<< บัลลังก์ลูกไม้ ::..[18] >>
|
 |
-สิบแปด- เสียงร้องแหลมของคนเจ้าระเบียบ แผดขึ้นอย่างตระหนก ในไม่กี่วินาทีหลังจากกลุ่มเจ้าพนักงานตาม พระบัญชา พรูเข้าไปในตัวพระตำหนักหลังน้อย ราวฝูงผึ้งกลุ้มเหยื่อ
อะไรกัน...อะไรก๊าน?!
การคงระเบียบมลายหาย หากความเข้มงวดอันเป็นพื้นวิสัย ทำให้เสียงนั้นฟังละม้ายดุตวาด
ที่นี่พระตำหนักของเจ้าหญิงซาบรีเนีย กล้าดียังไงบุกรุกเข้ามาอย่างนี้?!
คงไม่มีใครตอบ ทั้งความเกรงแกมเกลียดชัง อันสะสมต่อคนต้นเสียงมานานช้า คนกล้าดี ทั้งหลาย จึงดูจะใช้พระบัญชาขับความ กล้าดี จนสาสม
แคว่ก! เสียงผ้าขาด ตามมาด้วยเสียงแตกเปรื่องของวัตถุขนาดเขื่อง
หยุดเดี๋ยวนี้นะ! หยู๊ดดด...!
เพียงพริบตาเท่านั้น คนร้องกลับเป็นฝ่ายถูกสาวๆ ในตำหนักเดียวกัน หิ้วปีกออกมาทางทวารด้านหน้า
ชั้นต้น เอลินอร์ยังเหลียวหลัง เร่าร้อง ต่อเมื่อหันมาพบว่า...ต้นเหตุแห่งความโกลาหลทั้งหมด...มีเหตุแต่ไหน พระพี่เลี้ยงถึงกับหยุดกึก ปากอ้า ตาเบิกค้าง กำลังเหือดหายไปเสียสิ้น
เอลินอร์... เจ้า นายพระองค์น้อย เป็นผู้ผละจากหัตถ์พระมารดา ตรงเข้ามาสอดพระกรเข้าที่แขนอวบนุ่ม ทรงถูพระหัตถ์บางกับท่อนแขนนั้นแรงๆ อย่างจะทรงระงับความตกใจของอีกฝ่าย หากก็เสมือนทรงให้กำลังพระทัยพระองค์เองอยู่ในที เพราะสุรเสียงที่เรียกใช้ ไม่วายเบา สั่น
ก...เกิดอะไรขึ้นเพคะ?
คำทูลถามของพระพี่เลี้ยงไม่จำเพาะที่พระองค์ใด ต่อให้เสียงเบาจนแทบได้ยินกันเพียงสอง หากการจดจ้องเจ็บปวด ก็ตรงไปยังวรร่างในฉลองพระองค์สีเหลืองผู้เสด็จมาใหม่ คลับคล้ายจะคาดคั้นจากพระองค์นั้นเสียมากกว่า
เจ้าหญิงเอลีโอน่าคงทรงนิ่งสงบปานหุ่นปั้น ปลายหนุที่มักเชิดขึ้นแต่น้อย...ในวันนี้สูงขึ้นไปอีกด้วยความอหังการ์
ภาณุรังสีที่เริ่มแรลงมาถึง ระบายเพียงวงพักตร์ครึ่งบน ส่องให้ดวงจักษุสีเหลือง ดูใสประดุจบุษราคัมเนื้องามอันแปดเปื้อนเปลวไฟ ลักษณาการจ้องกลับ เด็ดขาดอย่างผู้อยู่เหนือกว่า ไร้กระทั่งเยื่อใยต่อผู้ที่เคยถวายการเลี้ยงดูปรนนิบัติมาแต่ยังพระเยาว์
ก...กบฏจ้ะ แพทย์หลวงประจำพระองค์มกฏราชกุมาร วางยาพิษเจ้าชายไอเนซ ตอนนี้องค์ผู้สำเร็จราชการ...
เป็นไปไม่ได้! เสียงสวนดุดัน ไม่รอให้พระองค์เคียงข้างรับสั่งจบ ตำแหน่งแห่งสายตาพระพี่เลี้ยงยังจรด ณ จุดเดิม
ท่านหมอเป็นชาวมาลโม่ คนมาลโม่รักเกียรติยิ่งชีวิต...ชนชาติทหารไพรที่เคยช่วยอะแลมเบิร์กก่อรากสร้างอาณาจักรมา จะเป็นกบฏได้อย่างไร?!
ใจมนุษย์ลึกล้ำ ทั้งเบาหวิว วันนี้ภักดีกับคนนั้น อีกวันเปลี่ยนคนอยู่ใกล้...ใจเดิมก็พลอยออกห่าง!
วจีแห่งเจ้าหญิงเอลีโอน่า ยอกย้อน เยือกเย็น
คนถูก กระเทียบ ต้องงับปากสั่น
โดยเฉพาะ ครั้นสายพระเนตรแน่วนิ่ง ค่อยวาดไปที่องค์เจ้าของพระตำหนัก แล้วลากต่อไปยังวรกายผอม หากสูงชะลูด แห่งองค์อาคันตุกะ ราวจะให้ ความนัย บางประการ
เอลินอร์ถึงกับสะดุดลมหายใจตน
รู้สึกประหนึ่งโดนเล็บแหลมจิกลงบาดแผล!
แต่ไหนมา พระตำหนักน้อยเคยซ่อนซุกสุขสงบท่ามกลางความห่างไกล หาก...ก็ตั้งแต่เจ้าฟ้าชายต่างเมืองพระองค์นี้เสด็จมาฤามิใช่...ความยากยุ่ง ที่ อะแลมเบิร์ก ผู้มีเลือด อะแลมเบิร์ก เปี่ยมพ้น เคยคาดการณ์โดยหวั่นใจ...ในที่สุดก็บังเกิด!
ไม่รู้...และจะทูลห้ามกระไรได้...เจ้าหญิงซาบรีเนียทรงคิดอ่านประการใดแน่?
แต่ที่รู้...และเชื่อมั่น...
ยิ่งเสด็จใกล้...เจ้าชายพระองค์นี้จะนำความวิบัติมาสู่เจ้านาย...และนาครที่เอลินอร์รักยิ่งเป็นแม่นมั่น!
ชั่วพักอันความอลหม่านอุบัติภายในพระตำหนัก กลุ่มคนเบื้องนอกยังยืนนิ่งดั่งโดนสาป ผิว่าลมสายจะเริ่มบ่ายแรงจนปลายนิ้วชาสะท้าน แดดกลับกราดเหนือหลังคาหินสีส้ม ซีด จนอณูอากาศไหวพะเยิบราวเกิดเปลวระอุ
เมื่อนั้น ผู้ที่อยู่ในสายตาโทโสของพระพี่เลี้ยง คงประทับสงบงันเฉกเดิมเช่นกัน...
มาตรว่าเหตุที่เกิด คือการณ์ที่คาดไว้ก่อน กระนั้นภาพเบื้องพักตร์ยังดูลุกลามยิ่งกว่าเคยดำริ
พระนางเหนือหัวรุกคืบอีกก้าว
หาก...จะเป็นก้าวที่คล้อง ความหวังแห่งบูเลทิน เข้ามาเกี่ยวด้วยหรือไม่?!
อีกคราวที่หมากอันองค์ยุพราชอะแลมเบิร์กทรงวางไว้ในพระทัย ผุดโผล่
ช่วยเรา...แล้วเราก็จะช่วยเจ้า!
เจ้าชายไอเนซทรงหมายความกระไรแน่?!
ความสัมพันธ์ซับซ้อนไม่ชวนให้คลายหฤทัย...ในโมงนี้ เจ้าหญิงวีเลมิน่าคือพระผู้เป็นองค์แทนแห่งอะแลมเบิร์ก...อะแลมเบิร์กที่ รู้ ความนัย จึงหมายบูเลทินเป็นศัตรูทุกขณะจิต!
ทว่า...ในเมื่อพระนางยังเป็นเสี้ยนหนามแก่บัลลังก์องค์ยุพราชเช่นกัน การณ์...จึงชวนชัก...
ศัตรูของศัตรู...คือมิ่งมิตร!
แต่...ก็อีก...เพียงตัวแปรสำคัญ สลักสุดท้ายที่ไม่อาจแลข้ามไปได้คือเจ้าชายวาเลนติน
กุนซือ...ของคนที่น่าจะเป็นมิตร...กลับคือศัตรูหมายเลขหนึ่งในพระองค์เอง!
เฉกนั้น...การเสด็จเยือนพระตำหนักน้อยในอรุณนี้ จึงมีขึ้น
จะตัดสินพระทัยได้ไฉน หากยังไม่ทรงทราบเบื้องลึกของอีกฝ่าย...
แล้วดูเถิด...เจ้าหญิงเอลีโอน่า กลับเสด็จมาขัดจังหวะสำคัญยิ่ง!
เลยยังไม่ทรงรู้...เจ้าชายวาเลนตินกับเจ้าชายไอเนซ...ความสัมพันธ์เป็นฉันใดแน่?!
อันว่าบูเลทิน...ที่แท้เนื้อในมิได้แผกผิดความเป็นไปแห่งอะแลมเบิร์ก เบื้องหลังราชบัลลังก์ยังเต็มไปด้วยข้าคด หอกข้างแคร่คนสำคัญที่ยังไม่มีใครจัดการได้ คือ ท่านเสนา ผู้กุมกองกำลังส่วนใหญ่แห่งมหานครินทร์
ขณะที่สัตย์สัญญาแห่งขัตติยะ พาให้บูเลทินมาดหมายกลืน เมืองน้อง กลับเป็นเนื้อเดียวเฉกยุคบรรพกษัตริย์ ข้าหลังราชบัลลังก์ก็วางกลข่ายหมายล้มราชวงศ์เดิม แล้ว กินเมือง ทั้ง พี่ และ น้อง เบ็ดเสร็จ!
สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชเคยทรงพลาด ด้วยส่งเจ้าชายวาเลนตินมาเป็นสายในอะแลมเบิร์ก กว่าการสืบค้นจะพบหัวเรือใหญ่แห่งกบฏ...กบฏที่ไม่อาจ แตะ ได้ง่ายๆ ...การลำดับโยงใยก็ปรากฏ...
สาย ของพระองค์ ที่แท้คือ สาย ของฝ่ายทรยศเช่นเดียวกัน!
นั่นคือเหตุสำคัญให้ สมเด็จปู่ ทรงควานหาสายคนใหม่แทบพลิกปถพี สายที่จะมีอำนาจ ยิ่งกว่า สาย พระองค์เก่า...ในเมื่อฝ่ายข่าวรายงานเสมอมา เจ้าชายวาเลนตินทรงคืบใกล้ และที่สุดคือกระชับสายใยถึงขั้นพระสหายสนิทแห่งองค์รัชทายาทและพระคู่หมั้น ในยามนั้น...สมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนีแห่งเจ้าฟ้าชายไอเนซ!
และแล้ว...พระปิตุจฉา เจ้าหญิงซาบรีเนีย...จึงทรงถูก ยก
น่าเสียดาย...การสวรรคตกะทันหันแห่งองค์ราชันย์อะแลมเบิร์ก พลิกผลัดความคาดการณ์เสียสิ้น
มิเพียงฝ่ายราชวงศ์ยังเป็นรอง ท่านเสนา อำนาจ ในเจ้าชายวาเลนติน ซึ่งรุดขึ้นทันทีที่พระชนนีแห่งเจ้าชายไอเนซเสด็จสู่สวรรคาลัยตามพระสวามีไป ในมิช้า ย่อมประดุจปีกแผ่อันสยายความวินาศรุกใกล้ราชบัลลังก์บูเลทินยิ่งขึ้นทุกขณะ
ให้... เขา...ดูแลไอเนซ...
เพียงรับสั่งสั้นๆ...รับสั่งสุดท้ายอันยังความสะเทือนสะท้านกระทั่งอำนาจในองค์ผู้สำเร็จราชการอะแลมเบิร์ก!
ไม่เข้าพระทัย...ไม่เข้าพระทัยเลยว่า เหตุใดองค์ราชินีเอเดรียน่าจึงตัดสินพระทัยเยี่ยงนั้น
ต่อให้ปรากฏการณ์แข็งข้อในพระกนิษฐภคินีต่างพระมารดาจะยังความขุ่น...และแคลงหฤทัย กระนั้น...ในหัตถ์แห่งมาตุจฉา ผู้ เป็นสายโลหิตอะแลมเบิร์กเช่นเดียวกัน กับเพียงพระสหายต่างชาติอันเป็นปฏิปักษ์แต่ต้น...ราชินีพระองค์ก่อนยังวาง พระทัยฝ่ายหลังมากกว่า!
ทรงคิดอะไรอยู่นะ? ...แน่พระทัยจริงๆ รึว่าราชโอรสจะทรงปลอดภัยดี...
ถึงที่จริงจะเป็นตามนั้น นั่นก็ยังชวนกังขาฤามิใช่?
ทรง อ่าน
และคาดการณ์ได้แต่ต้น
หรือที่แท้...
ยังมีความลับอื่นใดในความสัมพันธ์ ย้ำหนัก...ให้วางพระทัย สหายเมืองอริ ได้หมดจดเพียงนั้น?!
ปราดพระเนตรทอดผู้เสด็จมาใหม่เบื้องพักตร์อีกครั้ง
เจ้าหญิงเอลีโอน่ายังทรงเชิด เจือรอยเยาะนิดหนึ่งตรงมุมโอษฐ์ พระเนตรแน่วนิ่งแต่ไร้จุดจับ ราวกับอยู่ในห้วงภวังค์ดำริ หรืออีกที...คือการส่งความหมาย ไม่มีใครอยู่ในสายตา!อันยิ่งเร้าความระทึกในอกขวัญของผู้รายล้อม รวมถึงราชอาคันตุกะ
ใช่...เจ้าชายทีเบอร์เทียซแน่พระทัย ในเมื่อต่างฝ่ายต่างประเมินกันได้ลึกซึ้ง...มีหรือเจ้าหญิงวีเลมิน่าจะไม่ทรงทราบ...
เพียงสิ้น คำเฉลย แห่งองค์ยุพราชในราตรีนั้น แพทย์หลวงผู้เสมือน ดินก้อนแรก ย่อมจะถูกเจ้าชายไอเนซวางแผนส่งตัวลี้ภัยไปพ้นแทบโพ้นทะเลแล้ว
หากถึงกระนั้น...ด้วยเจ้าชายวาเลนตินต่างหากคือดินก้อนสำคัญ ใครเลยจะรู้ถึงแต้มคูตาต่อไปในองค์ผู้สำเร็จราชการ
การแสดงฉากนี้...จะถึงกับทรงกล้า งัดข้อ ...โยงเจ้าหญิงซาบรีเนียและองค์ธิดา สืบสู่ความล่มสลายในอำนาจแห่งดินสายเลือดบูเลทินก้อนนั้นหรือไม่?
ดิน...อันเป็น ดินปืน ลูกแรกของบูเลทินอีกทั้งกองทัพ!
ในที่สุด ความเงียบชวนกดดันชนิดแทบไม่อาจหายใจก็จบสิ้น เสียงฝีเท้าของกองกำลังตรวจค้นตามพระบัญชา ย่ำออกมาจากทวารน้อย ผ่านเบื้องพักตร์เจ้าของตำหนักสองพระองค์ ซึ่งคงทรงเกาะเกี่ยวกันอยู่ด้วยพระหัตถ์เยียบเย็น โดยเฉพาะข้างเจ้าหญิงซาบรีเนีย ที่น่าจะทรง อ่านแตก ได้ไม่แผกองค์ภาติยะ...ถึงกับพระพักตร์เผือดประหนึ่งรอเวลาแห่งคำตัดสิน...
อันที่จริงทรงรู้สึกละม้ายอื้ออึงในพระโสต จนต้องเพียรกลืนพระเขฬะ อย่างจะช่วยให้สดับได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่พบกบฏเพคะ!
คำเด็ดขาด แทบนำพาการถอนหายใจของใครหลายคน
ถัดจากพระตำหนักน้อยก็พ้นจากการตรวจตราแน่นหนาของเขตพระราชฐาน กบฏน่าจะหนีต่อไปได้ไกลโขแล้วเพคะ
ส่งคนกลับไปทูลรายงานองค์ผู้สำเร็จราชการเดี๋ยวนี้ นอกนั้น ขยายการตามล่าออกไปภายนอก ถ้าไม่ได้ตัวกบฏ ห้ามกลับมาเป็นอันขาด!
สุรเสียงสั่งการเฉียบขาด โดยเฉพาะพระเนตรอันวาวโรจน์อย่างมาดหมาย ราวเห็นลูกไก่ในอุ้งหัตถ์ คือปริศนาที่ยิ่งย้ำความพิศวงสู่องค์อาคันตุกะ
เพียงราตรีเดียวก็สามารถ เปลี่ยน ไปได้ถึงเพียงนี้!
เจ้าหญิงวีเลมิน่าทรง เป่าพระกรรณ และ ปั่นพระเศียร องค์ธิดาอย่างใดแน่?!
ความสนเท่ห์ทบกลายเป็นความคาดไม่ถึง ในนาทีก่อนที่ผู้ถ่ายบัญชาการจะเสด็จกลับ
วรร่างในภูษาคลุมสีเหลืองชะงักแล้วหันหวนมา แววนัยนาอ่อนหวานประดุจล้อเลียนถือดี ถวายแด่เจ้าชายทีเบอร์เทียซโดยเจาะจง
อ้อ! ไม่ต้องทรงเป็นกังวลนะเพคะ ทั้งหมดนี้จะไม่มีผลกระทบกับการถวายการเรียนการสอน อีกทั้ง... รับสั่งทอดจังหวะ สายพระจักษุกวาดไปจบลงตรงวงพักตร์ที่คงซีดเผือดของพระกนิษฐา
เพอร์นีเลีย...เจ้าน่าจะได้เข้าเรียนในฐานะ สหายสนิท ขององค์อาคันตุกะ เชื่อเถอะว่า...การวิ่งเล่นกับนกตัวไหนๆ ก็จะไม่สนุกไปกว่านี้!
. . . . . . . . . .
พระหัตถ์ผอมจนเห็นรูปองคุลีบัพเป็นข้อๆ ดูประดุจพระหัตถัฐิอันถูกหุ้มไว้ด้วยฉวีสีเหลือง เผือดราวไม่เคยต้องแดด ทั้งยังแห้งผากอย่างผู้มีโรคภัยอยู่เป็นนิจ ค่อยเคลื่อนลึกเข้ามาจากปากภาชนะอย่างเชื่องช้า
โดยสัญชาตญาณ สิ่งมีชีวิตอันซ่อนซุ่มอยู่ในแผ่นพรุนแทบก้น ค่อยโผล่จากรูหนึ่งอย่างเตรียมพร้อมโจมตีผู้บุกรุกรังชิ้นน้อยอันเหลืออยู่
นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัด!
เสี้ยวอึดใจที่ปีกใสจะขยับ พระดัชนีและมัชฌิมาอันล่วงช้าแต่ต้น กลับตวัดด้วยความไวเพียงอึดใจ แม่นยำราวมีตา
ปีกใสถูกคีบ
ร่างเล็กดิ้นเร่า หากไม่พ้นถูกลากออกจากปากโถแคบ
ภาพสุดท้ายแทบมิใช่บรรยากาศห้องกว้างอันถูกปิดอับ แมลงน้อยถูกยกพรวด แล้วจับกดลงในเรือนพระเกศา ทั้งรก ทั้งเว้าแหว่ง สัญชาตญาณสุดท้ายบังคับให้มันตอบโต้ศัตรู ทั้งที่รู้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต
พระกรามถูกขบจนขึ้นเป็นสัน สองข้างนลาฏปรากฏรูปนูนของเส้นพระโลหิต และต่อให้มิได้ทรงเม้ม พระโอษฐ์อันแทบถูกรีดเป็นเส้นตรง ก็คงสำแดงถึงความเจ็บปวดยวดยิ่งในวินาทีที่ เหยื่อ ฝังเหล็กในลงใต้รากพระเกศา
ความเคยชิน ทำให้นัยน์พระเนตรหาได้คลอคลองอัสสุชลอีกสืบไป กระนั้น ทันทีที่ทรงดึง ซาก กลับ ทิ้งลงโถเก่า ช่วงอุระผอมผ่ายที่ยกสูง ก็ค่อยทิ้งลงเชื่องช้า ขณะอัสสาสะถูกผ่อน เปลือกพระเนตรปิดราวรวบพระกำลังและสมาธิ ต่อสู้กับรสร้ายแห่งบาดแผล
จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับความเจ็บปวดนี้
สุรเสียงของ คนสนิท ดุจจะปลุกให้เปิดพระเนตรขึ้นอีกครา สีพระพักตร์ทั้งท่วงอิริยาบถกลับเป็นปรกติ มิได้ปรากฏร่องรอยของความทรมานอีก
คงจะเป็นเช่นนั้น
ตลอดมา...เพื่อให้สมกับฤทธิ์โอสถที่ได้รับถวาย เจ้าฟ้าชายแห่งอะแลมเบิร์กทรงจำทารุณพระวรกายหลากวิถีเพื่อได้มาซึ่งโฉมหน้าแห่ง พระอาการ
สมุนไพร ชนิดนี้มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อ หากเมื่อได้รับในปริมาณมากเกินไป จะสะสมจนเกิดพิษแก่ร่างกาย กล้ามเนื้อจะค่อยลีบตาย ทั้งกล้ามเนื้อแขน ขา ปาก ลิ้น ตา ผมก็จะหงอกขาว... แพทย์หลวงผู้จงรัก เคยถวายรายงานหลังการตบตาว่าเข้าพวกพระมาตุจฉา
ฉะนั้น ยามเมื่อความลับหาใช่ความลับอีกสืบไป การแปลงโฉมจึงเพียงคงไว้ให้พระอาการเสมือนค่อยทุเลาลงเป็นลำดับ...ป้องกัน ความคลางแคลงของหมู่ประชาเป็นสำคัญ
ประชาราษฎร์ที่ภักดีในพระองค์...จนบีบให้พระมาตุจฉาต้องทรงดำเนินการเฉกที่จะเป็นต่อจากนี้!
โดยปราศจากการแจ้งขอพระราชทานพระราชานุญาตเข้าเฝ้า ปราศจากการขานเสด็จ หรือกระทั่งสัญญาณเคาะ บานพระทวารไม้สลักถูกผลักเปิดรุนแรงโดยพลัน ผู้ที่ทรงหันตามเสียงมีเพียงเจ้าชายวาเลนติน ซึ่งทรงยืนสอดหัตถ์และพระกรอยู่ตรงช่วงอุระแข็งแกร่งด้วยกล้ามพระมังสาแต่ ต้น ขณะที่อีกองค์ผู้ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ฟากตรงข้าม แทบจะมิได้ทรงขยับพระองคาพยพ เฉพาะแววพระเนตรที่ทวีความนิ่งจนกลายประหนึ่งไม่รู้สึกรู้สา แกมเย่อหยิ่งเท่านั้น บ่งบอกว่าทรงแปล ภาพ ของผู้มาเยือนได้ โดยอาศัยเพียงเสียงย่ำพระบาทเข้ามาใกล้
เห็นทหารและข้าหลวงเดินขบวนพล่านแต่เช้า ไม่คิดว่าท่านน้าจะเสด็จมาพบหม่อมฉันโดยองค์เองอีกด้วย
ถ้อยรับสั่งเรียบ เฉย เฉกเคยเป็นเสมอมา ครานี้ดุจเพิ่มความหมายต่อไปว่า...หาใช่สิ่ง เกินคาด อีกทั้งการบรรยายทั้งที่ผู้ทรงบรรยายไม่เคยเสด็จออกไปไหน ยังกำชับให้รู้...
ทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตร! แค่สดับจากสุรเสียงก็แลถนัดถึงรอยเยาะแย้มบนริมโอษฐ์องค์มาตุจฉา
เช่นนั้น...ไม่ทราบว่าทรงสังเกตเห็นที่หลบซ่อนของ กบฏ บ้างหรือไม่?
กระแสรับสั่งอ่อนหวาน ไม่ผิดน้ำตาลอาบยาพิษ เรียกให้ผู้ประทับโดยหันปฤษฎางค์ให้แต่แรก ค่อยทรงหันกลับมาได้
เชื่องช้า...เสมือนไม่เคยมีสิ่งใด น่าสนใจ จนเกินไปนัก
กบฏ? สุรเสียงถามกลับยังแผ่วเบาราวไม่แน่พระทัย กระทั่งนัยน์พระเนตรก็เจือรอย ไม่รู้ไม่ชี้ ได้แนบเนียนนัก
หากถึงอย่างไร...ในเมื่อไก่เห็นนมงูเสียแล้ว เปลวอัคคีแห่งการถูก ลูบคม ยาว นาน ก็แลบเลียให้ผู้ถูกถามบิดริมโอษฐ์ ชนิดจะเห็นเป็นรอยสรวลก็ได้ รอยเหี้ยมเกรียมก็ได้อีกเช่นกัน แม้นวรร่างสูงโปร่งในภูษาคลุมองค์ยาวระพื้น สีดำปักดิ้นทองและมณีแดงระยับ ซึ่งไม่เคยละจากความผยองสง่า เพลานี้ก็ดูราวทรงกำลังยืนจังก้า เอาเรื่อง
กองแพทย์ร่วมกันวินิจฉัยพระอาการที่เรื้อรังตลอดมา พบข้อสงสัยที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า ที่แท้...หมอหลวงส่วนพระองค์เจือโอสถพิษ หมายปลงพระชนม์!
ลักษณาการเฉยชาของผู้ฟัง เป็นอย่างสดับ นิยาย ที่ไม่น่าติดตาม...เพราะเดาออกอยู่แล้วครึ่งค่อนเรื่อง
ท่านหมอรับใช้ราชสำนักมาตั้งแต่รัชกาลก่อน เป็นชาวมาลโม่ที่นับว่ายอมสละความสุขเพื่อถวายความจงรักภักดียิ่งกว่าชาวมาลโม่ทั้งมวล... สุรเสียงตอบกลับนิ่งสงบ สาธยายอย่างเข้าพระทัยความเป็นไปในชนชาตินั้น...
แก่นแท้ของมาลโม่ คือสันโดษ และอิสรภาพ เกินจะผูกมัดตนกับคนอื่นใด
ทรงสรุปด้วยนัยน์พระเนตรแน่วนิ่ง
เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง!
อย่างรอคอยอยู่ก่อนแล้ว ผู้เสด็จมาเยือนชนิดมิได้รับเชิญ ทอดประกายวะวิบวามในพระจักษุ
อาจเป็นเช่นนั้น...เป็นไปได้ว่าท่านหมอจะได้รับอามิสสินจ้าง ถูกบีบบังคับ หรือแม้แต่...ถูกใส่ความ!
ถ้อยลงท้ายเน้นหนักปราศจากรอยพรั่น อันที่จริง...เต็มไปด้วยสำเนียงท้าทาย
คนอย่างท่านหมอไม่น่ามีศัตรูที่ไหน คู่สนทนามิได้เพิ่มความรู้สึกในเนื้อสุรเสียง การทอดจ้องยังสงบ หากคือความสงบอันชวนให้ผู้ถูกจ้องโดยไม่มีกำลังจิตกล้าแข็งพอ สามารถหลุดตะกุกตะกักได้ง่ายๆ
คนอย่างท่านหมอไม่มี แต่ใช่ว่าคนมาลโม่จะไม่มี!
เพียงน้อยหนึ่ง...เนตรสีนิลของผู้สดับวาบประกายลึกล้ำ เพ่งพิศ
เหอะ...เป็นอีกคราที่พระมาตุจฉาทรงสามารถเลี้ยวลด และโยนบ่วงบาปไปได้อีกทอด!
ที่สำคัญ...เป็นการโยนบ่วงโดยตั้งพระทัยใช้ถ้อยแห่งองค์เองเป็นหลักฐานนั่นเทียว!
มาลโม่...ชื่ออันถูกจารในประวัติการก่อสร้างชาติอะแลมเบิร์ก
มาตรว่ารักสันโดษและอิสระ ชนเผ่าอันถูกขนานนาม นักรบแห่งราวไพร ยังมีน้ำใจช่วยเหลือผู้พ่ายจากการปราบกบฏในราชบัลลังก์บูเลทินตั้งแต่สมัยบรรพกษัตริย์
มาลโม่ไม่รู้ว่ากลุ่มผู้มาเยือนเป็นใคร มีความสำคัญเช่นไร หากยังให้ที่หลบซ่อน ให้ที่กิน ให้ที่นอน จวบคนกลุ่มนั้นสามารถรวบรวมกำลัง สร้างชาติใหม่หลังเทือกเขาอันห่างไกลจากมาตุภูมิได้สำเร็จ
ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์อะแลมเบิร์กจึงให้สัตย์สัญญา มาลโม่ทุกผู้คือมหามิตร
กระนั้น มิตรมิได้ปรารถนารางวัลใดมากไปกว่า ความสงบ และอิสรภาพดังเดิม
มาลโม่จึงร่นถอยกลับสู่พงลึก ชายแดนอันเป็นตะเข็บระหว่างบูเลทินและอะแลมเบิร์ก นานทีจึงจะส่งข่าวขอความช่วยเหลือ...ซึ่งไม่มีครั้งไหนไม่ได้รับการสนอง
สายใยระหว่างเชื้อชาติและชนเผ่า แนบแน่นเสมอมา
ทว่า...ด้วยถ้อยแห่งพระมาตุจฉาย่อมแปลได้...
มิตรของเรา...ฤามิใช่ศัตรูของเขา!
ทรงหมายขยี้ ดินก้อนสำคัญ ด้วยวิธีการนี้!
ยังไม่มีการตอบโต้จากผู้ถูก พาดพิง เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกตรงปากทวารที่ยังเปิดอ้า
เจ้าหญิงวีเลมิน่าเพคะ...
เข้ามาได้! ผู้มาเยือนกระทำเสมือนเป็นเจ้าของห้อง
นางข้าหลวงรูปร่างใหญ่โตเกินสตรี ทว่าประเปรียว ก้าวคล่องแคล่วมาลดกายถวายบังคมทุกพระองค์ ก่อนถวายรายงานแด่เจ้านายสายตรง
กบฏลอบหนีพ้นจากเขตราชวังแล้วเพคะ ขณะนี้ทหารกำลังขยายกำลังออกตามล่าภายนอก!
ดี! อย่าให้มันหนีไปได้! เจ้าของบัญชาทรงหันมายังพระภาคิไนย
หม่อมฉันจะถวายแพทย์หลวงคนใหม่และการรักษาวิธีใหม่ พระองค์จะต้องทรงหายในเร็ววันเพื่อร่วมสืบหา และตัดสินคดีกบฏครั้งนี้!
พระนัยเนตรคมปลาบตวัดยังเจ้าชายวาเลนติน มุมโอษฐ์ยกแต่น้อย
หวังว่าจะทรงช่วยถวายการดูแลองค์ยุพราช ให้ผ่าน วิกฤตใหญ่ ครั้งนี้ไปจนได้
หม่อมฉันไม่อาจทำให้พระราชินีเอเดรียน่าผิดหวัง ผู้ตอบ ทรงค้อมเศียรแต่น้อยแทนการ กล่าวลา ไปในตัว
และ...ดังพระนามนั้นยังให้วงพักตร์อันมักเฉียบเย็น ซ่อนเร้น กลับ ตึง ขึ้นได้โดยอัตโนมัติ เจ้าหญิงวีเลมิน่าทรงสะบัดกลับ เป็นวินาทีเดียวกับที่เสียงขู่ ฟ่อ! ดังขึ้นจากร่างยาว เกล็ดทองเป็นเงามัน ซึ่งเคลื่อนมาขดอยู่ในมุมไม่ห่างตั้งแต่เมื่อไหร่มิรู้ได้
ต่อให้นางข้าร่างใหญ่ที่ลุกขึ้นค้อม เตรียมก้าวตามนาย ยังถึงกับผงะไปครึ่งก้าว
อย่างไรก็ดี องค์ผู้สำเร็จราชการมิได้แม้แต่ตะลึงขึง
เนตรคม ดุยิ่ง เบิกจ้องอสรพิษ โทสะจริตดุจจะพุ่งเป็นเปลวเพลิง แผดผลาญร่างเบื้องพักตร์ให้ป่นเป็นเถ้าภัสมธุลี
วินาทีที่พระบาทขยับ ร่างยาวที่ขดอยู่ ถึงกับเป็นฝ่ายเลื้อยหลีกลับสู่มุมอับโดยพลัน ราวเกรงว่าเจ้าของสายพระเนตรนั้น จักทรงย่างวรองค์มาสู่อย่างหมายด้วยชีวิต
จวบกระทั่งลับพระปฤษฎางค์และหับบานทวารลง องค์ยุพราชจึงทรงก้มวรกาย ยื่นหัตถ์แบแตะพื้น เป็นสัญญาณเรียกคืนสัตว์เลี้ยงคู่พระทัย
มันค่อยเคลื่อนในจังหวะคลับคล้ายคลื่น ไต่พันจากข้อพระหัตถ์ ถึงพระกร ก่อนหยุดลงแค่พระกโบระ
ชั่วขณะ ผู้ถวายการดูแลทอดพระเนตรนิ่ง พักตร์เฉยเฉกไร้พระอารมณ์ อันละม้ายแบบพิมพ์สู่เจ้าชายหนุ่มเบื้องพักตร์ ยังให้ไม่ชวนสังเกตได้ง่ายในห้วงพระดำริ
กระไรก็ดี คงจะมีเพียงอสรพิษหนึ่งเดียวในห้อง ที่ทันได้เห็น...
พระเนตรสีเหล็กกล้า เป็นประกายวาววับขึ้นแต่น้อยด้วยรอย...
...พึงพระทัย...
. . . . . . . . . . . ปราปต์ 2/5/12
.
จากคุณ |
:
งี่เง่าบอย
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ค. 55 08:24:50
|
|
|
|