Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 22)...ออกเดินทาง ติดต่อทีมงาน

================
จอมใจอเวจี
: GTW
บทที่ 22...ออกเดินทาง
================


ท้ายบทที่ 21

“ดุ เจ้าอารมณ์แบบนี้แสดงว่าเฟรี่คนเดิมกลับมาแล้วสิ” เสียงของไนท์หัวเราะในลำคอ

“พาข้าไปเขาสื่อสารเดี๋ยวนี่เลย..เดี่ยวนี้”  เฟรี่เค้นเสียงจนสั่นเครือด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “ข้าอยากหนีจากที่นี่เต็มทีแล้ว”

“ได้เลย...ข้าจะไปรอท่าเรือข้ามฟาก เจ้ารีบๆตามมาก็แล้วกัน”


กล่าว จบปีศาจหนุ่มก็ก้าวเท้ายาวๆ ออกไปโดยไม่ยอมหันมามอง เฟรี่มองตามแล้วพลันรู้สึกนัยน์ตารื้นไปด้วยน้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมาโดยไม่ทราบ สาเหตุ..คนบ้า..ปีศาจบ้า....อยากจะตบๆๆทุบๆๆข่วนๆๆ แทงๆๆฆ่าๆๆๆ..ให้ตายไปเลย

**************


บทที่ 22



ไนท์เดินตัดแนวป่ามาตามเส้นทางมุ่งหน้าลงสู่ท่าเรือข้ามฟาก บรรยากาศวันนี้หม่นมัวหนักอึ้ง ไม่เคยคิดสักนิดในชีวิตว่าจะต้องมารับภารกิจอันยุ่งยากลำบากใจแบบนี้


ขณะผ่านหน้าตึกใหญ่ของช่วงเวลาสายๆ  ยังมองเห็นปีศาจขาว และเทพธิดาบอด นั่งเล่นหมากรุกกันอยู่อย่างหมกมุ่นแบบไม่สนใจโลกภายนอก  เป็นภาพอันแปลกพิสดารเพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าทั้งสองคนจะจริงจังกับการเล่นหมากรุกข้ามคืนข้ามวันแบบนี้ ทุกคนมีโลกเป็นของตนเอง โลกที่ผู้อื่นไม่เข้าใจ เพียงตัวเองเข้าใจก็พอแล้ว

นักรบปีศาจเดินผ่านไปโดยไม่เอ่ยปากทักทาย ทั้งที่ในใจรู้สึกหนักอึ้ง

จู่ๆ ก็เหมือนมีห่วงอะไรบางอย่างมาคล้องคอ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนขอบนรกเคลื่อนมาอยู่บนบ่า กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินใจเกินไปเสียแล้ว จะผละจากไกลก็ตัดใจไม่ได้ จะแบกรับอยู่ต่อไปก็หนักหนาสาหัส เป็นภาวะที่ยุ่งยากมากความเหลือเกิน

ท่าเรือของแม่น้ำมรณะ ชายชราและเรือแจวคร่ำคร่าจอดรอริมฝั่ง ราวกับจะรู้ล่วงหน้าว่ามีลูกค้าคนสำคัญ เบื้องหลังเป็นแม่น้ำซึ่งมีหมอกควันปกคลุมพัดผ่านชั่วนาตาปี ทำให้รู้สึกเร้นลับพิสดาร จะเป็นเรื่องเศร้าหรือลำบากยากยิ่งขนาดไหนนะ... กับการแจวเรืออยู่ในสายน้ำมรณะตลอดไป สายตาคงพบเห็นเรื่องราวมากมาย หัวใจคงสัมผัสความรู้สึกมากหลาย

ตัวเรือโคลงเคลงไปมาตามคลื่นลม ชายชรายืนตัวตรง ไม่สะทกสะท้านต่อคลื่นลมแปรปรวน สองมือกำด้ามพาย สายตาจับจ้องมองไปเบื้องหน้า มองไกลออกไปสุดสายตา อาจกำลังมองความคิดอันสงบนิ่งของตัวเอง กลุ่มหมอกเคลื่อนผ่านไปเป็นระยะราวกับอยู่ในโลกมายาอันเร้นลับพิสดาร ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าแววตาถนัดชัดเจนแต่ก็พอจะรู้ว่าต้องเคยผ่านโลกผ่านชีวิตมาจนเกินพอแล้ว

ปีศาจหนุ่มยังไม่รีบร้อนก้าวเท้าลงเรือ เลี่ยงมานั่งบนโขดหินริมแม่น้ำมรณะอย่างเงียบงัน รอดูสิว่า นางฟ้าตกสวรรค์คนนั้นจะมาตามที่ลั่นปากไว้หรือไม่


ไม่ว่าสภาพแวดล้อมอื่นๆ จะเป็นอย่างไร แต่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมรณะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กลุ่มหมอกลางเลือนรางมองไม่เห็นฝั่งตรงกันข้าม  สายลมเยือกเย็นกระโชกเป็นระยะ ผืนน้ำราวกับมีเสียงกรีดร้องแว่วมาจากสุดขอบนรก แม่น้ำมรณะยังคงเป็นสายน้ำอันน่าสะพรึงกลัวเสมอ

ชายชราคนแจวเรือประจำลำน้ำนรก ซึ่งน้อยครั้งจะเป็นคนเปิดปากพูดขึ้นก่อน ตอนนี้กลับส่งเสียงแหบพร่าต่ำขึ้นมาลอยๆ แต่เหมือนเฉพาะเจาะจงคนฟังว่า

“เจ้าคิดจะพานางคนนั้นไปจริงๆ”

เป็นคำถามที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนลึกซึ้งมากมาย แต่คนถูกถามกลับนิ่งอึ้งไปนาน นางคนนั้นย่อมหมายถึงเฟรี่ สาวเจ้าอารมณ์หลากหลายอันยากจะตามทันคนนั้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า การทะลุมิติ จนตกลงมายังดินแดนแห่งนี้จะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวมากมาย

“ข้าคงต้องไปส่งให้ถึงจุดหมาย”

ปีศาจหนุ่มตอบไม่ตรงคำถามเท่าใดนัก ชายชราแจวเรือ นิ่งไปสักพัก จึงเอ่ยปากขึ้นมาอีกว่า

“ของบางอย่าง คนบางคน รู้จักพบเห็น ก็เพียงพอแล้ว เก็บไว้ในใจ ไม่ต้องเก็บไว้กับตัวก็สมควรเพียงพอ นั่นจึงจะก้าวข้ามไปอีกระดับหนึ่ง”

นักรบปีศาจนิ่งเงียบ ในที่สุดชายชราเป็นฝ่ายเอ่ยปากต่อไป

“ความจริงมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ....แต่อาจทำยาก แต่ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจ นางคนนั้นจะช้าจะเร็วก็ต้องจากไป เจ้าไม่ควรยึดติดอะไรกับนาง ให้เหมือนกับสายลมพัดผ่าน สายลมอันสดชื่นเยือกเย็นพัดผ่าน เพียงเก็บความรู้สึกดีๆ ..ความทรงจำที่ดีรักษาเอาไว้ในความทรงจำ ก็เพียงพอ วันใดมีเวลาว่าง ค่อยรื้อฟื้นความทรงจำนั้นออกมาสัมผัสระลึกถึงความทรงจำนั้น เจ้าจะไม่เจ็บปวดมากมาย”

“ท่านก็พูดอะไรยาวๆ เป็นเหมือนกัน”

นักรบปีศาจตั้งข้อสังเกตขึ้นมาบ้าง  บิดกายสะบัดแขนไปมาเหมือนบรรเทาอาการเมื่อยขบ และนึกขอบคุณหน้ากากสีขาวอันเย็นชาซึ่งทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตเห็นสีหน้าแววตาได้

“แต่การไปยอดเขาสื่อสารวันนี้ คงต้องพึ่งพาอาศัยท่าน”

“ข้ารู้เรื่องนั้น ไม่ต้องห่วง มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”

การเดินทางไปยอดเขาสื่อสารตอนนี้ไม่ใช่เรื่องลำบากอย่างที่คาดการเอาไว้ในตอนแรก เพราะได้ใบผ่านทางจากมาร์ลาสเรียบร้อยแล้ว อุปสรรคและปัญหาลดน้อยถอยลงไปมากมายหลายส่วน

บริเวณทางเดินเนินดินและแนวไม้ซึ่งมุ่งตรงมายังริมฝั่ง ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมาด้วยท่าทางค่อนข้างรีบร้อน

ไม่ใช่เฟรี่ แต่เป็นสาวใช้คนเก่งคนนั้น สาวใช้ที่ทั้งสวยน่ารักและฉลาดเฉลียวอย่างร้ายกาจ ผู้ผ่านการฝึกงาน ทำงานมามากมายหลายที่ ทั้งในโลกมืดและบนโลกมนุษย์ สุดท้ายก็มาปักหลักอยู่ในดินแดนของปีศาจขาวมาหลายปี ในมือของเธอหิ้วถุงผ้าขนาดย่อมมาด้วย ข้างแก้มขาวๆมีหยดเหงื่อพราวแสดงความความเร่งรีบในการเดินทาง

“เอาอาหารมาเผื่อค่ะ”

เธอรีบบอกโดยไม่ต้องมีใครเอ่ยปากถามเมื่อเดินมาถึงริมฝั่ง และยังเดินเอาถุงอาหารไปวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ กลางลำเรือโดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของเรือด้วยท่าทางคล่องแคล่ว แล้วหันมายิ้มกับนักรบปีศาจบอกอีกว่า

“คือ..คุณเฟรี่ ท่าทางรีบร้อนมาก จนไม่ยอมกินอาหารเช้า เห็นรื้อหาอะไรง่วนอยู่แถวๆเตียงนอน เดี๋ยวคงมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ เชร่าเป็นห่วง กลัวเธอจะหิวข้างกลางทาง แล้วจะพาลเกเรหาเรื่องคุณไนท์”

“ก็ ทำไมไม่กินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้วค่อยมา”

ปีศาจหนุ่มหนุ่มพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่สาวใช้คนเก่งได้ยิน เลยได้ทีเสริมขึ้นว่า

“ใช่แล้วค่ะ...ทำไมคุณเฟรี่ไม่จัดการอาหารเช้าให้เรียบร้อยจะได้มีแรงเดินทาง ที่จริงร่างกายก็ยังไม่พร้อม นอนพักสักวันสองวันก่อนก็ได้ เทพธิดาบอดก็เกริ่นๆ ว่ายังมีโรคประจำตัวอยู่ ไม่เห็นต้องรีบร้อนอะไรขนาดนี้ แต่เธอเองไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น ดื้อจริงๆ นะคะ คุณไนท์ว่าไหม”

ประโยคหลังหันมาถามนักรบปีศาจหน้าตาเฉย

“ผู้หญิงก็มักจะเป็นเสียแบบนี้”

 คนถูกถามพยักหน้าพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย “เอะอะอะไรก็เอาแต่ใจ เอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่ค่อยฟังเหตุผล อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ชอบเอาชนะคะคานอยู่เรื่อย เอาใจตัวเองเป็นใหญ่”

“คุณไนท์พูดถูกต้องดีมาก”

สาวใช้ปรบมือฉาดร้องเสียงดังๆว่า

“ใช่อย่างที่พูดเลยค่ะ..นอกจากนั้นยังชอบงอนชอบงอแง ให้ตามง้อตามเอาใจ รู้สึกนิสัยไม่ดีเลยนะคะผู้หญิงนี่”

“นี่....”

ไนท์ลุกขึ้นยืนทำท่าทางเหมือนจ้องหน้าคนใช้สาว แล้วพูดขึ้นว่า

“เจ้า ก็เป็นผู้หญิงนะ”

“เอ๊ะ..”  สาวใช้คนเก่งทำสีหน้าแปลกใจ หากประกายตามีรอยยิ้ม “เชร่าเองก็เป็นผู้หญิงสิคะ ไม่เคยบอกว่าเป็นผู้ชายสักหน่อย”

“ก็...แล้วเจ้ามาพูดถึงผู้หญิงแบบนี้”

“ก็ใช่สิคะ..ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี่คะ..เชร่าเป็นคนมีเหตุผล ไม่เข้าข้างใคร เพราะไม่ว่าผู้หญิงจะเป็นอย่างไร สุดท้ายภาพรวมออกมาก็ยังดูน่ารัก ว่าไหมคะ..”

พูดจบแล้วก็หัวเราะชอบใจ เป็นคนอารมณ์ดีสดชื่นร่าเริงยิ้มง่ายอยู่เสมอสำหรับสาวใช้คนนี้

“คุณไนท์ไม่ต้องตอบ เชร่าตอบแทนให้ก็ได้ค่ะ..ผู้หญิงแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นคนอย่างไร แต่จะต้องมีความน่ารักอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ในตัวเสมอ เพียงคนอื่นจะมองเห็นหรือเปล่าเท่านั้น จะผิวดำผิวขาวผมยาวผมสั้นสูงต่ำอ้วนผอม ก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่ดูดีดูน่ารักแบบผู้หญิงอยู่อย่างแน่นอน ไม่ว่าบนโลกมนุษย์ หรือสวรรค์ ต่อให้ในนรก ก็ต้องมีผู้หญิงเป็นดอกไม้งานศิลปะประดับประดาให้สดชื่นแจ่มใส”

“พูดมากจัง”

ปีศาจหนุ่มบ่นอุบ หันไปมองชายชราเหมือนจะขอความเห็น คนแจวเรือหัวเราะเสียงแหบต่ำในลำคอแล้วบอกว่า

“แต่บางทีดอกไม้งานศิลปะนั่นก็ทำให้ศีรษะพองโตจนจะระเบิด”

“ใช่แล้ว ...ใช่แล้ว..”

เชร่าตบมืออีก พลางพูดต่ออย่างยิ้มแย้มว่า

“ฉะนั้น ต้องระวังอย่าให้ก่อกวนจนสมองพองโตระเบิดออกมาก็เป็นใช้ได้แล้วค่ะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานๆเย็นๆ ของใครคนหนึ่งแทรกขึ้นกลางคันกะทันหันว่า

“มาอู้งานนินทาผู้หญิงอะไรกันอยู่แถวนี้”

ทุกคนหันไปมอง ก็พบว่าเจ้าของเสียงเป็นเฟรี่ สาวตกสวรรค์คนนั้นนั่นเอง เธอสวมชุดสีขาวซึ่งเป็นชุดเดิมที่สวมใส่ขณะตกลงมายังขอบอเวจีแสดงว่าเตรียมพร้อมออกเผชิญโลกภายนอกแล้ว สีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งทำให้เชร่าชะงักแล้วค่อยๆถอยหลังทีละน้อย ก่อนยิ้มหวานให้ผู้มาใหม่พลางบอกว่า

“เชร่ามีงานต้องทำ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

เฟรี่กอดอกยิ้มดุเข้ม ชำเลืองมองแล้วบอกเสียงหนักๆ ว่า

“ยังไม่ไปไหนทั้งนั้น...มานี่ก่อน”

“มานี่ น่ะที่ไหนคะ”

“ก็มานี่”

หญิงสาวยกมือใช้นิ้วชี้ขยับกวักทำท่าเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ สาวใช้คนเก่งกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน

“คุณเฟรี่ไม่ทำร้ายเชร่านะคะ”

“เดี๋ยวก็รู้ ว่าไง..ฉันบอกว่าให้มานี่”

สาวใช้มองไปทางนักรบปีศาจเหมือนจะขอความช่วยเหลือแต่รายนั้นแสร้งกอดอกหันหน้าไปทางอื่น ชายชราทำท่าก้มลงตรวจดูสภาพความพร้อมของเรือ เชร่าเลยต้องยิ้มหวานใจดีสู้เสือเฟรี่  เดินก้มหน้าเข้าไปหาอย่างช้าๆ กล้าๆกลัวๆ

“เร็วๆหน่อย”

เสียงดุๆเข้มๆ กำชับ สาวใช้เลยต้องจำใจเดินให้เร็วขึ้นด้วยท่าทางคนปลงตกต่อชีวิต

“เข้ามาใกล้ๆ”

“ใกล้แล้วค่ะ”

พอสาวใช้คนเก่งเดินเข้ามาใกล้ เฟรี่ก็แค่นยิ้มมองหน้าพักหนึ่ง ก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง กางแขนเข้าโอบกอดคนรับใช้แน่นอย่างรักสนิท เช่ร่าทำตาโตอย่างไม่คาดฝัน นึกว่าจะโดนจัดหนักชุดใหญ่เสียแล้ว

“ขอบใจเธอมากนะเชร่า สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”

นั่นเป็นคำพูดจากใจจริงของนางฟ้าตกสวรรค์ ในความรู้สึกของเธอ สาวใช้คนนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะคนรับใช้ของสถานที่แห่งนี้เท่านั้น ยังเป็นเหมือนน้องสาวผู้น่ารัก เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลใส่ใจ เป็นเพื่อนผู้แสนดีอยู่เคียงข้างเสมอในยามลำบาก  ความทรงจำสมัยความจำเสื่อมกลับมาให้ทบทวนอย่างชัดเจน ถึงจะรับบทคนใช้ แต่เช่ร่าคนนี้จะคอยช่วยเหลือเคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน หรือการขุดดินทำแปลงดอกไม้หรือทำแปลงปลูกพืชสวนครัว งานหนักงานเบาอย่างไร จะมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มและคำพูดซึ่งฟังแล้วผ่อนคลายสบายใจจากเชร่าเสมอ แม้ยามป่วยไข้ก็มาดูแลไม่เคยห่างหาย

“เชร่าใจหายหมด”

สาวใช้คนเก่งยิ้มออกมาได้เต็มที่เช่นกัน รู้สึกถึงความอบอุ่นและมิตรภาพจริงใจจากอีกฝ่ายเช่นกัน  กล้าพอที่จะยกมือกอดเอวอีกฝ่ายไว้

“นึกว่าจะโดนคุณเฟรี่ กินเป็นอาหารเช้า เสียแล้ว”

“บ้า..ฉันไม่ใช่คนใจร้ายแบบนั้น”

เฟรี่ฟังแล้วก็หัวเราะเสียงใส ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบแผ่วพลางบุ้ยใบ้ไปยังนักรบปีศาจผู้กำลังจ้องมองไปยังแม่น้ำมรณะนิ่งเฉยอยู่

“ถ้าคนใจร้ายต้องคนแบบนั้น”

“ถ้าคุณไนท์ใจร้ายกับคุณเฟรี่ บอกมาเลย จะจัดให้” คนใช้สาวกระซิบด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังและหมายมั่นปั้นมือ

“ทำอะไรเหรอ”

“ก็อย่างที่เคยบอกไงคะ วางยา ให้ตายทีละน้อย ไม่รู้ตัวหรอก”

“ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวไม่มีคนนำทาง”

“ก็รอจนกว่าคุณเฟรี่กลับออกไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วง เชร่าอยู่ทางนี้จะจัดการให้เอง รับรองไม่มีใครรู้ มียาที่สามารถฆ่าคนได้แบบไร้ร่องรอย”

“ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้”

เฟรี่กลืนน้ำลายอย่างสยดสยอง “ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเขาหรอกนะ เข้าใจไหม คนไหนใจร้ายเราอยู่ห่างๆก็พอแล้ว อยู่ใกล้เดี๋ยวโดนกัดเอา”

พูดพลางทั้งสองก็พากันหัวเราะชอบใจ ชายชราเห็นมีจังหวะเลยพูดเบาๆสั้นๆว่า

“นั่นล่ะผู้หญิง”

นักรบปีศาจผู้ตกเป็นเหยื่อการฆาตกรรมทางวาจาได้แต่ฟังแล้วเงียบเฉย เพราะในใจก็คิดเหมือนกันว่า นั่นล่ะผู้หญิง

“ไปกันหรือยังล่ะ”

ในที่สุดไนท์เป็นฝ่ายหันไปถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบจับอารมณ์ไม่ถูก คนถูกถามหันมาแสยะหน้าล้อเลียน หันมากุมมือสาวใช้คนเก่งพลางบอก

“ไปล่ะนะ”

“รีบกลับมาเร็วๆนะคะ จะทำอาหารอร่อยๆไว้รอค่ะ”

เชร่าพยักหน้ายิ้มพลางผละจากไป ไนท์กระโดดขึ้นเรือแล้วหันมามองหญิงสาวผู้ยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนก้าวเท้ากระโดดขึ้นมาบนเรือด้วยท่าทางไม่ชำนาญ ตัวเรือเอียงวูบเล็กน้อย หากมีผลให้หญิงสาวผู้ไม่คุ้นเคยเสียหลักทำท่าจะหัวทิ่มหล่นลงไปในน้ำ ดีว่าไนท์ซึ่งคอยสังเกตอยู่คว้าแขนไว้ทัน

“ขอบใจ”

บอกขอบใจสั้นๆห้วนๆ แล้วรีบนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัย ซึ่งโต๊ะเล็กๆและเก้าอี้บนเรือชุดนี้ ปีศาจขาวและเทพธิดาบอดเลยใช้เล่นหมากรุกกันมาก่อน

ไนท์เบี่ยงตัวก้าวไปด้านข้าง ไปอยู่ฟากตรงกันข้ามของโต๊ะเพื่อความสบายใจ แต่ไม่ยอมนั่ง ชายชราแจวเรือซึ่งอยู่ท้ายเรือวาดไม้พายนำเรืออกจากฝั่งอย่างชำนาญ หันหัวเรือออกสู่ใจกลางลำน้ำแห่งความตาย ไม่นานนักก็มองไม่เห็นฝั่ง นอกจากความเวิ้งว้างของแม่น้ำ และหมอกควันลอยผ่านมาไม่ขาดสาย ผืนน้ำมีสีดำสนิทยิ่งเพิ่มความลี้ลับพิสดาร จนเฟรี่เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี แต่ก็อุ่นใจว่า มากับตัวประหลาดสองคน เกิดอะไรขึ้นก็คงช่วยเหลือได้

มองขึ้นไปบนฟากฟ้าก็มีแต่หมอกควันเป็นกลุ่มก้อน ไม่สามารถใช้สิ่งใดเป็นตัวกำหนดทิศทางและพิกัดตำแหน่ง หากชายชราเรือแจวยังคงวาดฝีพายไปอย่างสงบเยือกเย็น ราวกับรู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปทิศทางใด

ถุงผ้าซึ่งเชร่านำมาวางให้เริ่มมีกลิ่นหอมของอาหาร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะต้องเป็นผัก และเป็นผักรสชาติอร่อยที่สุดอย่างไม่เคยเจอจากไหนมาก่อน

เริ่มหิวแล้ว นึกพลางก็โมโหคนต้นเหตุซึ่งยังยืนกอดอกไม่ยอมนั่ง เพราะคนๆนี้คนเดียวแท้ๆ ถึงไม่ได้กินอาหารเช้า

ลองแกะดูดีกว่า....เชร่าถึงจะมีเวลาเตรียมการน้อยแต่ก็นำอาหารใส่ถุงมาให้หลายห่อ มีไม้ตะเกียบมาให้สองคู่ รวมทั้งน้ำบรรจุในขวดแก้วอย่างรอบคอบสมกับเป็นคนใช้คนเก่ง แต่รู้สึกหงุดหงิดกับคนซึ่งอยู่ใกล้ๆอย่างไม่มีเหตุผล

“คนจะกินข้าว...”

ในที่สุดก็พูดขึ้นลอยๆ มือคว้าตะเกียบมาขยับเล่นไปมา

“แล้วไง”  ไนท์เอ่ยปากถามสั้นๆ

“ก็....คนจะกินข้าว หันหน้าไปทางอื่นสิ”

“ทำไม”

“ไม่ต้องถามได้ไหม หันหน้าไปทางอื่นเลย”

นักรบปีศาจนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ยอมหมุนตัวหันกลับไปทางท้ายเรือ และได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างที่ไม่เคยได้ยินบ่อยนักจากปีศาจมือสังหารคนนี้ ก่อนจะมีเสียงบ่นเบาๆ เหมือนกับพูดกับดินฟ้าอากาศว่า

“คนจะกินข้าว..ต้องไม่ให้คนอื่นมอง..เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น..นี่คนจะกินข้าว ไม่ใช่คนแก้ผ้าจะอาบน้ำสักหน่อย จะได้กลัวคนอื่นแอบมอง...สงสัยอยู่บ้านจะเคยแก้ผ้ากินอาหาร..”

คู่กรณีได้ยินเต็มหูในบรรยากาศเงียบๆแบบนี้  ทำเอาตาลุกวาว แทบจะร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง แล้วยกโต๊ะทุ่มหัวให้รู้แล้วรู้รอด คนอะไรเห็นเงียบๆเฉยๆแบบนี้ บทจะพูดกวนประสาทก็ทำออกมาได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหน้าตาเฉยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นโทสะซึ่งประดังพุ่งปะทุขึ้นมาอย่างลำบากยากเย็น ความรู้สึกอยากฆ่าคนเป็นแบบนี้เอง หนอย..พูดออกมาได้..แก้ผ้ากินข้าว..อยากบีบคอให้ดิ้นกระแด่วๆ คามือไปเลยคนปากคอแบบนี้

“คนบ้า....”

ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเค้นเสียงออกมาได้แค่นี้จริงๆ แค้นใจจนพูดอะไรไม่ออก


กินอาหารเช้าแก้โมโหดีกว่า เชร่าอุตส่าห์เตรียมมาให้แล้ว ไม่กินก็เสียความรู้สึกแย่ คิดเสียว่ากำลังกินคนกวนประสาทคนนั้นลงไปในหายโมโห พอนึกได้แบบนี้อารมณ์โมโหก็ผ่อนคลายลง เป็นไง โดนเรากินเข้าไปแล้ว สะใจดีจริงๆ แต่จะว่าไปก็อร่อยมากด้วย

พอกินอาหารหมดไปสองห่อก็รู้สึกอิ่ม จิตใจแจ่มใสขึ้นมา หันไปมองรอบๆ ข้าง ก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากลุ่มหมอกหนาทึบ หูก็ได้ยินแต่เสียงพายลากผ่านผืนน้ำ และเสียงกรีดร้องแหลมเล็กชวนขนลุกแว่วออกมาจากม่านหมอก บรรยากาศเงียบเชียบวังเวง

อาหารยังเหลืออีกหลายห่อ เชร่าคงเตรียมมาให้สำหรับสองคนสองมื้อ นายหน้ากากนั้นถึงจะใส่หน้ากากโลหะ เธอก็รู้ว่าบริเวณปากสามารถขยับเปิดออกมาเพื่อให้สามารถกินอาหารได้ แต่คนแบบนั้นคงยากที่จะกินอาหารให้ใครเห็น ไม่เอ่ยปากขอก็จะไม่ให้กินล่ะ...หญิงสาวคิดแล้วผูกปากถุงอาหารเข้าตามเดิม อยากมาว่าเราดีนัก..ปล่อยให้ยืนหิวจนตายทั้งเป็นแบบนั้นดีแล้ว

เวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด ไม่มีใครส่งเสียงพูดคุย ทุกคนต่างเงียบอยู่ในมุมของตัวเอง หญิงสาวเริ่มหันซ้ายมองขวาหันหน้ามองหลัง เพราะเริ่มทนนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้

และการนั่งหันหน้าไปทางท้ายเรือ ทำให้หญิงสาวเริ่มสังเกตเห็นว่าในกลุ่มหมอกด้านหลัง คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ติดตามมา บางครั้งมองเห็นเป็นเงาดำมหึมาจนน่ากลัว บางครั้งถูกกลืนหายไปกลับกลุ่มหมอก



ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันไล่ติดตามใกล้เข้ามาทุกที และเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นมาทีละน้อย




จบบทที่ 22

แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 16:18:04

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 14:51:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com