ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11943534/W11943534.html
2
หลังจากอิ่มหนำกับอาหารมื้อเช้า จุดหมายปลายทางที่สองสาวกำลังจะไปก็คือร้านจำหน่ายต้นไม้ชัยพฤกษ์ แม้จะเป็นร้านที่ไม่ใหญ่โต ข้อมูลภาคทฤษฎีจะมีไม่ครบก็ตาม แต่ก็ช่วยในข้อมูลภาคปฏิบัติได้มาก ที่สำคัญเป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน
งานที่อาจารย์มอบหมายคือให้นักศึกษาจับคู่กัน แล้วเลือกชนิดของไม้ผลัดใบสองชนิด ชนิดแรกเป็นไม้ใหญ่ ชนิดที่สองเป็นไม้ดอกหรือไม้ขนาดเล็ก ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์ไม้นั้นๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ลักษณะทางกายภาพ ชีวภาพ การปลูก การเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ อุปสรรคในการฟื้นฟู การดูแลรักษา รวมถึงภาพถ่ายขั้นตอนแต่ละขั้นตอน ภาพถ่ายของพันธุ์ไม้ชนิดนั้นๆ อย่างละเอียด
สนสองใบ เป็นไม้ผลัดใบขนาดใหญ่ เอื้องใบไผ่ เป็นไม้ดอกที่อมีนาและธารทิพย์เลือกในการทำรายงานครั้งนี้ ครั้งก่อนที่มาพบคุณชัยพฤกษ์ ผู้เป็นเจ้าของร้านต้นไม้ชัยพฤกษ์ เขาอนุญาตให้ถ่ายรูป ให้ข้อมูลบางอย่างที่เป็นประโยชน์ไม่น้อย แต่ข้อมูลเหล่านั้นเปียกฝนจนอ่านไม่รู้เรื่อง รูปถ่ายก็เปียกชื้นไปหมด แต่แม้ว่าข้อมูลเหล่านั้นยังอยู่ ก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากที่อื่นอีกอยู่ดี
ทั้งคู่เพิ่งไปที่ร้านต้นไม้ชัยพฤกษ์ได้แค่ครั้งเดียวจึงยังจำเส้นทางไม่ได้ อมีนาขี่เจ้าหวานแหววคลำทางไปเรื่อยๆ ขณะที่ธารทิพย์เองก็จำทางไม่ได้ ครั้นพบบ้านคนทีก็แวะจอดสอบถามจากชาวบ้านที่รู้จริงบ้าง รู้เกือบจริงบ้าง การสังเกตป้ายต่างๆ ที่อยู่ข้างทางคือตัวช่วยที่ดีที่สุด
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย สองสาวดีใจยังไม่ทันถึงสิบวินาที รอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลง เมื่อเหลือบเห็นป้ายสีน้ำตาลที่แขวนอยู่หน้าทางเข้า
ปิดปรับปรุง 1 เดือน เปิดร้านวันที่ 15 ธันวาคม... ธารทิพย์อ่านข้อความตามป้าย
แย่แล้วธาร จะปิดปรับปรุงเมื่อไหร่ไม่ปิด ดันมาปิดเอาตอนนี้เนี่ยนะ อมีนาบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด สายตาเหลือบไปเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในป้อมที่อยู่ถัดจากประตู นั่งพิงพนักเก้าอี้เงยหน้าหลับ เสียงกรนคร่อกๆ ทำให้รู้ว่าหลับสนิท ไม่ได้รู้เลยว่ามีใครมายืนอยู่
ตะวันจี้ตาขนาดนี้ ลุงแกหลับลงไปได้ยังไง ลองปลุกแกมาถามดูดีกว่าธาร อมีนาออกความเห็น อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย
อมีนาสะกิดไหล่เบาๆ พร้อมกับเรียก ลุงคะ ลุง ลุงยามคะ
แต่เรียกเท่าไหร่ ลุงยาม ของอมีนาก็ยังไม่รู้สึกตัว หญิงสาวหันมองหน้าเพื่อนที่ยืนยิ้มแห้งๆ อยู่ข้างกาย แล้วทั้งคู่ก็หลุดขำออกมาพร้อมกัน
ขี้เซาสุดๆ เลย นี่คุณชัยพฤกษ์เขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าจ้างยามมานั่งหลับ อมีนาพูดติดตลก
นั่นน่ะสิ สงสัยจะเข้ากะตั้งแต่เมื่อคืนมาต่อตอนเช้าอีกก็เลยเพลียมาก น่าสงสารลุงแกนะ ฉันว่าเราลองโทรไปถามเจ้าของร้านดูไหม ธารทิพย์เสนอ
ถามว่า...
ก็เท่าที่เรามาหาข้อมูลที่นี่ครั้งก่อน เขาก็เป็นคนใจดีนะ เผื่อว่าถ้าเขาอธิบายให้เราฟังอีกที เราจะได้อัดเทปไว้ด้วย ต่อให้แกทำเอกสารเปียกฝนอีกสักรอบ เราก็ยังมีข้อมูลดิบอยู่ไง
แล้วรูปภาพล่ะ จะให้เขาเปิดร้านทั้งที่ยังซ่อมแซมเพื่อให้เราถ่ายรูปเหรอ แกลองคิดดูนะ คราวก่อนคุณชัยพฤกษ์เขาช่วยให้ข้อมูล แถมพาเดินดูขั้นตอนต่างๆ ขนาดค่าเสียเวลา ค่าให้ชมสถานที่ก็ไม่เอาสักบาท แล้วที่เรากลับมาถ้าพบเจ้าของร้านด้วยตัวเอง แล้วเราก็ขอร้องเขาอีกสักครั้ง ยังไม่น่าเกลียด แต่นี่เขาอาจจะพักผ่อนช่วงหนึ่งเดือนที่ร้านปิด แล้วเรายังจะโทรไปรบกวนเขาอีก ฉันเกรงใจเขาน่ะ ถ้อยคำอธิบายของอมีนา พาให้ธารทิพย์พยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นด้วย แม้ใจจะกังวลเพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลาต้องส่งโปรเจคต์ชิ้นนี้ เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน
ก็จริงของแกนะมีน ถ้าอย่างนั้นเราไปหาข้อมูลร้านต้นไม้ร้านอื่นที่ไม่ไกลจากแถวนี้ดูในอินเทอร์เนตอีกรอบที่ห้องสมุดก่อน ดีไหม
อืม เอางั้นก็ได้ อมีนาตอบพร้อมกับปัดขาตั้งรถก่อนจะสตาร์ทเครื่อง โดยมีธารทิพย์นั่งซ้อนท้ายอยู่ เพื่อไปยังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยตามที่เห็นพ้องกัน
สุดสัปดาห์เช่นนี้ มีนักศึกษามาหาข้อมูลที่ห้องสมุดเปิดของมหาวิทยาลัยอยู่หนาตา เมื่อเดินพ้นประตูซึ่งแสกนด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อตรวจจับอาวุธ สองสาวก็ตรงเข้าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อขอกุญแจล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า และขอใช้คอมพิวเตอร์ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ
มีน... ธาร... แต่ยังไม่ทันได้เดินพ้นเคาน์เตอร์ เสียงใครบางคนที่เรียกมาพาให้สองสาวหันไปมองพร้อมๆ กัน
นั่นพี่สนต์นี่ธาร อมีนาบอกพลางฉุดมือเพื่อนเดินไปหาเจ้าของเสียงที่ร้องเรียกมาจากมุมหนึ่งของห้องสมุด สองสาวยกมือไหว้ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของอมีนา แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเขาทำงานเป็นเกษตรอำเภอประจำอยู่ที่ทองผาภูมิ
ชายหนุ่มรับไหว้ ก่อนจะถามกลับพร้อมกับขยี้ศีรษะของน้องสาวอย่างเอ็นดู วันหยุดแบบนี้ยังเข้ามาห้องสมุดกัน ขยันจริงน้องฉัน
โอ๊ย... ผมยุ่งหมดแล้ว ว่าแต่พี่สนต์เถอะ มาทำอะไรที่นี่ อมีนาถามกลับพลางถอดยางรัดผมที่ขมวดไว้ออกมาจัดทรงใหม่ให้เข้าที่
จะไม่ถามเลยหรือไงว่าพี่สบายดีหรือเปล่า สนธยากระเซ้า
ก็รู้ว่าต้องสบายดีอยู่แล้ว ทุกคนสบายดี แต่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่คนเดียวที่ไม่ค่อยสบายเท่าไร น้องสาวต่างพ่อแม่พูดยิ้มๆ อย่างมีเลศนัยพลางชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ
เรื่องพูดจาวนเวียน ให้คนอื่นฟังไม่รู้เรื่องนี่ ต้องยกให้เราเลย สนธยาแกล้งแหย่พร้อมกับหัวเราะ ธารทิพย์เองก็อดขำไม่ได้ สายตาสองคู่บังเอิญสบตากัน สนธยาจึงถามเพื่อนสนิทของน้องสาวบ้าง
วันนี้เจ้าตัวยุ่งนี่พาน้องธารไปเที่ยวไหนมา น้ำเสียงการพูดจาต่างกับเวลาพูดกับน้องสาวตัวดีอย่างสิ้นเชิง
แหม... ทีกับธารพูดซะเพราะพริ้งเชียวนะ วันนี้เจ้าตัวยุ่งนี่พาน้องธารไปเที่ยวไหนมา อมีนาแกล้งพูดทวนประโยคของพี่ชายด้วยน้ำเสียงล้อเลียน สนธยาจึงแกล้งทำท่าจะเขกกะโหลกน้องสาว แต่อมีนาเอี้ยวตัวหลบทัน เสียงหัวเราะจากสนธยาและธารทิพย์จึงประสานกันอีกครั้งแบบที่พยายามกลั้นให้เบาที่สุด เพราะยังคงอยู่ในห้องสมุด
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ นี่ ธาร แกตอบพี่ชายของฉันไปซิว่าเราสองคนไปไหนกันมา
เราสองคนไปร้านต้นไม้ที่อยู่แถวๆ พนมทวนค่ะ ไปหาข้อมูลทำโปรเจคต์กัน แล้วพี่สนต์ล่ะคะยังไม่ตอบเลยว่ามาที่นี่ทำไม ธารทิพย์ตอบคำถาม ก่อนจะถามกลับไป
พอดีวันนี้พี่ได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการอนุรักษ์พืชพันธุ์ท้องถิ่นน่ะครับ พอบรรยายเสร็จแล้วก็เลยแวะมายืมหนังสือก่อนกลับ
จริงเหรอ!! เสียดายจังที่ไม่ได้มาฟังด้วย เอ๊ะ! แต่ทำไมไม่เห็นรู้เลยว่าวันนี้มีบรรยาย น้ำเสียงของอมีนาผิดหวังระคนแปลกใจ ก่อนจะหันไปถามเพื่อน ไอ้ธาร แกรู้หรือเปล่า
เพื่อนสาวจ้องหน้าอย่างจับผิด แกเพี้ยนแล้วนะมีน ก่อนปิดเทอมเราสองคนยังยืนอ่านโปสเตอร์อยู่ด้วยกันเลย แต่ฉันก็ไม่เห็นแกพูดอะไรต่อ ฉันก็เลยไม่ได้ซักไซ้ คิดว่าแกคงไม่สนใจ เพราะมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อที่เราจะทำรายงาน
บ้าน่า ถ้าอ่านจริง มันก็ต้องอยู่ในหัวฉันบ้างสิ เออๆ ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว ว่าแต่พี่สนต์เถอะ อุตส่าห์มาแถวนี้ ไม่คิดจะไปหากันบ้างหรือไง อมีนาสะบัดหน้าเร็วๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
ทำไมพี่จะไม่คิด ก่อนขับรถมาที่นี่ พี่ก็โทรไปหาที่บ้านไม่มีใครรับสายเลย เกษตรหนุ่มตอบ
แล้วทำไมไม่โทรไปเบอร์ร้าน ก็ย่ากับแม่ไปอยู่ร้านกันหมดน่ะสิ บ้านไม่มีใครอยู่หรอก แล้วมือถือมีนก็มี ทำไมไม่โทร อมีนาว่า แต่สนธยายังไม่ทันตอบ ธารทิพย์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
อ้าว! ไหนแกบอกว่าลืมเอามือถือมาไง
ดวงหน้าที่มั่นใจเมื่อครู่ ชะงักทันควัน
เออว่ะ ฉันลืม ทิ้งท้ายด้วยการหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน ชอบตีโพยตีพายตามเคยเลยเรานี่ แล้ววันหยุดแบบนี้มาห้องสมุดทำอะไรกัน ไหนว่าไปหาข้อมูลที่ร้านต้นไม้อะไรนั่นมาแล้วไง เกษตรอำเภอหนุ่มถาม
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้น่ะมีค่ะ แต่มีนดันทำข้อมูลที่หามาได้เปียกฝนหมดเลย แต่พอไปถึงร้านก็ดันปิดปรับปรุง ถึงยังไงเราสองคนก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากที่อื่นอีกอยู่แล้ว ก็เลยจะมาหาดูในอินเทอร์เนตอีกรอบ ธารทิพย์เล่า
แล้วร้านที่ว่านี่ชื่อร้านอะไร
ร้านชัยพฤกษ์ค่ะ ธารทิพย์ตอบ
เอ... ร้านชัยพฤกษ์ ร้านเล็กๆ เองนี่ ชายหนุ่มเอ่ย
แหม... แต่ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ เจ้าของร้านเค้าก็ใจดีมาก ค่าเสียเวลาหรืออะไรเค้าก็ไม่เอาสักบาท อีกอย่างร้านก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากด้วย อมีนาเล่า
อย่างคราวก่อนที่มาหาในเนต ก็มีแต่ร้านที่อยู่ไกลบ้านทั้งนั้นเลย ยังไงวันนี้ต้องลองหาแบบละเอียดๆ อีกที ธารทิพย์เสริม
นั่นสิ เท่าที่พี่รู้ ร้านต้นไม้หรือแหล่งเพาะพันธุ์ต้นไม้มันจะมีเป็นโซนๆ นะ ประมาณว่าแถวไหนขาย ก็จะขายอยู่ติดกันเป็นพืดเลย
แต่ร้านอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กับร้านชัยพฤกษ์ก็เป็นร้านเล็กๆ อีกอย่างเขาก็ไม่สะดวกในการให้ข้อมูล บางร้านก็เก็บค่าเสียเวลาอีกต่างหาก อมีนาบอก
จริงๆ แล้วพี่มีเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านจำหน่ายต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอทองผาภูมิ จะเรียกว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดเลยก็ได้มั้ง ร้านจะอยู่ติดกับศูนย์พัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์พืชทองผาภูมิ เคยได้ยินหรือเปล่า
ศูนย์พัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์พืชน่ะเคยเห็นเหมือนกันตอนที่มาค้นข้อมูลในกูเกิลคราวก่อน แต่มีนเห็นว่ามันอยู่ตั้งทองผาภูมิ ครั้นจะไปเช้าเย็นกลับคงไม่ไหว ถ้าจะไปจริงๆ ต้องค้างคืน มีนก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
กลัวคุณย่าไม่ให้ไปล่ะสิ ให้พี่ไปขออนุญาตให้ไหม ไปพักอยู่กับพี่ก็ได้
ผู้เป็นน้องสาวยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ร่างบางกระโดดมาเกาะแขนพี่ชายต่างพ่อแม่ด้วยท่าทางลิงโลด เก็บความดีใจเอาไว้ไม่มิด
นั่นน่ะสิ มีนลืมคิดมุกนี้ไปได้ไงนะ มีพี่ชายเป็นเกษตรอำเภอทั้งที เห็นจะใช้ประโยชน์ได้ก็คราวนี้แหละ เนอะยายธาร อมีนาถามเพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์
แต่ธารทิพย์หาได้ใส่ใจไม่ ถูกเพื่อนกระเซ้าที ก็แอบอมยิ้มที ...ก็เท่านั้นเอง
เสียงดังครืดๆ ของล้อรถกระบะสีดำที่เลอะเทอะด้วยเศษฝุ่นเถ้าควัน อีกทั้งรอยโคลนบดบังราวกับไม่ได้ล้างมาเป็นปีเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าร้านอาหาร ขอบป้ายชื่อร้านเป็นลวดลายดอกไม้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจนเริ่มมีรอยผุ หากแต่ชื่อร้าน บ้านมณฑา ยังคงชัดเจน
ภายในร้านมีลูกค้านั่งทานอาหารอยู่สามโต๊ะเห็นจะได้ เพียงแค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมแกงส้มโชยออกมาจากในครัว ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว น้ำย่อยในท้องจึงสะกิดเรียกถี่ยิบอย่างไม่เกรงใจ
อมีนาเดินนำลิ่วเข้าไปในครัว มองเห็นเบื้องหลังของมารดาซึ่งกำลังง่วนอยู่หน้าเตาแก๊ส อุ๊กำลังจะอ้าปากทัก แต่อมีนาส่งสัญลักษณ์ว่าอย่าเพิ่งส่งเสียง ก่อนจะปราดไปกอดผู้เป็นแม่จากข้างหลัง
จ๊ะเอ๋! ทำอะไรอยู่จ๊ะแม่
ทิพย์ระวีสะดุ้งเฮือก วางมือจากการเคี่ยวแกงในหม้อ หันมาเอ็ดลูกสาวเล็กน้อย มีนนี่นะ ชอบแกล้งแม่ให้ตกใจอยู่เรื่อย
เดี๋ยวแกงหกหมดก็อดกินพอดี แกงส้มปลาช่อนของโปรดคุณมีนด้วยนะเนี่ย อุ๊สำทับแบบยิ้มๆ
ก็ยังไม่หกซะหน่อยนี่พี่อุ๊ อีกฝ่ายเถียงกลับ
ไม่ใช่อดกินอย่างเดียวนะ มันจะหกรดแม่ด้วย น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ยังเคืองๆ
โอ๋ๆ ขอโทษก็ได้ ต่อไปไม่แกล้งแล้ว เดี๋ยวอดกินแกงส้มปลาช่อนฝีมือคุณทิพย์ระวีที่อร่อยที่สุดในสามโลกเลย เพียงเท่านั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มออก แม่จ๋า แม่รู้ไหมใครมากับมีน
จะใครเสียได้ ถ้าไม่ใช่ธาร ผู้เป็นแม่คาดเดาพลางหยิบทัพพีขึ้นมาเคี่ยวแกงในหม้อต่อ
ธารน่ะเป็นหนึ่งในนั้นจ้ะ
เอ... หรือว่าแฟน มารดาเดาแกมหยอกเย้า แม้รู้ดีว่าลูกสาวมักจะทำหน้าเบ้ ไม่ชอบใจเสมอที่แม่พูดถึงเรื่องแฟน เพราะอมีนายังไม่เคยคิดเรื่องนี้ ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่เป็นสาวมาไม่เคยมีชายคนไหนที่ทำให้เธอรู้สึกว่า รัก ได้เลย
อมีนาคลายอ้อมกอด ทำหน้าบูดตามเคย
ชาตินี้มีนจะอยู่เป็นโสด
หญิงวัยกลางคนหัวเราะ แต่ผู้ที่แซวกลับเป็นลูกจ้างสาว ไม่กลัวเหงาหรือคะคุณมีน
มีนไม่ใช่สาวขี้เหงาอย่างพี่อุ๊นี่ คนอย่างมีนไม่มีทางเหงา ตราบใดที่มีนยังมีแม่ทิพย์ มีย่ามณ มีนไม่รู้จักคำว่าเหงาอย่างแน่นอน หญิงสาวตอบอย่างหนักแน่น
เอาล่ะๆ แล้วไหน ใครที่ว่ามากับเรา ทิพย์ระวีวกกลับเข้าเรื่องเดิม
นั่งรออยู่ข้างนอก ออกไปกันเถอะ
เดี๋ยวก่อน ลูกค้าสั่งแกงส้มปลาช่อนไว้ เอาออกไปเสิร์ฟลูกค้าด้วยเลย
อ้าว ไหนว่าทำไว้ให้มีนไง
แม่แกงหม้อเบ้อเริ่ม ตักไปเสิร์ฟลูกค้าแค่ชามเดียวเอง ผู้เป็นแม่ตอบกลั้วหัวเราะพลางใช้ช้อนตักน้ำสีออกส้มที่กำลังเดือดผลุดๆ มาชิมดู แล้วจึงตักใส่ชามกระเบื้องเคลือบ รองด้วยจานก้นแบนเข้าคู่กัน วางใส่ถาดไว้
งั้นก็แล้วไป เดี๋ยวมีนยกไปเสิร์ฟให้
สองแม่ลูกเดินออกมาจากในครัว อมีนาเดินแยกไปเสิร์ฟแกงส้มให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จึงเดินตามมารดามายังโต๊ะอาหารที่สนธยาและธารทิพย์นั่งรออยู่
ทั้งคู่ประนมมือไหว้ผู้ใหญ่ คุณทิพย์ระวีรับไหว้ เมื่อได้พบหลานชายก็เอ่ยทักทายตามประสาคนคุ้นเคยและไม่ได้พบกันนาน
หายหน้าหายตาไปเลยนะสนต์
หลานชายยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบ พักหลังนี้มีงานทุกวันเลยครับน้าทิพย์ บางทีขนาดวันหยุดยังต้องออกมาทำงานเลย แล้วน้าทิพย์สบายดีไหมครับ
สบายดีลูก แล้วพี่ทัพเป็นยังไงบ้าง ไม่โทรมาหาน้าเลย ทิพย์ระวีถามถึงทัพพิทักษ์ผู้เป็นพี่ชายที่แต่งงานแล้วแยกไปอยู่ที่ทองผาภูมิ มีศักดิ์เป็นลุงของอมีนา
ช่วงนี้พ่อก็ยุ่งๆ เหมือนกัน เดี๋ยวหมู่บ้านโน้นหมู่บ้านนี้เรียกตัวไปบรรยายเรื่องการปลูกพืชบนหลังคา ตอนนี้กำลังฮิตทีเดียว น้าทิพย์สนใจไหมครับ
ไอ้ปลูกพืชบนหลังคาเนี่ย เป็นยังไงเหรอพี่สนต์ อมีนาถามอย่างใคร่รู้
ก็เอาพืชไปปลูกบนหลังคาไง ไม่เห็นยาก ชายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ ผู้ถามมองค้อนๆ ขณะที่หญิงต่างวัยอีกสองคนพากันหัวเราะ
เรานี่นะก็ชอบแหย่น้องจริงๆ
ตาก็โตอยู่แล้วยังจะทำตาดุอีก พี่กลัว สนธยายังไม่เลิกแหย่ แล้วเขาก็หันไปตอบคำถามที่ค้างไว้ ทิ้งให้หญิงสาวที่ถูกแหย่ค้อนเขม็ง ถ้าน้าทิพย์อยากทำ ผมจะไปหาภาพตัวอย่างมาให้ดูก่อนว่าชอบแบบไหน
อืม... น่าสนใจ ถ้าอย่างนั้น น้าวานสนต์เป็นธุระให้ด้วยก็แล้วกัน ลองเอาข้อมูลมาให้น้าดูก่อน ว่าแต่ค่าใช้จ่ายสูงหรือเปล่า
ก็มีหลายราคาน่ะครับ ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้ ต้นไม้ที่ใช้ปลูกก็จะเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก หรือไม้พุ่มเล็กๆ แต่เราจะใช้กากมะพร้าวกับกากกาแฟแทนดินนะครับ
อย่างที่บ้านธารนี่ก็ทำได้ใช่ไหมคะ ธารทิพย์ถามด้วยความสนใจเช่นกัน
แล้วบ้านแกมีหลังคาไหมล่ะ ถ้าไม่มีหลังคาก็ทำไม่ได้นะ เพื่อนสาวถามแทรกมาออกแนวกวนๆ
เวลาคนอื่นเค้ากวนประสาทตัวเองล่ะทำเคือง บ้านคนที่ไหนไม่มีหลังคาล่ะ
หญิงวัยกลางคนได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ส่วนสนธยาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ ยกเว้นหลังคามุงจากนะที่ทำไม่ได้ ถ้าเป็นหลังคาสังกะสีหรือกระเบื้องทำได้หมด
แล้วทำไมเขาเพิ่งมาฮิตกันช่วงนี้ล่ะคะ ธารทิพย์ถามต่อ
ก็ช่วงนี้มีการรณรงค์ลดโลกร้อนอยู่ หนึ่งล่ะ สองก็คือส่งผลให้อุณหภูมิภายใต้หลังคาลดลง สามก็นำระบบนิเวศน์กลับคืนมาให้สัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่น แมลง ผีเสื้อ และสี่ก็คือช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เกษตรอำเภอหนุ่มอธิบายพลางถลกแขนเสื้อเชิ๊ตที่ยาวสุดข้อมือขึ้นให้ขยับเขยื้อนได้สะดวก ก่อนจะมองหาผู้อาวุโสที่สุดของบ้าน
คุณย่าไม่อยู่หรือครับ
ไปนั่งคุยกับยายหวัณแน่นอนเลย ถ้าใช่ก็ไม่ต้องรอเลย ลองย่าไปคุยกับยายหวัณนะติดลมแน่นอน แต่ยายหวัณนี่ยังไม่เท่าน้าแหวน รายนั้นพูดทีมีนล่ะเหนื่อยแทนเลย หายใจบ้างเปล่าก็ไม่รู้ อมีนาเดา ผู้ร่วมวงสนทนาพากันหัวเราะชอบใจ
เรื่องเว่อร์นี่ต้องยกให้มีนเลย สนธยาอดแหย่ไม่ได้ ผมก็ว่าจะไปกราบย่าเสียหน่อย
เอาไว้คราวหน้าก็ได้ ไว้ถ้าย่ากลับมาแล้วน้าจะบอกให้ ไหนๆ ก็มาแล้วอยู่กินข้าวกันก่อน ธารด้วยนะลูก
ค่ะน้า ธารทิพย์ตอบรับ
ถ้างั้นพี่สนต์อยู่คุยกับธารไปก่อนนะ เดี๋ยวมีนไปช่วยแม่ทำกับข้าวก่อน ผู้พูดยักคิ้วหลิ่วตาให้กับลูกพี่ลูกน้องเป็นการเปิดโอกาสให้ได้คุยกับธารทิพย์ เพราะนานๆ ครั้งจะพบกัน ธารทิพย์ได้แต่ทำปากขมุบขมิบจะต่อว่าเพื่อนจอมวางแผน แต่ความเกรงใจผู้ใหญ่จึงไม่ได้แสดงออกอะไร เธอยอมนั่งคุยกับสนธยาแต่โดยดี
ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว อุ๊เดินออกมากลับป้ายหน้าร้านหันออกไปทาง close ตามคำสั่งของคุณทิพย์ระวี ส่วนปานกำลังกวาดพื้นบริเวณโซนซ้ายมือที่ไม่มีลูกค้าแล้ว ส่วนโซนขวายังเหลือลูกค้านั่งทานอาหารอยู่สองโต๊ะ
เสียงเพลงบรรเลงแบบไทยเดิมผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากล เปิดคลออยู่ในร้านเบาๆ เข้ากับบรรยากาศสงบร่มรื่น ลูกค้าที่เหลือนั่งทานอาหารไปคุยกันไปไม่เร่งรีบ ขณะที่ร่างสูงกับหนึ่งสาวที่ถูกปล่อยให้นั่งอยู่ลำพังกลับต่างคนต่างเงียบ แต่หากปล่อยให้ความเงียบเข้าเกาะกินเช่นนี้ไม่ดีแน่ สนธยาจึงตัดสินใจเริ่มคำถามก่อนด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะอึดอัด
แล้วนี่ธารต้องไปทองผาภูมิกับมีนหรือเปล่าจ๊ะ
ค่ะ ไปด้วยกัน เพราะโปรเจคต์นี้ธารกับมีนจับคู่กันค่ะ น้ำเสียงของหญิงสาวพยายามเก็บความประหม่าเอาไว้ ปกติแล้วธารทิพย์จะเป็นคนค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่ค่อยพูด ถ้าคนที่ไม่รู้จักอาจดูว่าเธอเป็นคนหยิ่ง ไว้ตัว แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย
นั่นหมายความว่าเธอจะให้ความสนิทสนมเฉพาะคนเท่านั้น จึงทำให้คนอื่นมองเธอเหมือนหยิ่ง ซึ่งแตกต่างจากอมีนาที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เพราะฉะนั้นเพื่อนสนิทสองคนจึงมีนิสัยและบุคลิกที่แตกต่างกัน การที่ธารทิพย์นิ่งเงียบ ไม่พูด ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนั้นเป็นบุคลิกของเธอ เวลาที่มีเรื่องกลุ้มใจหรือกำลังคิดอะไรอยู่จึงมักไม่มีใครดูออก
ต่างจากอมีนา ถ้าเธอเงียบ ไม่พูด นั่นล่ะแปลก ต้องมีคนสงสัยอย่างแน่นอน อมีนากับธารทิพย์ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ศึกษาระดับมัธยมปลายจนกระทั่งตอนนี้ อีกเทอมเดียวทั้งคู่ก็จะจบปริญญาตรีแล้ว
แล้วพ่อแม่อนุญาตหรือเปล่าถ้าต้องไปค้างคืนด้วย เกษตรหนุ่มถามต่อ
ถ้าไปกับมีน พ่อแม่ไว้ใจค่ะ หรือบางทีถ้าพี่ชายของธารว่าง อาจจะให้เขาไปส่งให้ ธารทิพย์ยิ้มและเว้นพูดแว่บหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ หรือไม่ถ้าพี่ธีร์รู้ว่ายายมีนไปด้วย พี่ธีร์ก็อาจจะอยู่ค้างคืนที่นั่นด้วยก็ได้
ผู้ฟังเบนสายตาไปทางอื่น จะว่าผิดหวังอยู่เนืองๆ ก็ได้ หากพี่ชายของเธอไปด้วย โอกาสที่เขาจะได้สานสัมพันธ์กับหญิงสาวผู้นี้คงหาได้ยาก แม้รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงเดิมไม่พัฒนา ด้วยเห็นว่าธารทิพย์เองก็ยังอยู่ในวัยเรียน แต่นี่อีกไม่กี่เดือนสาวเจ้าก็จะจบแล้ว เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้ากว่านี้
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 55 07:18:14
จากคุณ |
:
dayydream_m
|
เขียนเมื่อ |
:
28 เม.ย. 55 07:17:05
|
|
|
|