หลังแยกจากศิราและวิมล อันดามันเดินแกมวิ่งเปะปะไปโดยไม่รู้จุดหมาย ใจสั่งแต่เพียงว่าเธอต้องไปให้พ้นจากที่นั่นให้ได้เท่านั้นเอง กว่าจะรู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็มาทรุดลงคุกเข่าอยู่ข้างเนินดินที่ปลูกดอกแวววิเชียรหรือในอีกชื่อหนึ่งว่าดอกฟอร์เก็ตมีน็อตเสียแล้ว ช่อดอกไม้กลีบบางสารพัดสีทั้งม่วงอมฟ้า ขาว ชมพู และม่วงเข้มปลูกสลับกันเต็มไปทั้งเนินส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ หากไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดในหัวใจของสตรีผู้นั้นได้เลยแม้แต่น้อย
ตลอดชีวิตของการถูกคำครหาจากคนในวงการเดียวกัน ถูกซุบซิบนินทาว่าเอาตัวเข้าแลกงานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ถูกเพื่อนสมัยเรียนอิจฉาบ้าง หมั่นไส้บ้าง ล้อเลียนถึงฐานะทางบ้านบ้าง แต่อันดามันก็ไม่เคยเก็บข้อหาใดๆ มาใส่ใจ ด้วยเธอรู้ตัวเองดีว่ามิได้เป็นดังเช่นคำกล่าวหานั้น
หลายปีที่ถูกวาดภาพหญิงรักสนุก เอาตัวเข้าแลกงาน บ้างก็ว่าเธอมั่วบ้าง ง่ายบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำให้อันดามันรู้สึกด้อยค่ามากเท่านี้มาก่อน
การถูกประณามว่าเธอเป็น เมียเก็บ ของผู้ชายคนหนึ่ง ต่อหน้าผู้ชายอีกคนหนึ่ง!
ยิ่งเห็นท่าทีและสายตาห่วงใยของศิรา หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเองนัก เธออยากจะเชิดหน้าปฏิเสธข้อหาของนักข่าวสาวได้อย่างเต็มภาคภูมิเหลือเกิน
แต่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อ...
อันดามันก้มลงมองผ่านม่านน้ำตาพร่าพรายไปยังแหวนที่นิ้วนางด้วยอาการโศกระทม
สิ่งที่วิมลพูดแม้ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่ก็เกือบแล้วมิใช่หรือ ทุกเรื่องราวที่เคยกระทำ ความหมายสุดท้ายของมันสรุปได้ใจความแค่ว่าเธอกำลังแย่งสามีของผู้หญิงคนอื่นอยู่
และต่อให้เธอเป็นคนมาก่อน แต่กฎหมายไม่เคยรับรองเธอในกรณีเช่นนั้น!
อันดามันหมุนแหวนที่นิ้วอย่างใคร่ครวญ วินาทีนั้น...เธอนึกอยากให้ตัวเองสามารถย้อนเวลาได้จริงๆ เธอจะกลับไปปิดกล่องและส่งแหวนคืนให้บุรัณ แทนการยอมให้เขาสวมมันเข้าที่นิ้วมือข้างซ้ายเฉกนี้
บางที...วันนี้เธออาจจะยังเหลือความภาคภูมิใจอะไรไว้ให้ตัวเองบ้าง มิใช่รู้สึกราวกับตนเองเป็นเพียงผงธุลีที่ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลือศักดิ์ศรีเลยสักนิด
อันดามันถามตัวเองซ้ำๆ ที่ผ่านมาเธอทำลายเกียรติตัวเองพอหรือยัง แล้วเธอจะรอให้คนอื่นเอาเธอไปกล่าวหาเสียหายจนถึงเมื่อไหร่ ถึงจะพอ ถึงจะทำร้ายตัวเองได้สมกับความโง่เง่านั่น
โง่...ที่รักผู้ชายอีกคนหนึ่งมากกว่าเกียรติยศของตัวเอง!
จะว่าไปแล้วเธอไม่โกรธวิมลเลยสักนิด ถ้าเธอไม่ทำให้ตัวตกต่ำขนาดนั้น ใครจะเอามาโพนทะนาได้ เธอทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาโทษก็ต้องโทษตัวเองได้เพียงแค่คนเดียว
แม้สิ่งที่วิมลพูดจะเกินจริง แต่การสวมแหวนแทนใจของบุรัณไว้ เฝ้าทวงถามซ้ำๆ ให้เขาหย่ากับภรรยามาหาเธอ ก็แทบไม่แตกต่างจากสิ่งที่ถูกประณามอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ว่าเธอเป็นส่วนเกินในครอบครัวของบุรัณ!
เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน!
อันดามันเพิ่งรู้ว่าถ้าบุรัณรักเธอจริงดังวาจา เขาคงจัดการให้ ทุกอย่าง ระหว่างเขากับเธอ ถูกต้อง ไปเสียตั้งนานแล้ว มิใช่ปล่อยให้เธอหดหู่สิ้นหวัง และรู้สึกตัวเองไร้ค่าเช่นนี้
ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เธอควรจะทบทวนความสัมพันธ์ที่มีต่อบุรัณ เลิกมองเขาด้วยความลำเอียง เลิกเห็นเลิกเชื่อมั่นแต่ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเชื่อเสียที
อันดามันพินิจแหวนที่สวมอยู่เนิ่นนาน และนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับมันมา ที่หญิงสาวรูดแหวนทิฟฟานี่วงหรูออกจากนิ้ว
ต่อให้เหลือบุรัณเป็นผู้ชายคนสุดท้ายบนโลกที่ต้องการเธอ หญิงสาวก็จะไม่มีวันหวนย้อนกลับไปทำตัวน่าสมเพชดังเคยอีกต่อไปแล้ว!
หญิงสาวมองรอยขาวซีดรอบนิ้วนาง แล้วน้ำตาก็รินลงมาอีกครั้ง ด้วยรู้ดีอยู่แก่ใจ
พันธนาการบางอย่างไม่ว่าจะปลดเปลื้องอย่างไร แต่มันก็ยังทิ้งรอย ทิ้งความทรงจำเอาไว้ในหัวใจ และคงอยู่ตรงนั้น...ตลอดไป!
อันดามันกำแหวนในมือแน่นจนเพชรหัวแหวนตำลงในเนื้อ ขณะเอนพิงลำต้นแข็งแรงของลีลาวดี หลังพุ่มหนาตาของแวววิเชียรราวกับปรารถนาจะซ่อนตัวจากโลกทั้งใบ หญิงสาวชันเข่าขึ้นซุกหน้าลงบนนั้น ดวงตาชอกช้ำหลับลงแล้วปล่อยให้น้ำตาพร่างลงมาช้าๆ ด้วยความหวังว่าจะไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ถึงอะไรอีกเลย
จากคุณ |
:
สิริณ (แม่มณี)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 เม.ย. 55 19:57:38
|
|
|
|