Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๛ ภูษาโยง ๛ (บทที่ 2 : ผู้เคราะห์ร้าย) ติดต่อทีมงาน

ตอนก่อนหน้า (บทที่ 1) : บันทึกของผู้ตาย


...
...
...


ดึกดื่นคืนพระจันทร์ข้างขึ้นของต้นฤดูหนาว ดวงดาราฉายแสงกระพริบพราวอย่างซ่อนเร้น  อาจเป็นเพราะบรรยากาศเย็นยะเยือกและเมฆหมอกเคลื่อนคล้อยลอยต่ำ ตัดผ่านแสงจันทร์และแสงดาวเป็นระยะ ท้องฟ้าจึงดูมืดดำกว่าที่ควรจะเป็น ถนนใหญ่เงียบเชียบและเปลี่ยวร้างการสัญจรเหมือนลมหายใจของผู้บำเพ็ญพรต แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา ความเงียบนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงของเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์กลางเก่ากลางใหม่ ประสานเสียงกับท่อไอเสียที่เริ่มชำรุดดังกรอกแกรก บรืน ๆ ดังอยู่ขอบถนนชิดซ้ายมือของผู้ขับขี่ พร้อมแสงไฟซึ่งไม่ค่อยสว่างมากนักจากไฟหน้ารถคันนั้น


บุณ เทือน (bun theuon) และ โภก รมดวล (phok romduol)


เป็นคู่รักที่อพยพย้ายถิ่นมาอยู่ในเมืองไทยโดยผิดกฎหมาย พวกเขาลอบเข้าเมืองมาโดยการชี้ชวนของพ่อค้ามืด ทั้งสองไม่ได้ถูกหลอกให้มาขายแรงงาน ไม่ได้หวังจะมาขุดทองในแผ่นดินสยาม แต่มาเพราะหนีการตามล่าจากบิดาและว่าที่สามีของรมดวล จะว่าไป ชีวิตของทั้งคู่ก็ไม่ผิดจากนิยายน้ำเน่า เทือนเป็นลูกกำพร้า มารับจ้างปลูกข้าวและทำงานอื่นๆให้กับ กำนันโภก ซึ่งเป็นบิดาของรมดวล ความขยันขันแข็งและมีน้ำใจไมตรีของชายหนุ่ม อยู่ในสายตาและสร้างประทับใจให้กับหญิงสาวเรื่อยมา จากแอบมองก็ขยับเป็นย่องเข้ามาทัก จากนั้นก็แอบพบเจอกันในงานวัดและคืบหน้าเป็นสถานที่ต่างๆเมื่อลับหูลับตาผู้ใหญ่ ต่อมาไม่นาน กำนันโภกก็จับได้และประกาศกร้าวว่าจะยกรมดวลให้กับลูกชายของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังประจำจังหวัด งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นอย่างฉุกละหุก

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองพากันหลบลี้หนีออกมาจากบ้านเกิดเมืองนอน...

“หนาวไหม”

ฝ่ายชายที่เป็นคนขับถามเบาๆ เขาไม่พูดเปล่าแต่เอามือข้างหนึ่งกุมมือหญิงสาวที่โอบเอวของตนจากด้านหลัง

“ไม่หนาวหรอก พี่เทือนบังลมหนาวให้ฉันแล้วนี่”


รมดวลตอบพลางนึกถึงวันที่ตัดสินใจหนีงานแต่งออกมาหาคนรัก คนงานในนาข้าวที่รู้เห็นเป็นใจลอบนำข่าวมาบอกว่ามีนายหน้ามาประกาศจะพาคนไปทำงานในโรงทอผ้าที่เมืองไทย แต่ต้องนำเงินไปให้เขาเป็นใบเบิกทางเสียก่อน เทือนและรมดวลใช้เงินทองและทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีไปแลกกับใบเบิกทางนั้น ซึ่งสิ่งแลกเปลี่ยนที่ได้ คือเส้นทางในการหลบหนีตำรวจ อาหารพอให้ประทังชีวิตระหว่างเดินป่าเผื่อลอบเดินทางผ่านพรมแดน และรถบรรทุกคนอพยพที่แออัดไปด้วยหญิงชายแปลกหน้า ยืนเบียดเสียดมาด้วยกันอย่างทุลักทุเลกว่าจะได้เข้ามาหางานในเมืองไทย


วันคืนล่วงผ่านจนเนิ่นนานหลายปีที่ลักลอบเข้ามาทำงานหาเงินในแผ่นดินสยาม รมดวลผ่ายผอมและผิวพรรณซูบซีดไปจากเดิมจนแทบไม่เหลือเค้าของลูกสาวกำนันคนสวย เทือนเฝ้ากอดประคองและกุมมือถนอมคนรักไว้ด้วยความรู้สึกผิดระคนสงสาร 

‘เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่พี่กลับพาเธอมาตกระกำลำบาก’ 

แต่เมื่อใดก็ตามที่เทือนโทษตัวเองด้วยประโยคนั้น รมดวลจะกลับเป็นฝ่ายสวมกอดเขาไว้ด้วยความรัก เพราะด้วยอานุภาพแห่งรักนี้เอง ที่พาเธอบากบั่นและฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายมาได้จนถึงทุกวันนี้ 

“พี่...”

“หืม”

“ร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อย เอาเพลงแขมรที่พี่เคยร้องจีบฉันที่งานวัดนะ”

“เอาจริงหรือ”

เทือนทวนถามอย่างเขินอาย

“จ้ะ...เดี๋ยวฉันร้องด้วย เวลาทำงานเหนื่อยๆ ฉันจะนึกถึงเรื่องสนุกๆเมื่อครั้งเราคบกันใหม่ๆ มันทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมากเลยนะ”


ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็สูดลมหายใจลึกด้วยความตื้นตัน เขากระแอมไอนิดหนึ่งแล้วเริ่มร้องเพลงเพื่อหวนรำลึกถึงวันเก่าๆ

*ปรึกนึกโอน... ทะไงนึกโอน... 
(เช้าคิดถึง... กลางวันคิดถึง...)

บุณ เทือน นึกถึงภาพของหญิงสาวที่เดินตามพ่อมาดูเขาทำงานในนาเวลาเช้า วันใดเธอหายไป เขาก็เฝ้าชะเง้อชูคอรอหาด้วยความคิดถึง

โยบนึกโอน... นึกโอนกรบเวเลีย...
(กลางคืนคิดถึง... คิดถึงทุกเวลา...)

โภก รมดวล เอียงหน้าอิงแอบแนบแผ่นหลังแข็งแรงแล้วร้องคลอวรรคต่อมา นางคิดถึงช่วงเวลากลางคืนที่แอบส่งยิ้มให้เขาในงานวัด งานนั้นมีการจุดพลุสีสันสวยงามตระการตา ไม่แปลกที่คนในงานจะยิ้มเบิกบานอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นรมดวลมีให้เทือนเพียงคนเดียวเท่านั้น

สรอไมเขอนแต่สรสปุมเงีย เจียบดวงจิตบอง
(ฝันเห็นเธอ อยู่ติดดวงใจพี่)

นึกโอน… นึกโอน… โอนดังหรือเต ดังเต ทาบองนึกนาส 
(คิดถึง คิดถึง น้องจะรู้บ้างไหม รู้บ้างไหม ว่าพี่คิดถึงที่สุด)

เปลเวเลียหรือโดวเจสแต่ฟลาส... บองนึกโอนนาส นึกนาสฟลาสมินบาน
(เวลาที่เปลี่ยนไปไม่มีหยุด แต่พี่ก็ยังคิดถึงไม่เคยเปลี่ยน)

ฟลาสมินบาน... ฟลาสมินบาน... เตอกัลป์ยานดึงเตทาบองนึกโอน
(ไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยเปลี่ยน น้องรู้ไหมว่าพี่คิดถึง)

ใต้เงาฟ้าหม่น คนพลัดถิ่นสองคนทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเหนื่อยกายแต่ใจยังไม่ย่อท้อ ทั้งสองร้องเพลงคลอเคียงกันบนรถจักรยานยันต์ที่ขับผ่านราตรีมืดมิด
...
...
...

ปรึกนึกโอน... ทะไงนึกโอน... โยบนึกโอน... นึกโอนปรวสเสน่หา...
(เช้าคิดถึง กลางวันคิดถึง กลางคืนคิดถึง คิดถึงเพราะเสน่หา) 

เรียมเกงสุบินเขอนเพียกตราโยยิมดักบอง
(พี่ฝันถึงหน้าเธอยิ้มมาให้พี่)

นึกโอน… นึกโอน… เบอสินบัดโอน… 
(คิดถึง คิดถึง ถ้าเธอหายไป)

บัดโอนปีโอรา... เรียมจบัสเจียโตรวโสนสังขา 
(หายไปจากอกของพี่ พี่จะต้องตายสูญ)

เบอขวัสเสน่หา... เบอขวัสเสน่หา... รสมินบาน) 
(ถ้าไม่มีรัก…ถ้าไม่มีรัก... พี่อยู่ไม่ได้)

มินบานเลย มินบานเลย แก้วบองเฮยดึงเตทาบองนึกโอน
(ไม่ได้เลย... ไม่ได้เลย... แก้วที่รักเอยรู้ไหมว่าพี่คิดถึง...)

... 
...
...
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *



*ชื่อเพลง : คิดถึงทุกเวลา (Nuek Krub Velia) 

ผู้ร้อง : สิน สีสมุทร (Sinn Sisamouth ) ศิลปินนักร้องชาวกัมพูชาเจ้าของฉายา "King of Khmer music" 
ผู้ถอดเนื้อร้องเป็นภาษาไทย : หนูนา (@พนมเปญ)
ฟังเพลงประกอบ : http://www.youtube.com/watch?v=CZ_fgtzYCag

จากคุณ : รุริกะ
เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 07:08:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com