ภูธรา ภูตป่าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ด้วยการสูบพลังวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์แม้กระทั่งมนุษย์ กระทั่งเขาพบกับพิมมาดา หญิงสาวผู้มีดวงจิตอันแสนบริสุทธิ์ รักแรกพบจึงเกิดขึ้น แต่ความรักของทั้งสองคงไม่มีวันสมหวัง หากอีกฝ่ายยังคงเป็นสิ่งไร้ตัวตน พวกเขาจึงต้องหาหนทางที่จะได้ครองคู่กัน
ภูตคราม
บทที่ 1 พิมมาดา
เสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ผู้ที่กำลังพรมปลายนิ้วลงบนปุ่มเครื่องคิดเลขชะงักเล็กน้อย เพราะแม้จะรู้ดีว่าเจ้าของรองเท้าคู่นั้นจะเป็นใครแต่ความเร็วของจังหวะการก้าวเดินบ่งบอกว่าเธอผู้นั้นกำลังอยู่ในอารมณ์เร่งรีบ
มีอะไรเหรอนิล
คนที่นั่งอยู่ในห้องเอ่ยถามทั้งที่ดวงตายังคงจ้องอยู่กับตัวเลข สาวสวยในชุดกระโปรงสุดเปรี้ยวแม้มปากเล็กน้อยเพราะเกิดความเซ็งที่เพื่อนรู้ทันก่อนจะเอ่ยปากพูด
พิมยังไม่รู้ใช่ไหม
อะไร คนที่ถูกเรียกว่าพิมย้อนถามพลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความฉงน อีกฝ่ายวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะจากนั้นจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับตอบ
คุณองอาจเรียกทุกคนให้เข้าประชุมในอีกสิบนาที
คำตอบของเพื่อนทำให้พิมมาดาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ ปรกติคุณองอาจไม่เคยเรียกประชุมด่วนเลยนี่นา เธอพอจะรู้รายละเอียดบ้างไหม
ไม่ แต่ข่าวแว่วมาว่าคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้คือคุณนายนงนภัส
ชื่อที่หลุดมาจากปากเพื่อนทำให้พิมมาดาระบายลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เพราะนอกจากการเป็นภรรยาน้อยของนายองอาจแล้ว นงนภัสไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลยในบริษัท ส่วนที่ถูกเรียกว่าคุณนายนั้นก็เพราะพนักงานส่วนใหญ่หมั่นไส้ท่าทางกรีดกรายของเจ้าหล่อน ทั้งหมดจึงพร้อมใจกันตั้งฉายาให้เป็นการประชด ซึ่งในตอนแรกนิลเนตรเรียกแบบเต็มยศว่าคุณนายชะนี นงนภัสด้วยซ้ำ
เขาจะเอาอะไรอีก
พิมมาดาพูดพลางปิดงานที่กำลังทำและเริ่มต้นแยกประเภทเอกสารที่เธอคิดว่าจำเป็นต่อการประชุมออกเป็นกลุ่มจากนั้นจึงวางทุกอย่างลงในแฟ้มขนาดใหญ่ นิลเนตรมองการทำงานอย่างคล่องแคล่วของเพื่อนแล้วยิ้ม
รู้ได้ยังไงว่าจะต้องใช้งานตัวไหน
ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนแบบนี้น่าจะมาจากรายรับที่ผิดพลาด แต่ถ้าคุณนงนภัสเข้าประชุมด้วยอาจจะมีเรื่องรายจ่ายเพิ่มขึ้น
พูดพลางหันไปหยิบสมุดจดจำประจำตัวมาถือไว้และมองหน้าเพื่อน
กำลังจะมีประชุมในอีกไม่กี่นาที จะไม่ไปเตรียมอะไรไว้ก่อนเลยเหรอคะคุณเลขา
น้ำเสียงล้อเลียนของเธอทำให้นิลเนตรหัวเราะ
ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะเจ้านาย หญิงสาวทำท่าวันทยหัตถ์แบบทหารจากนั้นจึงคว้าเอกสารและโค้งให้กับพิมมาดาอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังห้องประชุมซึ่งอยู่ติดกัน
ความเป็นคนรอบคอบและเพื่อเป็นการฆ่าเวลา พิมมาดาจึงเปิดแฟ้มรวมและหยิบเอกสารที่จะนำเข้าประชุมขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง เพราะแม้บริษัทที่เธอทำงานอยู่จะมีขนาดเล็กแต่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นยารักษาโรคนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นเอกสารทุกอย่างจึงมีความสำคัญชนิดที่ขาดหายไม่ได้แม้แต่เพียงฉบับเดียว เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่นหญิงสาวจึงรวมทุกอย่างกลับลงไปในแฟ้มและหอบมันเข้าไปในห้องประชุม
เมื่อเข้าไปในนั้นพิมมาดาพบว่าพนักงานรวมทั้งคุณองอาจได้นั่งรออยู่แล้ว เธอกล่าวขออภัยเบาๆขณะเดินไปนั่งประจำที่แต่ดูเหมือนผู้เป็นนายจะไม่ตำหนิในความล่าช้าเลยแม้แต่น้อยต่างจากนงนภัสซึ่งชักสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเด่นชัดจนถึงขนาดเปรยออกมาพอให้ทุกคนได้ยิน
เพิ่งยุรยาตรเข้ามาเหรอยะ
พิมมาดาทำเป็นไม่สนใจในขณะที่นิลเนตรซึ่งนั่งด้านข้างนายองอาจแอบเบ้หน้า ส่วนพนักงานคนอื่นแสร้งทำเป็นเปิดแฟ้มและก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารเหมือนไม่ต้องการได้ยินคำประชดประชันของนงนภัส
ไม่ต้องเคร่งเครียดนักก็ได้ เสียงนายองอาจทำลายความอึดอัดภายในห้อง ทุกคนต่างเงยหน้าและหันไปมองเขาพร้อมกัน
ที่ผมเรียกพวกคุณเข้าประชุมก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก แค่อยากจะบอกว่าปีนี้บริษัทของเราได้ผลกำไรมากกว่าเดิมถึงสามเท่า นายองอาจหยุดพูดและหันไปมองพิมมาดาใช่ไหมคุณพิม
ค่ะ
หญิงสาวตอบสั้นๆ นายองอาจยิ้มจนตาหยีก่อนจะเลื่อนสายตามองพนักงานไล่ไปทีละคน
ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากจะแจ้งให้พวกคุณได้ทราบว่า เราจะหยุดทำการสามวัน และพาทุกคนไปพักผ่อนที่เขาใหญ่แน่นอนว่างานนี้ไม่เกี่ยวกับโบนัส
เสียงเฮดังมาจากพนักงานฝ่ายชาย ส่วนพนักงานหญิงยิ้มและปรบมือด้วยความดีใจต่างจากพิมมาดาซึ่งมีสีหน้ายุ่งเล็กน้อยเพราะการไปเที่ยวย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น นั่นก็คืองานของเธอจะต้องมากขึ้นตามไปด้วย ดูเหมือนนายองอาจจะอ่านความคิดจากสีหน้าของเธอออก
เจ้าของความคิดนี้คือคุณนวลศรีและเธอจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนเงินของบริษัทแม้แต่แดงเดียว
คุณนวลศรีที่นายองอาจพูดถึงคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย แม้จะดุอยู่บ้างแต่เธอก็เป็นคนมีน้ำใจ เรียกได้ว่าถ้าลูกน้องคนไหนเดือดร้อน สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเธอได้ตลอดเวลา เมื่อได้ยินคำอธิบายจากผู้เป็นนายแล้วพิมมาดาจึงยิ้มอย่างโล่งอกแต่ก็แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น
หมายความว่านงไปด้วยไม่ได้ใช่ไหมคะ
เสียงหวานแบบใส่จริตเต็มที่ของนงนภัสถามขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองเธอเป็นตาเดียว ส่วนนายองอาจยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ
ก็คุณนวลศรีไปด้วยนี่
เสียงพูดกระแทกกระทั้นเชิงเง้างอน ฝ่ายชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ไปหลายคนสนุกดีออก ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่ต้องไป
นิลเนตรแอบทำหน้าสะใจในขณะที่พนักงานคนอื่นกลั้นรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าแผนการออดอ้อนไม่สำเร็จนงนภัสจึงลดน้ำเสียงลง
ทำไมจะไม่ชอบ แต่นงกลัวทำให้คุณนวลศรีไม่พอใจ
นวลเป็นคนมีเหตุผล เขาไม่มาใส่ใจกับเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก นายองอาจตัดบทพลางหันไปยังกลุ่มพนักงาน งั้นตกลงว่าอีกสองวันพวกเราจะไปเขาใหญ่กัน ใครไปได้หรือไม่ได้ยังไงให้มาบอกนิลเนตร อ้อ เราจะนอนกันในเต้นท์ดังนั้นขอให้เตรียมเสื้อผ้าให้พร้อมด้วย ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องเป็นห่วง รับรองว่าทุกคนอิ่มกันจนพุงปลิ้นแน่
เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีจากนั้นจึงกล่าวปิดการประชุม ขณะที่ทุกคนเริ่มทะยอยออกจากห้องนงนภัสจึงเริ่มออดอ้อนนายองอาจอีกครั้ง
วันนี้ไปกินข้าวเย็นกันที่บางปูนะคะ
คำพูดของเธอทำให้ทั้งนิลเนตรและพิมมาดาชะงัก ส่วนนายองอาจนิ่วหน้า
ทำไมต้องไปถึงที่นั่นด้วย
ก็ที่นั่นบรรยากาศดีแถมอาหารอร่อยด้วย นงเคยไปกินครั้งนึงแล้วติดใจ จะไปอีกก็ไม่มีเวลาแถมไม่สะดวกอีกต่างหาก
พูดพลางทิ้งสะโพกนั่งลงบนตักอย่างวิสาสะ นายองอาจโอบเอวเธอไว้พร้อมกับพูด
ไม่สะดวกยังไง รถก็มี อยากกินอะไร ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ขับไปได้ทุกเวลา
นงนภัสทำเป็นบิดตัวเอียงไปเอียงมาก่อนจะเอนหน้าซบไหล่นายองอาจพลางไล่นิ้วไปบน สูทด้วยกิริยาราวเด็กไร้เดียงสา
นงไม่เถียงหรอกค่ะว่าจะขับรถไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นงอยากไปกับคุณองอาจนี่คะแล้วอีกอย่างรถที่คุณซื้อให้น่ะมันเป็นยังไงไม่รู้ สตาร์ทก็ไม่ค่อยติด วิ่งไปบางทีก็ดับกลางทาง มีครั้งหนึ่งมันดันไปดับในซอยเปลี่ยว นงงี้กลัวแทบตาย
น้ำเสียงอ้อนเต็มที่หวังจะเรียกความเห็นใจ แต่นายองอาจกลับนิ่วหน้า
รถเพิ่งซื้อให้เมื่อปีที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ ลองเอาไปให้ศูนย์ดูหรือยัง
ไม่เอาหรอก ที่ศูนย์น่ะเรื่องมาก เดี๋ยวให้เปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่จุกจิกน่ารำคาญ นงนภัสรีบปฏิเสธและก้มลงไปกระซิบข้างใบหูซื้อคันใหม่ให้นงได้ไหมคะ
คราวนี้นายองอาจถึงกับถอนใจเพราะถึงเขาจะชอบนงนภัสมากจนยอมซื้อทั้งรถและคอนโดมิเนียมให้แต่ก็ไม่ได้หลงจนถึงขนาดยอมทำทุกอย่างตามที่เธอร้องขอ เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวต้องการจะได้รถคันใหม่ เขาจึงแกล้งหันไปถามพิมมาดาซึ่งกำลังจะเดินออกจากห้อง
รายจ่ายของเดือนนี้เป็นยังไงบ้าง
ยังไม่ติดลบถ้าไม่มียอดซื้ออื่นเข้ามาเพิ่มค่ะ พนักงานบัญชีสาวตอบอย่างรู้ทัน นายองอาจจึงหันไปทางนงนภัส
งั้นเย็นนี้ทิ้งรถไว้ที่นี่ผมจะจัดการเอาเข้าศูนย์ให้ ช่วงนี้คุณขับรถกระบะของบริษัทไปก่อน กลับจากเขาใหญ่คงซ่อมเสร็จพอดี เมื่อเห็นสาวสวยทำท่าจะแย้งเขาจึงแกล้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเย็นนี้ผมต้องกลับไปทานข้าวที่บ้าน พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน อ้อคุณพิม
ประโยคสุดท้ายเขาหันไปร้องเรียกพิมมาดาที่ทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป
ช่วยหยิบกุญแจรถให้นงด้วย
ค่ะ
หญิงสาวรับปากและเดินไปหยิบกุญแจรถจากลิ้นชักรวมมายื่นส่งให้นงนภัส อีกฝ่ายดึงมันไปด้วยกิริยาที่เกือบจะกลายเป็นกระชากจากนั้นจึงสะบัดหน้าเดินกระแทกเท้าออกไป นายองอาจมองตามพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
เขาเป็นคนอย่างนี้แหละ อย่าไปถือสาเลย
ค่ะ พิมมาดาตอบสั้นๆแต่ในใจนึกแย้งว่า แบบนี้เขาเรียกว่าสันดานเสียมากกว่าเพราะนงสภัสจะระบายอารมณ์ใส่พนักงานบริษัททุกครั้งที่ไม่ได้ของตามต้องการ โชคดีที่นายองอาจเป็นคนมีเหตุผลดังนั้นเขาจึงไม่ถือเป็นอารมณ์นัก หลังจากจัดการเรื่องกุญแจรถตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงกลับเข้าห้องเพื่อจัดการงานที่ค้างไว้จนเสร็จ ฝ่ายเจ้านายหลังจากตรวจงานและเซ็นต์เอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงสั่งให้นิลเนตรหาข้อมูลการท่องเที่ยวของเขาใหญ่ให้ไว้ให้พร้อม จากนั้นจึงขับรถกลับบ้านเพื่อไปหาคุณนวลศรีตามที่นัดไว้
เช้าวันรุ่งขึ้นจัดเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดของพิมมาดา เนื่องจากทุกคนในบริษัทต้องช่วยกันจัดการงานให้เรียบร้อยก่อนวันหยุด เอกสารเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายทุกชิ้นจึงมากองสุมอยู่ตรงหน้าเธอ ในความคิดของคนอื่น งานด้านบัญชีและการเงินเป็นเรื่องน่าปวดหัวแต่สำหรับหญิงสาวแล้วไม่เป็นปัญหาเพราะความเฉลียวฉลาดและการทำงานอย่างเป็นระบบทำให้เธอจัดการงานทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้า
ตอนเที่ยงระหว่างพักกินข้าว นิลเนตรเดินสะพายกระเป๋าถือประจำตัวเข้ามาหาพิมมาดาที่โต๊ะพร้อมกับพูด
วันนี้ฉันไปค้างบ้านเธอนะ
หญิงสาวหยุดไว้แค่นั้นเพื่อรอคำตอบแต่เมื่อเห็นเพื่อนรักมองด้วยสายตาเป็นเชิงถาม เธอจึงอธิบาย
ก็พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางตั้งแต่ตีห้า ขืนกลับไปนอนบ้านมีหวังตกรถแหง
แล้วเธอเตรียมเสื้อผ้ามาหรือยัง
ยัง ฉันเลยขอคุณองอาจลาครึ่งวัน แต่บ้านฉันมันไกลกว่าจะหอบของไปถึงบ้านเธอก็คงดึก ยังไงก็อย่าเพิ่งนอนซะก่อนล่ะ
ได้
พิมมาดารับปากสั้นๆ ส่วนนิลเนตรเมื่อบอกกล่าวเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงนั่งรถยนต์รับจ้างกลับบ้าน ตกเย็นหลังจากแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเครื่องใช้สำหนับการเดินทางแล้วหญิงสาวจึงกลับบ้านซึ่งแม้จะไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าใดนัก แต่ก็จัดว่าอยู่ห่างจากชุมชนมากพอควร
บ้านของพิมมาดาอยู่ห่างจากถนนใหญ่มากชนิดที่เธอต้องนั่งรถยนต์เข้าไปแต่ส่วนใหญ่แล้วหญิงสาวมักจะอาศัยบริการจากรถจักรยานยนต์รับจ้างมากกว่าเพราะทั้งสะดวก รวดเร็วและสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะชาวบ้านในบริเวณนั้นรวมถึงคนขับรถใน วินทุกคนรู้จักครอบครัวของเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะคุณตาคุณยายซึ่งเป็นชาวสวนเก่าแก่ สวนผลไม้ที่นั่นเกือบทั้งหมดก็เป็นที่ดินของพวกท่านที่อนุญาตให้ชาวบ้านทำกินโดยไม่คิดค่าเช่า ใครเดือดร้อนก็สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ความมีน้ำใจของพวกท่านทำให้ชาวบ้านทุกคนให้ความเคารพแม้ทั้งสองจะสิ้นบุญไปแล้ว ทุกคนก็ยังคงรักและให้ความดูแลเอาใจใส่พิมมาดาเหมือนดังเช่นตากับยายของเธอทุกประการ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หญิงสาวไม่ยอมขายที่ดินให้กับนายทุนที่มักจะเข้ามาติดต่ออยู่เป็นประจำ
ความที่อยู่ท่ามกลางสวน รอบบ้านจึงอุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่นต่อผู้อาศัยจนแม้วันร้อนที่สุดก็ยังมีลมเย็นพัดเข้ามาในบ้านตลอดเวลา ไม้ผลหลากพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง หว้า มะปราง ขนุนหรือแม้แต่พืชสวนครัวต่างแย่งกันผลิดอกออกผลให้รับประทานกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเอาใจใส่ของตัวพิมมาดาด้วย ถึงจะมีความรู้ระดับปริญญาโทและมีความสามารถชนิดที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งยื่นข้อเสนอมาให้แต่เธอไม่สนใจ หญิงสาวรักที่จะดำเนินชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติมากกว่าความหรูหราในเมือง
หลังจากรดน้ำต้นไม้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วพิมมาดาจึงจัดกระเป๋า อาบน้ำและรับประทานอาหารเย็น ซึ่งกว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม จากนั้นหญิงสาวจึงเปิดโทรทัศน์เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแต่หลังจากกดปุ่มเลือกช่องอยู่ราวห้านาทีเธอก็ต้องปิด เพราะนอกจากละครน้ำเน่ากับเกมส์โชว์ไร้สาระแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ
บอกแล้วว่าให้ติดเคเบิ้ล ดูหนังชุดของฝรั่งสนุกกว่าละครพวกนี้ตั้งเยอะ
คำพูดของนิลเนตรดังวาบขึ้นมาในความคิด พิมมาดายิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดเครื่องเสียงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกดนตรีประกอบภาพยนต์หรือเพลงบรรเลง หลังจากเปิดไปได้พักใหญ่หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาและบ่นออกมาเบาๆ
จะเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย เธอชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างและขมวดคิ้วยายนิลมัวทำอะไรอยู่นะ ป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีก
บ่นพลางหยิบรีโมตมากดปุ่มเปลี่ยนเป็นวิทยุเพื่อฟังรายการโปรด ท่วงทำนองดนตรีเย็นยะเยือกน่าขนลุกกับเสียงแหบเครือของผู้จัดทำให้หญิงสาวรีบเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งตัวตรงและฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ
เริ่มแรกของเราวันนี้เป็นเรื่องเล่าจากผู้ฟังทางบ้านนะครับ เสียงพิธีกรอารัมบทตามด้วยเสียงดังกุกกักเหมือนกำลังขยับอะไรบางอย่างเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่เจอะเจอในเขาใหญ่ ซึ่งเธอตั้งชื่อว่า ผีโพรงจากลำตะคอง สวัสดีครับคุณ...
พิมมาดานั่งฟังเรื่องเล่าซึ่งกล่าวถึงการพบกับสิ่งประหลาดที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของวิญญาณอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งมีเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านเธอจึงลุกขึ้นและยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นนิลเนตรกำลังลงจากรถและควักธนบัตรส่งให้คนขับ
ทำไมมาช้านักล่ะ
ประโยคแรกหลุดออกจากปากขณะเปิดประตูรั้วให้เพื่อน อีกฝ่ายถอนหายใจพรืด
รถชนกันบนทางด่วนน่ะ ติดอยู่สองชั่วโมงกว่าจะหลุดออกมาได้ นิลเนตรบ่นพลางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและทิ้งตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง พิมมาดายื่นแก้วน้ำให้พร้อมกับถาม
กินอะไรมาหรือยัง
เรียบร้อยแล้ว เพื่อนสาวตอบและนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายการวิทยุนี่เธอยังฟังเรื่องพวกนี้อีกเหรอยายพิม
ก็มันสนุกดีนี่ พิมมาดาตอบ อีกฝ่ายส่ายหน้า
พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเขาใหญ่แต่เธอดันฟังเรื่องผีที่ลำตะคอง งานนี้ฉันมีหวังหลอนจนนอนไม่หลับแหง
มันก็แค่เรื่องเล่าเท่านั้น มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
พิมมาดาพูดหน้าตาย นิลเนตรค้อนเพื่อนวงใหญ่พร้อมกับพูด
ไม่เชื่อแต่ยังฟัง พิลึกคนจริงๆเลยนะเธอ
ก็มันสนุกนี่นา ดีกว่าดูละครตั้งเยอะ พิมมาดาเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เธอเตรียมไว้มายื่นให้พร้อมกับถามจะนอนหรือยังล่ะ
นิลเนตรพยักหน้าและทำท่าจะขึ้นไปยังชั้นบนแต่เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินไปนั่งเก้าอี้ยาวเธอจึงขมวดคิ้ว
นี่ยังจะฟังต่ออีกเหรอพิม
อื้อพิมมาดาตอบสั้นๆพลางโบกมือให้อีกฝ่าย เธอขึ้นไปนอนก่อนเถอะ พอฟังจบแล้วฉันจะตามขึ้นไป
นิลเนตรส่ายหน้าอย่างนึกระอาก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หลังจากสวดมนจร์ไหว้พระขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางตามธรรมเนียมแล้วเธอจึงเอนตัวลงนอน ความเหนื่อยอ่อนทำให้หญิงสาวหลับสนิทลงอย่างรวดเร็ว
เสียงไก่ขันแว่วแต่ไกลปลุกให้พิมมาดาตื่นขึ้น เธอบิดตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากนั้นจึงผละจากเตียงตรงไปลุกนิลเนตรที่นอนห้องติดกัน เสียงบ่นพึมพำด้วยความงัวเงียของเพื่อนทำให้หญิงสาวอมยิ้มจากนั้นเธอจึงอาบน้ำแต่งตัวและเข้าครัวเพื่อเตรียมกาแฟ เมื่อได้รับความสดชื่นจากเครื่องดื่มรสกลมกล่อมเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงออกจากบ้านเพื่อขึ้นรถจักรยานต์ที่นัดเวลาให้มารับและมุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดพบซึ่งก็คือบริษัทของพวกเธอ
เมื่อไปถึงนิลเนตรยิ้มกว้างและเอ่ยปากทักทายเพื่อนร่วมงานอย่างร่าเริง แม้คนที่ไม่สามารถไปด้วยได้ยังอุตส่าห์หอบข้าวเหนียวหมูย่างมาฝาก ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งรถกะบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเสียงหัวเราะทั้งหมดจึงยุติลง หลายคนเบ้หน้าอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นนงนภัสก้าวนวยนาดลงจากรถและออกคำสั่ง
ช่วยขนกระเป๋าให้ฉันหน่อย
นิลเนตรขยับเตรียมจะปฏิเสธแต่พิมมาดากลับเดินไปยังท้ายรถและดึงกระเป๋าเดินทางใบย่อมสองใบออกมา เสียงกระแนะกระแหนเปรยออกมาจากกลุ่มพนักงาน
ทำตัวเป็นคุณนายเชียวนะนังชะนี
นงนภัสหันขวับมามองตาวาว สิทธิศักดิ์ หัวหน้าแผนกสินค้าจึงรีบเข้าไปช่วยพิมมาดา หลังจากยัดกระเป๋าทั้งสองเข้ารถเรียบร้อยแล้วนิลเนตรซึ่งยืนหน้าบอกบุญไม่รับจึงพูดขึ้น
ไปช่วยมันทำไมน่ะ
ตัดปัญหาเรื่องมลภาวะทางเสียงหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เพื่อนของเธอกระแทกลมหายใจค่อนข้างแรง
ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากได้ยินอะไรไร้สาระ แต่ลองช่วยยายนั่นครั้งหนึ่งเดี๋ยวก็มีครั้งต่อไปไม่มีสิ้นสุด
ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกครั้งนี่นา อีกอย่างคุณนวลศรีไปด้วย นงนภัสคงไม่กล้าทำตัวเป็นคุณนายแน่
พิมมาดาพูดอย่างอารมณ์ดี นิลเนตรส่ายศีรษะและเตรียมจะพูดอะไรอีกยืดยาวแต่เสียงร้องทักอย่างร่าเริงจากใรบางคนทำให้เธอต้องหยุดและหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคนที่กำลังเดินเข้ามาหา
สวัสด่ะคุณองอาจ คุณนวลศรี
ไหว้พระเถอะจ้ะ
คุณนายนวลศรีพูดอย่างเมตตาในขณะที่ฝ่านสามีผงกศีษะรับอย่างอารมณ์ดี
มากันครบหรือยัง
เหลือเจ้าฤทธิ์คนเดียวเท่านั้นครับ สิทธิศักดิ์ตอบ นายองอาจผงกศรีษะและหันถามนิลเนตร
เรื่องเขาใหญ่ล่ะว่าไง
ดิฉันดึงข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวมาแล้วค่ะเธอพูดพร้อมกับดึงกระดาษสองสามใบออกจากกระเป๋ายื่นส่งให้เจ้านายวันแรกเราคงไปเที่ยวได้ไม่กี่แห่ง แต่ถ้าใครอยากจะเล่นน้ำจะไปที่น้ำตกผากล้วยไม้ก็ได้ เพราะอยู่ห่างจากจุดกางเต้นท์ไม่มาก
เธออธิบายพลางชี้แผนที่ที่พิมพ์มาด้วย
แต่พรุ่งนี้ถ้าตื่นแต่เช้าหลังจากไปเที่ยวที่น้ำตกเหวสุวัตแล้วเราจะไปน้ำตกเหวไทรหรือเหวประทุนก็ได้ ถ้าพวกหนุ่มๆนักผจญภัยอยากเดินป่าก็มีเส้นทางเดินป่าซึ่งมีอยู่หลายจุดอย่างทางไปน้ำตกมะนาว น้ำตกตาดตาภู่ น้ำตกผากระจายหรือน้ำตกเหวนรก
เอาไว้ปรึกษากันตอนเดินทางว่าจะไปเที่ยวที่ไหน นายองอาจพูดหลังจากเปิดข้อมูลอ่านแบบคร่าวๆ นิลเนตรรับคำและพูดต่อ
ถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากให้สรุปก่อนจะถึงเขาใหญ่เพราะจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนติดต่อเรื่องที่พัก ส่วนตอนกลางคืนถ้าไม่เหนื่อยนักก็นั่งรถไปส่องสัตว์กับพวกอุทยาน ดิฉันคิดว่าจะโทร.ไปจองระหว่างการเดินทาง
ผมว่าเราควรไปส่องสัตว์กันตั้งแต่คืนนี้ นายองอาจพูด นิลเนตรพยักหน้ารับและบันทึกลงสมุดประจำตัวจากนั้นจึงถาม
แล้วเรื่องอาหารล่ะคะ
เราจะแวะกินมื้อเที่ยงกันที่เขื่อนลำตะคอง คุณนายนวลศรีเป็นคนตอบได้ยินว่ากุ้งแม่น้ำของที่นั่นตัวหนึ่งหนักเป็นกิโล
ตัวโตแบบนั้นผมคงกินไม่ลงหรอกนายองอาจหยอก คุณนวลศรีหัวเราะ
อย่ามาแย่งฉันก็แล้วกัน
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
26 เม.ย. 55 08:53:54
|
|
|
|