เป็นไง เดินป่าสนุกมั้ย นายหญิงของบริษัทเอ่ยถาม ฤทธิ์ซึ่งเดินตามหลังนายองอาจรีบตอบ
สนุกครับ เราเจอต้นไม้แปลกๆตั้งหลายอย่าง แถมยังได้เจอเรื่องตื่นเต้นอีกด้วย
ทุกคนหันไปมองเด็กหนุ่มปากไวเป็นตาเดียว นิลเนตรแอบหยิกเขาเป็นเชิงตำหนิแต่ดูเหมือนคุณนวลศรีจะไม่ทันเห็นเพราะเธอเลิกคิ้วสูงพร้อมกับหันไปถามนายองอาจ
ไปเจออะไรมาเหรอคะ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม
นายองอาจหันไปส่งสายตาดุใส่ฤทธิ์ก่อนจะหันหน้ากลับไปที่ภรรยาและตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรืองปรกติธรรมดา
ก็ไม่มีอะไร แค่คุณพิมมาดาเดินออกนอกเส้นทางไปนิดหน่อยเท่านั้น
พูดง่ายๆก็คือเดินออกนอกกลุ่มจนหลงเข้าไปในป่าน่ะแหละค่ะ นงนภัสพูดแทรกขึ้นมาและสะบัดหน้าหนีสายตาตำหนิของนายองอาจทันที คุณนายนวลศรีทำตาโต
หลงป่า ตายจริง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้คะหนูพิม แล้วนี่ได้รับบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้างหรือเปล่า
ไม่เพียงแค่พูดแต่คุณนวลศรียังเดินมาสำรวจพิมมาดาจนทั่วทั้งตัว หญิงสาวรีบส่ายหน้าพร้อมกับตอบเสียงนุ่ม
หนูแค่เข้าไปช่วยเม่นแต่หาทางออกไม่เจอเท่านั้นแหละค่ะเธอคว้ามือของนายหญิงที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหาบาดแผลบนตัวและบีบเบาๆหนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณนวล
แน่ใจนะ อีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วงจนนงนภัสแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ พิมมาดายิ้มอย่างอ่อนโยนตามนิสัย
ค่ะเธอเลื่อนสายตาไปยังโฟมกล่องใหญ่ที่วางไว้หน้าเต้นท์ได้ยินคุณองอาจบอกว่าคุณนวลได้กุ้งกับปลาสด
จ้ะ พอดีมีคนเอามาขายน่ะ เห็นว่าได้มาจากอ่างเก็บน้ำแต่ฉันจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ตอนแรกก็ว่าจะไปให้ทางร้านอาหารทำให้แต่เจ้าหน้าที่บอกว่ามีอุปกรณ์สำหรับปิ้งย่างเลยว่าจะทำกินกันเอง
เดี๋ยวหนูจะติดเตาให้ พิมมาดาพูด นิลเนตรซึ่งเดินไปเปิดกล่องโฟมหันมายิ้ม
งั้นฉันขอเป็นคนปิ้ง
ส่วนผมจะเป็นคนรอกินฤทธิ์เสริมทันควัน เพื่อนพนักงานทุกคนจึงพร้อมใจกันเขกกำปั้นลงบนหัวเขาไม่แรงนัก
ยังมีหน้ามาพูดอีก ตะกละจริงๆเลย
เสียงพนักงานหญิงคนหนึ่งพูดไม่ดังนัก ฤทธิ์ยกมือขึ้นคลำหัวป้อยพร้อมกับบ่น
ก็แหม ถ้ามีแต่คนทำไม่มีคนกินของมันก็เสียหมดสิครับ
ทุกคนเงื้อมะเหงกขึ้นอีกครั้ง ฤทธิ์เด้งพรวดออกไปยืนจนไกล นายองอาจซึ่งกำลังยืนยิ้มด้วยความขบขันจึงยกมือขึ้นปราม
เอาล่ะพอกันได้แล้ว ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ใครจะอยู่ช่วยคุณพิมก็ตามใจ ตอนค่ำค่อยมากินเลี้ยงกัน
พวกพนักงานต่างแยกกันไปเข้าห้องอาบน้ำชำระล้างดินโคลนจากการเดินทางไกล ส่วนพิมมาดายกโฟมทั้งกล่องไปตั้งหน้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดกุ้งปลาจากนั้นจึงนำน้ำแข็งซึ่งฤทธิ์วิ่งไปขอซื้อมาจากร้านค้ามาโรยทับและปิดฝากล่อง หลังจากนำไปวางไว้ที่เต้นท์ของบริษัทแล้วเธอจึงคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำอาบท่าจนสดชื่น แต่แทนที่จะนอนพักผ่อน หญิงสาวกลับเดินไปยังที่ทำการอุทยานเพื่อสอบถามชื่อลุงเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือเธอ หลังจากบอกรายละเอียดรูปร่างหน้าตาให้กับคนที่อยู่ในที่ทำการแล้วเขาก็หัวเราะ
อ๋อ คงเป็นลุงแคล้ว
แน่ใจเหรอคะ พิมมาดาย้ำเพื่อความมั่นใจ อีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับชี้ไปที่ผังรูปพร้อมรายชื่อเจ้าหน้าที่ของอุทยาน
คนที่เกษียณอายุแล้วแต่ยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่มีแค่ลุงแคล้วคนเดียวเท่านั้นแหละครับ ครอบครัวของแกดูแลเขาใหญ่มาตั้งแต่รุ่นปู่ทวด ตระกูลของแกเป็นพรานป่าที่เก่งที่สุดในแถบนี้
แล้วจะเจอแกได้ที่ไหนคะพิมมาดาถามและอธิบายเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่มองมาด้วยสายตาแสดงความสงสัยคือดิฉันอยากจะมอบอะไรเล็กน้อยให้กับแกและกล่าวคำขอบคุณอีกครั้งน่ะค่ะ
ลุงแคล้วไม่เคยรับของจากใครหรอกครับ เจ้าหน้าที่อีกคนพูดแทรกขึ้น เขาหันไปเก็บเอกสารลงลิ้นชักก่อนจะหมุนกลับมาพูดต่อแต่ถ้าแค่คำขอบคุณก็คงจะพอคุยกันได้
ทำไมล่ะคะ
แกถือว่าเป็นหน้าที่น่ะครับ แค่คุณไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและสัตว์ป่าแล้วแกยินดีให้ความช่วยเหลือเสมอเจ้าหน้าที่คนแรกตอบพลางใช้ปากกาชี้ไปยังอีกด้านหนึ่งของที่ทำการหน่วย ลุงแคล้วแกอยู่กับครอบครัวในบ้านพักเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าจะไปหาตอนนี้คงยังไม่เจอ
เขาพูดพลางหันหน้ามาทางพิมมาดา หญิงสาวผงกศีรษะ
งั้นดิฉันควรไปหาแกกี่โมงดีคะ
ซักสองทุ่ม แกจะกลับมากินข้าวและนอนพักสองสามชั่วโมงก่อนออกตรวจตราบริเวณรอบผากล้วยไม้นี่อีกครั้ง เอาเป็นว่าคุณมาหาแกซักสองทุ่มครึ่งจะดีที่สุด
เจ้าหน้าที่ตอบ พิมมาดาส่งยิ้มอย่างสุภาพให้กับเขาและก้มศีรษะลงน้อยๆพร้อมกับพูด
ขอบคุณมากค่ะ
ด้วยความยินดีครับ อีกฝ่ายตอบ เมื่อสอบถามรายละเอียดจนเป็นที่เข้าใจแล้วพิมมาดาจึงเดินกลับที่พัก ระหว่างนั้นเธอหวนนึกถึงเหตุการณ์อันแสนตื่นเต้นที่เพิ่งประสบมาอีกครั้ง ถึงจะไม่รู้ว่าภูตครามคืออะไรแต่สัมผัสที่ไล้ไปบนตัวของเธอในตอนนั้นบ่งบอกถึงเจตนาบางอย่างซึ่งหญิงสาวแน่ใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน แต่นั่นก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า แม้จะถูกรุกรานจากมนุษย์แต่ผืนป่าในเขาใหญ่ยังคงมีสิ่งเร้นลับอยู่ ถึงจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า ผีป่ามีจริง มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังค้างคาอยู่ในใจของหญิงสาวก็คือช่วงเวลา เพราะเท่าที่ได้ฟังประสบการณ์ของคนที่เคยพบหรือเรื่องเล่าปากต่อปากของคนเฒ่าคนแก่ บรรดาผีป่าทุกชนิดมักจะบุกเข้าทำร้ายมนุษย์ในยามค่ำคืนเท่านั้น
แสดงว่าภูตครามต้องเป็นผีป่าที่ร้ายกาจมาก
พิมมาดาพูดกับตัวเองขณะเดินไปยืนที่จุดชมวิว ดวงตาทอดมองผ่านขุนเขาที่สลับซับซ้อนไปไกลแสนไกลขณะที่ความคิดล่องลอยไปกับกลุ่มเมฆที่ล่องลอยไปตามสายลม หญิงสาวจมอยู่กับคำถามของตัวเองโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเฝ้ามองจากใครบางคนซึ่งเร้นกายอยู่ภายใต้กระเบากลักต้นสูงใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลทองคล้ายตาไม้จับจ้องการเคลื่อนไหวของหญิงสาวทุกอิริยาบถจนเมื่อนิลเนครเพื่อนของเธอร้องเรียก เงาเลือนลางของคนผู้นั้นจึงจางหายไป
ทำอะไรอยู่น่ะพิม
ผู้ถูกเรียกหันหน้าไปมองพร้อมรอยยิ้ม
ยืนคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ
ยืนคิดอะไรกันนักกันหนา เรามาเที่ยวไม่ได้นั่งประชุม โยนเรื่องงานทิ้งลงเหวไปซะแล้วไปสนุกกันดีกว่า
ไม่พูดเปล่านิลเนตรยังดึงแขนเพื่อนให้เดินตามไปด้วย พิมมาดาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและเตรียมจะอ้าปากถามแต่พอได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานที่ดังมาจากลานหญ้าบริเวณหน้าเต้นท์แล้วหญิงสาวจึงยอมหุบปากเงียบและเดินตามเพื่อนไปอย่างว่าง่าย
เล่นอะไรกันน่ะ พิมมาดาถามเมื่อเห็นทุกคนนั่งล้อมเป็นวงโดยมีฤทธิ์เดินวนอยู่รอบนอก นิลเนตรยิ้มกว้าง
มอญซ่อนผ้า
โตป่านนี้แล้วเล่นอะไรเป็นเด็ก ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้กันน่ะ พิมมาดาถามด้วยความสงสัยขณะมองฤทธิ์ที่ค่อยๆหย่อนผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ข้างหลังสิทธิศักดิ์จากนั้นจึงทำเป็นเดินตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อ นิลเนตรอมยิ้มพร้อมกับกระซิบตอบ
คุณองอาจ
ชื่อของคนต้นคิดทำเอาคนถามต้องอ้าปากค้างเพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้านายที่มักจะมีสีหน้าเคร่งเครียดและทำงานอย่างจริงจังอยู่เสมอจะรู้จักสรรหาวิธีเล่นสนุกแบบนี้ ถึงมันจะเป็นการเล่นที่ออกจะโบราณไปหน่อยก็เถอะ พิมมาดาอมยิ้มขณะมองสิทธิศักดิ์ที่กำลังใช้มือกวาดหาทางด้านหลัง เมื่อพบผ้าผืนนั้นเขาจึงคว้ามันและวิ่งไล่คนวางไปรอบวงแต่ฤทธิ์กลับวิ่งหนีได้ทันและกระโดดลงไปนั่งแทนที่อย่างว่องไว สิทธิศักดิ์จึงต้องรับหน้าที่เป็นคนเดินรอบวงแทน เสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานดังไม่ขาดระยะ นายองอาจหันมาเห็นหญิงสาวจึงร้องเรียก
อ้าวคุณพิมมัวยืนอยู่ทำไม มาเล่นด้วยกันเร็ว
พิมมาดาเดินไปร่วมวงตามคำเชิญ หลังจากเล่นมอญซ่อนผ้าจนเบื่อแล้วทุกคนจึงเปลี่ยนมาเล่นงูกินหางตามคำแนะนำของคุณนายนวลศรี นายองอาจซึ่งเล่นเป็นพ่องูวิ่งไล่จับพนักงานที่เล่นเป็นลูกงูอยู่ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องยอมแพ้ ทั้งเขาและภรรยาต่างขอตัวไปนั่งพักปล่อยให้ลูกน้องเล่นเกมส์ทายปัญหากันจนถึงบ่ายสามฤทธิ์และสิทธิศักดิ์จึงหอบเตาปิ้งบาบีคิวของเจ้าหน้าที่อุทยานมาตั้งที่กลางลาน กลิ่นกุ้งเผาปลาย่างหอมกรุ่นไปจนถึงที่ทำการอุทยาน เจ้าหน้าที่แวะมาดูสองสามครั้งเพื่อต้องการให้แน่ใจว่าไฟจะไม่ลุกลามเข้าไปในป่า นายองอาจจึงชวนพวกเขาร่วมวงรับประทานอาหารด้วย เวลาแห่งความสนุกผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อความมืดโรยตัวลงมาคลุมผืนป่า งานเลี้ยงจึงจบลง เมื่อดับฟืนไฟและเก็บข้าวของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วนายองอาจและพนักงานทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับเข้าไปพักผ่อนในเต้นท์เพราะต้องออกเดินทางกลับในตอนเช้า มีเพียงพิมมาดาเท่านั้นที่ยังคงนั่งมองความงดงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนเพียงลำพัง พอใกล้จะได้ถึงเวลาสองทุ่มเธอจึงเริ่มเดินตรงไปยังบ้านพักเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ห่างจากจุดตั้งเต้นท์พอสมควร
เนื่องจากเป็นคืนวันเพ็ญ แสงสีนวลของดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังผืนป่าช่วยให้พิมมาดาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ยากนัก หญิงสาวเดินเรื่อยไปจนกระทั่งถึงบ้านของเจ้าหน้าที่อุทยาน ประตูหน้าต่างที่ถูกปิดกับความเงียบสงัดแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเข้านอนกันจนหมดแล้ว หลังจากยืนรีรออยู่สองสามนาทีหญิงสาวจึงตัดสินใจหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับ แต่แสงไฟสีแดงที่สว่างวาบมาจากบ้านหลังหนึ่งทำให้เธอต้องหยุดและมองเงาตะคุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้อยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเอ่ยเรียก
ลุงแคล้วใช่ไหมคะ
ครับ
เสียงตอบดังกลับมาขณะที่อีกฝ่ายโยนก้นยาสูบลงบนพื้นและใช้เท้าขยี้จนมันดับสนิทจากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาพิมมาดา
คุณพิมมาดา ลุงแคล้วกล่าวทักพร้อมกับเปิดรอยยิ้มผมกำลังรอคุณอยู่
กำลังรอ หญิงสาวทวนคำด้วยความแปลกใจ รู้ได้ยังไงคะว่าฉันจะมาหาลุง
ดูจากนิสัยน่ะครับอีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบเย็นเท่าที่ผ่านมาผู้หญิงที่หลงป่าถ้าไม่นั่งร้องไห้ฟูมฟายก็ตกใจกลัวจนสติแตก แต่คุณกลับควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดีทั้งที่เพิ่งได้พบกับสิ่งน่ากลัวที่สุดในชีวิต
คำพูดของเจ้าหน้าที่ผู้มากวัยทำให้พิมมาดาขมวดคิ้วด้วยความฉงน
ลุงกำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรือคะ
เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คุณมาหาผมลุงแคล้วตอบพลางผายมือไปด้านหน้า ยืนพูดตรงนี้ไม่เหมาะ เราเดินไปคุยไปดีกว่าครับ
เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยและยิ้มเมื่อเห็นแววตาสงสัยของหญิงสาว
ทากไม่ถูกกับถนนยางมะตอยน่ะครับ
คำอธิบายของเจ้าหน้าที่ชราทำให้พิมมาดาเข้าใจในทันที เธอรีบเดินขึ้นจากพื้นหญ้าและก้มลงปัดทากสองสามตัวที่กำลังคลานอยู่บนขาเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงพยักหน้าให้กับลุงแคล้ว เขายิ้มและเริ่มต้นออกเดิน
คุณเชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือเปล่า
เจ้าหน้าที่ชราถาม พิมมาดานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ
ถ้าเป็นเรื่องของวิญญาณ ฉันพอจะเชื่ออยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องผีบอกตามตรงว่าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นักเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล่าจากความกลัวของคนมากกว่า
บางอย่างมันก็ใช่ แต่บางอย่างมันเร้นลับมากกว่านั้น สำหรับคนเมืองอย่างคุณ เรื่องผีป่าอาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าน่าตื่นเต้น แต่สำหรับพรานอย่างพวกผมมันคือเรื่องจริง และสิ่งพวกนี้น่ากลัวชนิดที่พวกคุณเองไม่มีทางคาดถึง
ฉันไม่เข้าใจ พิมมาดาขมวดคิ้ว แล้วผีป่าเกี่ยวข้องอะไรกับการที่ฉันหลงอยู่ในป่าวันนี้
คุณเองก็น่าจะรู้ลุงแคล้วตอบ หญิงสาวนิ่งและระบายลมหายใจออกมา
ก่อนที่ลุงจะเข้าไปช่วยฉันรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนมองอยู่ตลอดเวลา แต่พอมองหาก็ไม่มีอะไรซักอย่าง ตอนแรกฉันก็คิดว่าความกลัวเลยทำให้เกิดภาพหลอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันไม่ใช่
พิมมาดาหยุดพูดพลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง สัมผัสของลมที่ลูบไล้ไปบนลำตัวยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ หญิงสาวกอดแขนของตัวเองเบาๆ
ทั้งที่ไม่มีลมแต่ฉันกลับรู้สึกถึงอากาศที่กำลังเคลื่อนที่ มันไม่ใช่การโบกพัดแต่เป็นการหมุนวนไล่จากข้อเท้า ลำตัวเรื่อยไปจนถึงคอ
หญิงสาวแตะลำคอของตนเองอย่างลืมตัว
จากนั้นก็มีเสียงเหมือนใครบางคนกำลังถอนใจและทุกอย่างก็หยุดกระทั่งลุงเข้ามา
ลุงแคล้วฟังพิมมาดาเล่าด้วยอาการสงบนิ่ง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ฉายความหวาดกลัวออกมาจางๆ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ทันได้สังเกตเพราะเธอยังคงเล่าเรื่องราวต่ออีกสองสามคำก่อนจะหันมาถาม
ลุงเห็นสิ่งนั้นใช่ไหมคะ
ลุงแคล้วสูดลมหายใจเข้าและระบายออกมาค่อนข้างแรง
ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ
ระหว่างออกจากป่าอยู่ๆลุงก็หยุดและเดินเลี่ยงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ถึงฉันจะไม่ใช่คนชำนาญการเดินป่าแต่ก็พอจะดูออกว่าลุงเดินอ้อมจากเส้นทางที่ใช้ประจำ
เธอมองหน้าอีกฝ่าย
ก่อนออกจากน้ำตกลุงพูดถึงภูตคราม พอจะบอกได้ไหมคะว่ามันคืออะไร
ลุงแคล้วอึ้งเล็กน้อยเหมือนหนักใจในสิ่งที่ถูกถาม แกล้วงมือลงไปในกระเป๋าและหยิบยาเส้นออกมาทำท่าจะจุดแต่ก็เปลี่ยนใจยัดมันกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม
ภูตครามไม่ใช่ผีป่า สาง สมิงหรือปิศาจ แต่เป็นสิ่งเร้นลับที่เกิดจากต้นไม้ของผืนป่า พวกเขาจะไม่ย่องเข้าไปดูดเลือดหรือกินตับไตไส้พุงเหยื่อในตอนกลางคืนเหมือนพวกผีก็องกอยหรือผีโขมด
ลุงแคล้วพูดและหันมาจ้องหน้าพิมมาดาก่อนจะพูดต่อเสียงหนัก
วิธีกินของภูตครามก็คือการดูดกลืนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเพียงแค่สัมผัส พวกเขาสามารถกินได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ตั้งแต่ผมจำความได้ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครรอดชีวิตจากเงื้อมมือของภูตคราม ตอนที่เห็นคุณในป่าผมเองยังแปลกใจที่เขาไม่ทำร้ายคุณ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ภูตครามไม่เคยปล่อยเหยื่อให้หลุดมือเป็นครั้งที่สอง
*/*/*/*/*
ขยันจริงๆ คุณ : moony (Moony_Lupin) ^^ เรื่องนี้ดูท่าทางจะไม่เครียดเท่าไรนะครับ มาในแนวถนัดของคุณมุนนี้ ที่ออกไปในอางแฟนตาซี หรือ จะทำให้คนอ่านตายใจเฉพาะบทแรกนะ...^^ พอต่อไปหนักอึ้ง....??? จากคุณ : GTW (GTW) - เรื่องนี้จะมาแนว รัก ลึกลับ แต่คงไม่หนักเหมือนเรื่องที่ผ่านมาหรอกค่ะ ^^
555555+ พี่มูนนี่ มาให้กำลังใจค่ะ เจ้าสวยไม่ค่อยได้เข้า อินตามติดเอง อิอิ สนุกค่ะพี่ เปิดมาก็น่าสนใจแล้ว ^^ - หุ หุ ขอบคุณค่า แวะมาทักก็ดีใจแล้ว
มาอ่านค่ะ จากคุณ : scottie - ขอบคุณค่า
ไอ้วิทยุฟังเรื่องผีนี่ มีตอนไหนคะ ไม่เคยฟังเลยสักครั้ง .. ^^ จากคุณ : หนูยี - เมื่อก่อนอยู้คลท่น fm 108 รายการ The Shock ของคุณกพล ค่ะ แต่ตอนนี้ย้ายคลื่นไม่ทราบเหมือนกันว่าไปอยู่ที่ไหน
โอ... นิยายที่ภาษาไม่วิบัติ สำนวนสละสลวย แค่ได้เห็นก็ดีใจ น้ำตาไหลพราก Y_Y จากคุณ : POLLUX^.^ - ได้รับคำชมแบบนี้ คนเขียนก็ดีใจจนน้ำตาไหลพรากเช่นเดียวกันค่ะ ขอบคุณมากๆ
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 07:50:49
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันฉัตรมงคล 55 07:20:04
|
|
|
|