน พอระแคะระคายบ้างไหมเจ้าคะ”

ชายชราทะลึ่งตัวพรวดจากก้อนหินที่นั่งอยู่ เดินงุ่นง่านวนไปมาพักใหญ่ค่อยว่า “ไม่เลย มันไม่ค่อยเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวนักหรอก ข้ามักชวนมันถกเรื่องเชิงยุทธ์เสียมากกว่า อย่างการตั้งสำนักเพลิงหาญนี่ มันก็เป็นผู้แนะนำข้าเอง”

พอเฉิงยู่กงลุกยืนเต็มตัว ดรุณีน้อยจึงสังเกตพบว่าภายใต้เสื้อผ้าขาดปุปะทั้งยังขมุกขมอมของมันนั้น ห่อหุ้มรูปร่างสันทัดไว้ภายใต้ แขนขาซึ่งโผล่พ้นเสื้อผ้าซอมซ่อมีแต่กล้ามเนื้อ แสดงว่ามันมิเคยขาดการฝึกฝนร่างกายเลย ระหว่างคิดก็ได้ยินสือหย่งหลุนเอ่ยว่า

“หมายความว่าสำนักเพลิงหาญเกิดขึ้นเพราะซินแสเทวะหรือขอรับ”

“ใช่ สมัยหนุ่มข้าเป็นพวกบ้าฝึกวิชาไม่ยอมทำการทำงาน เงินขาดมือคราใดก็เดือดร้อนสหายกันไปหมด เจ้าเฒ่าสุยคงรำคาญจึงแนะนำให้ข้าใช้วิชาที่คิดค้นขึ้นให้เป็นประโยชน์ด้วยการเปิดสำนักเสียเลย มันบอกว่าหากข้าอดทนฝึกสอนศิษย์สักรุ่นหนึ่ง จากนั้นปล่อยพวกมันสั่งสอนกันต่อเป็นทอด ๆ เท่านี้ข้าก็ว่างจะไปหมกมุ่นทำอะไรก็ทำไป ทั้งมีคนคอยเลี้ยงดูไม่ขัดสน ข้าเกิดหลงคารมมันจึงลองดู”

พอได้เล่าถึงเรื่องในอดีต เฉิงยู่กงก็ดูจะคลายโศกเศร้าจากการตายของสหายไปชั่วคราว “ที่ไหนได้ช่วงแรกลำบากเลือดตาแทบกระเด็น โชคดีได้หลายคนช่วยเหลือ ทั้งสามารถรับเจ้าข่งเจียงมาเป็นศิษย์ มันมีนิสัยรอบคอบเอาจริงเอาจังผิดกับข้านัก พอได้โอกาสจึงส่งต่อหน้าที่เจ้าสำนักให้เสียเลย แล้วรีบมาเก็บตัวในถ้ำจะได้ไม่ต้องสนใจภาระภายนอกให้ปวดหัว ช่างสมใจข้านักเชียว ฮ่า ๆ”

เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ มันเคยเห็นมารดาเคารพเฉิงยู่กงมาก จึงวาดภาพอาจารย์ปู่เป็นชายชราผู้ถ้าไม่สุขุมเยือกเย็นดังเช่นซินแสเทวะ ก็ควรจะหนักแน่นน่าเกรงขามอย่างจอมยุทธ์เซียนสุขสันต์ผู้วางวาย แต่บุรุษสูงวัยตรงหน้ากลับไม่มีเค้าปฐมาจารย์ผู้สูงส่งเลยสักนิด หากดูเหมือนตาแก่อารมณ์ดีข้างบ้านเสียมากกว่า

แม้การแจ้งข่าวซินแสเทวะจะทำให้ฟ่านไป่หนิงรู้สึกหดหู่ ทว่าท่าทางชายชราก็ทำให้เผลอยิ้มแย้มกล่าวว่า “อาจารย์เองมีประโยคฝากมาให้ผู้อาวุโสด้วยเจ้าค่ะ ท่านว่า ‘เดิมพันอันใดนั่นข้าลืมสิ้นแล้ว รีบจากถ้ำบ้า ๆ มาร่ำสุรากับข้าเสียโดยดี’ เจ้าค่ะ”

เฉิงยู่กงนิ่งงันพักใหญ่ค่อยทอดถอนใจแผ่วเบา “ข้าเองก็อยากร่ำสุรากับมัน นึกไม่ถึงว่า...”

พูดไม่ทันจบดรุณีน้อยก็ยื่นขวดสุราพร้อมจอกวางไว้ตรงหน้ามัน เอ่ยขึ้น “ไม่ว่าอาจารย์ตอนนี้จะอยู่หนใด ท่านคงกำลังรอสุราจอกแรกจากผู้อาวุโสเป็นแน่ ข้ามั่นใจเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

ชายชรานั่งมองขวดสุราเนิ่นนาน แล้วจู่ ๆ ก็ระเบิดหัวเราะดังลั่น

“นังหนูช่างเฉลียวฉลาดรู้ใจ มิน่าเฒ่าสุยถึงยอมรับเจ้าเป็นศิษย์” จากนั้นกรอกสุราใส่จอก ราดรดยังพื้นดินเบื้องหน้า ปากกล่าวว่า “เจ้าจื้อสุยเอ๋ย ไว้ข้าจะรีบไปร่ำสุรากับเจ้าต่อยังปรภพ จะก่อกวนจนเจ้าอยากตะเพิดข้ากลับทีเดียว”

พูดจบมันก็ยกสุราทั้งขวดเทใส่ลำคอ แล้วส่งเสียงคำรามอย่างสาสมใจ

“สุราดี สหายดี...ช่วงเวลาที่ดี!”

สายลมแผ่วพลิ้วจากปากถ้ำลอยกระทบแก้มเบา ๆ ฟ่านไป่หนิงหลับตาลง

อาจารย์...ท่านรับรู้แล้วใช่หรือไม่

เฉิงยู่กงเดินกลับไปยังหินก้อนเดิม มีขวดและจอกสุราติดมือไปด้วย ระหว่างกล่าวถึงศิษย์คนโปรด “แล้วสุ่ยเซียนเล่า เป็นอย่างไรบ้าง”

สือหย่งหลุนบังเกิดสีหน้าหม่นหมอง ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นคงอย่างประหลาด

“ท่านแม่ก็เสียแล้วเช่นกันขอรับ”

ร่างที่เตรียมทรุดนั่งชะงักค้าง พลางตวัดมองสือหย่งหลุนคล้ายไม่เชื่อสายตา “ไม่จริงใช่ไหม”

มีแต่ความเงียบตอบกลับมา

เฉิงยู่กงกระแทกตัวกับหิน นั่งอยู่ในท่านั้นคล้ายไม่แน่ใจว่าควรทำอันใดต่อ ก่อนจะเริ่มรินสุราใส่จอก หากนิ้วมือสั่นระริกจึงต้องใช้เวลาพักใหญ่ แล้วพอจะคว้าขวดสุรามาเติมจอกที่สอง สือหย่งหลุนก็เอื้อมมือตัดหน้า คุกเข่ารินสุราแก่มันด้วยอาการสงบ

จอกแล้วจอกเล่าผ่านไป กระทั่งเด็กหนุ่มพูดว่า “อาจารย์ปู่ สุราหมดแล้วขอรับ”

เฉิงยู่กงจึงนิ่งไป ก่อนเงยหน้าพิงหลังศีรษะกับผนังถ้ำ หลับตาอ่อนระโหย

“เฮ้อ ตอนที่สุยเซียนยังอยู่สำนัก ก็มักคอยรินเหล้าให้ข้าเช่นนี้” ร่างมันสะท้านเกร็ง จอกสุราในมือถูกบีบแตกดังเพล้ง “ข้าก็เสียใจที่เฒ่าสุยตาย แต่เห็นว่าพวกข้านั้นเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง จะตายวันตายพรุ่งหาใช่เรื่องแปลก ทว่าสุ่ยเซียนนาง...นางควรได้ตักตวงความสุขในชีวิตมากกว่านี้”

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:38:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com