Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[เรื่องสั้นเพิ่งหัดเขียน] อังคณา ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นที่เขียนส่งอาจารย์ค่ะ ภายใต้โจทย์ตัวละครน้อย พล็อตเดียว
เขียนจบไปแล้ว ส่งไปแล้วจนตอนนี้เกรดจะออกแล้ว
เลยอยากนำมาลงให้ทุกท่านช่วยติชมหน่อยค่ะ รบกวนด้วยนะคะ

- - - - - - - - - - -

อังคณา

ชายวัยกลางคนพร้อมกับชายหนุ่มวัยต้นยี่สิบช่วยกันขนกล่องกระดาษหลากหลายขนาดผ่านประตูไม้ของห้องเช่าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยลังกระดาษ กล่องพลาสติกและข้าวของที่ยังจัดไม่เข้าที่ หญิงสาวร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีอ่อนยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูนัก ในมือของเธอถือถาดใส่แก้วน้ำสำหรับแรงงานขนของทั้งสองคน ใบหน้ารูปไข่เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ


“พักดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ อีกเดี๋ยวค่อยจัดต่อก็ได้” ถาดพลาสติกลายดอกไม้ถูกวางลงบนโต๊ะขนาดเล็กข้างกับโซฟา ชายต่างวัยทั้งสองคนหันกลับมามองตามเจ้าของเสียง รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าทั้งสองที่มีความคล้ายคลึงดั่งเช่นผู้ที่มีสายเลือดเดียวกัน


“พักหน่อยก็ได้ลูก เหลือแค่จัดของให้เข้าที่อีกนิดหน่อยก็น่าจะเสร็จแล้ว พ่อว่าน่าจะเสร็จก่อนเย็นนี้นี่ล่ะ” มือหนายกขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมกับเดินตรงมายังโซฟา ผู้เป็นพ่อยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วกวาดสายตามองห้องพักของบุตรสาวเพียงคนเดียว


“ห้องกว้างนะครับ พี่อังแน่ใจนะว่าจะอยู่คนเดียว ไม่ให้ธินมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย” อธินผู้เป็นน้องชายเอ่ยถามพลางทรุดตัวนั่งข้างผู้เป็นบิดา ขณะที่พี่สาวสั่นศีรษะเป็นคำตอบ


“ธินต้องเรียน ที่นี่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยตั้งมาก ถ้าต้องคอยตื่นเช้าแล้วก็ขึ้นรถไปกลับน่ะลำบากแย่ พี่อายุมากกว่าธินตั้งหลายปี ทำไมพี่จะอยู่คนเดียวไม่ได้กัน” อังคณาระบายยิ้มอ่อน ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะเป็นห่วงเธอยิ่งเสียกว่าผู้เป็นพ่อแม่เสียอีก ทั้งที่คนที่เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก่อนก็เป็นเธอแท้ๆ


“จริงๆพ่อก็อยากให้ธินย้ายมาอยู่กับอังหรอกนะลูก ถ้าไม่ติดว่าที่เรียนของเจ้าธินมันอยู่ไกลอย่างที่อังว่าจริงๆ ถึงที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยก็เถอะ แต่พ่อไม่ค่อยอยากให้อังอยู่คนเดียวเลย ร่างกายเราก็ไม่ใช่จะแข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา พ่อกับแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด ถ้าเกิดอังเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร”


หญิงสาวยกมือแตะขึ้นที่สะโพกเมื่อได้ยินคำกล่าวของบิดา เธอประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน แม้จะรักษาจนอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่กระดูกสะโพกที่แตกหักก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอไม่เป็นปรกติเหมือนแต่ก่อน หากสังเกตให้ดีก็เห็นได้ว่าเธอเดินกระเผลกเล็กน้อย สาเหตุนี้จึงทำให้หญิงสาวต้องย้ายที่พักมาเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานมากขึ้น เพื่อย่นระยะเวลาการเดินทางและภาระของร่างกาย


“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงอังหรอกค่ะ อังดูแลตัวเองได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอังจะรีบติดต่อไปหาธินทันทีเลยดีไหมคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าหวานทำให้ผู้เป็นพ่อและน้องชายใจอ่อนลงอย่างเสียไม่ได้ สุชาติเอ่ยปากยินยอมตามความต้องการของลูกสาวและกลับไปช่วยเธอจัดห้องให้เป็นระเบียบ


“พ่อไปก่อนนะอัง เดี๋ยวต้องไปส่งธินแล้วก็ขับรถกลับบ้านอีก” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นหลังจากข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางในที่ที่สมควร เหลือเพียงการจัดของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับหญิงสาวที่อาศัยอยู่เพียงคนเดียว อังคณาสวมกอดพ่อและน้องชายเพราะรู้ดีว่าคงอีกนานที่เธอจะได้พบทั้งสองคนอีกครั้ง


“รักษาสุขภาพด้วยนะคะพ่อ ธินเองก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”


ประตูห้องปิดลงหลังจากที่สมาชิกของครอบครัวทั้งสองจากไป อังคณารื้อเสื้อผ้าออกมาจากกล่องพลาสติกแล้วจัดเก็บเข้าตู้ หญิงสาวเหม่อมองห้องพักที่ประกอบไปด้วยหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และส่วนที่กั้นออกเป็นห้องครัวและห้องรับแขกขนาดเล็ก ห้องพักแห่งนี้จะเป็นที่พำนักของเธอไปอีกระยะหนึ่ง...นานเท่าไหร่เธอก็ไม่ทราบได้เช่นกัน




แอ๊ด


ประตูห้องพักห้องข้างๆเปิดออกระหว่างที่อังคณาในชุดทำงานสีอ่อนกำลังลากถุงขยะออกมาจากห้องพักของเธอ เจ้าของห้องผู้เป็นเพื่อนบ้านที่เธอยังไม่เคยพบมาก่อนคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งวัยสามสิบตอนต้น ผิวขาวอมเหลืองเหมือนผู้มีเชื้อสายจีน เขาสวมแว่นสายตากรอบสีดำสนิท ท่าทางดูคงแก่เรียนต่างจากพนักงานบริษัทโดยทั่วไป


“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเพิ่งย้ายมาใหม่หรือครับ ผมชื่อปรานต์เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย....” ชายหนุ่มแนะนำตัวพร้อมกับค้อมศีรษะให้กับเธอ มหาวิทยาลัยที่เขาสอนอยู่นั้นเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมิเนียมไปมากนัก ริมฝีปากบางของเขาคลี่ออกเป็นรอยยิ้มสุภาพ ดูแล้วเพื่อนบ้านของเธอจะมีน้ำใจและน่าคบหาอยู่ไม่น้อย


“สวัสดีค่ะอาจารย์ ดิฉัน..อังคณาหรือจะเรียกว่าอังก็ได้ค่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อวันเสาร์”


“พูดธรรมดาก็ได้ครับคุณอัง ผมไม่ได้คิดมากอะไร อีกอย่างตอนนี้อยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัยผมยังเป็นแค่นายปรานต์ธรรมดานะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าของอังคณาขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “จะเอาขยะออกไปทิ้งหรือครับ...มาครับผมช่วยถือเอง ดูแล้วท่าทางจะหนักไม่ใช่เล่น”


มือหนาคว้าถุงพลาสติกสีดำออกจากมือหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ ก่อนหย่อนถุงขยะลงในถังขยะรวมที่ทางอพาร์ตเม้นท์จัดเตรียมไว้ให้ หญิงสาวพึมพำขอบคุณเบาๆและได้รับรอยยิ้มอบอุ่นตอบกลับ อาจารย์หนุ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างรอลิฟต์ที่กำลังขึ้นมา ผิดกับอังคณาที่ก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันมั่วไปหมด


สำหรับอังคณาบรรยากาศในลิฟต์ช่างชวนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่สีน้ำตาลกลมโตเหลือบมองชายหนุ่มผู้อยู่ห้องข้างเคียงเป็นระยะ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในใจของหญิงสาวอย่างแปลกประหลาดเธอบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเท่านั้นที่เธอจะประทับใจใครสักคนหนึ่ง


นั่นเป็นความรู้สึกแรกเริ่มของอังคณาเมื่อได้พบกับ..ปรานต์




นับเป็นเวลาสองเดือนแล้วที่อังคณาย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักใหม่แห่งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและชายหนุ่มห้องข้างเคียงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นจนแม้เธอเองยังรู้สึกแปลกใจ ทุกอย่างดูราบลื่นเรียบหาย ผิดกับชีวิตก่อนประสบอุบัติเหตุของเธอเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ชีวิตมนุษย์ล้วนเป็นเช่นนี้เสมอ ดีบ้างร้ายบ้างสลับกันไป บางทีตอนนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เธอจะพบเจอแต่สิ่งดีๆเหมือนคนอื่นเขาบ้างแล้วก็ได้


นาฬิกาบอกเวลากว่าสิบเจ็ดนาฬิกา มือบางของหญิงสาวไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในห้องพักรายเดือนเหมือนเช่นกิจวัตรที่ทำในทุกวัน ขาเรียวก้าวเข้าไปในห้องก่อนจะชะงักค้างกับภาพเบื้องหน้า


รองเท้า...หลากหลายคู่ หลากหลายสีสัน ที่ควรจะเรียงเป็นระเบียบอยู่ในตู้เก็บรองเท้ากลับวางกระจัดกระจายเต็มพื้นหน้าห้อง มันไม่ใช่ภาพเดียวกับเมื่อเช้านี้ เหมือนกับมีใครบางคนเข้ามารื้อมันเสียหมดสภาพ


หญิงสาวทิ้งกระเป๋าสะพายแล้ววิ่งตรงไปยังตู้ลิ้นชักเก็บของที่ข้างเตียง ของมีค่าไม่ว่าจะเป็นเงินหรือเครื่องประดับของเธอยังอยู่ครบทั้งหมด อังคณาเดินสำรวจรอบห้องเพื่อตรวจสอบว่ามีข้าวของชิ้นไหนสูญหายไปบ้าง...แต่ไม่มีพบความเปลี่ยนแปลง มีเพียงแค่ตู้เก็บรองเท้าเท่านั้นที่ถูกรื้อค้น ไม่มีข้าวของหายไปเลยสักชิ้น


รองเท้าคู่กระจัดกระจายถูกจัดเข้าที่อีกครั้ง อังคณาเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นหายเหนื่อยล้าจากการทำงาน อะไรบางอย่างทำให้เธอตรงไปยังฝักบัวอาบน้ำ นิ้วเรียวคว้าขวดสบู่เหลวสีขุ่นที่เธอใช้อยู่เป็นประจำออกมาแล้วหมุนเปิดฝา... ทั้งๆที่เพิ่งซื้อใหม่เมื่อประมาณสามสัปดาห์ก่อน แต่ตอนนี้สบู่กลับพร่องลงไปเหลือไม่ถึงครึ่งขวด ปริมาณเหมือนกับว่าไม่ได้มีเธอใช้คนเดียว
ไม่สิ บางทีเธออาจจะแค่คิดไปเอง


อังคณาสะบัดศีรษะเบาๆเรียกสติ ย้อนคิดว่าอาจจะเป็นเธอก็ได้ที่รีบร้อนหารองเท้าจนต้องรื้อออกมาแล้วลืมเก็บ เธออาจจะกดสบู่มากกว่าปรกติในตอนอาบน้ำ มันอาจจะเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่จะมีใครคนอื่นล่ะที่จะเข้ามาในห้องพักของเธอได้


กริ๊ง กริ๊ง


เสียงออดดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง หญิงสาววางขวดสบู่เหลวลงและก้าวไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ภาพที่ปรากฏขึ้นบนตาแมวคือใบหน้าของชายหนุ่มห้องเคียงข้าง อังคณาเปิดประตูออกพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า


“ทานอะไรหรือยังครับคุณอัง พอดีผมซื้อเป็ดย่างร้านอร่อยมาก็เลยอยากมาทานกับคุณนะครับ ไม่ทราบว่ารบกวนอะไรหรือเปล่าครับ”


“ไม่รบกวนหรอกคะ พอดีอังก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน อังว่าจะอุ่นต้มจืดของเมื่อวานอยู่พอดี คุณปรานต์นั่งรอตรงโต๊ะกินข้าวก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวเอาเป็ดไปใส่จานให้”


ชายหนุ่มร่างสูงถอดรองเท้าและนั่งลงตามที่ผู้เป็นเจ้าของห้องบอก อังคณาแกะอาหารลงใส่จานแล้วเปิดไมโครเวฟเพื่ออุ่นต้มจืดที่แช่ตู้เย็นเอาไว้ หญิงสาวชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าของตนเอง คราบมันและเศษอาหารกระจายเป็นไมโครเวฟเต็มไปหมด ด้วยนิสัยติดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอมั่นใจว่าทุกครั้งหลังใช้งานมันต้องถูกเช็ดทำความสะอาดเสมอ


“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณอัง” ปรานต์ชะโงกหน้ามาดูหญิงสาวที่เงียบหายไปเป็นเวลานาน ใบหน้าที่ซีดเซียวของอังคณาทำให้ชายหนุ่มรีบปราดเข้ามาใกล้และคว้าไหล่ของเธอเอาไว้พร้อมส่งเสียงร้องหลายครั้งเหมือนเตือนสติ


“ขอโทษค่ะคุณปรานต์ วันนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับอังเต็มไปหมดเลยน่ะค่ะ...” มือหนาของชายหนุ่มรับจานใส่อาหารมาถือพลางพาเจ้าของห้องพักไปนั่งพักยังเก้าอี้สำหรับทานอาหาร แม้ว่าเขาจะไม่ปริปากพูดอะไรออกมา แต่สายตาห่วงใยที่ส่งมาให้ก็เหมือนกับกระตุ้นให้อังคณาเล่าสิ่งต่างๆที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจให้เขาฟังทั้งหมด


“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะครับคุณอัง แต่ถ้าคุณอังไม่สบายใจผมว่าลองเปลี่ยนลูกบิดกุญแจดูไหมครับ ที่คอนโดฯก็มีช่างคอยประจำอยู่ พรุ่งนี้วันเสาร์พอดีเดี๋ยวผมพาไปซื้อลูกบิดใหม่ก็ได้ครับ”


ใบหน้าของหญิงสาวค่อยมีสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำจากอีกฝ่าย เขาสามารถทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ...แต่ในใจลึกๆของเธอก็อดแย้งขึ้นมาไม่ได้


หวังว่าจะ‘ไม่มีอะไร’จริงๆ





ช่างที่มาเปลี่ยนลูกบิดประตูกลับไปหลังจากงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย วันนี้ปรานต์ต้องไปช่วยคุมสอบที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นจึงไม่สามารถมาอยู่เป็นเพื่อนขณะที่ช่างมาทำงานได้ แต่แค่นี้ก็ทำให้อังคณารู้สึกเบาใจได้ขึ้นมาก ถ้าจะมีใครแอบเข้าห้องของเธอเวลาที่เธอไม่อยู่จริงๆ คนๆนั้นคงจะไม่สามารถเข้ามาได้อีกแล้วถ้าไม่มีกุญแจสำรอง


ข้อความมือถือจากอธินถูกส่งมาว่าเขาต้องการจะใช้เงินเพื่อทำโครงงานเป็นจำนวนเงินสามพันบาท น้องชายของเธอจะเข้ามาเอาเงินในวันรุ่งขึ้น อังคณาจึงเบิกเงินมาให้เขาตั้งแต่วันนี้ หญิงสาวหยิบเงินจำนวนหนึ่งแล้ววางกระเป๋าเงินบนโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะเดินลงไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ร้านขายของสะดวกซื้อที่ใต้อาคาร


ความคิดที่ว่าเพียงแค่เปลี่ยนลูกบิดประตูทุกอย่างก็จะจบไม่เป็นจริงอีกต่อไป เมื่อหญิงสาวกลับมาที่ห้องพักเรื่องแปลกๆก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เงินสามพันบาทในกระเป๋าเงินของอธินหายไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งที่เธอเพิ่งวางมันไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเมื่อไม่ถึงสิบนาทีนี้นี่เอง


หญิงสาวตรงไปยังส่วนที่กั้นเป็นครัวและเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มสำหรับสงบใจ...ขนมเค้กที่ปรานต์ซื้อให้เธอเมื่อวานนี้หายไปเรียบร้อยแล้ว...


อังคณาวิ่งเข้าห้องน้ำสถานที่ที่เธอจะพบความเปลี่ยนแปลงของห้องมากที่สุด...พื้นห้องน้ำเปียกโชกไปด้วยหยดน้ำ ทั้งๆที่ครั้งสุดท้ายที่เธออาบน้ำคือเมื่อกว่าหกชั่วโมงที่แล้ว


ภาพต่างๆย้อนเข้ามาในสมองทีละนิด ของใช้ที่บางทีก็เคลื่อนที่จากตำแหน่งของมัน ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่หมดเร็วผิดปรกติ...


คงไม่ใช่เธอ...ที่พักอาศัยอยู่ภายในห้องนี้เพียงลำพัง





“พี่คะ อังขอดูคลิปที่กล้องวงจรปิดที่ชั้นห้า หน้าห้องห้าหนี่งสี่ถ่ายไว้ได้ไหมคะ อังรู้สึกเหมือนมีคนแอบเข้าไปในห้องอังตอนที่อังไม่อยู่” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มวัยสี่สิบเป็นนิติกรของคอนโดมีเนียมแห่งนี้ เขาสั่นหน้าพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเสียใจ


“ขอโทษจริงๆนะครับคุณอังคณา พอดีว่าที่คอนโดฯของเรามีกล้องวงจรปิดแค่ที่หน้าลิฟต์เท่านั้น ถ้าคุณอังรู้สึกไม่สบายใจผมจะลองให้ช่างเข้าไปตรวจในห้องไหมครับ พวกตามฝ้าตามหน้าต่างว่ามีรอยงัดแงะอะไรหรือเปล่า”


หญิงสาวกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลก่อนจะนำทางช่างไปยังห้องพักส่วนตัวของเธอ หลังจากการตรวจสอบรอบห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ลูกกรงหน้าต่าง หรือแม้กระทั่งระเบียงห้อง ก็ไม่พบจุดใดที่คนภายนอกจะเข้ามาในห้องของเธอได้ ฝ่ายช่างจึงกลับไปโดยไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น


บางที...คนที่จะแอบเข้าห้องพักของเธอได้คือคนที่จะต้องมีกุญแจห้องเท่านั้น ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้มอบกุญแจห้องให้กับใคร ยกเว้นแต่ว่า...นายช่างที่มาเปลี่ยนกุญแจให้กับเธอจะแอบทำกุญแจสำรองแล้วแอบเข้ามาในห้องโดยที่เธอไม่รู้ตัว


วันรุ่งขึ้นอังคณาซื้อลูกบิดและตัวล็อกกุญแจอันใหม่มาอีกครั้ง เธอขอให้ช่างของคอนโดมีเนียมขึ้นมาเปลี่ยนลูกบิดประตูให้ด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นช่างคนอื่นที่ขึ้นมาทำให้ แต่คนที่ขึ้นมาเปลี่ยนลูกบิดกุญแจกลับเป็นช่างคนเดิม


ขาเรียวสาวเท้าตรงไปยังห้องเคียงข้างเมื่อมั่นใจว่าบุคคลต้องสงสัยของเธอจากไปพร้อมกับกล่องเครื่องมืออุปกรณ์ หญิงสาวเคาะประตูไม้ด้วยจิตใจอันฟุ้งซ่าน เวลานี้คงจะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะให้คำปรึกษากับเธอได้


จากเคาะประตูห้องเปลี่ยนเป็นการใช้แรงทุบ หากแต่ไร้เสียงตอบรับจากอาจารย์หนุ่ม อังคณาหันรีหันขวางด้วยความกังวล ดวงตาสีน้ำตาลแลเห็นหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านที่กำลังเก็บขยะส่วนกลางไปทิ้ง หญิงสาวเดินมุ่งตรงไปหาอีกฝ่ายในทันที


“คุณป้าคะ ไม่ทราบว่าคุณป้าเห็นอาจารย์ที่อยู่ห้องข้างๆหนูไหมคะ ไม่ทราบว่าเขาออกไปข้างนอกหรือเปล่า” หญิงแม่บ้านละสายตาจากงานที่ทำขึ้นมามองหญิงสาวด้วยความงุนงง เรียวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนใช้ความคิด


“เอ..อาจารย์คนไหนกันคะ ข้างห้องคุณนอกจากคุณพนักงานธนาคารแล้วอีกห้องก็ไม่มีใครอยู่นะคะ” ดวงตาของอังคณาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากผู้เป็นแม่บ้าน จะเป็นไปได้อย่างไรว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ข้างห้องเธอ ในเมื่อทุกๆวันปรานต์ยังทักทายและคุยกับเธออย่างสม่ำเสมอ


“ไม่เป็นไรค่ะ อาจจะมีการเข้าใจอะไรผิดก็ได้ ขอบคุณป้ามากเลยนะคะ” ริมฝีปากบางคลี่ออกเป็นรอยยิ้มหม่น หญิงแม่บ้านพยักหน้าก่อนจะรวบถุงขยะเดินลงบันไดไป อังคณาลากเท้าเดินกลับห้องพักไปอย่างเชื่องช้า เธอหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของปรานต์ด้วยความลังเล


แอ๊ด


บานประตูไม้เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่ปรากฏตัวขึ้น รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าขาวทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งของอังคณามลายหายไปในทันที


“เมื่อกี้คุณอังมาเคาะห้องผมใช่ไหมครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้มาเปิด พอดีตอนนั้นผมกำลังอาบน้ำอยู่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ เส้นผมสีดำสนิทของเขายังเป็นเปียกชื้นจากการอาบน้ำ ที่บอกว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในห้องนี้คงเป็นเพราะความเข้าใจผิดของแม่บ้าน ปรานต์เชื้อเชิญเธอเข้าไปในห้องพักที่จัดเป็นระเบียบของเขา อังคณาทรุดตัวลงพลางเล่าเรื่องช่างของคอนโดมีเนียมให้อีกฝ่ายฟัง


“ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับว่าช่างจะมีกุญแจสำรองของคุณ” ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง “ช่วงนี้ผมเองก็ติดธุระเสียด้วยสิ ทางคณะจัดค่ายอบรมผมต้องไปเป็นวิทยากรตั้งสองสัปดาห์...ตอนผมไม่อยู่ คุณต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณอัง”


มือหนายกขึ้นแตะมือของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเบื้องหลังกรอบแว่นทอดมองมาด้วยความห่วงใย ผิดกับใจของอังคณาที่ว้าวุ่นด้วยลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่บอกว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่ จะต้องมีเรื่องราวไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


เพียงปรานต์เดินทางไปออกค่ายกับทางมหาวิทยาลัยได้ไม่ถึงสองวัน ความหวาดระแวงกัดกินในใจของหญิงสาว ยิ่งปรานต์ไม่อยู่เพราะว่าเช่นนี้ ใจของเธอก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ จะโทรศัพท์ไประบายให้ผู้เป็นพ่อและน้องชายฟังก็ไม่เข้าที เพราะทั้งสองคนล้วนก็แต่มีเรื่องที่ต้องคิดเป็นของตัวเอง


ความตึงเครียดของอังคณามาถึงจุดขีดสุดเมื่อพบว่า หลังกลับจากทำงานเสื้อผ้าที่ควรจะอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอกลับกระจัดกระจายเต็มส่วนที่เป็นห้องนอนไปเสียหมด


หญิงสาวไม่ก้าวออกจากห้องแม้ว่าจะเป็นวันและเวลาทำงานของเธอก็ตาม อังคณาเฝ้าแต่จับตามองว่าจะมีใครเข้ามาในห้องของเธอหรือไม่ เสียงโทรศัพท์มือถือและเสียงออดที่หน้าประตูห้องดังลั่นหลายต่อหลายครั้ง ผู้เป็นเจ้าของห้องได้แต่เก็บตัวในความมืดเพื่อรอบุคคลโรคจิตที่แอบเข้ามาอาศัยอยู่ในห้องของเธอ...


เมื่อไหร่ปรานต์จะกลับมาสักที...




“พี่อัง!” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างใบหูพร้อมกับแรงเขย่า เปลือกตาบางของหญิงสาวเปิดขึ้นพร้อมกับภาพใบหน้าของอธินปรากฎขึ้นในสายตา ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มจ้องมองมายังผู้เป็นพี่สาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย


“พี่อังเป็นอะไร ธินไม่อยู่แค่ครึ่งเดือนทำไมพี่อังไม่ดูแลตัวเอง ทำไมพี่ไม่ไปทำงานตั้งเกือบครึ่งเดือน โทรมาก็ไม่มีใครรับมือถือ รู้ไหมว่าคนอื่นเขาเป็นห่วง”


“ธิน...” น้ำเสียงของอังคณาแหบแห้งกว่าที่เคย “ธิน...มีคนแอบเข้ามาในห้องตอนที่พี่ไม่อยู่ พี่จะทำอย่างไรดีธิน”


“ธินก็อยู่กับพี่ตอนนี้ไงครับพี่อัง พี่อย่าคิดมากนะไม่มีอะไรหรอก พี่อังลุกไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวธินจะหาอะไรให้ทานเอง” อธินประคองร่างผอมบางของพี่สาวขึ้นจากพื้น ในขณะที่อังคณาเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น


“สองสัปดาห์แล้วหรือธิน...ทำไมคุณปรานต์ยังไม่กลับมาสักที ทำไมทิ้งให้พี่รอนานขนาดนี้...” ร่างกายของผู้เป็นน้องชายหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากพี่สาว อธินย้อนถามเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน


“ปรานต์? พี่อังหมายถึงพี่ปรานต์ไหนกันแน่”


“คุณปรานต์ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย.....ไงธิน คนที่อยู่ข้างๆห้องพี่”


“พี่อัง” น้ำเสียงของชายหนุ่มมีแววแหบแห้งระคนขื่นขม “ข้างห้องพี่ไม่มีใครอยู่หรอกนะ ธินย้ายมาอยู่กับพี่อังตั้งแต่เดือนแรกที่พี่มาอยู่ ธินก็ยังไม่เห็นมีใครอยู่ข้างห้อง...ส่วนเรื่องพี่ปรานต์...พี่ปรานต์เขาตายไปแล้วพี่ ตายเพราะรถคว่ำตอนที่ขับรถพาพี่กลับบ้าน พี่จำไม่ได้หรือ”


สิ้นเสียงของน้องชายเหมือนมีฟ้าฟาดลงกลางใจของหญิงสาว ภาพต่างๆแล่นย้อนเข้ามาในสมอง


ภาพของอธินที่รื้อหารองเท้าสำหรับเล่นกีฬาก่อนจะไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า เธอเป็นคนบอกเขาเองว่าจะช่วยเก็บให้ตอนกลับห้องมาแล้ว...ภาพของอธินที่ทำไมโครเวฟเลอะเทอะด้วยคราบน้ำมันจนเธอต้องปริปากบ่น...ภาพของอธินที่รับกุญแจห้องใหม่พร้อมกับเงินสามพันบาทไปจากมือเธอ


ทุกภาพ...ทุกเหตุการณ์...ไม่ว่าจะเป็นการไปซื้อลูกบิดประตูอันใหม่ เป็ดย่างร้านอร่อยที่ซื้อมา ขนมเค้กที่หายไปเพราะฝีมือของอธิน...ไม่เคยมีปรานต์อยู่ในนั้น ราวกับตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเขาอยู่ในชีวิตของเธอมาก่อน


ภาพของชายหนุ่มที่เป็นคนรักของเธอปรากฏขึ้นในความทรงจำ ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยเลือด เลนส์แว่นตากรอบสีดำแตกร้าวไม่มีชิ้นดี มือของเขากอบกุมมือของเธอไว้ น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นเหมือนกับได้ยินทุกวันวาน


‘ไม่เป็นไร..อังจะต้องไม่เป็นไร อังจะต้องรอด...อังจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป’


“ไม่!” หญิงสาวสะบัดผู้เป็นน้องชายออกไปพลางกรีดร้องเสียงดังลั่น “อังจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีปรานต์ อังจะอยู่ไปเพื่ออะไรกัน!!!”


“มันไม่จริง! มันไม่ใช่เรื่องจริง!! ปรานต์ยังไม่ตาย!!! ปรานต์ยังอยู่กับอังเสมอ...” หยาดน้ำตาหลั่งรินอาบใบหน้าของอังคณา ท่ามกลางสายตาของน้องชายที่มองเธอด้วยหัวใจอันแตกร้าว เสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความทุกข์ทรมานใจ

“ไม่จริง!! ไม่!!!!!!”





ในสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยผืนหญ้า ต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ยังมีหญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวผู้หนึ่งเอนกายนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีเดียวกับชุดของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเหม่อมองออกไปไกล ไม่สนใจคนรอบข้างที่พูดถึงเธออยู่ตอนนี้


“เพราะอาการช็อกจากอุบัติเหตุและการเสียคนรักทำให้เกิดความบิดเบี้ยวในใจของเธอเข้าน่ะครับ เธออาจจะดูเหมือนคนปรกติทั่วไป แต่ก็มีอาการเกิดภาพหลอน หูแว่วในบางครั้ง จนอาการหนักแบบนี้ล่ะครับ คนรอบข้างถึงจะรับรู้ว่าเธอมีอาการผิดปรกติทางประสาทไปแล้ว”


“คุณหมอครับ...ลูกสาวผมจะพอมีโอกาสหายไหมครับ” สุชาติมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของบุตรสาวคนโตด้วยความเศร้าใจ ถ้าพวกเขาดูแลเธอให้ดีกว่านี้เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน


“หมอจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่ครับ หมอเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะสามารถกลับเข้าสู่สังคมปรกติได้อย่างแน่นอน”


ดวงตาใต้กรอบแว่นสีดำสนิทของจิตแพทย์หนุ่มจ้องมองไปยังอังคณาที่นั่งเหม่อลอยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหงาหงอยอย่างประหลาด นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเหลือบมาสบตากับเขา ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะขยับออกเป็นรอยยิ้มสดใส


“ปรานต์....ปรานต์ของอัง อังจะรักปรานต์ตลอดไป....”


หญิงสาวพึมพำอย่างแผ่วเบา...คงมีแต่เธอและจิตแพทย์เท่านั้นที่ได้ยิน


จบบริบูรณ์

จากคุณ : resin_part_14
เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 01:58:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com