Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมใจอเวจี (Psycho Hell).....บทที่ 23 สัญญาที่ให้ไว้ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 22
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12012150/W12012150.html


ความเดิม

ไนท์พาเฟรี่เดินทางไปกับชายชราเรือแจว เพื่อไปยังยอดเขาสื่อสาร ระหว่างทางพบเรือลึกลับลำหนึ่งติดตามมา


==================
PSYCHO HELL....จอมใจอเวจี
บทที่ 23....สัญญาที่ให้ไว้
==================



เฟรี่ยกมือขยี้ตา มองให้แน่ใจ แต่ก็ยังไม่ได้แสดงท่าทางอะไรผิดปกติ ภาพในกลุ่มม่านหมอกอันหนาทึบแปรปรวนมันดูเลือนราง บางครั้งก็หายลับไป

แต่ในอึดใจต่อมา ภาพนั้นก็ปรากฏแก่สายตาชัดเจน เรือรบโบราณขนาดใหญ่โตลำหนึ่งโผล่พ้นกลุ่มหมอกออกมา และมุ่งหน้าตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

คราวนี้หญิงสาวลืมตัวลุกขึ้นยืนชี้มือไปทางเรือลึกลับลำนั้น เบิกตากว้างร้องบอกเสียงดัง

“เรือ...”

ร้องออกมาได้คำเดียวหลังจากนั้นก็พูดอะไรไม่ออกด้วยความตกใจเพราะแนวเส้นทางเดินของเรือยักษ์ลำนั้นมุ่งหน้าตรงมาประหนึ่งจะชนเรือแจวให้พังพินาศ

ทั้งนักรบปีศาจและชายชราแจวเรือหันไปมอง แล้วพากันยืนนิ่งไปทั้งคู่ แต่เป็นความนิ่งซึ่งเตรียมพร้อมจะเคลื่อนไหวได้ทุกเวลา ไม่รู้ว่าสองคนนั่นคิดอะไรอยู่ในใจ ถึงพากันยืนเฉยแบบนี้ คนโลกเบื้องล่างนี้พิลึกกันทุกคน หญิงสาวคิดในใจอย่างอกสั่นขวัญแขวนและแปลกใจแบบพาลๆ
ในที่สุดเรือโบราณลดความเร็วลงท่ามกลางความโล่งใจของคนอกสั่นขวัญแขวน และมาลอยลำหยุดนิ่งห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ความใหญ่โตมโหฬารของมันบดบังทัศนวิสัยในการมองให้มืดครึ้มไปด้านหนึ่ง แรงคลื่นจากเรือใหญ่ ทำให้เรือแจวโคลงเคลงไปมา เฟรี่ต้องนั่งลงเกาะขอบเรือไว้แน่นส่วนอีกสองคนไม่ต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง ยังคงยืนนิ่งทั้งที่เรือเอียงไปมาขนาดนั้น

รอจนคลื่นลดแผ่วลง ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองบริเวณกราบเรือสูงขึ้นไปเห็นใบหน้าของผู้คนมากมายหลายสิบคนกำลังชะโงกลงมามอง สำหรับเฟรี่แล้วทำให้ตัวเย็นเฉียบลงทันทีเพราะใบหน้าของพวกคนเหล่านั้นทั้งดูดุร้ายป่าเถื่อนน่ากลัว แต่ทุกคนกลับมีสีหน้าสงบเรียบเฉยไม่แสดงอะไรออกมาให้สังเกตความรู้สึกได้เลยสักนิด บรรยากาศกาศเงียบและวังเวงผิดปกติอย่างน่ากลัว บนเรือโบราณก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ให้เห็นอีกนอกจากอาการจ้องมองลงมาอย่างสงบของพวกผู้คนบนเรือ

เฟรี่ค่อยลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ก้าวหลบโต๊ะกลางเรือแจวเดินไปหานักรบปีศาจ เกาะแขนกระซิบถามเสียงสั่นว่า

“คนพวกนั้นเป็นใครกัน”

“ข้าไม่รู้”

ไนท์ตอบสั้นๆ หากสายตายังคงจับจ้องมองขึ้นไปแบบไม่วางตา

“แล้วเราจะทำยังไง”

“ข้าไม่รู้”

“แล้วรู้อะไรบ้างล่ะ”

“รู้ว่าข้าไม่รู้”

ทั้งที่อยู่ในอารมณ์ตกใจหวาดกลัวไม่เข้าใจ แต่นางฟ้าตกสวรรค์ยังรู้สึกขวางหูขวางตากับคำตอบของคู่กรณีคนสำคัญ เผลอตัวแยกเขี้ยวใช้กรงเล็บเทพธิดาหยิกบิดแขนของอีกฝ่ายเต็มแรง พอทำไปแล้วค่อยคิดได้ ใจหายวาบ อยู่ดีๆ ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นแบบนั้น เกิดโดนจับตัวโยนลงในน้ำจะทำอย่างไร คงไม่ยอมง่ายๆหรอก คิดพลางใช้มือคล้องแขนนักรบปีศาจไว้แน่น แบบนี้จะโยนลงไปได้ก็ให้รู้ไป  แต่คนถูกทำร้ายร่างกายก็เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด คล้ายจะบอกว่าแค่นี้เรื่องไร้สาระไร้ความหมาย

บนกราบเรือ เงาร่างทะมึนสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งโผล่พ้นศีรษะคนอื่นขึ้นมา ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ท่าทางรูปร่างจะต้องใหญ่โตกว่าคนอื่นถึงสูงจนมองเห็นหน้าอกพ้นศีรษะคนอื่นขึ้นมาได้ขนาดนี้

มือขวายกขึ้นและชี้ลงมายังนักรบปีศาจและเฟรี่ ร้องบอกด้วยเสียงดังจนกังวานไปทั่วว่า

“สองคนนั่นขึ้นมา”

ขาดคำ บันไดไม้อันหนึ่งก็ถูกหย่อนลงมาข้างเรือ แทบจะจรดผิวน้ำ เป็นความหมายว่าให้ไต่บันไดขึ้นไป

นักรบปีศาจหันไปพยักหน้าให้หญิงสาวเป็นเชิงบอกว่าให้ขึ้นไป แต่เฟรี่ส่ายหน้ากระซิบว่า
“ไม่เอาหรอก เรือลำนี้น่ากลัวจะตาย ดูคนพวกนั้นก็น่ากลัวเหมือนปีศาจ ขึ้นไปคงแย่แน่ๆ”

“อยู่นี่ก็แย่และแย่มากกว่า” ไนท์พยายามอธิบาย

“ดูให้ดีสิว่าเรือลำนี้เป็นเรือรบ  ทั้งปืนใหญ่ทั้งธนูคงทำให้พวกเราแหลกกลางท้องน้ำนี่ได้อย่างสบาย ขึ้นไปด้านบนยังมีโอกาสรอดมากกว่า”

“แต่ข้า.....”

“เอาเถอะน่า ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

หญิงสาวขบริมฝีปากก้มหน้าขบคิดอะไรบางอย่างนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าบอกด้วยเสียงเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดแบบเป็นคนละคนว่า

“ได้ เราขึ้นไปกัน”

สีหน้าท่าทางเด็ดขาดแบบนี้ ปีศาจหนุ่มเพิ่งเห็นเป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเห็นเมื่อเจอกันใหม่ๆ ก่อนที่หญิงสาวตกสวรรค์ผู้นี้จะใช้ระเบิดมหาวินาศของเธอจนทำให้ขอบอเวจีสะท้านสะเทือนและส่งผลตามมาหลายอย่างจนบัดนี้

บทจะกลัวก็กลัวจนไม่รู้เรื่อง บทจะไม่มีเหตุผลก็ไม่มีเหตุผลจนไม่มีใครกล้าเถียง บทจะกล้าขึ้นมาก็ออกทางบ้าดีเดือดแบบไม่นึกไม่ฝันแบบตายเป็นตายอะไรประมาณนั้น

“งั้นเราไปกัน”

ไนท์บีบมืออีกฝ่ายเหมือนกับจะให้กำลังใจ ก่อนถามขึ้นว่า

“เจ้าปีนบันไดไม้นั้นได้ไหม”

“ของเด็กๆ ต้นไม้สวนหลังบ้านปีนยากกว่านี้ ข้ายังแอบไปปีนเล่นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว บันไดแค่นี้สบายมาก”

“ตามข้ามา ข้าจะขึ้นไปก่อน”

“แล้วท่านปู่คนนี้” หญิงสาวหมายถึงชายชราแจวเรือซึ่งยังคงยืนนิ่งเฉยเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

“ไม่ต้องห่วง เขาดูแลตัวเองได้”

ไนท์ตอบพลางเริ่มปีนนำหน้าขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง ดาบประจำตัวถูกใช้สายสะพายไว้กลางหลังในลักษณะพร้อมจะถูกกระชากจากฝักออกมาอย่างรวดเร็วหากมีความจำเป็น หางตาคอยมองลงมาสังเกตผู้ติดตามซึ่งปีนตามมาติดๆ เป็นระยะโดยไม่งอแงจนสร้างภาระให้โดยไม่จำเป็น ระดับความสูงของกราบเรือเกือบสิบวาไม่ได้ทำให้หญิงสาวมือไม้อ่อน สมกับราคาคุยจริงๆ

ไนท์ถึงกราบเรือแล้วใช้มือเหนี่ยวตัวขึ้นไปอย่างระมัดระวัง ผู้คนบนเรือพากันกระจายตัวออกจากบริเวณนั้น ปีศาจหนุ่มเห็นว่าการขึ้นเรือสะดวกกว่าที่คิดก็หันไปดึงแขนหญิงสาวให้ตามขึ้นมายืนข้างๆ แล้วเริ่มสำรวจสถานการณ์

เฟรี่ยังคิดถึงชายชราแจวเรือผู้ลึกลับ มองลงไปเห็นกำลังพายเรือหายไปในกลุ่มหมอกยังเงียบงัน เห็นแล้วอดใจหายไม่ได้

ส่วนเรือยักษ์ลำนี้เป็นเรือรบโบราณ มีเสาใบเรือสูงใหญ่ถึงสามเสาสูงจนหายไปในกลุ่มหมอกเบื้องบน ลูกเรือท่าทางเหมือนคนโบราณสีหน้าท่าทางดุร้ายป่าเถื่อนแต่กลับสงบราบเรียบอย่างไม่น่าเชื่อ พากันยืนกระจายเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมรอบแขกผู้มาเยือน คนลักษณะท่าทางเป็นหัวหน้ายืนกอดอกอยู่ด้านหลังพวกลูกเรือรูปร่างสูงใหญ่ล่ำสันแข็งแรงหนวดเครารุงรัง สวมชุดนักรบโบราณจ้องมองมาด้วยสายตาเป็นประกายกล้าแข็ง ประมาณความสูงเรือนร่างทำให้คนอื่นอยู่ในระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น

“ข้าชื่อราเดส เป็นกับตันของเรือลำนี้  ส่วนเจ้าทั้งสองคนข้ารู้จักดี ไม่ต้องแนะนำตัว”

ชายรูปร่างสูงใหญ่เริ่มแนะนำตัวก่อนด้วยเสียงดังกังวาน และดูเหมือนจะไม่มีการอ้อมค้อมให้เสียเวลา ราเดสพูดเป้าหมายวัตถุประสงค์ทันที

“ไม่ต้องสงสัย มีคนอยากให้ข้ามารับพวกเจ้าไปเพื่อเหตุผลบางอย่าง เท่าที่รู้มา มีคนอยากได้นางผู้ตกมาจากท้องฟ้าคนนี้ไปทำเป็นอาหาร”

ว่าพลางชี้มือมายังเฟรี่ผู้ยืนอยู่ข้างๆ นักรบปีศาจจ้องมองตาไม่กระพริบอยู่

“อย่างที่รู้ เนื้อของผู้หญิงเบื้องบนเป็นอาหารวิเศษ นำมาผสมกับสมุนไพรหลายชนิดสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด ทั้งมีรสชาติอร่อย ว่ากันว่า กระดูกเอามาดองเหล้า ตำรับ “กระดูกนางฟ้า” หรือไม่ก็เป็น “ปีศาจตกเตียง” บำรุงกำลังวังชาดีนัก ส่วนดีต้องกินสดๆ เขาว่าเพิ่มพูนวิชาฝีมือ ส่วนตับเอาไปทำตับหวาน กินแล้วอายุยืนหมื่นปี...ส่วนไตเอาไป.....”

“พอแล้ว พอแล้ว...ไม่ต้องสาธยายให้มันบ้าบอคอแตกมากกว่านี้ “

เฟรี่ร้องขัดคอกลางคันอย่างอดรนทนไม่ได้ ก็เห็นเราเป็นอาหารได้ขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว “มันจะมากเกินไปแล้วนะ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นอาหารได้ขนาดนี้..จะเอาไปกินสดๆบ้าง..เอาไปดองเหล้าบ้าง..บ้าชัดๆ..ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำเรื่องแบบนั้นหรอก”

กัปตันเรือนรกได้ฟังแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังทันที ก่อนพูดพลางหัวเราะพลางว่า

“เจ้าจะเอาอะไรมาขัดขวางข้า พวกเจ้าทั้งสองคงไม่รู้สิว่าเรือลำนี้เป็นเรือซึ่งมีหน้าที่ขนวิญญาณบาปทั้งหลายไปส่งอีกฟากของนรกเพื่อรับการลงโทษ ดังนั้นทุกคนบนเรือลำนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ลูกเรือแต่ละคนฝีมือระดับนักรบชั้นแนวหน้าทั้งนั้นไม่ใช่ลูกเรือธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงควบคุมวิญญาณบาปทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้ เพราะวิญญาณบาปพวกนั้นพอเปลี่ยนมิติมาจากคนบนโลกมาเป็นวิญญาณ มักจะเป็นวิญญาณที่แก่กล้าบ้าคลั่งดุร้ายเพราะความชั่วซึ่งสะลมเอาไว้สมัยเป็นมนุษย์..ส่วนเจ้า..”

สายตาของราเดสเปลี่ยนมาจ้องมองที่นักรบปีศาจก่อนพูดต่อไปว่า

“เจ้าจะต้องถูกนำตัวไปขึ้นศาลนรก เพราะความผิดที่ใกล้ชิดช่วยเหลือคนเบื้องบน ชายชราแจวเรือไม่เกี่ยวข้องอะไรกับภารกิจนี้ ข้าเลยปล่อยตัวไป”

“แล้วจะเอายังไงต่อไป”

ไนท์ถามขึ้นเสียงเรียบๆ

“ตอนนี้ข้าจะคุมตัวพวกเจ้าไว้ก่อน เอาล่ะ......”

ว่าพลางกัปตันปีศาจก็หันไปสั่งลูกเรือ

“ผู้หญิงเอาไปขังไว้ห้องขังท้ายเรือ ผู้ชายเอาไปขังไว้ห้องขังท้องเรือ”

ลูกเรือส่งเสียงรับคำสั่งแล้วเริ่มเดินหน้าตรงเข้ามาทันที

“ไม่มีทาง พวกเจ้าจะมาแยกพวกเราไปขังคนละที่แบบนั้นไม่ได้ ไม่มีทาง”

ไนท์กระชากดาบออกมาจากฝักก้าวเท้ามาเบื้องหน้าทันที พวกลูกเรือพากันชะงักก่อนพากันดึงไม้พลองขนาดยาวเกือบหนึ่งวาออกมาจากด้านหลัง

“อย่าขัดขืนคำสั่งดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”  

ราเดสยืนกอดอกร้องเตือน

“คนเดียวสู้คนหลายสิบคนยังไงก็ไม่มีทางรอด เจ็บตัวเปล่าๆ อย่าเสียเวลาดีกว่า”

ไม่ทันรอให้พูดจบ นักรบปีศาจกระโจนฟันดาบสีดำของเขาใส่ลูกเรือคนแรกซึ่งเดินเข้ามาใกล้ทันที เสียงดังเปรี้ยงสนั่นพร้อมกับประกายไฟแตกวาบ ลูกเรือคนนั้นถูกแรงกระแทกเสียหลักถอยหลังไปด้านหลังชนเข้ากับพรรคพวกเรวนปั่นป่วนไปทั้งแถบ ส่วนไนท์ก็ถอยหลังกลับไปหลายก้าวเช่นกัน ท่าทางลูกเรือพวกนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่บอกไว้จริงๆ

เฟรี่ยืนอยู่ด้านหลังติดกราบเรือด้วยสีหน้าท่าทางวิตกกังวล อย่างไรก็เป็นผู้หญิงมาอยู่ในสถานการณ์น่ากลัวแบบนี้ก็อดจะอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้แน่นอน ในใจพยายามคิดหาทางช่วยและเอาตัวให้รอดอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

พวกลูกเรือเริ่มตีวงเข้ามาอีกครั้ง  อาวุธไม้พลองในมือไม่ใช่ไม้ธรรมดา เพราะมันต้านทานการฟันอย่างรุนแรงของดาบมารได้โดยไม่แตกสลาย ประกายดาบวูบวาบไม่ขาดระยะพร้อมกับเสียงอาวุธกระทบกระแทกกันสนั่นหวั่นไหวถี่ ลูกเรือปีศาจบุกเข้ามาไม่ขาดสายแต่ก็ถูกกระแทกออกไปทุกครั้ง ปีศาจนักรบไม่ยอมให้ใครคนไหนเข้ามาใกล้เฟรี่ได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกลูกเรือจะเก่งกล้าสามารถปานใดก็ตาม

ดูเหมือนจะเป็นการทุ่มเทต่อสู้แบบสุดชีวิตจิตใจของนักรบปีศาจผู้นี้ มือข้างกำด้ามดาบเริ่มมีเลือดสีดำไหลเป็นทางอันเกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน
ราเดสยังคงยืนกอดอกจ้องมองอยู่ พักหนึ่งจึงส่ายหน้าแล้วดึงมีดเล่มเล็กๆออกมาจากเอว ยกขึ้นแล้วขว้างออกมาด้วยความรวดเร็ว

ต่อให้ทุ่มเทกับการต่อสู้ปานใดก็ตาม ไนท์ไม่มีทางรับมือกับมีดเล่มนั้นได้ มันมาจากนอกวงการต่อสู้ มีดจึงพุ่งปักบ่าขวาเสียบคาอยู่อย่างนั้น

พวกลูกเรือชะงักการโจมตี ถอยหลังออกไปดูสถานการณ์ ไนท์กำด้ามดาบชะงักค้างคา
“ขอโทษที่ใช้วิธีแบบนี้...”

ราเดสบเอ่ยขึ้นด้วยเสียงฟังชัดเช่นเคย

“ข้าไม่อยากเสียเวลา เลยขอใช้วิธีรวบรัดแบบนั้น ไม่ต้องตกใจ เขาไม่ตายหรอก เพียงแต่สลบไปชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวก็ฟื้น มีดข้ามียาสลบรุนแรงไม่มียาใดแก้อาการได้หรอก”

เฟรี่ตกใจจนยืนตัวแข็ง กัปตันเรือปีศาจคนนี้ใช้วิธีไม่เหมาะสมเลย แต่ก็อย่างว่า พวกนี้เป็นชาวโลกเบื้องล่างย่อมใช้วิธีการใดก็ได้อยู่แล้ว

“แยกตัวไปขังที่คุมขัง”  เสียงกังวานสั่งอีกครั้ง พวกลูกเรือเริ่มเดินเข้ามาอีก

เปรี้ยง!

เสียงโลหะกระทบกันกึกก้อง ดาบของไนท์ฟันใส่ลูกเรือคนเดินนำหน้าดีว่าลูกเรือคนนั้นยกไม้พลองรับไว้ทัน แต่ความรุนแรงของการฟันทำให้ลูกเรือคนดังกล่าวกระเด็นไปชนลูกเรือคนอื่นล้มระเนระนาด

ราเดสเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เขาย่อมรู้สรรพคุณของยาสลบซึ่งเคลือบอยู่บนผิวใบมีดได้ดี ไม่เคยมีปีศาจตนใดต้านทานได้อย่างเด็ดขาด มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้..

พวกลูกเรืออีกหลายคนพากันเดินเข้าไปก็จะถูกฟันกระแทกจนตัวลอยกลับมาทุกครั้ง ฟันดาบออกไปแต่ละครั้งเลือดสีดำของนักรบปีศาจจะกระจายออกมาทุกครั้งจนชุ่มโชกไปทั้งตัว

ในที่สุดพวกลูกเรือพากันทิ้งไม้พลองลงพื้น ยืนนิ่ง

“ทำไมไม่ทำตามคำสั่งของข้า”

ราเดสถามเสียงกึกก้อง เริ่มควานมือจากการยืนกอดอก เลื่อนมาจับด้ามดาบขนาดใหญ่บริเวณเอว

“เขาสลบไปแล้ว พวกเราไม่ลงมือกับคนหมดสติ” ลูกเรือคนหนึ่งหันมาบอก

“อะไรนะ..”

ราเดสเบิกตาร้องอย่างไม่เชื่อหูตัวเองก่อนมองปราดไปอย่างพิจารณา แล้วพบว่าถึงนักรบปีศาจจะยืนกุมด้ามดาบปักหลักอยู่อย่างมั่นคงแต่มีอะไรบางอย่างผิดปกติไป... ความรู้สึกมันต่างกันออกไปจากครั้งแรกซึ่งสำหรับนักรบแล้วสัมผัสได้ไม่ยากนัก เป็นสัมผัสพิเศษของเหล่านักรบเท่านั้น

ไนท์หมดสติไปแล้ว แต่ถึงจะหมดสติก็ยังคงยืนต่อสู้ปกป้องเฟรี่เอาไว้แบบสุดชีวิตจิตใจตามที่เคยให้สัญญา ถึงความรู้สึกจิตสำนึกจะดับวูบไปแล้ว แต่จิตใต้สำนักยังคงสั่งให้ร่างกายทำงานต่อไป แล้วดูเหมือนว่าพลังจากจิตใต้สำนักจะรุนแรงกว่าปกติธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

“เป็นแบบนี้เอง”

ราเดสพึมพำเสียงกังวาน เขาเป็นคนพูดจาเบาๆไม่เป็นเอาเสียเลย ขนาดพึมพำยังพึมพำจนแสบแก้วหู เสียตาปรากฏแววนับถือเลื่อมใสขึ้นมาทันที

“ถ้าพวกเจ้ายังทำร้ายเขาอีก ข้าจะระเบิดเรือลำนี้ให้แหลกพินาศ”

เฟรี่พูดขึ้นเสียงเฉียบขาด ล้วงมือเข้าในในแขนเสื้อ สีหน้าท่าทางเอาจริง ไม่มีใครรู้ว่าเธอเหลือระเบิดมหาวินาศเหลืออยู่กี่ลูกกันแน่ แต่มันคือไม้ตายสุดท้ายของนางฟ้าตกสวรรค์คนนี้

“ข้ารู้เรื่องระเบิดของเจ้า..”

ราเดสพยักหน้าบอก ท่าทางผ่อนคลายลงมาก “แต่ไม่ต้องห่วง ข้าตั้งใจจะให้พวกเจ้าเข้าไปอยู่ในห้องขังเดียวกันอยู่แล้วตั้งแต่เห็นเจ้าบ้านี้ มันหมดสติแล้วยังมีหน้าต่อสู้ต่อไปได้ คนบ้าแบบนี้ข้าไม่เล่นด้วยหรอก พาเขาตามข้ามา...”

ว่าพลางโบกมือให้พวกลูกเรือแยกตัวไปทำหน้าที่ของใครของมัน เฟรี่เดินเข้าไปหานักรบปีศาจมองดูสภาพแล้วอดใจหายไม่ได้ พอหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้  บรรยากาศการต่อสู้หายไป ปีศาจหนุ่มก็เหมือนหมดแรงจูงใจในการฝืนจิตสำนึกต่อไป ซวนเซทำท่าจะล้มลงกับพื้น เฟรี่รีบคว้าตัวไว้ทัน แต่น้ำหนักตัวต่างกันขนาดนั้น ไม่มีทางลากพยุงให้เดินไปไหนได้

หญิงสาวแกะดาบออกมามือของไนท์ มองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย เห็นลูกเรือสองคนกำลังยืนอยู่แถวนั้น ได้จังหวะร้องเรียกเสียงดัง

“เจ้าสองคนมานี่หน่อย”

ลูกเรือทั้งสองคนหันมาตามเสียงเรียก เห็นหญิงสาวกำลังพยุงนักรบปีศาจอยู่ด้วยท่าทางลำบากใช้มืออีกข้างกวักอยู่ไหวๆ

“ข้าเรียกไม่ได้ยินหรือไง...”

สองลูกเรือมองหน้ากัน ทำอะไรไม่ถูก จนหญิงสาวต้องร้องบอกเสียงดังอีกครั้ง

“ไม่ต้องมัวแต่มองหน้ากัน มานี่แล้วช่วยพาเขาคนนี้ตามเจ้านายของพวกเจ้าไป  เป็นคำสั่งของนายราเดสอะไรนั่น ชักช้าเดี๋ยวข้าระเบิดเรือทิ้งซะเลย”

เจอแบบนี้ลูกสองเรือได้แต่ทำหน้าเจื่อน เดินตรงมาตามคำสั่งโดยดี และช่วยพยุงนักรบปีศาจตามหลังไปบริเวณท้ายเรือ

ราเดสเป็นคนเปิดประตูห้องขังด้วยตนเอง เฟรี่เดินถือดาบตามมาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง แต่เธอก็ฉลาดพอจะรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้

“ตกลงข้าก็ยอมทำตามข้อเรียกร้องแล้วนะ” ราเดสบอกเสียงดัง ผายมือไปทางประตูห้องขังในห้องมีเตียงขนาดเล็กวางกลางห้องอยู่ตัวเดียว กับโต๊ะเก้าอี้เล็กๆสองตัวสภาพโดยทั่วไปก็ไม่เลวร้ายอะไร ท่าทางเหมือนห้องพักธรรมดานี่เอง

“พาเขาไปนอนบนเตียง แล้วออกไปได้”

เฟรี่สั่งลูกเรือคนทั้งคนซึ่งพยุงนักรบปีศาจตามมา ซึ่งทั้งสองก็ทำตามโดยดี หลังจากนั้นก็พากันเผ่นออกจากห้องไปแบบไม่คิดชีวิต

“อยู่กันดีๆ อย่าทะเลาะกันตีกันล่ะ”

ราเดสบอกเสียงลั่นพลางหัวเราะชอบใจก่อนปิดประตูดังโครมจนสะดุ้ง ดูเหมือนเขาทำอะไรเบาๆไม่เป็นเอาเสียเลย



...

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 12:43:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com