.
ตกดึกรักษ์ไทมีอาการไข้ขึ้นสูงขึ้นมาอีก และอาการเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา เพราะไม่สบายตัวถึงแม้พยาบาลจะเอายาลดไข้และยาแก้อักเสบมาทานแล้วตั้งแต่หัวค่ำก็ตาม
เสียงอือออที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม ถึงแม้กลิ่นแก้วจะไม่อยากจะสนใจ แต่ทว่าเสียงนั้นทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดีเหลือเกิน กลิ่นแก้วนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยอาการชั่งใจเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่นุชิตจะมา แต่ทว่าจะเฝ้ารอนุชิตให้มาดูแลเขาก็คงจะไม่ได้งานที่ไร่ก็หนักพอดู ป่านนี้ชายหนุ่มอาจจะเพลียแล้วหลับเป็นตายอยู่ก็ได้ สุดท้ายเธอจึงติดสินใจผุดลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปยังเตียงเขาพร้อมใช้มือลองอังๆ ดูตามหน้าฝาก ตัวร้อนจริงๆ ด้วย ! หรือจะตามพยาบาลมาเช็ดตัวดี ?
คิดได้ดังนั้นกลิ่นแก้วจึงเปิดกระตูห้องออกไปตามพยาบาลมาเช็ดตัว แต่เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์เห็นพยาบาลที่อยู่เวรที่ทำงานยุ่งๆ กำลังมีเวลานั่งพักทานอาหาร กลิ่นแก้วเลยไม่อยากรบกวน สุดท้ายเธอจึงกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยห้องเดิมอีกครั้ง ทอดสายตามองคนที่นอนอีกเตียงด้วยความวิตก ก่อนจะเบือนสายตามองไปทางผู้เป็นพ่อที่กำลังนอนหลับสนิท
เอาเถอะ ฉันถือว่าช่วยคุณเพราะเอาบุญก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าหน้าของคุณจะทำเหมือนคนบอกบุญไม่รับใส่ฉันก็ตาม ! กลิ่นแก้วคิดด้วยความฉุนกึก จากนั้นเธอจึงตัดสินใจหาผ้าขนหนูและอ่างใส่น้ำขนาดเล็กเพื่อจะช่วยเช็ดตัวให้คนที่มีไข้ นั้น
กลิ่นแก้ววางอ่างเช็ดอย่างเบามือ กลั้นใจที่จะหยิบผ้าขนหนูที่แช่อยู่ในน้ำขึ้นมาบิดพอหมาดๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ไล้แตะไปตามใบหน้าคมคายของเขา ไออุ่นที่มาจากลมหายใจอุ่นๆ สร้างความรู้สึกหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูกให้กับกลิ่นแก้ว แต่เธอก็พยายามกลั้นใจค่อยๆ เช็ดต่อไปอย่างเบามือ
“คุณเกลียดอะไรผมนักหนา”
กลิ่นแก้วชะงัก ท่าทางบ่งบอกว่าตกใจสุดๆ จู่ๆ คนที่นอนหลับตาพริ้มนั้นก็โพล่งถ้อยคำตัดพ้อใครบางคนออกมาจากริมฝีปากสีน้ำผึ้งนั้นอย่างแผ่วเบา หญิงสาวค่อยๆ พิจารณาดูคนที่เอ่ยพึมพำออกมาราวกับไม่รู้สึกตัว ทีแรกเธอยอมรับว่าตกใจเอาการเพราะนึกว่าคนที่นอนหลับตาพริ้มนี้จะต่อว่าเธอออกมา แต่ทว่ายามมองหน้าเขาชัดๆ กลับพบว่าเขายังหลับตาอยู่และดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาทั้งนั้น
หรือว่าเขาจะละเมอ เพ้อพก ไปเอง?
นี่คือคำถามแรกที่เธอตั้งเอาไว้ ก่อนจะหยุดเพ่งสีหน้าเขาเนิ่นนาน เขายังคงหลับสนิทราวไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งใจ โธ่ ที่แท้เขาก็นอนละเมอนี่เอง .... จากนั้นกลิ่นแก้วจึงบรรจงกลับมาเช็ดแก้มอีกข้างที่เหลือให้อย่างเบามือเช่นเดิม และเสียงตัดพ้อเหมือนครั้งแรกก็ดังขึ้นอีก แต่ทว่ายามนี้แววตาที่เธอเคยเห็นมันปิดสนิทกลับเบิกกว้างขึ้นมาจ้องหน้าเธออีกด้วย
“คุณเกลียดอะไรผมนักหนา!”
“คุณ!” หญิงสาวห่อปากอุทาน อารามตกใจ...ทำให้หญิงสาวเผลอสะบัดผ้าขนหนูหลุดร่วงจากมือ
“คุณ...” แววตาคู่คมยังจ้องหน้าเธอนิ่งด้วยแววตัดพ้อ ไม่มีอาการงัวเงยเหมือนคนนอนหลับสนิทมาก่อน งั้นก็แสดงว่า เขา..ไม่ได้นอนหลับไปอย่างที่เธอเข้าใจในยามแรกหรอกหรือ
“คุณ.. คุณไม่ได้”
“บอกผมมาสิ คุณเกลียดอะไรผมนักหนา”
เขาคาดคั้น ...กลิ่นแก้วพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เงอะงะและ อึกอัก ด้วยคำพูดตัดพ้อต่อว่า เขาต้องหมายถึงเรื่องนั้นแน่ๆ เรื่องที่เธอแช่งชักเขาเอาไว้
กลิ่นแก้วย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของงามตาที่ได้เอ่ยเตือนให้เธอขอโทษเขา หญิงสาวจึงเบือนสายตาไปทางบิดาท่านยังนอนกรนด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมอ นี่ก็เป็นโอกาสที่เธอเอ่ยขอโทษเขาให้หมดๆ เรื่องค้างคาใจเสียที
“ฉันขอโทษ” ว่าแล้วกลิ่นแก้วจึงเอ่ยขอโทษเขาออกมาด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา แทนที่เขาจะเข้าใจกลับขมวดคิ้วจ้องหน้าเธอนิ่ง พร้อมขยับตัวลุกขึ้นมามองหน้าเธอราวกับมองให้ทั่วถึงอีก
“นี่..แสดงว่าคุณ ?”
“ค่ะ ฉันขอโทษ ตอนนั้นมันเป็นอารมณ์ ชั่ววูบ ที่ทำให้ฉันต้องทำอย่างนั้น” กลิ่นแก้วเอ่ยต่อแต่ไม่ยอมมองหน้าเขา เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อยอย่างคนมีฟอร์ม
และด้วยคำพูดและการกระทำเช่นนั้นของเธอ กลับยิ่งทำให้รักษ์ไทยิ่งรู้สึกเจ็บลึกเสียดแทง แสลงเข้าไปที่ใจเขามากมาย
เธอยอมรับออกมาหน้าตายง่ายๆ เช่นนี้เองหรือ !
“ในเมื่อคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก งั้นฉันก็กลับไปนอนก่อนก็แล้วกัน” กลิ่นแก้วหันกลับมาบอกเขาเรียบๆ โดยไม่ได้จดจ้องที่ใบหน้านิ่งคมคายของเขาเลยว่า เขากำลังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาตำหนิ ถือโทษเช่นไรบ้าง
กลิ่นแก้วมองไปยังผ้าขนหนูผืนเล็กที่หล่นข้างตัว หมายที่จะฉวยมือไปหยิบมันขึ้นไปเก็บ แต่ทว่า จังหวะที่เธอโน้มตัวลงไปนั้น ใบหน้าของอีกคนก็โน้มต่ำลงมาที่ใบหน้าเธอเช่นกัน ก่อนที่เจ้าของใบหน้าจะแนบริมฝีปากอุ่นจัดทาบทับกับริมฝีปากเธอแผ่วเบาตามลงมาทันที
กว่ากลิ่นแก้วจะรู้สึกตัวคล้ายถูกไฟซ๊อต ใบหน้าเขาก็เลื่อนออกห่างเอง สายตายังคงนิ่งกริบ แตกต่างจากสายตาเธอเหลือเกินที่มันทั้งตกใจ และยังทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะต่อว่าอะไรเขาออกไป เขาก็พูดกลับมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เย็นชา
“คุณ!”
“นี่มันก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบของผมเช่นกัน” กลิ่นแก้วตวัดมือทาบริมฝีปากตัวเอง เขาบอกว่านี่มันก็อารมณ์ชั่ววูบของเขาน่ะหรือ ไม่เพียงเท่านั้นยามนี้สายตาที่ดูว่างเปล่า กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาแห่งความดูถูกซึ่งมันดูรับกันดีกับริมฝีปากของเขาที่กระตุกยิ้มหยันออกมา
กลิ่นแก้วเลื่อนฝ่ามือข้างที่แตะริมฝีปากออก กำเป็นกำปั้นหลวมๆ เพื่อใช้ทุบไปที่หน้าอกเขาด้วยความโกรธและอายทันที “คุณมันคนบ้า!“
(มีต่อ)
.
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
27 เม.ย. 55 22:04:01
|
|
|
|