ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11915632/W11915632.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11934699/W11934699.html
ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11941758/W11941758.html
ตอนที่4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11969123/W11969123.htm
ตอนที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12009611/W12009611.html
๖. เด็กหนุ่มวัย 22 ปี ร่างผอมผิวหนังวาดรอยสักยันต์ วิ่งลัดเลาะตามซอกตึกตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลสัตว์ในพัทยากลางเรื่อยมาจนถึงสวนสาธารณะซึ่งห่างออกมาเกือบห้าร้อยเมตร
เสิ้อผ้าอบอวลด้วยกลิ่นหอมคล้ายช็อคโกแลตอันเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นควันยาบ้า ตาขาวเป็นสีแดงน้ำตาเยิ้มทว่าดวงตาหลุกหลิก
โชคชะตาเข้าข้างเสมอแม้กระทั่งวันนี้ ธีรทัศน์ หัวหน้าแก๊งมังกรบูรพารุ่นปัจจุบัน หัวเราะออกมาดังๆในสวนสาธารณะมืดมิดไร้ผู้คน ถึงรถมอเตอร์ไซด์จะถูกพวกตำรวจยึดก็ไม่ได้น่าหนักใจเพราะว่ามันเป็นของที่ไปดักปล้นมาอีกทีอยู่แล้ว
ราตรีนี้แสงสีจากย่านสถานบันเทิงดูจะดึงดูดใจเป็นพิเศษ เขากำลังนึกแผนเพื่อฉลองให้ตัวเองที่รอดคุก
ปล้นนักท่องเที่ยว ใช้เงินพาเด็กสาวใจแตกที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์มาทำตามใจชอบ และคงไม่ลืมที่จะซื้อยาเพื่อดื่มด่ำความสุขคืนนี้ให้เต็มที่
ระหว่างที่กำลังจินตนาการถึงความสุขในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาได้ยินเสียงผู้ชายแว่วดังขึ้น
“เมื่อแปดปีก่อน มีแม่ลูกคู่หนึ่งย้ายเข้ามาหางานทำในพัทยา และคนเป็นแม่นั้นก็กำลังตั้งท้องลูกน้อยอีกคน”
ธีรทัศน์ชะงัก แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นอาการหลอนหลังจากเสพยาตามปกติหรือเปล่า
“เธอมีเงินติดตัวไม่กี่หมื่นบาท จึงพยายามหาห้องพักราคาถูกที่สุดในช่วงหางานทำ”
“ใครวะ !” ธีรทัศน์ตวาด พลางหมุนตัวไปรอบๆเพื่อมองหาเจ้าของเสียง
“รู้มั้ยว่า อะไรเกิดขึ้นกับคืนแรกของเธอ” เสียงลึกลับเอ่ยถามลอยๆ “เงินสดก้อนเดียวที่มีถูกขโมย ลูกชายที่พยายามช่วยเธอถูกทำร้ายจนปางตาย ส่วนตัวเธอถูกทำร้ายและพยายามข่มขืน แม้เคราะห์ดีที่ตำรวจเข้ามาช่วยได้ทันแต่ก็ถูกทำร้ายจนแท้งลูก ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไม่มีใครติดคุกเพราะกฎหมายคุ้มครองเยาวชน … และหนึ่งในผู้ต้องหาชื่อ เด็กชาย ธีรทัศน์อายุสิบสี่ปี”
เม็ดเหงื่อซึมออกจากหางคิ้วทั้งสองของนายธีรทัศน์ อายุ 22 ปี แม้อากาศคืนนี้จะค่อนข้างเย็น เขาเอื้อมมือคว้าด้ามปืนที่เอว สอดส่องสายหาชายลึกลับท่ามกลางความมืด
เจ้าของเสียงนั้นพูดต่อ
“สองปีต่อมา คดีฆ่าชิงทรัพย์ชาวยุโรปอันลือลั่น คนที่ลงมือสังหารเหยื่อก็คือเด็กชายธีรทัศน์อีกเช่นกัน ก่อนกระทรวงต่างประเทศจะสั่งการให้ตำรวจเมืองพัทยาสยบแก๊งมังกรบูรพาให้ได้อย่างเด็ดขาด มีเหยื่อสิบสองคนถูกฆ่าตาย หญิงสาวสิบเจ็ดคนถูกข่มขืน และที่ไม่ได้แจ้งความอีกนับสิบ”
“มรึงเป็นใครวะ ! แน่จริงก็โผล่หัวออกมาซิโวร้ย” ธีรทัศน์ แกว่งปืนไปมา
ในที่สุด ร่างสูงๆในชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าของธีรทัศน์
“แต่วันนี้ที่ต้องหนีตำรวจก็เป็นเพราะว่า ไม่มีกฎหมายเยาวชนคุ้มครองอีกแล้ว” รัตติกรณ์พูด
เด็กหนุ่มที่แยกไม่ออกว่าคลุ้มคลั่งเพราะอารมณ์โกรธหรือฤทธิ์ ลั่นไกปืนแทบจะทันทีที่มองเห็นเป้าหมาย แต่แม้พยายามกดเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงระเบิดจากปลายกระบอก
รัตติกรณ์เดินเข้าไปใกล้ สั่งหยุดกลไกปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ซึ่งบังคับง่ายกว่าปืนออโตเมติกต่างประเทศหลายเท่า
ธีรทัศน์ ถอยฉากโดยไม่รู้ตัว สายตามองหาท่อนไม้ตามพื้น หรืออาจเป็นขวดแก้วก็ได้เพื่อจะเอามาเป็นอาวุธแทน เมื่อเจอท่อเหล็กขนาดเหมาะมือเขาก็รีบคว้ามันขึ้นมาและเหน็บปืนลงที่เอว
รัตติกรณ์สั่งลั่นไก เสียงระเบิดตูมใหญ่ดังขึ้น ลูกปรายนับสิบพุ่งออกจากปากกระบอกทะลวงผิวหนังบริเวณขาหนีบด้านขวา ร่างของธีรทัศน์ทรุดลงกับพื้นเหมือนตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่ถูกตัดเชือกจากผู้เชิด ความเจ็บปวดที่ลูกปรายตัดเส้นเอ็นมากเสียจนร้องโหยหวนไม่ออก ได้แต่กัดฟันครางอยู่ในลำคอ
“แกจำ ผู้หญิงในคืนนั้นได้รึเปล่า” รัตติกรณ์ถามพลางเดินเข้าไปใกล้จนปลายเท้าแทบสัมผัสกัน
“จำไม่ได้โว้ย มรึงพูดบ้าอะไรวะ” ธีรทัศน์สบถ
รัตติกรณ์ยกขาขึ้นเหนือหัวเข่าข้างที่ถูกยิงของธีรทัศน์ “ลองนึกดูดีๆซิ แปดปีก่อนแม่ลูกคู่หนึ่งอยู่ในห้องเช่าเก่าๆแถวถนนเทพประสิทธิ์”
ชายชุดดำให้เวลาไม่ถึงวินาทีจึงกระทืบลงไปที่แผล
“อ๊าก ! เจ็บนะโว้ย กรูไปทำอะไรให้มรึงวะ มรึงเป็นผัวมันรึไง ”
รัตติกรณ์ใช้เท้าบดขยี้เพิ่มความเจ็บปวด “นึกออกรึยัง รึต้องใช้ตัวช่วยเตือนความทรงจำเพิ่ม”
“นึกออกแล้ว กรูนึกออกแล้ว !” ธีรทัศน์ร้อง “เออกรูเป็นคนปล้นนังนั่นเอง แล้วมันสวยกรูเลยมีอารมณ์ละ … แล้วทำไมวะ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว”
รัตติกรณ์ยกเท้าออก แล้วหันหลัง “ดี … ”
ธีรทัศน์ รีบควานหากระสุนปืนในกระเป๋ากางเกง มือสั่นด้วยความรีบร้อน ใช้ขาข้างซ้ายถีบพื้นเพื่อให้ตัวเองออกห่างจากตัวประหลาดชุดสีดำให้ได้มากที่สุด
รัตติกรณ์ได้ยินเสียงทุกอย่างตั้งแต่แรก เขาหันกลับมา สั่งดึงนกปืนให้ตีขึ้นลงเล่นๆ ดังแก๊กๆๆ
“เฮ้ย ! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันวะ”
รัตติกรณ์เตะกระสุนและกระบอกปืนกระเด็นจากมือ ธีรทัศน์ และกระทืบลงบนท่อนแขนด้วยส้นรองเท้า เขารอฟังเสียงครวญครางไม่กี่วินาทีแล้วจึงใช้เท้าเตะเจ้าเด็กหนุ่มโฉดให้หมุนกลิ้งไปยังจุดที่ปืนและกระสุนตกอยู่
รัตติกรณ์หยุดเมื่อศีรษะของธีรทัศน์จ่ออยู่หน้ากระบอกปืน เขาเดินมาอยู่ฝั่งเดียวกับกระบอกปืนย่อขาลง เปิดรังเพลิงสำหรับบรรจุกระสุน
เขาวางปืนลงกับพื้นสั่งให้กระสุนค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้และดันเข้ารังเพลิง ต่อหน้าต่อตาธีรทัศน์
“มะ … มรึง เป็นผีรึไงกันวะ” หนุ่มโฉดนอนพูดปากสั่น
รัตติกรณ์เอื้อมมือปิดรังเพลิง
“ระยะขนาดนี้ รับรองว่าหัวแกจะมีลูกปรายฝังอยู่ครบทุกลูก”
ธีรทัศน์ตาเหลือก กระ:-)กระสนใช้มือไถพื้นให้ตัวเองถอยห่าง
“เฮ้ย ! อย่า ผมยอมแล้ว ผมจะไม่ทำอีก ผะ ผม … ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าผมเลย” เขาร้องขอชีวิต
รัตติกรณ์ รอให้ชายโฉดพูดจบ แล้วจึงขึ้นนกปืนให้เขาได้ยินเสียงมัจจุราชที่กำลังเรียกหาชัดๆ กริ๊ก !
“หยุดนะ กร !” เสียงหนักแน่นของบาทหลวงชุดขาวคำรามขึ้น พร้อมๆกับแสงไฟฉายสปอร์ตไลท์จากกลุ่มนายตำรวจที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“คุณพ่อ” รัตติกรณ์เอ่ย ทำหน้าแปลกใจ
“เข้าไป เร็ว !” บาทหลวงสั่งนายตำรวจ
รัตติกรณ์เตะปืนไปทางอื่นแล้วยืนขึ้น
“เราตามเสียงปืนมา” ชายชุดขาวบอกชายชุดดำ
“คุณพ่อคิดว่าผมจะฆ่ามันเหรอครับ” รัตติกรณ์ยิ้ม
“เปล่า แต่แกไม่ควรมาเสี่ยงอันตราย … แล้วนั่นอะไร แก ยิงมันเหรอ”
“ปืนลั่นต่างหาก” รัตติกรณ์ปฏิเสธ “จะจับผมไปตรวจคราบเขม่าก็ได้ รับรองว่าไม่มีติดมือแน่นอน”
“แล้วไป … ” บาทหลวงแอบถอนใจ “เอาล่ะ แกรีบกลับเถอะ ก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นเข้า ตรงนี้ให้ตำรวจจัดการเองดีกว่า”
“เรื่องคงไม่เงียบไปเหมือนเมื่อก่อนนะครับ”
รัตติกรณ์หวังว่าพรุ่งนี้เช้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคงจะลงข่าวนี้ คนร้ายที่พรากชีวิตลูกน้อยของคุณนุชไปเมื่อแปดปีที่แล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาชดใช้กรรมเสียที
“แน่นอน ผู้ต้องหาไม่ใช่เยาวชนแล้วนี่”
รัตติกรณ์ไม่ได้ยินดีกับคำตอบนั้นนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรขึ้นมา “ขอบคุณมากนะครับ ทั้งเรื่องหมาตำรวจ แล้วก็พวกแก๊งมอเตอร์ไซด์”
“ไม่เป็นไร แต่แกควรจะให้ตำรวจจัดการ ไม่ใช่เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงแบบนี้”
“ครับ” รัตติกรณ์กล่าวรับ แล้วจึงเดินจากไป
ณ จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรถพยาบาลมารับ ธีรทัศน์ ซึ่งระหว่างนั้นเริ่มเพ้อโวยวาย
“ผีๆ … คุณตำรวจ เมื่อตะกี๋ ผมเจอผี … ผีชุดดำ”
“เออ ๆ รู้แล้ว พูดกี่รอบแล้ววะ … ” ดาบตำรวจกล่าวรับ แบบขอไปที
“ปืนยิงเองได้ … กระสุนลอยได้ … ไอ้ชุดดำมันเป็น ผี … มันจะฆ่าผม … ช่วยผมด้วย คุณตำรวจ”
ไม่มีใครใส่ใจกับคำพูดที่อาการหลอนของคนเสพยา เว้นแต่ บาทหลวง สาธิต ซึ่งยังรออยู่กับกลุ่มนายตำรวจ
“ปืนยิงเองได้ … กร … หรือว่า ความทรงจำของแกกลับคืนมาแล้ว … ” บาทหลวง คิดกังวลในใจ
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 55 23:52:20