Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 97 ติดต่อทีมงาน

เฉิงยู่กงกำลังถอนหายใจอย่างอิ่มเอม

นับว่าสองหนุ่มสาวรอบคอบไม่น้อย ด้วยพอพวกมันกลับมาจากในเมือง สือหย่งหลุนยังอุตส่าห์ขนถังไม้ใบใหญ่ติดมือมาพร้อมกัน จากนั้นนำไปไว้ด้านหลังถ้ำมีช่องพอให้ลอดสู่ลานแคบ ๆ ริมหน้าผา ข้างลานนั้นคือน้ำตกไหลจากยอดเขาสู่แม่น้ำตรงก้นเหว สายน้ำขนาดเล็กจนเฉิงยู่งกงบ่นว่าเหมือนแมวสองตัวมาฉี่รวมกัน แค่พอซับมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ละความพยายามที่จะรองน้ำไว้จนเต็มถัง ค่อยนำมาต้มให้อาจารย์ปู่ ชายชราจึงได้อาบน้ำเต็มพิธีการเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

นอกจากนี้มันยังเปลี่ยนมาสวมเสื้อใหม่ซึ่งข่งเจียงเคยส่งไว้ให้หลายชุด ทว่าปกติไม่คิดใส่เพราะมิได้พบปะผู้ใด หนวดเคราก็ถูกเล็มจนเรียบร้อย เส้นผมฟูฟ่องยังมีฟ่านไป่หนิงช่วยปรนนิบัติด้วยการหวีรวบไปเกล้าเป็นมวยบนศีรษะ เผยให้เห็นหน้าตาองอาจแฝงความเชื่อมั่นสมดังบุคลิกของปฐมาจารย์สำนักเพลิงหาญ

ดรุณีน้อยยืดคอจากด้านหลังเฉิงยู่กงมาพินิจความเรียบร้อยของฝีมือตน พลางพยักหน้าพึงพอใจ แล้วทันใดนั้นเอง

พลั่ก!

โป๊ก!

“โอ๊ย!”

สามเสียงดังตามกันมาเป็นทอด ๆ เสียงแรกเกิดจากสือหย่งหลุนซึ่งล้มกลิ้งหลังพยายามฝึกยืนทรงตัวขาเดียวมากว่าชั่วยาม ก่อนเฉิงยู่กงจะดีดหินใส่หน้าผากมันเป็นที่มาของเสียงลำดับสอง พร้อมที่เด็กหนุ่มครวญครางขณะคลำหน้าผากป้อย ๆ

“อาจารย์ปู่ ขามันเป็นเหน็บจนหมดแรงขอรับ”

“อุวะ แล้วใครใช้ให้เอาแต่ยืนเฉย ๆ กันเล่า หัดเดินลมปราณให้เลือดลมเดินสะดวกเสียซิ จะได้ไม่เป็นเหน็บ”

เด็กหนุ่มรับคำพลางกระเด้งตัวขึ้นมาฝึกต่อทันที หากสังเกตให้ใกล้ชิด จะพบว่ามือซ้ายของมันในยามนี้กลับเป็นปกติ ไม่เหลือร่องรอยของสีม่วงคล้ำแล้ว นั่นเพราะว่าสือหย่งหลุนใช้เวลาแค่สองวันก็สามารถฝึกวิชาของเฉิงยู่กงสำเร็จ ลมปราณในร่างจึงเพิ่มพูนจนปราณพิษไม่อาจทำอันตรายได้อีกต่อไป

อันที่จริงวิชาดังกล่าวหาได้ฝึกง่ายดายดังที่เห็น แต่เนื่องจากสือหย่งหลุนทะลวงจุดชีพจรในร่างได้ทั้งหมดแล้ว ทั้งวิชานั้นยังใช้พื้นฐานการโคจรลมปราณของสำนักเพลิงหาญเป็นหลัก เด็กหนุ่มจึงใช้เวลาไม่นานในการเข้าใจเคล็ดวิชา ทันก่อนจะถึงเส้นตายซึ่งแขนของมันจะทนปราณพิษและการสกัดเส้นชีพจรไม่ไหวพอดี

เพียงแต่ก่อนจะเริ่มทำการเพิ่มลมปราณ ฟ่านไป่หนิงได้ปรึกษากับเฉิงยู่กงว่าอยากให้เด็กหนุ่มใช้วิชานี้แค่สองครั้งเท่านั้น เหตุผลเพราะตอนนี้พลังวัตรในร่างมันก็สะสมอยู่ไม่เบา หากเพิ่มปริมาณแค่สองครั้งน่าจะมากพอเจือจางปราณพิษได้แล้ว ด้วยนางมองว่าวิชานี้ใช้ได้แค่สามครั้ง หากระหว่างนี้สือหย่งหลุนฝึกฝนจนเพิ่มลมปราณได้มากขึ้นค่อยใช้เป็นครั้งสุดท้ายย่อมเพิ่มปริมาณทบทวี และถ้าในกรณีที่การเพิ่มแค่สองครั้งยังไม่เพียงพอ ถึงตอนนั้นปราณพิษก็น่าจะเจือจางจนเด็กหนุ่มสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วค่อยใช้วิชาในครั้งที่สามก็ได้

เฉิงยู่กงฟังนางแล้วจึงเริ่มตรวจสอบสือหย่งหลุน ครั้นทราบถึงปริมาณพลังวัตรของมันเข้าก็ต้องเลิกคิ้วตกใจ ก่อนเห็นด้วยกับดรุณีน้อยอย่างง่ายดาย สือหย่งหลุนจึงใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ปู่ จนเฉิงยู่กงคิดว่าใช้ได้แล้วก็สั่งให้มันเริ่มเพิ่มลมปราณทันที

สือหย่งหลุนนั่งขัดสมาธิกลางถ้ำซึ่งย้ายหินมาปิดไว้ดั่งเดิมแล้ว เคลื่อนฝ่ามือมาประกบกันเหนือท้องน้อย หลับตาโคจรลมปราณตามวิธีที่เพิ่งร่ำเรียนมา ไม่นานเหงื่อก็ผุดพรายเต็มหน้าผาก ปรากฏไอสีขาวลอยจากกลางกระหม่อมไม่หยุดยั้ง เด็กหนุ่มเกร็งร่างจนขบกรามขึ้นเป็นสัน ฟ่านไป่หนิงเห็นแล้วก็กระเถิบไปใกล้ชายชรา กระซิบว่า

“จอมยุทธ์เฉิง อาการอย่างนี้ปกติหรือ มิใช่ธาตุไฟเข้าแทรกหรอกนะเจ้าคะ”

เฉิงยู่กงโยนถั่วบรรณาการจากสองหนุ่มสาวใส่ปากเคี้ยวกร๊วม ๆ เอ่ยอู้อี้ “เอ สมัยฝึกข้าอยู่ลำพัง ไม่รู้เหมือนกันว่าสภาพภายนอกจะเหมือนอาหลุนในตอนนี้ไหม อีกอย่างข้าก็มิได้ทบทวนเคล็ดวิชามาหลายปีแล้ว อาจจะจำพลาดก็ได้นา”

“โธ่ ข้าร้อนใจจริง ๆ นะเจ้าคะ”

“ฮ่า ๆ ถ้าอยากรู้นัก ก็ไปถามเจ้าตัวเองเสียซิ”

ดรุณีน้อยตวัดหน้ากลับไป ค่อยพบว่าสือหย่งหลุนลืมตาขึ้นดังที่ชายชราว่าไว้จริง ๆ จึงปรี่ไปหามัน ซักไซ้อาการจ้าละหวั่น เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบ ๆ ก้มมองสองมือซึ่งกางแผ่เบื้องหน้าด้วยแววตาวาววับ

“ข้ารู้สึกถึงพลังวัตรที่หมุนวนในร่างชัดเจนยิ่ง คล้ายมันกำลังดันจนทั้งตัวขยายขึ้น รู้สึกแทบเอื้อมมือสัมผัสเพดานถ้ำได้ด้วยซ้ำ”

นางเงยมองกำแพงด้านบนซึ่งสูงลิ่วแล้วหรี่ตาคล้ายไม่เชื่อถือ สือหย่งหลุนจึงลุกขึ้นดีดเท้าครั้งเดียว ก็พลิกตัวลอยขึ้นไปเหยียบเพดานแล้วกลับลงมาในพริบตา เล่าเอาฟ่านไป่หนิงเบิกตาโพลง ส่วนเฉิงยู่กงกลับหัวเราะลั่น

“เอาล่ะ ขั้นที่สองไว้รอพรุ่งนี้เถอะ ระหว่างนี้ก็ตั้งสมาธิเดินลมปราณเพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับปริมาณพลังวัตรใหม่ได้ทันเสียก่อน”

สือหย่งหลุนรับคำแล้วปฏิบิติตามเคร่งครัด วันรุ่งขึ้นค่อยฝึกวิชาเป็นรอบที่สอง ถึงตอนนี้ฟ่านไป่หนิงก็ไม่ต้องไถ่ถามอีกแล้ว เพราะกระทั่งมองด้วยตาเปล่ายังรู้สึกได้ถึงพลังวัตรมหาศาลซึ่งล้นทะลักจากทุกอนูของบุรุษเบื้องหน้า คล้ายมีหมอกควันบางเบาวนเวียนเฉพาะบริเวณที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่จนแลเห็นร่างมันไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

กระทั่งตอนเมื่อโจซานตงขับดันพลังสลายภพเต็มที่ ก็ยังไม่บังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

“พี่หย่งหลุน น่าจะได้เวลาเหมาะสมแล้ว ข้าจะฝังเข็มถอนการสกัดจุดชีพจรของแขนซ้ายเพื่อให้ปราณพิษกระจายออกมา พี่จงเตรียมตัวให้ดีเถิดนะ”

พอเด็กหนุ่มพยักหน้าพลางถอดเสื้อออกเพื่อรอรับการรักษา นางก็ใช้เข็มเบญจกาฬสร้างพื้นที่ซึ่งสามารถใช้พลังวัตรฝังเข็มได้ด้วยวิธีเดิม พลางนึกในใจว่าโชคดีที่มีเข็มเบญจกาฬ เพราะสือหย่งหลุนในยามนี้ ต่อให้เป็นซินแสเทวะก็อาจจะใช้พลังวัตรฝังเข็มมันมิได้ด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มมิได้ใช้วิชาภูตฉกฉวย ดังนั้นพอนางถอนการสกัดจุดชีพจร ปราณพิษก็กระจายออกจากที่คุมขังทันที สังเกตจากสีม่วงเข้มซึ่งวิ่งพล่านไปตามผิวหนังราวรากไม้ชอนไชทั่วผืนดิน ทว่ายิ่งปลายรากยืดยาวมากเท่าไหร่ก็กลับเจือจางลงรวดเร็วขึ้นเท่านั้น ฟ่านไป่หนิงนิ่งมองอย่างตกตะลึงจนกระทั่งตำแหน่งสุดท้ายวาบหายไปกับตา

ปราณพิษซึ่งเป็นกาฝากแฝงเกาะเด็กหนุ่มมาสิบกว่าปี ใช้เวลาแทบไม่ถึงหนึ่งเค่อ (15 นาที) ก็มลายสิ้นในพริบตา

สือหย่งหลุนยกมือซ้ายขึ้นจ้องจนแทบถลน ก่อนสะบัดหน้าขึ้นมองนางพร้อมรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากสั่นระริก ดรุณีน้อยรีบปิดปากกลั้นน้ำตาแล้วก็เปลี่ยนใจกางมือโถมเข้ากอดมันจนสุดตัว

“สำเร็จแล้วพี่หย่งหลุน เราทำสำเร็จแล้ว”

เด็กหนุ่มกอดร่างบอบบางแน่นพลางซุกหน้ากับเรือนผมนาง สัมผัสอบอุ่นและกลิ่นหอมที่เตะจมูกแทนคำยืนยันว่านี่เป็นความจริง มิใช่เพียงฝันซึ่งจะสูญสลายเมื่อสะดุ้งตื่น

มันสามารถใช้สองแขนสองตนเองโอบกอดนางได้อีกครั้ง...โอบกอดได้ตลอดไป!

“แค๊ก ๆ”

การจงใจกระแอมกระตุ้นให้สองหนุ่มสาวผละจากกัน สือหย่งหลุนเกาแก้มพลางหัวเราะเก้อ ๆ ส่วนดรุณีน้อยก็เบือนใบหน้าแดงฉานไปอีกทาง เฉิงยู่งกงเจ้าของเสียงกระแอมโบกไม้โบกมือขณะว่า

“อย่าเพิ่งวางใจไป ปัญหาของอาหลุนใช่จบสิ้นเมื่อไหร่เล่า”

ระหว่างที่สองหนุ่มสาวแสดงท่าสงสัย ชายชราก็โยนก้อนหินขนาดประมาณกำปั้นให้เด็กหนุ่มแล้วสั่งว่า

“ไหนลองบิมันออกเป็นสองซีกเท่า ๆ กันซิ”

แม้ยังงุนงงแต่สือหย่งหลุนปฏิบัติอย่างว่าง่าย แต่แทนที่หินจะแตกเป็นสองส่วนตามแรงกด มันกลับแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยคามือ ท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของผู้ออกแรง

“เห็นแล้วล่ะซิ ตอนนี้เจ้าอาจจะมีพลังวัตรสูงถึงขั้นหนึ่งในห้าของยุทธจักรด้วยซ้ำ แต่การบังคับลมปราณแย่เสียยิ่งกว่าเด็กอมมือ หากต้องปะทะกับยอดยุทธ์เข้าจริง ๆ คงพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นจากนี้ไปข้าจะสอนการบังคับลมปราณให้ เข้าใจหรือไม่”

“ขอรับ อาจารย์ปู่”

นับแต่นั้นสือหย่งหลุนจึงฝึกฝนตามคำแนะนำของเฉิงยู่กงมาตลอด การยืนทรงตัวขาเดียวก็เกิดจากเหตุดังกล่าว แล้วในระหว่างที่เด็กหนุ่มยันตัวลุกเตรียมฝึกต่อ พลันรู้สึกว่าเหน็บที่ขาหายไปอย่างว่องไวผิดปกติ ไตร่ตรองดูค่อยสังเกตว่าตอนที่ชายชราเขวี้ยงหินใส่มัน จังหวะการหายใจจะเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นพอเริ่มตั้งท่าใหม่ก็บังคับลมหายใจตามลักษณะเมื่อครู่ เฉิงยู่กงเห็นแล้วต้องลอบยิ้ม หากมิได้กล่าวว่ากระไร

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 19:21:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com