หลังจากที่เสร็จสิ้นการถวายสังฆทานแล้ว ภาคภูมิก็ชวนเธอเดินมาที่ท้ายวัดซึ่งติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ๆกันนั้นมีคนขายปลาเอาไว้ปล่อยหลายเจ้า
ทำไมคุณถึงพาฉันมาทำบุญ
คิดว่าช่วงนี้เจอเรื่องเยอะๆกัน เผื่อจะช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง ภาคภูมิยิ้มกว้าง อีกอย่าง ทุกครั้งที่ผมทำบุญเสร็จ ผมจะมีสมาธิแล้วใจสงบขึ้นเยอะ
จริงอย่างที่เขาว่า... เพียงแค่การนั่งพนมมือ ถวายถังที่เต็มไปด้วยของให้กับสมณเพศ ฟังภาษาบาลีที่เธอไม่สามารถจะแปลออก สิ่งที่ดูแปลกๆเหล่านี้กลับทำให้จิตใจสงบมากขึ้นนานมาแล้วที่เธอไม่ได้ทำแบบนี้ ถึงว่า... ช่วงหลายปีมานี้จิตใจของเธอถึงได้ว้าวุ่นขึ้นตามจำนวนงานที่เยอะขึ้น
เสียงร้องเรียกชวนให้ซื้อปลาไปปล่อยดังขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ดุจฝันหันไปมองก็พบกับภาพของชายชราที่นั่งหน้าหงอยเพราะขายปลาไม่ออก สร้างความสะเทือนใจให้เธอไม่ใช่น้อยเมื่อคิดได้ว่าเธอโชคดีเพียงใดที่เกิดมาสามารถหาเงินได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คนทั่วไปในสังคมยังต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนขายของทีละเล็กทีละน้อย ได้มาสิบยี่สิบบาทก็ค่อยๆสะสมไว้อย่างหวงแหน ตรงกันข้ามกับโลกที่เธออาศัยอยู่ ผู้คนมักจะใช้จ่ายกันซื้อของฟุ่มเฟือยแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เพียงเพราะอยากจะโชว์ให้คนทั่วไปได้เห็นว่าตัวเองรวยตัวเองมีเงิน ทั้งๆที่บางสิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้จำเป็นกับชีวิตเลย
ดุจฝันไม่รอช้าเลยแม้แต่น้อยที่จะเดินไปหาลุงคนนั้น
ปล่อยปลากันคุณ คราวนี้ฉันจ่ายเอง
แต่ธนบัตรสีม่วงก็ถูกยื่นนำหน้าเธอไปแล้วเรียบร้อยจากคนที่มาด้วยกัน
เอากี่ถุงดีครับ เยอะขนาดนั้นลุงไม่มีทอนหรอก
สองถุงครับ ไม่ต้องทอน ภาคภูมิพูดขึ้นด้วยใบหน้าเห็นใจ
ไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม... อย่างไรลุงก็ต้องหามาทอน นี่มันมากเกินไปสำหรับปลาสองถุง ชายชรามองธนบัตรสีม่วงแล้วรีบปฏิเสธ แม้จะเป็นแค่คนขายปลาหากแต่ก็มีคุณธรรมในการดำรงอาชีพมากกว่าพวกนักธุรกิจที่มักใช่เล่ห์กลเพื่อความสำเร็จหลายคนเสียอีก ดุจฝันนึกขึ้นได้ทันที
ถ้าอย่างนั้นก็ขอเหมาหมดละกันค่ะ เธอหันไปหาภาคภูมิ ดีไหมคะ
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นงามแล้วรับคำขอบคุณจากลุงที่ทำหน้าดีใจเพราะวันนี้เจอคนใจบุญ อย่างน้อยห้าร้อยนี้ก็ต่อชีวิตลุงได้อีกหลายวัน
ภาคภูมิกับดุจฝันช่วยกันหิ้วถุงพลาสติกที่ใส่ถุงปลาย่อยๆอีกจำนวนมากไปที่ริมฝั่งน้ำแล้วนั่งลง
เราโชคดีที่มีรายได้ดี ต้องแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ หลายคนลำบากกว่าเรา
คุณคิดเรื่องเดียวกับฉันเลยค่ะ
ดาราสาวยิ้มกว้างตอบอาจารย์หนุ่ม ก่อนที่จะทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
ถ้าอย่างนั้นเรียกว่าใจตรงกันได้ไหมครับ
เคยเจอประโยคที่หวานจนมดตายยกโลกจากผู้ชายหลายคนมาเยอะ... ทว่า ดุจฝันก็ไม่เคยที่จะรู้สึกอะไร
หากแต่ประโยคง่ายๆจากผู้ชายใส่แว่นธรรมดาๆที่พูดจาหน้ายิ้มคนนี้กลับทำให้หัวใจมันหวิวๆพิกล
ดุจฝันยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกแล้วรีบแกะมัดยางถุงปลาออก
สงสัยวันนี้ได้ปล่อยกันยันค่ำ
หญิงสาวว่าแล้วก็รีบพนมมือยกถุงปลาขึ้นเหนือหัวทันที
ชายหนุ่มมองดูคนที่กำลังยกมืองกๆงั่นๆอยู่ข้างตัวราวกับขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งโลกก่อนจะปล่อยปลาแล้วก็นึกอดขำในในไม่ได้ เมื่อนางเอกสาวอธิษฐานเสร็จเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาขำขันของผู้เป็นอาจารย์แล้วก็ถามทันที
ขำอะไรคะ
เปล่าครับ แม้จะปฏิเสธแต่รอยยิ้มบนหน้านั้นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาขำท่าขอพรของเธอ
ถ้าอย่างนั้นคุณก็ปล่อยมั่งสิคะ
ชายหนุ่มแกะยางแล้วปล่อยลงน้ำไปทันที
รอหาจังหวะจะขำผมคืนหรือเปล่า
เปล่า เสียงสูงขึ้นทันทีเมื่อถูกจับไต๋ได้ ก่อนที่จะยกปลาที่ว่ายวนซ้ำไปมาอยู่ในถุงมาดูแก้เก้อ
มันน่าสงสารนะ ว่ายไปว่ายมาแบบเดิมๆ มันคงคิดถึงแอ่งน้ำใหญ่ๆหรือพวกแม่น้ำทำนองนั้น
ก่อนที่ดุจฝันจะปล่อยลงน้ำ ภาคภูมิก็พูดขึ้นพร้อมกับปล่อยปลาที่อยู่ในมือของตนด้วย
ผมคิดว่าปลาก็เปรียบได้กับคน ถูกจับมัดให้อยู่ในถุง ต้องว่ายไปว่ายมาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ธรรมชาติของตน เหมือนคนนั่นล่ะ ถูกสังคมตีกรอบและคาดหวัง ต้องใส่หน้ากากเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองทั้งๆที่บางทีมันก็ฝืนธรรมชาติและความต้องการที่แท้จริงของตน