9/2
ตาถึงเหมือนกันนะ ผู้หญิงของแกนี่ไม่ธรรมดา
คาชาลหันมองตามเสียงชื่นชมระคนเย้ยหยัน ทันทีที่ประตูหน้าปิดลง พี่ก็ออกมาจากห้องราวเงี่ยหูฟังทุกความเคลื่อนไหวโดยตลอด มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง
พี่จะไปไหน ชายหนุ่มลืมที่พี่สัพยอกถึง ผู้หญิงของเขา เสียสนิท
เก็บของ อย่าให้เหลือแม้แต่ร่องรอย เราจะย้ายออกจากที่นี่
เพราะเธอหรือครับ แต่เธอบอกว่าพี่ให้ที่อยู่กับเธอเอง
เปล่า แกเพิ่งมาอยู่กับข้าคงยังไม่รู้ ข้าเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยทุกๆ สามเดือน นี่ก็เลยกำหนดมาแล้ว พอดีกับได้รับจดหมายจากวิคเตอร์ ข้าเลยให้เขามาพบแกที่นี่ เผื่อจะเรียกคะแนนจากคนนอกว่าพวกเราไม่เลวร้าย หรือถ้าหากว่าทางนั้นจะเป็นสาย...
เธอไม่ใช่สายลับ เธอเป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่มีน้ำใจต่อพวกเรา เขาแก้ทันควัน
นิโก้เหยียดยิ้ม ปรายตามองน้องชายซึ่งลุกยืนเต็มความสูง ท่าทางเอาเรื่องผิดจากเดิม
ข้อนั้นก็พอรู้ล่ะ วิคเตอร์เล่ามาหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไรเราก็ประมาทไม่ได้ ผู้หญิงคนเดียวแต่กล้าบุกมาถึงรังนักโทษหลบหนีคดี แล้วยังเป็นน้องสาวของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติในคาซาเนีย แกยังคิดว่าเจ้าหล่อน ธรรมดา อยู่ไหม
คาชาลนิ่งงันไป การข่าวจากคนระวังตัวเช่นพี่ไม่เคยผิดพลาด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าลลิลดาจะเป็นสายลับไปได้ ชาวทิชกูเชี่ยวชาญด้านการอ่านสายตา อ่านจิตใจคนนักแล และเขาก็ได้รับการถ่ายทอดความสามารถนั้นจากบรรพชนมาเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดที่เธอปกปิดเขาได้เลย แม้แต่แววหวานรำไรซึ่งฉายผ่านดวงตาคู่งาม
ให้เธอรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ แล้วถ้ามีคนมาตรวจค้นเมื่อไร เราจะได้รู้กันว่าเธอเป็นสายลับจริงหรือเปล่า
คนฟังเจ็บเสียดไปทั้งใจ พี่ทำราวกับใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ กระนั้นชายหนุ่มก็จำต้องก้มหน้าเก็บข้าวของทุกชิ้น ในอกพานหวิวโหวงเมื่อคิดว่าตนกำลังผิดสัญญานัดหมายกับเธอ
ถ้าคนเราสามารถแยกร่างกายกับหัวใจออกจากกันได้แล้ว หัวใจเขาก็คงตกเรี่ยราดอยู่หน้าประตูห้องพักนั้นนั่นเอง รอคอยผู้มาเยี่ยมเยียนเก็บมันกลับไป
ดวงตาคมกล้าแหงนเงยมองฟากฟ้าเบื้องบน คืนเดือนแรมไร้แสงจันทร์ แสงดาว นอกจากแสงไฟตามถนนและอาคารบ้านเรือน การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และมันคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนานแสนนานดังวิถีชีวิตรอนแรมของบรรพชนชาวทิชกู ต่างแต่ว่านั่นคือการเดินทางอย่างอิสระ เปิดเผย ไม่ใช่การหลบหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้เลย
คืนนั้น พี่และเขาเดินทางลงใต้ไปยังชานเมือง ก่อนเดินเท้าเข้าไปยังหมู่บ้านเงียบและวังเวงแห่งหนึ่ง ยิ่งเข้าไปลึก อากาศเย็นยามค่ำคืนก็รุนแรงขึ้นทุกที ลมเย็นหอบเอากลิ่นอายต้นไม้ใบหญ้าจากชายป่า กลิ่นหอมหวานชวนให้สูดหายใจลึก
คาชาลแลเลยไปยังพี่ชาย ทว่าอีกฝ่ายยังคงก้าวต่อไปด้วยความมุ่งมั่น หาได้ใส่ใจบรรยากาศรอบตัว กระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่งบริเวณชายป่า แสงไฟซึ่งลอดออกมาจากตัวบ้านบ่งบอกว่าคนข้างในยังไม่หลับใหล ผู้มาเยือนยามวิกาลไม่ทันได้เคาะประตู บุรุษร่างท้วม ผมบางก็เปิดประตูต้อนรับเหมือนรอคอยแขกทั้งสองอยู่พอดี
..................
หลังถูกเชื้อเชิญเข้ามาในห้องนั่งเล่น นิโก้แนะนำให้น้องชายรู้จักกับ ดร. อูราล มาโย เจ้าของบ้านวัยกลางคน ท่าทางภูมิฐาน เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่าท่านคือมันสมองของชาวทิชกูพลัดถิ่น คอยให้คำแนะนำว่าจะหาทางดุลอำนาจกับรัฐบาลนายพลวายุ้คอย่างไร
บารมีของดร. อูราลนั้นคงจะมากมายทีเดียว เพราะนอกจากท่าทางนอบน้อมต่อบุรุษผู้นั้นของพี่แล้ว คาชาลยังสัมผัสได้ด้วยตนเอง เพราะเมื่อท่านสวมกอดเขาก็ให้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งกาย
คนนี้สินะ ทำเอาแตกตื่นกันไปทั้งเมือง
นิโก้ตอบรับพลางตบไหล่น้องชาย ผู้เป็นน้องมองแล้วก็คิดไปว่าตัวของพี่ราวกับจะขยายจากเดิมสักเท่าหนึ่งด้วยความภาคภูมิใจ แต่เขาเสียอีกกลับไม่ปลาบปลื้มในความสำเร็จของตนสักนิด คิดย้อนไปทีไรก็มีแต่ความหวาดกลัวจับจิตจับใจ ด้วยเส้นแบ่งระหว่างความเป็นความตายอยู่ตรงหน้านี่เอง
ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองช่างเกะกะ เก้งก้างเหลือเกินยามยืนคว้างอยู่กลางห้อง ตรงข้ามกับพี่ที่จัดแจงหาเครื่องดื่มสำหรับพวกเขาและเจ้าของบ้าน ท่าทางน่ายำเกรง หยิ่งทะนงของนิโก้หายไป เหลือเพียงอากัปกิริยาพินอบพิเทาเหมือนเด็กรับใช้... คิดมาถึงตรงนี้ คาชาลก็รีบยุติความคิดซึ่งเริ่มเกินเลยของตนทันที
นั่งสิ พ่อหนุ่ม ดร. อูราลเชื้อเชิญด้วยภาษาทิชก้าอย่างเป็นกันเอง
บุรุษสูงวัยลอบพิจารณาลักษณะท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็เห็นว่าเป็นคนขี้อาย ทว่ามิได้หยิบโหย่งอย่างคนหนุ่มรุ่นใหม่ ความเก้อกระดากนั้นน่าจะเกิดจากความไม่คุ้นเคยกับการสมาคมเสียมากกว่า ต่างจากผู้พี่ซึ่งรู้จักเข้าหาคน แต่ความคิดความอ่านนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดร. อูราลมองเห็นภาพตัวเองเมื่อสามสิบปีที่แล้วซ้อนทับในตัวคาชาล สมัยที่เขายังหนุ่มแน่นแต่กลับเก็บตัวจากโลกภายนอก มุ่งศึกษาตำราต่างๆ เพียงอย่างเดียว ด้วยหวังจะนำความรู้ที่ตนร่ำเรียนมาไปช่วยเหลือ พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของชาวคาซาน ในฐานะตัวแทนซึ่งรัฐบาลชุดแรกอันเป็นรัฐบาลแห่งชาติที่จัดตั้งมาจากกลุ่มคนหลากหลายภายในประเทศ ส่งเสริมให้ได้รับการศึกษา ภายหลังคาซาเนียเริ่มเปิดประเทศใหม่ๆ
แต่แล้วการณ์กลับพลิกผันเมื่อรัฐบาลชุดแรกอยู่ในตำแหน่งเพียงหกปีเศษ ก็ถูกแย่งชิงอำนาจโดยนายพลนูมาและพวก นักศึกษาซึ่งถูกส่งไปเรียนยังประเทศเพื่อนบ้านถูกลอยแพ กระแสของโลกคอมมิวนิสต์ สังคมนิยมรวมศูนย์เข้าครอบคลุมคาซาเนียเช่นกัน แต่การจัดระเบียบประเทศให้เป็นไปดังใจท่านผู้นำนั้นมีอุปสรรคด้านการคมนาคมอันยากลำบาก พวกเขาไม่สามารถค้นหาชาวทิชกูซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศทุกกลุ่มได้ ที่พบเจอก็จัดการขึ้นบัญชีและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้คนเหล่านั้นให้หันมาทำมาหากินเป็นหลักแหล่ง ใครขัดขืนย่อมต้องแลกด้วยชีวิตตัวเองและคนในครอบครัว
นายพลนูมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศถึงสิบปีจึงได้ถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายพลวายุ้ค...บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน นายพลวายุ้คมีภาพลักษณ์ที่ดี เหมาะแก่การสร้างพันธมิตรกับนานาชาติ ทว่าใจคอเหี้ยมโหดไม่แพ้บิดา ครั้นเข้ารับตำแหน่งได้เพียงปีเศษก็ดำเนินการปราบปรามชาวทิชกูอย่างหนัก โฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาชนในประเทศว่าบุคคลเหล่านี้คอยถ่วงความเจริญของชาติบ้าง เป็นพาหะนำโรคบ้าง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ชาวทิชกูหลากกลุ่มบุกเข้าเมืองพร้อมเพรียงกัน ภาพการปราบปรามด้วยอาวุธกับคนมือเปล่า ไร้ทางสู้ในวันนั้น ทำให้ท่านผู้นำต้องแก้เก้อด้วยการอ่อนข้อลงโดยสร้าง เขตสงวนชาวทิชกู ตั้งแต่บัดนั้น หากยังมีชาวทิชกูที่เจ็บแค้นลอบหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านเรื่อยมา
กว่าสามสิบแปดปีที่เขาไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิ ดร. อูราลยังชีพด้วยการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ทำงานวิจัยจนได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม หากเขาทดท้อตามวัยเสียแล้วที่จะกลับไปทำความฝันของตนให้เป็นจริง แม้ยังคงให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาแก่ชาวทิชกูพลัดถิ่นรุ่นหลังเท่าที่ตนจะทำได้ ครั้งนี้เช่นกันที่เขาเสนอให้นิโก้มาพัก เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตรียมการสำคัญ เป็นหน้าที่ของเขาต้องตักเตือนหากสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านั้นกำลังจะลงมือทำนั้นไร้ความชอบธรรม นำมาซึ่งผลร้ายต่อส่วนรวมมากกว่าผลดี
ขอบใจ เขาเอ่ยหลังนิโก้กลับมาพร้อมชาร้อนสามแก้ว
ไร้วี่แววเหนื่อยล้าจากการเดินทางของชายหนุ่มสองคน ขณะเจ้าของบ้านชวนสนทนา
คราวนี้จะย้ายไปไหนล่ะ
คงลงใต้ถาวรเลยครับ ผมมาลาด็อกเตอร์เพราะพรรคพวกทางนั้นขอให้ไปช่วยงานเอกสารอีกแรง ตอนนี้ทุกอย่างคืบหน้าไปมากแล้วครับ ประชาชนส่วนใหญ่ได้รู้ข้อมูลที่เราช่วยกันเผยแพร่มานาน แล้วยังมีประเด็นที่รัฐบาลจะขายสัมปทานเหมืองให้ชาวต่างชาติอีกที่ประชาชนสนใจ
แล้วงานการทางนี้ล่ะ
งานขายประกันนั่นหรือครับ มันไม่ได้สำคัญกับผมเลยหากเทียบกับหน้าที่พลเมืองชาวคาซาน พวกเราอดทนรอเวลานี้มายี่สิบปี กระทั่งตอนนี้ชัยชนะอยู่ไม่ไกล ถ้าเราคานอำนาจกับรัฐบาลได้เมื่อไร เราจะขอเชิญด็อกเตอร์กลับไปเป็นผู้นำของพวกเรา
ดร. อูราลสบตาเปล่งประกายแห่งฝันของผู้พูดแล้วก็ให้กลัวใจนัก กว่าฝันนั้นจะเป็นจริง ต้องแลกด้วยชีวิตคนสักเท่าไร ดวงตาหลังแว่นสายตาฉายแววหนักใจ
อย่ากังวลไปเลยครับ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเอ่ยให้คลายใจ ผมไม่ลืมที่ด็อกเตอร์ย้ำเตือนเสมอว่าทุกชีวิตคือเพื่อนร่วมชาติของเรา พวกเราจึงได้อดทนรอมาจนวันนี้ วันที่มั่นใจว่าข้อมูลของเราแทรกซึมไปยังชาวคาซานทุกคน เมื่อถึงวันแห่งการเปลี่ยนแปลงเมื่อไร พวกเขาต้องอยู่ข้างเราแน่ครับ
เรื่องที่นิโก้สนทนากับบุรุษสูงวัยผ่านหูคาชาลไปอย่างเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง คำพูดของพี่ราวกับน้ำป่าไหลหลาก เมื่อได้พูดแล้วก็พูดเสียจนคนฟังหาช่องเอ่ยแทรกไม่ทัน
คืนนั้น ดร. อูราลเอื้อเฟื้อห้องนอนอุ่นสบายให้สองพี่น้อง และเมื่อพวกเขาต้องออกเดินทางต่อ ท่านก็ได้สวมกอดและอวยพร
สิ่งใดที่ทำเพื่อชาติ ขอให้สำเร็จและแคล้วคลาดปลอดภัย
นิโก้แทบยืดอกรับพรทีเดียว เขาเอ่ยคำขอบคุณและอำนวยพรให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงต่อไปอีกยืดยาว
ถ้าน้องชายของผมไม่มีคดีติดตัว จะขอมอบไว้รับใช้ด็อกเตอร์ แต่เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ก็รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ท่านมากกว่า
ชายชราไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ คาชาลรู้สึกว่ารอยยิ้มของท่านแฝงแววปลุกปลอบใจเหมือนรอยยิ้มที่อัมมาเคยมอบให้เมื่อครั้งเขายังเด็ก ยามถูกพี่ชายกลั่นแกล้งประสาเด็กซึ่งโตกว่า อ้อมกอดของท่านกระชับแน่น และเขาก็สวมกอดแนบแน่นเท่ากัน
แล้วพบกัน พ่อหนุ่ม
แม้เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ทราบแก่ใจทีเดียวว่าเหตุใดดร. อูราล มาโย จึงมีบารมีเหนือผู้คนมากมายนัก เพราะความเมตตาของท่านนั่นเอง
..................
สนามบินดามาเดียดาวา สนามบินนานาชาติในกรุงมอสโคว์คับคั่งไปด้วยผู้คน เสียงนักเดินทางจากต่างชาติต่างภาษาพูดคุยกันดังขรม แทรกด้วยเสียงประกาศเวลาเดินทางของแต่ละเที่ยวบินเป็นระยะ หนึ่งในนั้นมีกลุ่มของบริษัทเวชภัณฑ์ชื่อดังที่เข้ามาเปิดตลาดในรัสเซีย
หนุ่มๆ จับกลุ่มคุยกันถึงประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ ส่วนสาวๆ ก็พูดถึงของฝากที่แต่ละคนต่อรองราคามาได้ เว้นแต่หญิงสาวเอเชียหน้าตาหมดจดคนหนึ่งซึ่งคอยพยักพเยิด รับฟังไปแกนๆ
ลลิลดาไม่มีแก่ใจจะระลึกถึงความประทับใจต่างๆ การพลาดหวังพบเจอคนที่นัดกันไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังค้างคาอยู่ในใจ เธอนึกถึงห้องพักบนชั้นสี่ภายในอาคารอันวังเวง ประตูห้องทางซ้ายมือที่เธอยืนเคาะเท่าไรก็ไร้ความเคลื่อนไหวจากข้างใน แล้วความหวาดกลัวก็เข้าครอบคลุมจิตใจ เธอหวาดวิตกไปต่างๆ นานาถึงเหตุร้ายอันอาจเกิดแก่บุคคลในห้อง จนต้องตั้งสติแล้วลองหมุนลูกบิดซึ่งไม่ได้ลงกลอนอย่างที่คิดเข้าไป ความเย็นเยียบภายในกรูกันออกมาผ่านบานประตูนั้นพาให้สะท้านไปทั้งกาย หญิงสาวห่อไหล่ขณะกวาดตาดูความว่างเปล่าโดยรอบ เครื่องเรือนแต่ละชิ้นหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมาหยาบๆ เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ
เธอทั้งโกรธ ทั้งผิดหวังที่ตนถูกเบี้ยวนัดเสียดื้อๆ โธ่เอ๋ย ก็เมื่อวานเขายังเอาแต่ใจราวเด็กๆ และเธอก็ยอมลงให้เพราะรู้สึกถึงความสำคัญที่ต่างฝ่ายต่างมีให้แก่กัน เธอเห็นเขาเป็นเพื่อนซึ่งกำลังเดือดร้อน ทิ้งไปไม่ได้ ขณะที่เขาก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตนคือกำลังใจสำคัญสำหรับเขาเช่นกัน แล้วดูเถอะ เพียงข้ามคืนเท่านั้น ทุกอย่างกลับสูญสลายเหมือนเหตุการณ์เมื่อวานเป็นเพียงฝันไป จะทิ้งจดหมายไว้สักฉบับก็ไม่มี
ลลิลดาลอบถอนหายใจ หงุดหงิดตัวเองที่คิดเล็กคิดน้อยผิดปกติวิสัย เขาเป็นนักโทษหลบหนีคดี ขืนทิ้งร่องรอยไว้ก็อาจเป็นอันตรายน่ะซี เธอคิดหาเหตุผลสรุปกับตัวเองแทนคนผิดนัดเสร็จสรรพ
ถึงคราวเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินของเธอดังขึ้น เกิดความโกลาหลเล็กน้อยเมื่อมิเชลยังไม่กลับจากห้องน้ำ เพื่อนสาวคนสนิทอาสาเป็นผู้รอ ขณะเดียวกันก็สอดส่ายสายตาหาใครบางคนยังประตูผู้โดยสารขาออก ทว่าความหวังลมๆ แล้งๆ นั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อหญิงผมทองกำลังก้าวตรงมา
ลลิลดาฝืนยิ้มรับเพื่อน ยิ้มรับความผิดหวังโดยดุษณี
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันฉัตรมงคล 55 10:44:13
|
|
|
|