Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 98 ติดต่อทีมงาน

อาหารที่ฟ่านไป่หนิงทำวันนี้ กระทั่งสือหย่งหลุนยังเผลอกระเถิบหนี

เฉิงยู่กงรีบหันไปคว้าตระกร้าอาหารที่สำนักเพลิงหาญจัดให้มากอดไว้แน่น โวยวายว่า “นี่เป็นอาหารเช้าของข้านา คนแก่อดอาหารประเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งจะยุ่ง”

ดรุณีน้อยอารมณ์เสียจนเผลอขึงตาใส่คนเรื่องมาก จังหวะนั้นเองสือหย่งหลุนก็สังเกตเห็นสองมือนางเข้า จึงประคองขึ้นมาดูแล้วอุทานว่า

“ไฉนฝ่ามือเจ้าบวมแดงเช่นนี้ ไปทำอันใดมา”

นางรีบดึงมือมาซุกไว้ด้านหลัง เอ่ยเสียงอ่อย “ก็แค่ฝึกวิชาเพลินไปหน่อย อย่าได้กังวลนักเลย”

เด็กหนุ่มถอนหายใจ ภายในถ้ำแห่งนี้ล้วนมีซอกเล็กซอกน้อยอยู่ประปราย มันจึงจัดที่หนึ่งไว้แทนห้องนอนของนาง ส่วนตนเองอยู่รวมกับอาจารย์ปู่ยังโถงใหญ่ตรงกลางถ้ำ ถึงไม่ทันสังเกตว่านางพยายามหัดดีดก้อนหินตลอดทั้งคืน

“ข้ารู้ว่าช่วงนี้เจ้าร้อนใจที่ฝึกวิชาไม่ก้าวหน้า แต่หักโหมเหินไปก็ใช่ว่าจะดี” สือหย่งหลุนเอ่ยขึงขัง หากพอเห็นท่าทางเงื่องหงอยของนางเข้าก็ทอดน้ำเสียงอ่อนลง “เจ้าพักก่อนเถอะ ข้าจะทำข้าวเช้าแทนให้เอง”

“แต่วัตถุดิบมันหมดพอดี” ยิ่งพูดนางก็ยิ่งมีสีหน้าสำนึกผิด เฉิงยู่งกงรี ๆ รอ ๆ แต่แล้วก็ตัดใจกล่าวว่า

“เอาเถอะ ๆ นำอาหารในตระกร้าไปแบ่งกันก่อนก็แล้วกัน”

“อาจารย์ปู่ทานอาหารไปเถิดขอรับ ประเดี๋ยวข้าจะลงไปเก็บผลไม้มาเพิ่มแล้วค่อยลงเขาไปซื้อของทีหลัง”

เมื่อตกลงกันได้ตามนี้เด็กหนุ่มจึงรีบผละไปยังช่องด้านหลังถ้ำ หลายสิบวันมานี้มันปีนขึ้นลงเหวจนช่ำชอง พอดรุณีน้อยเดินตามมาจึงเห็นมันผลุบหายจากริมผาไปเสียแล้ว ส่วนนางก็ทรุดตัวลงข้างช่องที่มุดลอดมา หยิบยาทามือที่บวมพองด้วยท่าทางซังกะตาย เฉิงยู่กงผู้ออกมาเป็นคนสุดท้ายจัดการนั่งกินอาหารทางอีกฟากของทางเข้า พลางทักว่า

“นังหนู จะรีบร้อนฝึกวิชาไปไยกัน”

“ก็ข้าไม่ค่อยก้าวหน้าเลย เทียบกับพี่หย่งหลุนไม่ติดด้วยซ้ำ”

“ฮ่า ๆ ถือเสียว่าเจ้าแข่งด้วยผิดคนเถอะ มันอาจเป็นตัวโง่งมในบางเรื่อง แต่กลับเรียนรู้ด้านวิทยายุทธ์ได้ไวเหลือเชื่อ อีกอย่างที่เจ้าฝึกคือวิชาของข้าซึ่งมีการเดินลมปราณคนละแบบกับอาจารย์เจ้า ก็เสมือนต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ข้าเห็นว่าเจ้านั้นจับเคล็ดได้แล้ว เหลือแค่หมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ ทว่าก็มิใช่หักโหมจนเกินควร”

ฟ่านไป่หนิงฟังแล้วก็เอาแต่ซุกหน้ากับสองเข่าที่ชันขึ้นไม่พูดไม่จา ด้านชายชรานั้นมิได้มีนิสัยละเอียดอ่อนอันใด จึงหมดปัญญาจะปลอบใจนาง หันไปนั่งพุ้ยข้าวตามลำพัง ไม่นานสือหย่งหลุนก็กลับขึ้นมาพร้อมผลไม้ห่อใหญ่ มันนำไปวางหน้าดรุณีน้อยพลางสะกิดให้นางลุกมาทานอาหาร หากแล้วก็พลันร้องลั่น

“ไป่หนิง เจ้าร้องไห้ทำไมกัน” กล่าวจบรีบส่งสายตากังขาไปยังคนที่เหลือทันที

เฉิงยู่กงตาเหลือก ส่ายตะเกียบไปมาพัลวัน “เฮ่ย ข้าไม่ได้แกล้งนางเลยนา”

“พี่หย่งหลุน” ฟ่านไป่หนิงรีบเอ่ย “จอมยุทธ์เฉิงมิได้ทำอันใดหรอก เพียงแต่ข้าเผอิญมองเห็นเกาะหนึ่งน้ำตาเข้าจึงนึกเรื่องต้นสามใบไร้รากขึ้นมาได้ แล้วย้อนระลึกต่อเนื่องไปถึงอาจารย์ น้ำตาเลยพาลไหลออกมา”

สือหย่งหลุนผินหน้ามองตามทิศที่นางชี้ เช้าวันนี้อากาศสดใสไร้เมฆหมอกจนสามารถสังเกตทิวทัศน์รอบด้านกระจ่างชัด ภาพเกาะหนึ่งน้ำตากลางทะเลสาบน้ำมรกตซึ่งปกติมิใคร่ได้เห็นจากตรงนี้จึงเผยตัวตนขึ้น

ความทรงจำถึงซินแสเทวะทำให้ทั้งสามนิ่งเงียบไปพักใหญ่

“ข้าจำได้เลา ๆ” เฉิงยู่กงทราบเรื่องต้นสามใบไร้รากจากที่สองหนุ่มสาวเคยเล่าให้ฟัง จึงเอ่ยว่า “ช่วงก่อนที่ข้าจะเก็บตัวเจ้าเฒ่าสุยก็มาเยี่ยมเยียน ระหว่างนั้นมันได้แวะไปเกาะหนึ่งน้ำตาด้วย ขากลับก็นำของติดมือจากที่นั่นมาอวดข้า”

“เป็นต้นสามใบไร้รากหรือเจ้าคะ” ฟ่านไป่หนิงทราบดีว่าความสนใจของอาจารย์มักเกี่ยวข้องกับเรื่องการแพทย์เป็นหลัก จึงนึกเดาเช่นนั้น แต่อีกฝ่ายกลับว่า

“มิใช่ เป็นไส้เดือนตัวหนึ่ง มันเรียกขานว่าไส้เดือนหลอมฟ้า”

สือหย่งหลุนขมวดคิ้ว กับอีแค่ไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ไฉนถึงตั้งชื่อเสียเลิศหรูเต็มประดา ทว่าพอปรายตาเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของดรุณีน้อยเข้า ก็รู้ว่าคงมิใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว เมื่อไถ่ถามออกไปนางจึงเล่าว่า

“ไส้เดือนหลอมฟ้าเป็นสัตว์วิเศษ ว่ากันว่ามันสามารถกักคุณสมบัติของสมุนไพรบางอย่างซึ่งขึ้นบนดินที่มันอาศัยอยู่ไว้ในตัวได้ เช่นกรณีนี้ บนเกาะมีสมุนไพรชนิดเดียวคือต้นสามใบไร้ราก ดังนั้นถ้าเก็บไส้เดือนหลอมฟ้าจากเกาะกลับมาเลี้ยงในดินชนิดเดิมซึ่งราดด้วยตัวยาบางอย่างเพิ่มเข้าไป รอสักระยะนำพวกมันไปบดก็จะได้ตัวยาจากต้นสามใบไร้รากชนิดเข้มข้น ทั้งปราศจากผลข้างเคียงของยาด้วย นับเป็นวิธีสกัดตัวยาที่ยอดเยี่ยมทีเดียว เพียงแต่การมีอยู่ของไส้เดือนพวกนี้มันออกจะ...”

นางอ้ำอึ้ง แต่เมื่อถูกเด็กหนุ่มคะยั้นคะยอมากเข้า จึงยอมเฉลยว่า

“ไส้เดือนหลอมฟ้าอาศัยได้แต่ในดินที่เคยมีการปนเปื้อนซากเน่าเปื่อยของมนุษย์จำนวนมากเท่านั้น”

สือหย่งหลุนผงะ “หมายความว่าดินปนเกาะหนึ่งน้ำตามีคุณสมบัติเช่นนั้น เป็นไปได้อย่างไร”

“พวกเจ้านี่ไม่รู้อะไรเลย” เฉิงยู่งกงสอดปากขึ้นอย่างอดไม่อยู่ คาดว่ามันน่าจะทราบรายละเอียดเหล่านี้จากซินแสเทวะมาก่อนแล้ว จึงมิได้แสดงท่าแปลกใจนัก “รึไม่เคยได้ยินตำนานของเกาะหนึ่งน้ำตามาก่อน”

“หมายถึงตำนานรักอันไม่สมหวังของลูกชายคหบดีกับสาวชาวบ้านนั่นหรือขอรับ” สือหย่งหลุนคุ้นชินตำนานดังกล่าวดี มิหนำซ้ำยังเคยเล่าให้ฟ่านไป่หนิงฟังตอนสมัยที่พวกมันเตรียมการบุกเกาะหนึ่งน้ำตาในอดีต ทว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับไส้เดือนหลอมฟ้าได้อย่างไรเด็กหนุ่มก็นึกไม่ออก

“เฮ่อ ไม่ใช่เรื่องนี้ ตำนานของกบฏสมัยหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ (1) ต่างหากเล่า”
แต่เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของผู้ฟัง ชายชราก็ชะงักไปเหมือนนึกขึ้นได้

“จริงซิ เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนนี่นะ เอาล่ะ...ข้าจะเริ่มเล่าจากต้นเหตุก่อนแล้วกัน” มันกำหมัดปิดปากทำท่ากระแอมเรียกความสนใจ “ในรัชศกหงหวู่ (ชื่อเรียกยุคที่หมิงไท่จู่ครองราชย์) ทรงสั่งประหารขุนนางซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์มากมาย หากนับรวมบรรดาญาติพี่น้องของขุนนางไปด้วยก็กว่าห้าหมื่นคนเลยทีเดียว ในคนเหล่านี้มีบางครอบครัวอพยพหนีตายมาซ่อนตัวยังเกาะหนึ่งน้ำตา ทว่าก็มิอาจรอดพ้นน้ำมือทางการ มิหนำซ้ำยามนั้นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ทรงพิโรธถึงขีดสุด รับสั่งให้จัดการทันทีโดยไม่ต้องนำตัวไปลานประหาร ร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่เด็กยันแก่จึงกองพะเนินเป็นภูเขาซากศพอยู่บนเกาะ ชาวบ้านต่างอกสั่นขวัญหายกระทั่งจะเข้าไปฝังศพยังมิกล้า ได้แต่ปล่อยตามยถากรรมเช่นนั้นเอง”

สือหย่งหลุนขนลุกซู่ “ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”

“เจ้ามิได้อยู่ในเหตุการณ์ย่อมนึกภาพช่วงเวลานั้นไม่ออก ชีวิตตกตายโดยไร้ความผิด แต่พระราชอำนาจยิ่งใหญ่เทียมฟ้าหรือมีใครกล้าลบหลู่ จึงพากันปิดปากเงียบหวังให้กาลเวลากลบฝังเรื่องราวสิ้น ซึ่งทุกอย่างก็ดูเป็นไปด้วยดี ถ้าหากไม่เกิด...”

“เกิดอันใดหรือจอมยุทธ์เฉิง” ดรุณีน้อยถูกกระตุ้นความอยากรู้จนต้องออกปากถาม ฟากเฉิงยู่กงเห็นดังนั้นก็ยิ่งแสร้งทำท่าอิดออดมิยอมเอ่ย กระทั่งกลั่นแกล้งจนพอใจค่อยกล่าวต่อ

“เวลาอยู่บนเกาะในตอนกลางคืน มักมีผู้ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังกรีดร้องเข้าน่ะซิ เรื่องที่ควรเงียบสงบจึงกลายเป็นข่าวลือปากต่อปากว่าผีที่ตายเรียกร้องความเป็นธรรม กระทั่งเจ้าเมืองในสมัยนั้นกลัวว่าหากข่าวรู้ไปถึงราชสำนักอาจถูกปลดฐานดูแลไม่ดี หากข่าวลือประเภทนี้ก็สุดจะยับยั้งไว้ได้ เลยใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง สร้างข่าวลือเรื่องรักรันทดว่าเป็นต้นเหตุของเสียงกรีดร้องขึ้นมา จนในที่สุดข่าวลือของผีกบฏก็จางหายไป เหลือแต่เรื่องรักรันทดคงอยู่ถึงปัจจุบัน”

สองหนุ่มสาวมองหน้ากัน อันว่าเสียงกรีดร้องยามค่ำคืนนั้นเกิดจากลมตะวันออกพัดผ่านรอยแยกของภูเขาในบริเวณนี้นั่นเอง พวกมันทราบจากบันทึกของซินแสเทวะซึ่งมอบให้ฟ่านไป่หนิงไว้ตอนนางเดินทางมาเมืองนี้ครั้งแรก จนสามารถนำไปใช้ช่วยในการบุกเกาะหนึ่งน้ำตาเมื่อคราวก่อน ทว่าที่เกาะหนึ่งน้ำตาคือสุสานของกว่าร้อยชีวิต พวกมันกลับเพิ่งเคยได้ยินในครั้งนี้

ฟ่านไป่หนิงนั่งเหม่อลอยครุ่นคิด เรื่องเล่าจากปากเฉิงยู่กงช่วยดึงความสนใจนางจากอาการปวดที่มือ รู้ตัวอีกทียาซึ่งทาไว้ก็ออกฤทธิ์จนมือแทบหายสนิทแล้ว ระหว่างนั้นนางก็โพล่งถามขึ้นว่า

“จอมยุทธ์เฉิง ตอนอาจารย์นำไส้เดือนหลอมฟ้ากลับมา บนร่างอาจารย์มีบาดแผลบ้างหรือไม่”

“เจ้าพูดมาค่อยนึกขึ้นได้ ตอนนั้นเจ้าเฒ่าสุยโดนกิ่งไม้เกี่ยวแขนจนเป็นแผลเบ้อเร่อเชียว เจ้ารู้ได้อย่างไร”

ดรุณีน้อยมิได้ตอบคำถามนั้น กลับคว้าผลไม้มาสองสามลูกก่อนพึมพำขอตัวพักผ่อนตามลำพัง จนช่วงสายนางจึงเอ่ยชวนสือหย่งหลุนไปซื้อของทดแทนวัตถุดิบที่ใช้จนหมดแล้ว ทว่าฟ่านไป่หนิงมิได้ลงเขาตามที่บอกไว้ นางกลับนำเด็กหนุ่มมุ่งตรงสู่เกาะหนึ่งน้ำตาเสียแทน

ช่วงเวลานี้ห่างจากตอนที่นางเดินทางมาถึงเมืองน้ำมรกตเมื่อคราวก่อนราวสิบเดือน ทว่านอกจากบรรยากาศร่มรื่นของช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้วหลายอย่างก็มิได้แตกต่างกันมาก ด้านสะพานที่คนของเจ้าเมืองเคยทำเอาไว้ถูกพวกมันทำลายไปตั้งแต่ตอนบุกเกาะ จนป่านนี้ยังไม่มีใครคิดสร้างใหม่ ดรุณีน้อยจึงขอยืมเรือชาวประมงแถวนั้นข้ามทะเลสาบไปเสียแทน

พื้นที่บนเกาะเป็นป่าโปร่ง มีไม้ใหญ่กระจายตัวเป็นระยะแทรกด้วยพุ่มไม้ในส่วนที่แสงแดดไม่ถูกบดบัง บางครั้งอาจเห็นกระต่ายออกหากินอย่างไม่เกรงกลัวคนแปลกหน้า กบเขียดกระโดดไปมาบนผืนดินชอุ่ม มิหลงเหลือคราบไคลเหตุการณ์สยองจากอดีตไกลโพ้นแม้เศษเสี้ยว ทว่าร่องรอยค่ายพักทหารที่มาเก็บต้นสามใบไร้รากเมื่อปีที่แล้วยังพอเห็นได้อยู่ ช่วยนำทางฟ่านไป่หนิงผู้อาศัยเพียงความทรงจำเรือนลาง บรรลุถึงที่หมายซึ่งดั้นด้นมา

สือหย่งหลุนสังเกตกิริยาสหายก็ทราบว่ายามนี้แม้สอบถามอย่างไรนางก็คงไม่เฉลย จึงเพียงเฝ้ามองดรุณีน้อยเปิดจุกหนึ่งในขวดสุราซึ่งถือติดมือมาสามใบ ราดของเหลวในนั้นลงสู่ดิน น้ำใสไร้สีคล้ายสุราแต่กลิ่นฉุนเฉียวที่กระทบจมูกบอกเด็กหนุ่มว่านั่นมิใช่เมรัยแน่ ๆ ดรุณีน้อยคงใช้ขวดสุราใส่มันมาเท่านั้น หากของเหลวนั่นคืออะไรสือหย่งหลุนก็สุดปัญญาจะตอบ

ทันทีที่น้ำใสกระทบพื้นก็กลายเป็นฟองขาวฟู่พอง ไป่หนิงกับคุกเข่าพินิจการเปลี่ยนแปลงใกล้ชิด ส่วนเด็กหนุ่มยิ่งเลิกคิ้วสงสัยพลางหลุดปากว่า

“นี่มันอะไรกัน ฟองนั่นเกิดเพราะเหตุใดหรือ”

“ฟองเกิดขึ้นเพราะดินเหล่านี้ปนเปื้อนเลือดมนุษย์อย่างไรเล่า”

“หา? เจ้าหมายความว่าซากศพของกบฏที่อาจารย์ปู่เอ่ยถึงถูกกองเอาไว้ตรงนี้หรือ”

“มิใช่ น้ำยาที่ข้าปรุงขึ้นนี้จะเกิดฟองเฉพาะตอนสัมผัสกับคราบเลือดเท่านั้น ทั้งต้องเป็นคราบเลือดซึ่งอายุยังไม่เกินหนึ่งปีด้วย” แล้วก่อนที่สือหย่งหลุนจะถามต่อ นางก็ยื่นอีกขวดส่งให้พร้อมไว้วานว่า “พี่ช่วยไปที่แถวต้นไม้ตรงนั้น เทน้ำยานี่ใส่พื้นแล้วดูผลให้หน่อยเถอะ”

ต้นไม้ที่นางชี้ก็คือต้นเฟิง (เมเปิ้ล) ซึ่งห่างไปประมาณสามจ้าง (1 จ้าง = 2-2.5 เมตร) ระหว่างต้นไม้กับมันเป็นลานโล่งกว้างจึงแลเห็นได้ถนัด สือหย่งหลุนรับของมาแล้วกระโดดพรวคเดียวถึงใต้ต้นเฟิง เทของเหลวในขวดจนหมดก่อนกลับมารายงานนางว่า

“ตรงนั้นก็ปรากฏฟองขึ้นมาเช่นกัน”

ดรุณีน้อยพยักหน้ารับ โยนขวดสุดท้ายไปกลางลานกว้างเบื้องหน้า น้ำยาเมื่อสัมผัสพื้นก็ให้ผลแบบเดียวกัน ทำเอาสือหย่งหลุนต้องกวาดตามองซ้ายขวาด้วยความกังขา

“อย่าบอกนะว่าทั้งลานนี่ล้วนปนเปื้อนเลือดมนุษย์ มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”

ฟ่านไป่หนิงเหยียดกายสูง “พี่จำที่นี่ไม่ได้จริง ๆ หรือ”

มันฟังแล้วก็พินิจรอบด้านด้วยความถี่ถ้วนมากขึ้น จนสังเกตเห็นซากเพิงไม้หักพังอยู่ไม่ไกลนัก ภาพจากอดีตอันพร่ามัวก็กระจ่างชัดในพริบตา

“ในคืนที่พวกเราบุกขึ้นเกาะมาขโมยต้นสามใบไร้ราก ตอนนั้นเจ้าพาข้าแอบตามอาจารย์สามจางเค่อมาเพื่อจะเอาเข็มเบญจกาฬคืน จนมาพบว่ามันกำลังรอหมอเหวิน...ไม่ซิตอนนี้ต้องเรียกว่าเศรษฐีไร้ยางอาย ที่เพิงนั่น” เด็กหนุ่มดึงสายตากลับมาสำรวจไปทั่ว “และตรงที่เรายืนอยู่นี่ก็คือกระโจมของเศรษฐีไร้ยางอายในตอนนั้นเอง”

++++++++++
(1) หมิงไท่จูฮ่องเต้มีพระนามเดิมว่าจูหยวนจาง เป็นฮ่องเต้พระองค์แรกของราชวงค์หมิง ส่วนเนื้อเรื่องในนิยายเกิดสมัยหมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้ซึ่งเป็นลำดับแปด

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:09:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com