Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 13 : อีโรติกกลางทุ่ง ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11951964/W11951964.html

บทที่  13


แม้จะไม่ใช่คนทำงานใช้แรงงานแต่วันนี้นริศก็นึกถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ขึ้นมาทันที นึกทึ่งคนทำงานที่ตากแดดตากลมสมบุกสมบันขนาดซุปเปอร์แมนหรือมนุษย์จอมพลังทั้งหลายยังอาย อย่างว่าแหละนั่นมันหนังดูเพลินๆ แต่นี่คือเรื่องจริง ไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น แบกจริง เดินจริงแล้วก็เซจริงไม่มีแกล้ง ลิ้นห้อยของแท้ เหงื่อตกเป็นปี๊บ !!

วันนี้เขาตั้งใจจะมาเริ่มต้นสานสัมพันธ์กับพู่ชมพูแต่กลับได้มาใช้แรงงานแบกกระสอบข้าวเปลือกกระสอบละสามสิบกิโลถึงจะแบกไม่ไกลถึงยี่สิบเมตร แต่ก็ทำเอาสูญเสียความเป็นสัตวบาลหล่อเหลามาดดี ทรงผมเรียบเท่ของลูกกำนันเป๋ไม่เป็นทรง เหงื่อไหลไคลย้อยผสมกับกลิ่นน้ำหอมกลายเป็นกลิ่นใหม่เหมือนเยี่ยววัว เสื้อคอโปโลเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชุ่มโชก

กระสอบแรกหอบแฮ่กๆ กระสอบที่สองตัวชักสั่น กระสอบที่สามมองเห็นหนุ่มๆ ในบ้านที่มารับจ้างมีสองหัว กระสอบที่สี่ขาสั่น กระสอบที่ห้าขาสั่นพั่บๆ กระสอบที่หก เจ็ด แปด และเก้าทำเอาเกือบแทบยืนไม่อยู่จนถึงขนาดเดินลากขา ถูกตอซังข้าวกับหญ้าหัวหงอกเกี่ยวนิดหน่อยก็เกือบล้มคะมำ นี่ถ้าถือเคียวด้วยคงเหมือนฆาตกรโรคจิตอย่างในหนัง ขนาดแต่ละกระสอบทอดเวลาออกไปไม่ได้โชว์พลัง(เพราะไม่มีพลังจะโชว์) เรี่ยวแรงยังไม่กลับคืนมา

โอย...หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม จะทาขมับหรือสูดดมยาหม่องก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอใครเพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่าอ่อนหัด มองท้องฟ้าก็เหมือนจะเห็นแมลงนับหมื่นแสนตัวบินอยู่ อย่า ! อย่าเอาวิญญาณข้าไปนะโว้ย

เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยจะแบกกระสอบข้าวเปลือกเดินกลางทุ่งนาแดดร้อนจัดจนผิวสีขาวเหลืองแทบจะสุกเป็นสีทองแดง เหนื่อยสุดใจจนทนไม่ไหวฉวยจังหวะที่พู่ชมพูขับรถอีแต๋นเอาข้าวเปลือกไปเทหลบมานอนพักแต่ซวยจริงๆ ที่มาเจอเด็กที่ไหนไม่รู้เปิดปากกระบอกปืนประจำตัวขนาดเล็กกระจิ๋วหลิวฉีดน้ำอมฤตสีเหลืองอ๋อยใส่พุงเขาจนเปียกแฉะจะพลิกตัวหนีก็ไม่ทันเพราะมันเปียกไปแล้ว แถมมือเล็กยังจับอาวุธสะบัดไปมาเป็นเชิงบอกว่าเสร็จภารกิจแล้ว นริศทั้งนึกขุ่นและเคืองใจกับโชคชะตาวันมหาวิปโยค

แต่ยังไม่ทันจะเตะเด็กน้อยสักป๊าบ ทีมงานจับกระสอบข้าวก็เดินมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงดังลั่นทุ่ง คนหนึ่งเสียงเล็กสมตัว ขณะที่อีกคนเสียงใหญ่เหมือนเรือนร่างอวบอ้วนชวนหยิก เสียงเพลงคงเขย่ารูหูอีกาที่แหกปาก กา กา อยู่บนคันนาจนทนไม่ไหวถึงขนาดขยับปีกบินหนีไปตั้งหลักที่ปลายยอดไม้ในนาใกล้เคียง รถเกี่ยวข้าวเงียบเสียงไป นริศมองไปที่รถก็เดาเอาว่าคงเกี่ยวข้าวนานี้เสร็จแล้ว ชายหนุ่มยกมือยาวที่สั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะความเหนื่อยขึ้นดูนาฬิกาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจปนโล่งอก ใกล้เที่ยงแล้วคราวนี้แหละจะได้พักกินข้าวเสียที แต่กลิ่นน้ำอมฤตนี่สิ ยิ่งอากาศร้อนยิ่งเหม็นชะมัดเลย สองนักร้องต่างวัยก็ช่างอารมณ์ดีเหลือเกินจนน่าหมั่นไส้

จบเพลงที่ไม่เป็นเพลง(เพราะถูกเปลี่ยนทั้งทำนองและเนื้อร้อง)แล้ว บูลย์ก็กระโดดลงไปข้างคันนาที่มีหญ้าหัวหงอกดอกขาวๆ แซมตอซังข้าวแล้วตัดเอาตอข้าวขึ้นมาถือก่อนจะใช้มีดพกข้างเอวปาดเป็นรูเล็กใกล้กับปล้องด้านบนแล้วเอาใส่ปากออกแรงเป่าจนแก้มพองเสียงดังอี่ อี่ สักพักก็เหมือนจะมีเสียงประหลาดแทรกมาด้วยจากทางด้านล่างทางตอนตูด

ทั้งสองเดินมาทางต้นร่มจามจุรีที่นริศหนีไปนั่งหน้าเซ็งห่างจากปกป้องอย่างหวาดระแวง ลมพัดมาจนหมวกไม้ไผ่สานสีซีดเปิดเห็นหน้าผากสะท้อนพระอาทิตย์แรงจัดจ้าของบูลย์ เก่งนึกครึ้มบ้างเลยเอาอย่างจนได้ปี่บ้านนามาหนึ่งอัน จากเสียงเล็กๆ เสียงเดียวก็มีเสียงแทรกสลับใหญ่ๆ คนเป่าทั้งสองทำแก้มป่องเหมือนเขียดยามร้องหาคู่ วงดนตรีเหมือนเสียงสรรพสัตว์ดังไพเราะเพลินใจ

“ลุงบูลย์ ป้องอยากเป่าปี่”

หลานชายตัวน้อยของพันดุลซึ่งคาดว่าอนาคตจะหน้าตาดีร้องขึ้น ยามนี้ปากนิดจมูกหน่อยแต่คิ้วเข้มดูท่าจะหายไข้เป็นปลิดทิ้งโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้นอนเต็มอิ่มและได้กินยาหรือเห็นดนตรีชิ้นใหม่ เด็กชายก้าวขาสั้นๆ เป๋ไปมาเล็กน้อยพลางยื่นมือไปหาลุงบูลย์

“เอ๊า เอาไป ไหนลองเป่าให้ลุงฟังซิ” ลุงบูลย์ผู้ใจดีของน้องป้องดึงปี่ออกมาจากปากแล้วยื่นให้หลานโดยไม่เช็ด

“หวึ๋ย พี่บูลย์เอาอันนั้นให้หลานได้ยังไง น้ำลายเยิ้มเลย เดี๋ยวเชื้อปอบก็ติดหลานหรอก” เก่งว่าพลางทำหน้าขยะแขยง

บูลย์ค้อนขวับ แต่ยอมเอาปี่กลับมาเช็ดเสื้อตัวเองแต่โดยดี ก่อนจะค่อนรุ่นน้องร่างตุ้ยนุ้ย “เฮอะ...ไอ้คนสะอาดแต่ชอบทำสกปรก ปากชอบว่าคนโน้นคนนี้แต่เวลาแกกินข้าวเคยล้างมือหรือเปล่า น้องป้องยังรู้ประสีประสากว่าแกเลย แล้วมาหาว่าฉันเป็นปอบได้ยังไง ระวังนะเอ็ง พูดถึงปอบแล้วปอบจะไปหา นี่ถ้าฉันเป็นปอบนะแกไม่เหลือหรอกฉันจะมากินแกก่อนใครเลยอ้วนๆ อย่างนี้ตับคงจะหวาน”

“กินตับ ตับ ตับ” เสียงน้องป้องร้องเพลงที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองซึ่งขับร้องโดยดาราตลกชื่อดัง พลางยักเอวไปมาจนหนึ่งลุงกับหนึ่งอาหัวเราะก๊าก นริศหันไปค้อนปะหลับปะเหลือกเพราะยังเคืองไม่หายที่ได้รับน้ำอมฤตโดยไม่ตั้งใจ

ฉันจะกินตับแกน่ะสิ เด็กบ้า !

น้องป้องยิ้มร่ารับของเล่นจากผู้เป็นลุงมาใส่ปากเป่า ไม่รู้ด้วยอาการไข้ยังไม่หายไข้สนิทหรือคนเป่าปี่ไร้ฝีมือจึงไม่มีเสียงปี่ออกมาจากเครื่องดนตรีที่ทำขึ้นแต่ดันมีเสียงออกมาจากทางรูเล็กๆ โดยไม่ตั้งใจ

แปร่ดดดด

เด็กน้อยยิ้มทะเล้น

“อี๋ย่ะ เขาให้เป่าออกทางปากแต่ออกทางตูด มีของแถมมาด้วยหรือเปล่าเนี่ยหลานลุง”

ว่าแล้วทั้งหมดก็หัวเราะร่ายกเว้นนริศที่ยังทำหน้ายุ่งมู่ทู่

เอ๊า เอากันเข้าไป ‘บ้านนอกเต็มขั้น’ กันจริงจริ๊ง เขาเพิ่งเคยรู้นะเนี่ยว่าต้นข้าวเอามาทำปี่ได้ด้วย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อซื้อแต่ของเล่นในร้านค้าในเมืองมาให้นี่นา นี่แหละคนมันรวย เป็นลูกชายคนเดียวใครก็เอาใจ

“ลองไหมหมอ”

สัตวบาลหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเก่งยื่นปี่ที่มีน้ำลายหยดติ๋งเหมือนเพิ่งจุ่มน้ำลายมาให้พลางทำหน้าเบ้ปนสะอิดสะเอียน แล้วตอบเสียงสะบัด “ไม่ ของอย่างนี้ผมไม่เคยเล่น ผมเคยแต่เล่นปืน”

“ป๊าดดดดด เศรษฐีบ้านนอก”

“ฮ่วย!” นริศอุทานออกมาแบบ ‘ลาวเต็มขั้น’ เมื่อรู้ว่าถูกแขวะประชดประชันก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เก่งแล้วกระแทกลมหายใจฟืดฟาด

แต่แล้วนริศก็ยิ้มออกรีบปรับอารมณ์เมื่อเห็นพู่ชมพูขับรถอีแต๋นแล่นมาตามทุ่งนาตรงเข้ามา พอรถจอดสนิทก็รีบตรงไปหาลืมกลิ่นกับคราบน้ำอมฤตบนตัวเสื้อไปในทันใด

บูลย์กับเก่งมองหน้ากันอย่างรู้ทันความรู้สึกของสัตวบาลลูกกำนัน ท่าทางไอ้หมอนี่จะมาเป็นคู่แข่งหัวใจนายเดี่ยวเสียแล้ว ยังไม่ทันจะแอบนินทาพอเห็นว่าเจ้าของนาขนอาหารเที่ยงมาเต็มรถและบอกให้ไข่ขนของลงมาเก่งก็กุลีกุจอเอาเสื่อมาสะบัดแล้วปูต่อกันเตรียมพร้อม สำหรับไอ้เก่งแล้วเรื่องกินต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน  

“ทุกคนล้างมือเตรียมตัวกินข้าวกันได้แล้ว ถังน้ำล้างมืออยู่นี่นะ หิวข้าวรึยังหมอ เหนื่อยไหม”

สาวห้าวร้องบอกพลางชี้ไปที่ถังน้ำสีดำ ก่อนจะหันไปถามสัตวบาลพลางมองด้วยสายตาสมใจปนเจ้าเล่ห์นิดหนึ่ง

“เหนื่อยนิดหน่อย หิวเล็กน้อย แต่พอเห็นหน้าพู่แล้วความเหนื่อยความหิวก็หนีไปเที่ยวเล่นไหนก็ไม่รู้”

“แหวะ ! เน่าวุ้ย” พู่ชมพูกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงบูลย์

เธอเห็นหมอนะทำตาเขียวใส่คนพูดซึ่งลอยหน้าลอยตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองหาใครอีกคนหนึ่งไปตามทุ่งนา ใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นร่างสูงๆ เดินโดดเด่นเป็นสง่ามาตามคันนาใกล้เข้ามาพลางเอาผ้าขาวม้าที่เธอให้เช็ดหน้าเช็ดตา หญิงสาวหลบวูบทำทีเป็นเอาหลังมืออังหน้าผากปกป้องที่ยังยืนเป่าปี่อย่างเอาเป็นเอาตาย

ไม่ได้หรอก ขืนแสดงออกไปให้เห็นว่าเธอหวั่นไหวใจเต้นยินดีทุกครั้งที่เห็นเขา เดี๋ยวก็ได้ใจ ห่างหายไปแบบไม่บอกกล่าว อยู่ดีๆ กลับมาทำปากหวานมันก็ต้องดูกันนานๆ หน่อย

ในขณะที่หนุ่มอีกคนแอบจับสังเกตหญิงสาวได้ชักใจแกว่ง ยิ่งเห็นการดูแลเอาอกเอาใจเด็กชายน้ำอมฤตเน่า(ก็น่าเรียกไหมล่ะ สีเหลืองอ๋อย กลิ่นหึ่งเชียว) จากพู่ชมพูนริศก็นึกแปลกใจว่าเด็กน้อยเป็นอะไรกับหญิงสาวแต่พอรู้ว่าเป็นลูกของคนขับรถเกี่ยวข้าวก็โล่งอก หันไปเห็นหน้าคนขับรถเกี่ยวข้าวเต็มตาแล้วนริศก็อิจฉาหน้าตาและผิวพรรณของพันดุลที่แม้จะคล้ำเพราะแดดไปนิดแต่ก็เนียนเหมือนหนุ่มชาวกรุงถึงจะเต็มไปด้วยเหงื่อก็ตาม

“หิวข้าวจังเลยพู่” พอเดินมาใกล้ถึงใต้ร่มไม้พันดุลก็ส่งเสียงอ้อนสาวห้าวมาก่อน

“หิวข้าวก็เอามะม่วงไปกินก่อน”

คนบอกยื่นกระปุกพลาสติกขนาดใหญ่ข้างในบรรจุมะม่วงสับเป็นชิ้นยาวๆ กับถ้วยน้ำพริก ที่เรียกน้ำพริกเพราะไม่ใช่สูตรน้ำปลาหวานแต่เป็นสูตรพริกป่นใส่น้ำปลาตามด้วยน้ำตาลขาดไม่ได้คือน้ำปลาร้าโรยข้าวคั่วหอมกรุ่นกับหอมแดงซอย

“น่าอิจฉาว่ะ คนหิวข้าวให้กินมะม่วง อีกหน่อยหิวน้ำคงให้กินนม” คำสุดท้ายมีความหมายชวนคิดลึก

พันดุลค้อนขวับใส่บูลย์ก่อนจะปรายตามองผู้ชายแต่งตัวดีผิวขาวเหลืองซึ่งช่วยพู่ชมพูหยิบจับถ้วยจานและช้อนอย่างค้นคว้าและจับผิด พอฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้น สายตาแย่งชิงหัวใจปะทะกันโดยบังเอิญ

ไม่ได้การณ์ ! พันดุลรีบเช็ดมือกับผ้าขาวม้าลวกๆ แล้วยื่นมือไปรับกระปุกพลาสติกพร้อมกับยิ้มใส่ตาพู่ชมพู สาบานจริ๊งจริงว่าไม่ได้เจตนาจะล่วงเกินน้องพู่ของเขาเลย เพียงแต่มือเขามันใหญ่และกะระยะไม่ถูกเลยกุมเอามือนุ่มไปด้วย

ชื่นใจ วันนี้ได้แค่นี้ก็เอาไปก่อนวะไอ้เดี่ยว ถึงแม้จะถูกหยิกทีหลังก็ตาม

“อุ๊ย มดกัด” พันดุลแกล้งอุทาน

‘มด’ ถลึงตาใส่คนอุทาน หารู้ไม่ว่าคนถูกมดกัดยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าแดง เขินแบบนี้บอกได้ว่าใจที่ยังอยู่กับเขาเพราะฉะนั้นหนุ่มคนไหนก็อย่าคิดมาใกล้เชียว !

พู่ชมพูเดินหนีไปนั่งลงบนเสื่อแล้วหยิบปลาทอดยื่นให้ปกป้องที่เดินตามเข้าไปนั่งข้างๆ พันดุลรีบก้าวไปนั่งขนาบข้างหญิงสาว

“มีอะไรกินบ้างจ๊ะพู่” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปหยิกแก้มหลานชายเบาๆ นึกเอ็นดูปนปลื้มใจที่เห็นน้องป้องนั่งเอาหลังพิงพู่ชมพูเคี้ยวปลาทอดกรุบๆ ด้วยสีหน้ามีเลือดฝาด

“ข้าวเปลือก” คำตอบราบเรียบจากคนที่นั่งขัดสมาธิและกำลังลำเลียงอาหารมาวางเรียกเสียงโห่จากเก่งกับบูลย์

“พี่ไม่ใช่ไก่นะจะได้จิกข้าวเปลือก” ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเมื่อสายตาเยาะเย้ยพุ่งมาจากหนุ่มใส่เสื้อโปโล

คนปากเก่ง ! จะทำหน้าตึงมาดนิ่งใส่เขาไปถึงไหน

“ไม่จิกก็เอาปากไซร้เอาเหมือนเป็ดสิ”

ดูว่าเข้าไปโน่น “นั่นมันเป็ดแล้ว โธ่...” พันดุลครวญ เป็ดมันไซร้หากินในที่ดีๆ ที่ไหนกันเล่า มีแต่ไซร้โคลนตมหรือน้ำครำทั้งนั้น เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากชายหนุ่มอีกคน คนขับรถเกี่ยวข้าวเลยหันไปขึงตาใส่

“คุยไปเรื่อยๆ จากไก่ก็กลายเป็นเป็ดจากเป็ดพี่เดี่ยวของไอ้เก่งคงจะกลายเป็นคางคกเอาลิ้นตวัดแมลงกิน โอ๊ย” แซวยังไม่ทันขาดคำเก่งซึ่งกำลังแยกผักหลากชนิดเป็นสองจานก็โดนฝ่ามือหนักฟาดลงมาที่ไหล่

“เจ็บเด้อ”

“เออ ตบให้เจ็บ ไม่ใช่จูบนี่หว่าจะได้เสียว และที่สำคัญนี่มันฝ่ามือไม่ใช่นุ่นจะได้ไม่เจ็บ”

เจอประโยคตอกกลับของพันดุลแต่ตวัดสายตาไปทางหมอนริศ เก่งเลยหัวเราะออกมา มองอย่างนั้นคงจะลอบสังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้หรือเปล่าล่ะสิ

“เสียดายนะที่ผมเป็นผู้ชายเลยได้ฝ่ามือ แต่หากเป็นหญิงคงได้รอยจูบ” ว่าแล้วก็ทำปากยื่น ก่อนจะทำท่าดูดปากมีเสียงจ๊วบๆ พลางหันไปทางพู่ชมพูแต่แล้วก็ต้องห่อไหล่เมื่อเห็นลูกพี่คนขับรถเกี่ยวข้าวระดับปริญญาตรียกฝ่ามือขึ้นสูง

                                *****************

ไข่กับพู่ชมพูทำหน้าที่เก็บสำรับข้าวมื้อกลางวัน โดยเอาจานมะม่วงเปรี้ยวกับถ้วยน้ำพริกมาวางลงกลางวงแทน  เสียงกัดมะม่วงกร๊วบๆ ดังเป็นระยะเป็นที่น่าเอร็ดอร่อย ขณะนั้นลุงจอมขับรถเครื่องมาตามถนนแล้วลงทุ่งนาและจอดใต้ต้นมะค่าแต้ห่างออกไปไม่ถึงห้าสิบเมตร ลุงจอมส่งเสียงตะโกนถามกลุ่มคนที่นั่งพักอยู่โหวกเหวกขณะเดินไปตักน้ำจากสระน้ำเพื่อจะให้วัว ไข่รีบวิ่งไปช่วยพ่อด้วยการปล่อยวัวแล้วต้อนมันมารอที่ขอบสระ อยู่ดีๆ ลุงจอมก็หัวเราะลั่นขึ้นมาก่อนจะเดินเร็วๆ เข้ามาร่วมวงคนทั้งหมดใต้ต้นจามจุรีพลางพูดเสียงดัง

“หมอ หมอ อีแดงมันขึ้นใหญ่เลย มันวิ่งไล่ขี่ตัวอื่นแล้ว หมอไปช่วยหน่อยเร็ว” พอทุกคนหันไปดูอีแดงก็เห็นฉากอีโรติกกลางทุ่งของอีแดงกับวัวหนุ่มทั้งที่มันเป็นวัวตัวเมียแท้ๆ อย่างลุงจอมว่า

“ฮ้า วัวตัวเมียขึ้นแล้วจะให้หมอไปช่วย” เก่งทำตาโตวาวๆ วับๆ “ช่วยขึ้นขี่ให้อีแดงหายหื่นเหรอ หวายยยยย จะไหวเหรอหมอ” ว่าแล้วก็แลบลิ้นเลียปากแกล้งเอามือคลำเป้าทำหน้าเคลิ้มอย่างทะลึ่งตึงตังเจตนาทำให้สัตวบาลหนุ่มเห็น ขณะที่บูลย์ได้ทีร้องเพลงลั่น “ใจ...สู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา”

“แกจะบ้าเหรอไอ้เก่ง แกน่ะหื่นยิ่งกว่าอีแดงอีก ดูสิน้ำลายไหลแล้ว ฉันจะให้หมอช่วยไปผสมเทียมให้อีแดงต่างหากล่ะ แกคิดไปถึงไหนวะ ของคนกับของวัวมันต่างกันโว้ยขนาดต่างกันความยาวก็...” ลุงจอมสะบัดผ้าขาวม้าที่ยกขึ้นมาเช็ดหน้าพรึบพรั่บจนเก่งหลบวูบ

“เอ๊า ลุงนี่เก๊าะ ใครจะไปรู้ล่ะก็เห็นบอกว่าอีแดงขึ้นแล้วเรียกให้หมอช่วยเป็นใครก็ต้องคิดว่าไปช่วยอย่างนั้นกันทั้งนั้นแหละ อย่างวัวมันต้องเป็นฟุต จ๊ากกกกก อย่าทำข้อยยยยย” เก่งซึ่งพูดไปพลางเอาแขนข้างหนึ่งยกขึ้นมาด้านข้างแล้วเอาอีกข้างทาบทำเป็นวัดขนาดความยาวจึงถูกสวนด้วยฝ่าเท้ามฤตยูของลุงจอม

“ไอ้ทะลึ่ง คิดอุบาทว์ สงสัยเพราะยังหาเมียไม่ได้นะเอ็งเลยเข้าแต่ทางนี้ เกรงใจหนูพู่บ้างสิ อย่างนี้มันน่าจับเอามารีดน้ำเชื้อออกให้หมด”

เก่งตาเหลือกเสียววาบที่ช่องท้องน้อยรีบเอามือกุมเป้าราวกับว่าน้ำเชื้อชั้นดีจะถูกรีดออกไป ของดีหายากหากถูกพรากจากไข่น้อยของเก่งเป็นอันหมดกัน!!

“ว่าไงครับหมอ ได้ไหมครับ ไปช่วยอีแดงผมหน่อย ดูสิมันทำยังกับมันเป็นตัวผู้มีเดือยเสียเองอย่างนั้นแหละ เอ๊ะ หรือว่าอีแดงมันเป็นทอมเลยขึ้นขี่ตัวผู้”

คราวนี้พันดุลหัวเราะก๊าก “ลุงจอม ถ้าวัวเป็นทอม แล้วอย่างนี้จะไม่มีวัวกะเทยเรอะ เอ๊า หมอจะช่วยอีแดงก็รีบๆ ไปเอาเครื่องมือมาสิ หรือว่าอุปกรณ์อยู่แถวๆ นี้ ถ้าอย่างนั้นก็รีบควักๆ ออกมาอย่าได้ช้า เห็นไหมนั่นอีแดงมันหอบใหญ่เลยน้ำลายไหลยืดด้วย ช้าไปเดี๋ยวมันวิ่งมากระโดดใส่หมอนะเออ”

มือพู่ชมพูหันที่กำลังจิ้มมะม่วงชิ้นเล็กๆ กับพริกน้ำปลาร้าชะงักกึก เธอปรายตามองปกป้องที่สูดปากห่อไหล่สั่นหัวไปมาหลับตาปี๋อยู่ข้างๆ เพราะความเปรี้ยวของมะม่วง ก่อนจะหันไปทำตาเขียวใส่คนพูดสองแง่สามง่าม แต่พันดุลทำเป็นไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้

แหม...น้องพู่คงคิดไปไกลล่ะสิ พี่เดี่ยวหมายถึงควักอุปกรณ์ผสมเทียมออกมาต่างหากไม่ใช่ไอ้นั่นเสียหน่อย

“ตอนนี้น่ะนะ” สัตวบาลหนุ่มซึ่งหน้าซีดเพราะแรงหมดไปกับการแบกกระสอบข้าวยิ่งหน้าซีดกว่าเดิมอีก แม้จะได้ข้าวเที่ยงเพิ่มพลังแต่เขาก็ไม่อยากทำอะไรอีกเลยในเวลานี้

“ก็ตอนนี้สิ” พันดุลย้ำพลางหยิบมะม่วงจิ้มลงที่น้ำพริกสีแดงมีข้าวคั่วลอยอยู่ พู่ชมพูหมั่นไส้นึกอยากแกล้งคนพูดชวนให้คิดใต้สะดือเลยเอาช้อนตักปลาร้าซึ่งเป็นปลาหมอตัวเท่านิ้วโป้งใส่ลงบนชิ้นมะม่วงของชายหนุ่มแต่แทนที่คนได้รับปลาร้าจะเขี่ยออกหรือปฏิเสธกลับทำตาโตก่อนจะยิ้มหวานใส่ตาเธอแล้วค่อยๆ อ้าปากกว้างเคี้ยวมะม่วงปลาร้าตุ้ยๆ จนสัตวบาลหนุ่มลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับแรงอิจฉาพุ่งปรี๊ด

ปลาร้าตัวนั้นคงอร่อยที่สุดในโลกถ้าพู่ชมพูตักให้เขา

“หมอเหนื่อยเหรอ ถ้ายังไม่หายเหนื่อยก็เอาไว้วันหลังก็ได้ วัวมันขึ้นอีกตั้งหลายวันมั้งจะได้มาอีกบ่อยๆ” พู่ชมพูแกล้งแนะเสียงหวานทีเดียวเหมือนห่วงใยสัตวบาลหนุ่มจนคนซึ่งกำลังเคี้ยวปลาร้าอยู่บดฟันกรามจนกระดูกปลาหมอแหลกละเอียด

“โธ่เอ๊ย แค่นี้ก็เหนื่อย เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”

เจอค่อนแคะแขวะกันขนาดนี้มีหรือนริศจะยอม รักสาวทั้งที แถมยังเป็นรักแรกพบ เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังเป็นเจ้าของไร่มีที่นาไม่น้อยน่าสนหยอกเมื่อไหร่ ลงแรงแค่นี้จะเป็นไรไป

นริศยืดตัว “ผมไม่เห็นจะเหนื่อยเลย แล้วผสมเทียมวัวแค่นี้นะสบ๊าย เรื่องกล้วยๆ”

“งั้นเยี่ยมเลยคุณ ผมอยากเห็นว่าเวลาล้วงๆ เนี่ยเขาล้วงลึกหรือเปล่า ล้วงแล้วทำยังไงต่อ”

บูลย์บรรยายต่อทันที “ล้วงเข้าไปแล้วก็ต้องเขี่ย พอเขี่ยแล้วก็ต้องควัก รอฟังเสียงแล้วก็ดึง...”

“ซี๊ด...อ่า”

“เฮ้ย!!! น้องป้อง” เสียงปกป้องสูดปากขึ้นมาทำเอาพ่อคุณทูนหัวทั้งหลายร้องเสียงหลง ส่วนสาวห้าวหน้าแดงแป๊ดทันทีแม้จะรู้ว่าน้องป้องไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับผู้ใหญ่เลยแถมยังดูดมะม่วงต่อแล้วทำท่าขนสั่นขนพอง แต่คนคิดไกลชวนเสียวสยิวกิ้วคือพวกผู้ใหญ่ตัวดีตาดำวาวๆ เยิ้มๆ เป็นตาตั๊กแตนจุ่มน้ำมันพืชนี่แหละ

“เอาล่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวผมกลับไปเอาน้ำเชื้อกับเครื่องมือนะครับพู่ ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็กลับมาแล้ว ลุงจอมจูงน้องแดงไปเข้าคอกรอเลย” นริศบอกกับหญิงสาวเพียงคนเดียวในตอนแรกแล้วจึงหันไปบอกกับเจ้าของวัวทีหลัง

“อ้าว หมอไม่เอาอีแดง เอ๊ย ผสมอีแดงตรงนี้เลยเหรอ ไหนว่าสบายๆ ไง ถ้าเรื่องกล้วยๆ แสดงว่าผสมตรงไหนก็ได้น่ะสิ” พันดุลทำเสียงประกอบด้วยสีหน้าคล้ายกับว่า ไม่แน่จริงนี่หว่า !

เจอประโยคกับน้ำเสียงหยามหยันแถมสีหน้าดูถูกต่อหน้าสาวที่เขาหมายปองอย่างนี้มีหรือสัตวบาลหนุ่มจะยอม ปากไวกว่าความคิด “ด๊าย ไม่เห็นจะยาก เอาอีแดงมามัดรอแถวนี้เลย เดี๋ยวผมมา”

“เอาจริงเหรอหมอ มันจะดีดดิ้นนะถ้าไม่เอาเข้าคอกไปมัดไว้”

ลุงจอมบอกด้วยไม่แน่ใจว่าอีแดงซึ่งเป็นผ่านการเปิดบริสุทธิ์จากวัวหนุ่มพันธุ์อเมริกันบรามันตัวใหญ่ของลุงอ๊อดเพียงครั้งเดียวจนได้ลูกมาตัวหนึ่งจะไม่ขัดเขินสะเทิ้นอายยามสัตวบาลที่อาจมีลีลาไม่คุ้นเคยหรือเหมือนกับวัวพวกเดียวกัน ปกติเวลาไม่มีอารมณ์มันก็ยอมให้จับให้คลำแต่เวลามีอารมณ์ลุงจอมก็ไม่เคยเข้าใกล้มันสักทีเพราะกลัวมันหน้ามืดด้วยแรงเสน่หาวิ่งชนล้มตึงตังเจ็บตัวไป

“ไม่เป็นไรน่าลุง ผมเอาอยู่” เอาวะ ถึงจะใช้มือล้วงตูดล้วงจิ๋มวัวต่อหน้าสาว แต่มองอีกแง่หนึ่งวิชาชีพนี้ใช่ว่าคนในหมู่บ้านหรือในตำบลจะสอบเข้าเรียนจนจบและออกมาทำงานได้ง่ายๆ งานนี้พู่ชมพูคงจะประทับใจในความเก่งของเขาบ้างล่ะ

พันดุลเหยียดริมฝีปากอย่างหมั่นไส้ก่อนจะลอบมองพู่ชมพู พอเห็นรอยยิ้มจุดที่ริมฝีปากอย่างพึงพอใจกับท่าทางเอาจริงเอาจังของสัตวบาลบ้านนอกก็ชักเสียวแปล๊บที่ใจ

ได้ยังไงกัน ! อุตส่าห์เปิดเปลือกหัวใจเหมือนปอกกล้วยล่อนจ้อนเตรียมพร้อมให้กัดกินขนาดนี้หลังจากทิ้งช่วงห่างไปนานเพราะปัญหาครอบครัวแล้วยังจะมาแพ้หมอผสมเทียมวัวที่มาทีหลังเขาได้ยังไง ไอ้เดี่ยวเคียดหลายโว้ย (ไอ้เดี่ยวโกรธมากโว้ย)

“เป็นอะไรวะไอ้เดี่ยว ทำจมูกฟึดฟัดยังกับกระทิงเห็นผ้าแดงลอยไหวๆ อยู่ตรงหน้า” บูลย์ถามขึ้นหลังจากสัตวบาลนริศเดินลิ่วๆ ไปยังรถแล้วขับกลับไปที่บ้านเพื่อเอาเครื่องมือและน้ำเชื้อ “หรือว่ากางเกงในแดงแกแลบอออกมาวะไอ้เก่งกระทิงเดี่ยวจึงมีท่าอย่างนี้” ว่าแล้วก็ดึงหัวกางเกงผ้าสีตุ่นเอวต่ำไซส์บิ๊กแต่คับแน่นเปรี้ยะของเก่งลงมา ด้วยความทะเล้นล้นเกินใครทำให้เด็กหนุ่มแอ่นตูดให้บูลย์เลยยันโครมเข้าให้

“จะอะไร้ ก็คงจะอิจฉาความสามารถของหมอนะเขาล่ะซี้”

พู่ชมพูชักสนุก เอ่ยลอยๆ เยาะหยันลองเชิงเสียหน่อย บอกไม่ถูกว่าทำไมพอได้ยินพี่บูลย์ถามชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นอดีตรักพร้อมกับบรรยายท่าทางอีกฝ่ายทำให้เธอนึกเข้าข้างตัวเองว่า พี่เดี่ยวกำลังหึงเธอ อย่างนี้ก็เข้าทางสิ

“เฮอะ อิจฉาทำไม๊ กะอีแค่หมอตอนหมูผสมเทียมวัว พี่เก่งกว่าอีก”

“เก่งกว่าตรงไหน”

“อยากรู้ล่ะสิ” พันดุลกะพริบตาวิบวับราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยง “ไม่เอาไม่บอกดีกว่า ของอย่างนี้ไม่ควรขี้โม้ให้ใครเขาหมั่นไส้ อยากให้คนรู้ต้องแสดงให้เห็นด้วยตาไม่ใช่คุยจนน้ำลายแตกฟอง”

พู่ชมพูเบ้ปาก แต่แล้วก็ต้องหน้าร้อน

“แหงอยู่แล้ว หมอนะเขาถนัดผสมเทียมวัว แต่พี่เดี่ยวของเราถนัดของจริง โอ๊ย!”

พันดุลชี้หน้าเก่งแล้วรีบโบกมือว่อนกับพู่ชมพูเป็นการปฏิเสธว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างที่เก่งพูด หมดจากเก่ง บูลย์ก็เสริมเข้าไปอีก

“ไอ้ลามก พี่เอ็งอุตส่าห์ไม่พูดแล้วแกยังจะมาพูดอีก ของอย่างนี้มันต้องไว้เรียนรู้ตอนเข้าหอสมรัก จุ๊ก จุ๊ก จุ๊กกรู โว้ย”

“เรียนรู้อะไรเหรอ” ไข่ถามขึ้น

“เฮ้ย แกจะอยากรู้เรื่องผู้ใหญ่ทำไมวะไอ้ไข่ เดี๋ยวก็อยากมีเมียเร็วข้ายังไม่อยากเลี้ยงหลานโว้ย” ลุงจอมซึ่งเป็นพ่อขนาบลูกชายที่ทำตาโต

สุดที่สาวห้าวจะทนไหว นึกภาพตามไปไกลแล้วหน้าแดงเป็นตูดลิง เธอโวยวายเสียงเข้มเชียว “พอแล้ว หมดทุกคนนั่นแหละ”

ทั้งหมดยอมสงบปากแต่ตายังเป็นประกายวิบวับอย่างขำๆ จนกระทั่งสัตวบาลนริศกลับมาพร้อมกระเป๋าเครื่องมือหลังจากเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีงานจึงเริ่มขึ้น

“ไม่เอาเข้าคอกแน่นาหมอ” ลุงจอมซึ่งจูงอีแดงมามัดกับต้นจามจุรีถามเพื่อความแน่ใจ

นริศเกือบจะเปลี่ยนใจให้เอาไปเข้าคอกที่บ้านลุงจอมแล้ว แต่พอหันมาเห็นพันดุลกอดอกส่งสายตาเย้ยหยันประมาณว่า ‘ไหนว่าเอาอยู่’ เจออย่างนี้เลยต้องโชว์หน่อย น้องพู่สาวห้าวมัดใจเขาจนดิ้นไม่ได้ไปไม่เป็นต้องเห็นว่าเขาเก่งสมปากว่า

“ไม่ต้องหรอกลุง บอกแล้วว่าเอาอยู่” ว่าแล้วก็สวมถุงมือพลาสติกสีขาวยาวจนถึงโคนแขนจากนั้นก็เดินไปด้านข้างเยื้องไปทางบั้นท้ายหนั่นแน่นของอีแดงที่หายใจหอบ ความเงียบกริบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ

“ค่อยๆ นาหมอ อีแดงมันขี้ตื่นหน่อย ไม่รู้ว่าประสบการณ์ครั้งแรกของมันกับพันธุ์อเมริกันบรามันเป็นที่ประทับใจหรือเปล่า ถ้าไม่ประทับใจล่ะก็ระวังมันเคืองเอานาที่ไปสะกิดมันเข้า” ลุงจอมยังอดเตือนไม่ได้

“ชู่... ไม่ต้องห่วงหรอกลุง” ว่าแล้วสัตวบาลหนุ่มหน้ายาวรูปหล่อก็ค่อยๆ จับหางอีแดงยกขึ้น จากนั้น...ก็สอดมือเข้าไปตรงรูทวารลึกเข้าไป...ลึกอีกนิด...จากข้อมือลึกเข้าไปจนเกือบสุดต้นแขน บัดนี้ผู้ชมทั้งลุงจอม ไข่ พันดุล พู่ชมพู บูลย์ เก่ง รวมทั้งเจ้าหนูปกป้อง ต่างเหมือนตกอยู่ในภาพวีดีโอที่ถูกกดหยุด ค้าง...

อีแดงทำตาปรอย บางขณะก็ทำตาปริบๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม น้ำลายหยดติ๋ง

“กระเส่าใหญ่เลยนะอีแดง ใจเย็นๆ เดี๋ยวได้แน่” ความทะลึ่งของเก่งไม่เคยเลือกเวลา จึงได้รับสายตามฤตยูจากหมอนะมาเป็นรางวัลจึงเงียบไป

ขณะที่สัตวบาลกำลังโชว์ขั้นตอนสำคัญคือการล้วงเอาขี้วัวออกมา ค่อยๆ ล้วงออกมา ทันใดนั้น เสียงกิ่งไม้หักดังกร๊อบแล้วตกจากปลายเรือนยอดลงมากลางลำตัวอีแดงที่กำลังได้ที่พอดิบพอดี

ปั๊ก!

“อั๊ก!!!”

“เฮ้ย!!” ผู้ชมสามัคคีกันร้องเสียงหลงเมื่อเห็นหมอเอามือซ้ายกุมเป้ากับต้นขาขวา หน้าเขียวสลับเหลืองขณะที่มืออีกข้างหลุดจากตูดอีแดงเพราะมันตกใจจนดีดเท้าหลังเต็มแรง

“ไข่...ผม...”

“ไอ้หย๋า... ไข่แตกแล้วมั้งนั่น”

“สูญพันธุ์ล่ะงานนี้ หมอนะเอ๋ย”

                                 *******************

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:23:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com