หัวใจก้นครัว ๔๔-๔๕-๔๖ (แก้ไขใหม่)
|
 |
บทที่ ๔๔ ในที่สุดวันแจกประกาศนียบัตร สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในโครงการ ผู้ประกอบการอาหารไทยเพื่อสากล ก็มาถึง ซึ่งพิธีได้ถูกจัดขึ้น ที่ห้องบอลรูม บนชั้นสองของภัตตาคารไทยทัศน์
อาจารย์ผู้สอนในแต่ละ รายวิชา ได้แก่ หม่อมหลวงรพีพันธ์ คุณบุปผาชาติ คุณมาธิตา คุณพัชริดา และอีกหลายท่าน มานั่งเรียงแถว ในด้านหน้าเวที เพื่อรอชื่นชมความสำเร็จของนักเรียน ในรุ่นแรกนี้ ถัดมา เป็นที่นั่งของนักเรียน ที่จัดไว้รวมกัน ตามเลขประจำตัว เพื่อรอเรียกชื่อขึ้นไปรับประกาศนียบัตร ในช่วงสุดท้าย ซึ่งด้านหลัง ก็เป็นที่นั่งสำหรับผู้ปกครองของนักเรียน ที่มาร่วมแสดงความยินดี ในงานนี้ พิธีเริ่มต้นด้วยการฉายสไลด์ภาพกิจกรรมต่างๆประกอบเพลง ตั้งแต่เริ่มต้นการสอบเข้า การเรียน ไปจนถึง การสอบในแต่ละวิชา ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮา จากทุกคนในงาน อย่างชอบอกชอบใจ เมื่อพิธีกรในงาน กล่าวเปิดงานแล้ว ก็มีการสัมภาษณ์อาจารย์ แต่ละท่าน เพื่อบอกเล่าความประทับใจ ระหว่างตนเองกับลูกศิษย์ ในโครงการนี้ มีอาจารย์และนักเรียนบางคน ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัย เมื่อมาถึงวันสำคัญวันนี้ จากนั้น พิธีกร ก็เชิญภัทร และผู้บริหารโรงแรมในเครือฯ ขึ้นมามอบประกาศนียบัตร ตามที่ได้ซักซ้อมไว้ โดยเริ่มจากเปียโน เป็นคนแรก เมื่อหญิงสาวร่างเล็กในชุดกุ๊กสีขาวเต็มยศ เดินขึ้นไปโค้งคำนับบนเวที ให้แก่คณาจารย์และแขกผู้ปกครอง ที่ปรบมืออย่างชื่นชมในความสำเร็จนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองที่ด้านล่าง หล่อนก็นิ่งอึ้งไปด้วยความประหลาดใจ ภาพของผู้หญิงร่างผอมบาง ในชุดเสื้อและกางเกงผ้าสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่คุ้นตา ดวงตาคมกริบและโหนกแก้มสูงเฉี่ยว ถูกคาดทับด้วยแว่นตาสีชาฝังเพชร ผมยาวสีดำขลับถูกรวบตึงเก็บเป็นมวยไว้ด้านหลัง กำลังยืนอยู่ที่มุมห้อง ใกล้กับประตูทางออก หญิงผู้นั้น กอดอกมองมาที่หล่อน ด้วยรอยยิ้มจากริมฝีปาก ที่ฉาบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงจัด เป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจที่แฝงไว้ด้วยความพึงพอใจที่ทำเอาหล่อนขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ตามสัญชาตญาณ เปียโนยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างตกตะลึง และคาดไม่ถึง ว่าแม่ของหล่อนจะมาปรากฏกาย ที่ไทยทัศน์ในวันนี้ด้วย จนพิธีกร ต้องประกาศชื่อของหล่อนทวนซ้ำอีกครั้ง หล่อนจึงได้สติ เดินเข้าไปรับประกาศนียบัตรจากผู้บริหาร และรับใบรับรองจากภัทร ด้วยมือไม้ที่สั่นเทา จากความวิตกกังวล กว่าจะถ่ายรูปบนเวทีร่วมกับภัทรและผู้บริหารเสร็จ ก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเปียโนเดินถอยออกมา ก่อนจะลงจากเวที หล่อนลอบมองไปยังจุดเดิม ที่แม่ของหล่อนยืนอยู่ บัดนี้ กลับไม่มีผู้ใดยืนอยู่แล้ว เมื่อกลับไปนั่งประจำที่ เปียโนยังคงเหลียวหา แม่ของหล่อนอยู่โดยรอบ จนถึงเวลาที่พิธีกร เรียกนักเรียนทุกคน ขึ้นถ่ายรูปรวมบนเวทีอีกครั้ง เพื่อเป็นที่ระลึก แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของแม่ อยู่ในห้องจัดเลี้ยงนี้เสียแล้ว
จนมาถึงไฮไลท์ของงาน นั่นก็คือ การกล่าวให้โอวาทของภัทร ที่จะมีให้กับนักเรียนของเขาในวันสุดท้ายนั่นเอง นักเรียนและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม ภัทร สิราวรกาญจน์ ผู้ดูแลหลักสูตร ผู้ประกอบการอาหารไทยสู่สากล มีความยินดี ที่ได้เห็นวันแห่งความสำเร็จของพวกท่านทุกคน... ผมอยากให้ทุกท่านทราบว่า กว่าจะผ่านมาถึงวันแห่งความภาคภูมิใจนี้ได้ เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผม ผู้บริหารของไทยทัศน์ และโรงแรมในเครือฯ อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน ที่ให้เกียรติรับเชิญมาสอน จนทำให้หลักสูตรในโครงการนี้ มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดนั้น พวกเราต่างก็ทุ่มเท แรงกาย แรงใจ เพื่อให้นักเรียนที่รักของเราทุกท่าน ได้รับความรู้ ทั้งในด้านทฤษฎี และปฏิบัติ อย่างมืออาชีพ มีความทัดเทียมกับหลักสูตรการประกอบอาหารจากสถาบันชั้นนำของโลก.... สิตา หันมองรักษภูมิ ที่นั่งอยู่ข้างกายตน แล้วยิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้มใจ ก่อนจะหันไปจับมือกับดีใจ ที่นั่งยิ้มด้วยน้ำตาคลอเบ้า ถัดไปพายุ กำลังนั่งฟึดฟัด กลั้นเสียงสะอื้น จนหน้าตาและจมูกแดงก่ำ เมื่อฟังโอวาทของภัทรที่มีให้แก่พวกเขา ภัทร ยังคงบรรยายประกอบการฉายสไลด์ ไปอีกสักพัก จนมาถึงช่วงท้าย ของการให้โอวาทในครั้งนี้ เขาเลือกที่จะพูดถึงสิ่งที่มีคนถามเขาเสมอมา จากตำรับ ที่ผมนำมาสอนให้กับนักเรียนนั้น มีหลายท่าน ให้ความสงสัยว่า เคล็ดลับของมันคืออะไร สูตรลับที่ทุกคนอยากทราบจากผม ในการใช้ประกอบอาหารตำรับของไทยทัศน์ จนประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับ อย่างแพร่หลาย นั้นมีจริงหรือไม่ ?... ซึ่งตลอดเวลา นักเรียนทุกท่านก็เห็นได้ว่า ผมไม่ได้ปฏิบัตินอกเหนือไปจาก ตำรับที่ผมมอบให้กับพวกท่านเลยแม้แต่น้อย ซึ่งรสชาตินั้นก็ยังคงไว้ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย... ภัทร หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองสบตานักเรียนทุกคนทางด้านหน้าเวที อย่างตื้นตันระคนกับภาคภูมิใจ แล้วเอ่ยเฉลยความในใจ ที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับความสำเร็จของเขามาโดยตลอด เคล็ดลับที่ผมจะขอเปิดเผย และมอบให้ทุกท่าน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตของคนครัว เช่นผม เนื่องในวันสุดท้ายนี้ก็คือ...ความรัก !...ใช่ครับ ! ความรัก เป็นเคล็ดลับที่สำคัญที่สุด ในการทำอาหารของผม ผมทุ่มเทความรักที่มีทั้งหมด ให้กับการทำอาหารด้วยใจจริง ที่ผมกล้าบอกทุกท่านได้แบบนี้ ก็เพราะ... ผมเองก็ได้รับการถ่ายทอดความรักในการทำอาหาร มาจากอาจารย์ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้คิดค้นริเริ่มโครงการนี้ มากว่ายี่สิบปีแล้ว ฉะนั้น ผมขอให้ทุกท่านไว้อาลัย และร่วมรำลึกถึง อาจารย์ของผม เพื่อเป็นเกียรติ ในวันแห่งความสำเร็จนี้ด้วยครับ... นี่คืออาจารย์ของผม...นายคง เคียงวัง ! เจ้าหน้าที่ได้จัดฉายรูปของภัทรที่ถ่ายคู่กับโกเคี้ยง ในวันที่เขาได้รับชัยชนะจากการแข่งทำอาหารระดับประเทศครั้งแรก และเป็นวันสุดท้ายของโกเคี้ยง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์กับไทยทัศน์นั่นเอง เปียโน นั่งอึ้งไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานี้ หล่อนนั่งนิ่งราวกับรูปปั้นหินที่ถูกสาปเมื่อได้ฟังเรื่องราวของพ่อ ที่ภัทรอ่านเพื่อสดุดีในฐานะผู้คิดริเริ่มโครงการนี้ แม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาไม่นาน แต่กลับรู้สึกภูมิใจ จนต้องหลั่งน้ำตาแห่งความตื้นตันออกมา สิตา เอื้อมมือมาแตะที่บ่าของหล่อนอย่างแผ่วเบา หญิงสาวคิดว่าเปียโนคงรู้สึกใจหายกับงานพิธีนี้เท่านั้น แต่ก็ทำให้เปียโน ได้สติ จนรีบปาดน้ำตา แล้วหันมายิ้มให้กับสิตา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อสดุดี เคี้ยงเสร็จเรียบร้อย ภัทรก็กล่าวสรุปกับนักเรียนที่กำลังฟังโอวาทของตนอยู่ต่อไป จากที่ได้รู้จัก บุคคลที่เป็นผู้ที่ส่งต่อความรัก ในการทำอาหารไทยให้กับผมไปแล้ว ผม ในฐานะอาจารย์ของทุกท่าน ก็ขอให้ทุกท่าน รับความรักในการทำอาหารไทย ที่ผมมอบให้จากโครงการนี้ และโปรดส่งต่อไปยังผู้คนอื่นๆ ที่ได้มีโอกาส ได้สัมผัสถึง ความรัก จากอาหารของท่านทั้งหลายด้วยหัวใจ เหมือนกับที่ผมปฏิบัติกับท่านเช่นเดียวกัน ในฐานะคนไทย ชนชาติที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ที่ยาวนานและยิ่งใหญ่ หากท่านสามารถปฏิบัติมันได้ สิ่งนี้จะนำความเจริญรุ่งเรือง มาสู่อาชีพผู้ประกอบการอาหารของท่าน ได้อย่างแน่นอน ขอขอบคุณครับ เสียงปรบมือจากทุกคนในห้องบอลรูม ดังสนั่นขึ้น ภัทร ยิ้มน้อยๆให้กับเสียงนั้นอย่างขอบคุณก่อนจะลงจากเวทีไป แล้วปล่อยให้พิธีกร ออกมากล่าวปิดงาน แล้วเชิญนักเรียนและคณาจารย์ไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารริมแม่น้ำ ด้านล่าง เป็นลำดับต่อไป ชายวัยกลางคน ร่างสูงผอม ตัดผมสั้นเกรียน จนเห็นผมสีดอกเลา ที่โคนท้ายทอย และที่ข้างขมับทั้งสอง ถือโอกาส ตอนที่พิธีกรประกาศปิดงาน เดินปลีกตัวออกมาจากห้องบอลรูม อย่างเซื่องซึมด้วยความเศร้าโศก เขาหันไปมองภัทร ที่กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างแขนง ทั้งต่างประเทศและในประเทศ ที่ให้ความสนใจ มาร่วมทำข่าว เพื่อเผยแพร่ความสำเร็จของโครงการระดับสากลนี้ อย่างภาคภูมิใจ แทนชายหนุ่ม ก่อนจะมุ่งหน้าเดินออกไปจากงาน ในทันที เพ้งตั้งใจจะลงไปสงบสติอารมณ์ที่ใต้ต้นสารภี ต้นไม้ใหญ่ที่มีมา ตั้งแต่สมัยก่อนที่ยังเป็นวังสิราวรกาญจน์ มือที่สั่นเทา หมายจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพื่อระงับความพลุ่งพล่านในอารมณ์ของเขา แต่มันกลับไม่สามารถบังคับให้อยู่นิ่งได้เลย จนเขารู้สึกโมโหตัวเอง เขาต่อยต้นไม้ใหญ่ อย่างรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา จนรู้สึกปวดแสบระบมไปทั้งมือ ชาด้านเสียจนไม่รู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะหันหลังพิงต้นไม้อย่างอ่อนแรง เขาค่อยๆไถตัวลงไปนั่งชันเข่าที่พื้นดิน แล้วปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ด้วยความทุกข์ระทมที่เก็บฝังตัว อยู่ในจิตใจมายาวนาน
เมื่อเช้า กว่าที่เขาจะออกเดินทางจากบ้านที่จังหวัดระยองได้ ก็สายมากแล้ว เนื่องจาก ที่รีสอร์ต ได้รับผลกระทบจากพายุที่กระหน่ำเข้ามา ตั้งแต่เมื่อคืน จนบ้านพักหลายหลังพังเสียหาย ซึ่งกว่าจะมอบหมายงาน ให้กับคนงานที่เข้ามาทำการซ่อมแซม ก็กินเวลาไปมากอยู่
เมื่อมาถึง พิธีการมอบประกาศนียบัตร ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บรรยากาศในงาน ดูศักดิ์สิทธิ์และเป็นทางการ จนเขารู้สึกชื่นชมในความสำเร็จของทั้งภัทร สิตา และรักษภูมิ เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านริม ใกล้กับประตูทางออกอย่างเงียบๆ เพื่อเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ
จนภัทร ขึ้นกล่าวให้โอวาท ในตอนแรก เขารู้สึกชื่นชมยินดี ที่เห็นชายหนุ่มประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งก็สมฐานะของทายาทตระกูลสิราวรกาญจน์ จนนึกหวนไปถึง เมื่อครั้งที่ชายหนุ่ม ยังเป็นเด็กฝึกงานในครัว ให้เขาคอยแกล้งโขกสับอยู่เสมอ
แต่ความรู้สึกประหลาดใจ ก็ดีดตัวขึ้นมาในจิตใจ เมื่อภัทร กล่าวคำสดุดีถึงโกเคี้ยง ที่จากโลกนี้ไปแล้ว และเขายิ่งรู้สึกละอายใจ เมื่อได้รู้ว่า ชายหนุ่มอดทน รอคอยเพื่อให้โครงการเกิดขึ้นและสำเร็จได้ ตามเจตนารมณ์ของผู้ที่เป็นพี่ชายของตนเอง
เรื่องราวและภาพต่างๆในหัว ที่มีระหว่างเขาและเคี้ยง ไดอาน่า แอนนี่ และภัทร ทั้งทุกข์และสุข ต่างกันวิ่งย้อนกลับวกวนไปมา อย่างไม่อาจที่จะควบคุมมันได้ ทั้งๆที่เขาเคยคิดว่า สามารถฝังเก็บมันได้เรียบร้อย ด้วยธรรมะตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต แต่ในความเป็นจริงกลับไร้ประสิทธิผล
ในความตั้งใจ ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาอดทนรอให้รักษภูมิ มาถึงในวันนี้ เพื่อสบโอกาส ที่จะมาพบกับภัทรได้อย่างเต็มภาคภูมิ อีกครั้ง ในฐานะอาจารย์ของชายหนุ่ม โดยแอบหวังว่า สิ่งนี้อาจจะช่วยลบล้างความผิดในใจที่มีมานาน ให้เบาบางลงไปได้บ้าง แต่เมื่อได้เห็นว่า ภัทร ต้องยากลำบาก ฝ่าฝันต่อสู่เพียงลำพัง เพื่อให้ความฝันของเคี้ยง ประสบความสำเร็จ ซึ่งเคี้ยงก็เคยฝากฝัง ให้เขาช่วยสานต่อด้วยเช่นกัน ในฐานะน้องชายเพียงคนเดียว กลับยิ่งทำให้ เขารู้สึกละอายต่อความผิดที่ตัวเองได้ก่อไว้ แต่ครั้งอดีต ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่อง มาถึงภัทร แล้วอย่างนี้ เขายังจะมีหน้าไปพบหน้าภัทรได้อีกเหรอ...? เขาจะเอาศักดิ์ศรีใดไป ขอร้องให้ชายหนุ่มให้อภัยต่อการกระทำที่เลวร้ายในอดีต !... ...ในเมื่อที่ผ่านมา ตนเองกลับตัดช่องน้อย หนีผลของกรรมนั้นไปเสีย แล้วปล่อยให้ภัทรต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อไว้เลย แม้แต่สักนิด ! เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อ ดังขึ้น เขามองดูชื่อของรักษภูมิ ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอ แล้วตัดสินใจกดรับ ก่อนที่จะบังคับให้เสียงนิ่ง เหมือนว่าเขาไม่ได้ผ่านการร้องไห้มา ฮัลโหล พี่พงศ์ เมื่อสักครู่ส่งข้อความมาว่า มาถึงแล้ว แต่ไม่ยักเห็นอยู่ในห้องบอลรูมเลยครับ พ่อ แม่ สิตา ถามพี่กันใหญ่เลย จะชวนมาถ่ายรูปด้วยกัน ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนครับ ? ขอโทษด้วย แดง พี่มาถึงแล้ว แต่ต้องรีบไปซื้อของ ที่จะต้องใช้ซ่อมงานที่รีสอร์ตกะทันหัน แล้วคงจะกลับระยองเลย ยังไงฝากแสดงความยินดีกับหนูสิตา แล้วก็เอ็งด้วย พี่ภูมิใจที่เอ็งทำสำเร็จ ไอ้ลูกชาย ! รักษภูมิที่อยู่ปลายสาย อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความภูมิใจเช่นเดียวกัน จนเพ้งต้องให้กำลังใจ จนชายหนุ่มวางสายไป เพ้งหันมองไปรอบๆไทยทัศน์ ที่ตนเองเพิ่งได้มาเยือน นับจากเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา ด้วยความอาวรณ์ถึงเหตุการณ์ของวันวาน ก่อนจะตัดสินใจ รีบเดินมุ่งหน้าไปที่รถของตนอย่างผู้ปราชัย โดยไม่ยอมหันมองกลับมาดูตึกหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่นั้นอีกเลย ข้าวของที่ต้องเป็นธุระในการจัดหา เพื่อนำไปซ่อมแซมรีสอร์ตที่ถูกพายุกระหน่ำ มีมากมาย เสียจน กว่าจะเสร็จสิ้น ก็ใช้เวลาไปจนเกือบเย็น รถกระบะที่มีข้าวของบรรจุอยู่เต็มด้านหลัง จอดนิ่งสนิทอยู่กับที่ ทั้งๆที่ติดเครื่องยนต์อยู่ เพ้งต้องอยู่ในสภาพนี้มาเป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้ว เขาไขกระจกลง เพื่อจะสูบบุหรี่แก้เซ็ง
การจราจรบนมอเตอร์เวย์ สายตะวันออก เป็นอัมพาตแบบนี้มากว่า หนึ่งชั่วโมง และยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย เสียงประกาศจากรายการวิทยุ ที่รายงานความเป็นไปในขณะนี้ ทำให้เพ้งได้แต่นั่งนิ่ง อยู่แต่ในรถ เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากนั่งแกร่วอยู่แต่ในรถ เพ้งจุดบุหรี่ ก่อนจะค่อยๆคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่เรื่องงานซ่อมแซมรีสอร์ต การปรับปรุงร้านอาหารของตนใหม่ จนมาถึงเหตุการณ์ในพิธีช่วงเช้าที่ผ่านมา อีกครั้ง.... เมื่อเขาตัดสินใจไม่พบกับภัทร ตามที่ได้ตั้งใจไว้แล้ว เขาจึงต้องปิดบัง เรื่องระหว่างตนเองกับภัทร ไว้เป็นความลับตามเดิม จนรักษภูมิโทรศัพท์มาหาตน ด้วยความผิดหวังที่เขาผิดสัญญา เพราะเขาก็ไม่ได้อธิบายว่า จริงๆแล้วเขาเข้าไปร่วมในพิธีการ ด้วยเกรงว่าจะต้องเท้าความให้เรื่องราวไปกันใหญ่ ภาพของชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ในชุดกุ๊กเต็มยศสีขาว ที่เดินอย่างสง่าผ่าเผย ขึ้นไปรับประกาศนียบัตรบนเวที น่าภูมิใจเสียจน ราวกับเป็นการสะท้อนภาพของเขา ในยามวัยหนุ่ม ชั่วเวลาอันแสนสั้นของรักษภูมิ ได้สร้างความปลาบปลื้มใจให้เขา ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จู่ๆ ทำไม เขากลับนึกถึงสาวน้อย หน้าใสร่างเล็กแบบบาง ในชุดกุ๊ก คนแรกที่เดินขึ้นไปรับประกาศนียบัตร และดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเด็กที่สุดในบรรดานักเรียนทั้งหมด ในจำนวนของนักเรียนหลักสูตรนี้ ในแวบแรกที่เห็นหน้า เขารู้สึกสะกิดใจอย่างบอกไม่ถูก หน้าตาท่าทางของหล่อน คุ้นตา คลับคล้ายว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ตอนนั้น เขานึกขันที่หล่อนชะงักนิ่งอยู่บนเวที อาจจะเป็นไปเพราะความตื่นเต้นละกระมัง และเขาก็นึกอายแทนผู้หญิง ที่หล่อนยืนจ้องมองลงมาจากบนเวทีไม่ได้ เพราะทุกสายตาก็หันไปจับจ้องที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นตาเดียวกัน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นผู้ปกครองของหล่อน เขาเดาเอาจากรอยยิ้มภาคภูมิใจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน บุหรี่ตัวที่สูบ ดับไปเสียก่อน ที่จะหมดมวน เขาไม่ใส่ใจที่จะจุดมันเพื่อสูบอีกครั้ง เขาไขกระจกขึ้น เพื่อเปิดรับละอองความเย็นจากแอร์ภายในรถ นักจัดรายการวิทยุยังคงรายงานการจราจร บนถนนเส้นนี้อยู่ อย่างต่อเนื่อง แต่ที่เขาคาดคะเนจากสายตา ยังไม่มีการขยับขเยื้อนไปจากตรงนี้ได้แน่นอน คุณ อัญมณี หวัง... เชิญคุณ อัญมณี หวัง รับประกาศนียบัตรค่ะ เสียงเรียกชื่อเด็กสาวคนนั้น ลอยเข้ามาในหัว อย่างไม่มีสาเหตุ เขานึกขำในความฟุ้งซ่านของตัวเอง ที่ว่างจัด หวัง... หวัง ?...ทำไม นามสกุลคุ้นหูจัง เดวิด หวัง... ไดอาน่า หวัง ...เอ...แต่คนจีน นามสกุล หวัง ซ้ำกัน มีเยอะแยะไป เพ้งสรุปในใจ รอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้น ที่เด็กสาวจ้องมอง รอยยิ้มที่ฉาบไปด้วยลิปสติกสีแดง ทำไมหล่อนจะต้องฉวยโอกาสตอนที่เด็กสาวคนนั้น รับประกาศนียบัตรแล้ว รีบร้อนปลีกตัวออกไปจากห้องนั้นด้วย ? ถ้าหล่อนเป็นผู้ปกครองของเด็กสาวคนนั้น ก็น่าที่จะอยู่แสดงความยินดีในงานจนจบ เหมือนกับเขา เพ้งแอบสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหล่อนได้ คิดไปคิดมา เขาก็สะดุ้งขึ้นมาสุดตัว รู้สึกขนลุกซู่ ไปตั้งแต่ หัวจรดปลายเท้า อย่างไม่มีสาเหตุ มือของเขาไวกว่าความคิดสังหรณ์นั้น เมื่อรู้สึกตัวอีกที โทรศัพท์มือถือก็ถูกกดออก ไปยังปลายทางเสียแล้ว ฮัลโหล ครับ พี่พงศ์ เปลี่ยนใจมาร่วมงานเลี้ยงฉลองกับผมแล้วเหรอครับ รักษภูมิ เย้าแหย่เขาอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าเพ้งเป็นผู้โทรมา รถยังติดแหง็กอยู่ บนถนนเลยว่ะ ยังไม่พ้นจากที่พักระหว่างทางเลย เพ้ง อดใจไว้ ไม่รีบพุ่งเป้า ถามออกไปทันที ตามที่ตนสงสัย เขาถามซักด้วยเสียงเรียบๆ ราวกับว่าเหมือนไม่มีความกังขาอยู่ในใจ แล้ว... มีคนไปกินเลี้ยงงานเอ็งเยอะไหม แดง ? ตอนนี้มี...ผม ดีใจ พายุ แวะมาซื้อของไปจับสลากกันอยู่ครับ แต่เพื่อนคนอื่นจะตามไปที่ร้านเองทีหลัง อย่างสิตา ตอนนี้ไปสัมภาษณ์รายการวิทยุเรื่องเพลงใหม่อยู่ หนูนา ก็ไปหาคุณป้า เพื่อลากลับไปอยู่เมืองเหนือหลังจากเรียนจบ อ้อ ! เปียโน กลับไปเก็บของ เพราะจะกลับไปออสเตรีย อีกสองสามวันนี้แล้วครับ รักษภูมิเล่าไปอย่างพาซื่อ เขาคิดว่าเพ้งรู้จักกับเพื่อนๆของเขาดีอยู่แล้ว เพราะเขาโทรศัพท์ไปเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ เออ...แล้วหนูเปียโน นี่ใช้ ชื่อ อัญมณี หรือเปล่า ? เพ้ง พยายามคุมเสียงไว้ไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป ใช่ครับ อัญมณี หวัง ครับ อ้าว! เขาเป็นคนจีน หรอกเหรอ เห็นเราเล่าให้ฟัง ตอนนั้น พี่คิดว่าเป็นคนไทยเสียอีก แดงบอกว่าเป็นคนเหนือไม่ใช่เหรอ เห็นบนเวทียังเด็กอยู่เลย เพ้ง ถามออกไป ภายในใจเขาเต้นถี่ด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจครับ แต่เห็นเล่าว่าเป็นคนเชียงราย เอ...รู้สึกว่า ตอนแรกเขาใช้นามสกุลไทยนะครับ เพิ่งมาเปลี่ยนเอาตอนเรียนจบนี่เอง เพ้ง ภาวนาในใจ ขอให้สิ่งที่เขาคิดไว้อย่าได้เป็นจริงเลย เพราะมันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับทุกฝ่ายแน่ เอ่อ...แล้ว...นามสกุลไทย เขานามสกุลอะไร ? เพ้ง รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เอ...รู้สึกว่า นามสกุล...อะไรนะ พายุ ?...อ๋อ...ใช่แล้ว...เคียงวัง ครับ เคียงวัง ! แน่ใจนะ ว่านามสกุลนี้ ? เพ้ง ถามย้ำ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ใช่ครับ เคียงวัง แน่ๆครับ ทั้งดีใจ กับพายุ ก็บอกว่าใช่ รักษภูมิ ตอบออกมาอย่างมั่นใจ แล้ว เขาก็หยุดชะงักไป ก่อนจะร้องอุทานเสียงสูงออกมา เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เฮ้ย ! จริงด้วย นามสกุลเดียวกับพี่พงศ์เลยครับ เป็นญาติกันหรือเปล่าครับ ? รักษภูมิ ถามออกไป อย่างตื่นเต้น เขาประหลาดใจที่เพิ่งนึกออกว่า ทั้งเปียโนและเพ้ง ต่างใช้นามสกุลเดียวกัน อาจจะใช่ แต่พี่ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แล้วตอนนี้ เชฟภัทร อยู่ที่ไหน ? เพ้ง พยายามรวบรวมสติ เขาสังหรณ์ใจ อย่างบอกไม่ถูกว่าอาจจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับภัทร รักษภูมิ ประหลาดใจเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้ยินว่าเพ้งถามถึงภัทร แต่ก็ไม่ได้เฉลียวใจอะไร
เชฟ เคลียร์งานอยู่ที่ไทยทัศน์ เพราะว่าหลังจากนี้จะลาพักร้อน อีกสักพักคงจะตามมาสมทบกับพวกเราที่ร้านนี่ละครับ พยายามติดต่อเชฟภัทร ให้ออกมาจากไทยทัศน์ แล้วรีบมาหาพวกเราที่ร้าน ให้เร็วที่สุด เดี๋ยวพี่ก็จะรีบตามไปสมทบด้วย ได้ไหมแดง ? รักษภูมิ ไม่ได้มีโอกาสซักถาม ในสิ่งที่เขาเริ่มสงสัย น้ำเสียงของเพ้งที่ร้อนรนด้วยความวิตกกังวลอย่างไร้สาเหตุ เพราะหลังจากที่ อธิบายทางไปร้านอาหารที่พวกตน นัดไว้เลี้ยงฉลองการเรียนจบ ในตอนค่ำเสร็จ เพ้งก็รีบตัดสายไป ในทันที เพ้ง วางโทรศัพท์ลงที่ข้างกาย ด้วยใจที่เต้นรัวระทึก เขาบอกไม่ถูกว่า ความรู้สึกนี้ คืออะไร...ดีใจ...ประหลาดใจ หรือกังวลใจ กันแน่ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในจิตใจ การปรากฏกายของแอนนี่ และไดอาน่า ที่ไทยทัศน์ นั้น พวกหล่อนมีจุดประสงค์อะไร ? เฮียเคี้ยง อั๊ว ดีใจเหลือเกิน ที่ได้พบกับแอนนี่และไดอาน่าอีกครั้ง ขอให้เฮียช่วยดลบันดาล ให้อั๊วได้มีโอกาสแก้ไขเรื่องเลวร้าย ที่อั๊วได้ทำพลาดไปในอดีต และขอให้เฮียช่วยคุ้มครองภัทรด้วย อย่าได้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับอีเหมือนในอดีตด้วยเถิดนะ ! เพ้ง อธิษฐานในใจ ถึงเคี้ยง เพ้ง นั่งกระสับส่ายไม่ติดที่ อยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆรถก็เริ่มขยับตัว และสามารถวิ่งไปได้ อย่างคล่องตัว ในที่สุด เขาหาทางกลับรถ เพื่อที่จะรีบไปพบภัทร และพร้อมจะยอมรับความผิด ที่ผ่านมาในอดีต กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภัทร ไดอาน่า หรือแอนนี่ จากถนนมอเตอร์เวย์ ไปยังร้านอาหาร ที่เป็นที่นัดพบ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และไม่ห่างจากไทยทัศน์ ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร การจราจรในท้องถนน ในช่วงหัวค่ำยังคงหนาแน่น หากเลือกใช้เส้นทางถนนสายหลัก แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เข้ามา ที่กรุงเทพบ่อยสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังพอจะรู้จักทางลัด ที่จะช่วยทุ่นเวลาในการเดินทางอยู่บ้าง เขาพยายามเลือกใช้เส้นทาง ที่มีคนใช้น้อยที่สุด จึงทำให้เขาเดินทางมาได้กว่าครึ่งทาง ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เริ่มเข้าเขตถนนในเมือง แต่เพ้งยังคงเลือกเส้นทางลัด ในการเดินทางอยู่ ถนนในซอยที่มีแต่บ้านคนอยู่สองข้างทาง ใจของเขาลอยไปถึงที่นัดหมาย ไวกว่าที่ร่างกายจะขับเคลื่อนไปได้ สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย จึงลืมสังเกตบางสิ่งบางอย่างไป เพราะมัวแต่คิดว่า อีกไม่นานก็คงจะถึง ยังจุดหมายปลายได้โดยดี เพ้งนึกขอบคุณเคี้ยง และสวรรค์ที่เมตตา มอบโอกาสให้เขาได้การแก้ตัวอีกครั้ง เขายิ้มให้กับตัวเอง อย่างผู้ที่กำลังมองเห็นเส้นชัย ที่ตนเองเฝ้ารอมาแสนนาน ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าไม่ไกล รถกระบะคู่ใจ วิ่งช้าลง มันค่อยๆกระตุกไปอย่างถี่ๆ ก่อนที่จะหยุดนิ่งสนิท ราวกับสิ้นเรี่ยวแรงในการขับเคลื่อน เพ้งพยายามไขกุญแจรถสตาร์ทเครื่องยนต์ อย่างร้อนใจ ไม่มีสัญญาณใดเกิดขึ้น นอกจากไฟแดงที่แสดงขึ้นมาที่หน้าจอกระจกกว้าง ว่าน้ำมันรถหมด
เพ้งตบพวงมาลัยรถ อย่างโมโห ในความสะเพร่าของตนเอง !
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 55 04:07:20
|
|
|
|