พี่สี่ ข้าว่าพี่สิบสามไม่เป็นอะไรมากหรอก เขาไม่ให้เรียกหมอหลวงก็ช่างเถอะ ท่านก็รู้ว่าเขาทนทานเยี่ยงโคถึก
องค์ชายสิบสี่ยังหัวเราะคิกคัก แต่องค์ชายสี่กลับขมวดคิ้วแน่น
เห็นแต่แผลถลอกตามเนื้อตัวก็จริง แต่ระวังไว้ก่อนดีที่สุด หากอาการหลบใน กระทบกระเทือนส่วนใดจะไม่เป็นผลดี
ชิ... องค์ชายสิบสี่แค่นเสียง พี่สี่ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ลำพังฝีมือเต๋อหยางหากคิดจะทำร้ายพี่สิบสามถึงขั้นช้ำในคงต้องสามารถกว่านี้สักหน่อย
อือ... องค์ชายสี่เงยหน้าขึ้นใช้ความคิด ก็จริง เช่นนั้นก็ไม่ต้องเรียกหมอหลวง เพียงแต่... องค์ชายสี่พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็กวาดสายตามองมาทางลานสวน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะสูดหายใจ ในใจก็คิดแต่ว่าเต๋อหยางคือใครกัน ทำไมถึงกล้ามีเรื่องกับพระโอรสขององค์เหนือหัว ถึงแม้องค์ชายสิบสามจะไม่ใช่ลูกรัก แต่เขาก็เป็นสายเลือดแท้ๆ ของจักรพรรดิคังซีเชียวนะ!
จู่ๆ ก็มีเสียงคนดังมาจากด้านนอก องค์ชายทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน ฉันชะเง้อคอดูบ้าง เห็นขันทีใหญ่หลี่เต๋อเฉวียนแห่งวังเฉียนชิงก้าวดุ่มๆ เข้ามา เมื่อพบพวกขององค์ชายก็ชะงักแล้วรีบทำความเคารพ องค์ชายสี่โบกมือพูดขึ้น
หลี่กงกง เหตุใดมาเอาป่านนี้ องค์ชายสิบสี่ยิ้มมองเขา
เอ้อ...กระหม่อมรับพระบัญชาองค์เหนือหัวให้มาเฝ้าพระนางเต๋อเฟยพ่ะย่ะค่ะ อะแฮ่ม! เขากระแอมไอก่อนจะยิ้มพูดต่อ อีกประเดี๋ยววังนี้ก็จะลั่นกุญแจแล้ว มิควรรั้งเวลาองค์ชายออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ
องค์ชายสี่พยักหน้า
อืม กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว แค่มาเยี่ยมน้องสิบสามเท่านั้น เจ้ามีธุระก็รีบเข้าไปเถิด
ฉันรู้สึกว่าเสียงขององค์ชายสี่เหมือนกับอาวุธสังหาร หลี่เต๋อเฉวียนก็ดูจะเกรงๆ องค์ชายผู้เยือกเย็นทั้งสีหน้าและจิตใจองค์นี้มากเหมือนกัน เขารีบคุกเข่าคำนับแล้วเดินเข้าข้างใน
ฮึๆๆ บ่าวเฒ่าผู้นี้มีหน้ามาไล่เราอ้อมๆ อยากรู้จริงๆ ว่าอยู่ข้างนอกมันพูดอย่างไรบ้าง จริงไหมพี่สี่
องค์ชายสิบสี่หันมององค์ชายสี่ แต่คนพี่ปิดปากแน่น
เสด็จพ่อทรงจัดการด้วยความยุติธรรม เมื่อมีพระบัญชาโดยไม่ให้พวกเราเข้าฟังด้วย พวกเราก็วุ่นวายไม่ได้ ไปกันเถอะ
องค์ชายสิบสี่ดูเหมือนจะอยากอยู่แอบฟังที่ข้างผนัง แต่รั้งองค์ชายสี่ไว้ไม่ได้จึงต้องตามพี่ชายไป
ได้ๆ ข้ากลับไปพักที่ตำหนักให้สบายใจดีกว่า พี่สี่ก็รีบกลับวังเถิด วันนี้มีเรื่องมากพอแล้ว ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะทรงลงโทษเช่นไร
ใต้เงาคบไฟ เห็นสีหน้าขององค์ชายสี่เพียงรำไร...ช่างนิ่งสงบเหมือนผิวน้ำในทะเลสาบ ขนาดฟังคำที่ออกจะไม่เป็นมงคลขององค์ชายสิบสี่แล้วสีหน้าของเขาก็ยังไร้ความรู้สึก เพียงแค่ชะงักเท้าไปนิดหน่อยเท่านั้น เห็นเขาแล้วก็ให้ถอนใจ ถึงเขาจะโหดเหี้ยมเย็นชายังไงก็เป็นห่วงองค์ชายสิบสามด้วยใจจริง จึงไม่แปลกเลยที่ต่อไปภายหน้าองค์ชายสิบสามถึงกับยอมถวายชีวิตให้เขาได้
เฮ้อ...
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่องค์ชายสี่กลับหยุดชะงักและหันขวับมองมาทางฉัน ฉันตัวแข็งทื่อไม่กล้าไหวติง
พี่สี่? องค์ชายสิบสี่หยุดตามอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไม่มีอะไร
องค์ชายสี่พูดจบก็รีบเดินไป องค์ชายสิบสี่จึงรีบสาวเท้าตาม
โอย แม่เจ้า! ตกใจหมดเลย! ฉันตะแคงหูฟังจนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วถึงค่อยๆ ยืนขึ้น
เหน็บกิน...เจ็บจี๊ดจนต้องสูดปาก
ฉันนั่งนวดขาเบาๆ บนม้าหิน ในหัวก็คิดไปเรื่อย วันนี้มันวันอะไรกันนะ ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนเป็นต้องนั่งแข็งค้างกระดุกกระดิกไม่ได้ แถมถูกยัดเยียดให้ฟังอะไรที่ไม่อยากฟังอีกต่างหาก
ทูลพระนาง เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวกลับไปทูลตอบพระดำรัสก่อน พระองค์สำราญพระอิริยาบถเถิด
เสียงเป็ดเทศของหลี่เต๋อเฉวียนดังขึ้นกะทันหันพาฉันตกใจ ฉันหันไปเห็นพระนางเต๋อเฟยทรงออกมาส่งเขา
รบกวนกงกงแล้ว กลับไปทูลฝ่าบาทด้วยว่าขอพระองค์โปรดวางพระทัย
พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา
หลี่เต๋อเฉวียนคุกเข่าคำนับอีกครั้ง
อืม ฝูกงกง ช่วยส่งแทนข้าที
ขบวนคนของหลี่กงกงไปหมดแล้ว พระนางยังทรงมีสีพระพักตร์ดีอยู่ ฝ่าบาทคงลงโทษองค์ชายสิบสามไม่รุนแรงมากนัก...ค่อยโล่งอกหน่อย
ฮัดชิ้ว...
สงสัยฉันจะตากน้ำค้างนานเกินไป เริ่มคันจมูกแล้ว แม้จะพยายามควบคุมตัวเองแต่ก็กลั้นไม่อยู่จนได้
ใครน่ะ
พระนางเต๋อเฟยหันขวับมาทันที เหล่าขันทีและนางในก็ช่วยกันมองหา ฉันบีบจมูกไม่ให้ส่งเสียงอีก แต่ถ้าเกิดทรงสั่งให้องครักษ์ควานหาจนเจอล่ะ...รีบออกไปดีกว่า
ทูลพระนาง หม่อมฉันเองเจ้าค่ะ เสี่ยวเวย
ตงเหมยหัวเราะก่อนใคร
เมื่อครู่นางนำยามาถวาย ข้ายังนึกว่านางจะตามเข้าไปด้านในด้วย ไม่คิดว่าแม่คนนี้จะหลบๆ ซ่อนๆ ในพุ่มไม้มืดๆ แบบนี้เพคะ
พระนางเต๋อเฟยทรงแย้มสรวล
ทำอะไรอยู่ตรงนั้นหรือ
ฉันลูบจมูกยิ้มเขิน
ทูลพระนาง ภายในตำหนักคนมากมาย แทรกเข้าไปคงไม่ไหว แต่ก็กลัวพระนางจะรับสั่งให้หา จึงรออยู่ด้านนอกเพคะ ฉันยกความจงรักภักดีขึ้นมาอ้าง
พระนางพยักพระพักตร์น้อยๆ
อืม เจ้ามีแก่ใจยอมลำบาก คืนนี้อากาศเย็นนัก ประเดี๋ยวจะจับไข้ เจ้าเข้ามาเถิด ครั้นแล้วพระนางก็เสด็จกลับเข้าไป
ฉันยืนอึ้งอยู่กับที่ แบบนี้จบไม่สวยแล้ว ดูเหมือนจะจงรักภักดีจนได้เรื่อง ฉัน...ฉันไม่อยากเข้าไปข้างในนี่นา
นี่...
หา?
ตงเหลียนสะกิดจากด้านหลัง ยืนหัวเราะคิกคัก
เจ้าคนน่าหมั่นไส้ ช่างประจบเอาใจเก่งเสียจริง ยังไม่รีบเข้าไปอีก หรือจะรอให้คนหามเสลี่ยงมารับ พูดจบก็แกล้งถลึงตาใส่แล้วยื่นมือมาจูงฉันเข้าไปข้างใน
ฉันยิ้มเศร้า เลียขาจนเจอแข้งแล้วสิคราวนี้ พระนางเต๋อเฟยนั้นไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าวันนี้ฉันไม่โดนองค์ชายสิบสามเล่นงาน ให้ฉันตีลังกากลับหัวเขียนชื่อเลยเอ้า
พอเข้ามาด้านใน ไอร้อนก็ลอยวนจนฉันทนไม่ไหว
ฮัดชิ้ว...
เสี่ยวเวย ประเดี๋ยวเจ้ากลับไปดื่มชาร้อนๆ อังไฟเสียหน่อยก็จะดีขึ้น
ฉันรีบย่อกายคำนับ
เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว
ฉันขยับไปยืนก้มหน้างุดเป็นนกกระจอกเทศอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าเงยหน้ามองสุ่มสี่สุ่มห้า ตอนนี้ขอแค่ไม่ต้องเห็นเป็นพอ ส่วนใจจะพะว้าพะวังแค่ไหนอย่าไปพูดถึงเลย
อิ้นเสียง เจ้าได้ยินพระบัญชาของเสด็จพ่อแล้วสินะ สองสามวันนี้พักอยู่กับข้าที่นี่ก่อน ทรงให้ข้าอบรมบ่มเพาะเจ้าให้ดี พระราชชายาทรงเว้นจังหวะแล้วจึงตรัสต่อ แม้ข้าจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเจ้า แต่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนองค์ชายสี่และองค์ชายสิบสี่ สตรีเช่นข้าอาจจะพูดหลักคำสอนไม่เป็น แต่เราแม่ลูกก็พูดคุยกันเข้าใจไม่ใช่หรือ
พ่ะย่ะค่ะ ลูกเติบโตมากับพี่สี่ตั้งแต่เล็ก มีท่านดูแลประหนึ่งมารดามาตลอด ท่านอบรมสอนสั่งอันใดลูกไม่เคยไม่ทำตาม เสียงของเขาแหบพร่าคล้ายกับคนเจ็บคอ ได้ยินแล้วใจเจ็บหนึบขึ้นมาทันที
อืม ดีแล้ว เสี่ยวเวย...
อ๊ะ? เพคะ ฉันรีบขยับเข้าไปใกล้
เจ้าเอาสีผึ้งพวกนั้นไปเก็บที ผึ่งไว้เช่นนั้นฤทธิ์ยาจะจางหมด
เพคะ
ฉันเงยหน้าขึ้นเห็นกล่องยาวางอยู่บนเตียงคั่งจึงเข้าไปเก็บด้วยท่าทางเกร็งๆ แต่เก็บไปได้ครึ่งเดียว...
พระนางท่าน ข้ายังเจ็บตรงข้อนิ้ว
จู่ๆ เสียงองค์ชายสิบสามก็ดังขึ้น ฉันเผลอเงยหน้าขึ้นมองเขา องค์ชายสิบสามเอนกายอยู่ตรงหมอนอิง สองตาจ้องมองมาเป็นประกายวาวโรจน์ ที่คางมีรอยเขียวช้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ฉันรู้สึกแต่ว่าไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย ดวงตาจ้องประสานกับเขา นึกเดาว่าในแววตานั้นซ่อนความคิดอะไรไว้
อย่างนั้นหรือ ตรงที่ฟกช้ำนั้นต้องนวดคลึงจึงจะหาย ไม่เช่นนั้นจะเจ็บไปถึงเอ็น เสี่ยวเวย ไปสิ
พระนางเต๋อเฟยทรงมองนิ้วขององค์ชายสิบสามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะตรัสคำสั่งนี้กับฉัน หึย...องค์ชายสิบสามคงไม่ปล่อยฉันแน่ ฉันหยิบสีผึ้งเข้าไปหาอย่างลังเล ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกระดากอายที่ต้องสัมผัสตัวเขา เขาทำหน้าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม คล้ายกับกำลังมองฉันอย่างท้าทาย ฉันจับมือเขาไว้อย่างมั่นคง สูดลมเข้าทางปากเรียกกำลังใจแล้วก้มลงมองมือนั้น
อ๊ะ! มือของเขามีแต่รอยเขียวช้ำไปทั้งห้านิ้ว บ้างก็ถึงขั้นคล้ำม่วง บ้างก็เห็นเลือดซิบๆ แม้จะทายาไปแล้วแต่ก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี องค์ชายสิบสี่หลอกกันชัดๆ
หัวใจของฉันตอนนี้เหมือนถูกมือน้ำแข็งข้างหนึ่งบีบเค้นอย่างเลือดเย็น ทั้งหนาวเหน็บทั้งเจ็บช้ำ ความปวดร้อนวาบจับที่ดวงตา หยดน้ำอุ่นๆ หยดลงบนหลังมือขององค์ชายสิบสาม นี่ฉันร้องไห้เหรอ...
ยังไม่ทันรู้เลยว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้ก็รู้สึกแน่นๆ ที่มือ ฉันกะพริบตาปริบๆ เพิ่งเห็นว่ามือของฉันถูกองค์ชายสิบสามกระชับจนเจ็บ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ เขาไม่ได้ทำหน้าปั้นปึ่งแบบนั้นแล้ว แต่กลับจ้องมองฉันอย่างจริงจัง ฉันไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง ได้แต่มองเขาอยู่เงียบๆ แล้วสายตาของเขาก็อ่อนโยนลง ฉันงุนงง นิ้วของเขากำลังลูบฝ่ามือของฉันเบาๆ
เสี่ยวเวย อย่าออกแรงให้มากนัก เบาๆ ก็พอ เสียงของพระนางดังขึ้นจากด้านหลัง
เพคะ ฉันขานรับด้วยความประหม่า แต่ก็ถลึงตาใส่องค์ชายสิบสามทีหนึ่ง เขาจึงยิ้มตาหยีให้
กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว...ถึงฉันจะยังทำหน้าเฉย แต่ในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง กำแพงที่กั้นระหว่างฉันกับองค์ชายสิบสามได้ทลายลงไปแล้ว วันนี้ทั้งวันมีช่วงเวลาให้ดีใจก็ตอนนี้นี่แหละ หึๆๆ ดีที่ม้าป่าตัวนี้แค่ตะกุยดินขู่ ไม่ได้ถึงขั้นดีดเตะ ไม่อย่างนั้นชะตาชีวิตของฉันคงพลิกผันแน่นอน
ฉันตั้งใจนวดคลึงแผลให้เขาอย่างเบามือ พระนางเต๋อเฟยทรงเห็นว่าพอสมควรแล้วจึงรับสั่งให้ฉันหยุด ฉันจะไปเก็บของ องค์ชายสิบสามก็กลับจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย ฉันรีบพลิกข้อมือออกอย่างมีชั้นเชิงเพื่อไม่ให้กระทบแผลของเขาจนเจ็บขึ้นไปอีก ถึงยังไงพระนางก็ยังประทับอยู่ เขาคงไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อ ฉันยิ้มกริ่มเก็บข้าวของเข้าที่และแอบทำหน้าทะเล้นใส่ เขาถึงกับชะงัก และแล้วฉันก็รีบหันกลับมาย่อกายคารวะพระนาง
หากพระนางไม่มีกิจอันใดแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ
พระนางเต๋อเฟยทรงพยักพักตร์
ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าเอาของพระราชทานในวันนี้ไปเก็บไว้ด้วยกันเสีย
เพคะ
ฉันเดินไปในห้องด้านข้าง เห็นบนโต๊ะมีลูกประคำไม้จันทน์กับแส้หยกด้ามหนึ่งวางอยู่ในกล่องไม้บุไหมทองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานเนื่องในวาระงานไหว้พระจันทร์ จึงรีบเก็บให้เรียบร้อย พลันได้ยินเสียงพระนางดังมาจากด้านนอก
กลางคืนเจ้าก็นอนที่เรือนตงฮวาเถิด ที่นั่นค่อนข้างมิดชิด จะได้ไม่ต้องโกรกลม เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ไปเฝ้าปรนนิบัติคนหนึ่ง ไม่ต้องไปเรียกคนจากตำหนักของเจ้าให้ยุ่งยาก เจ้าว่าเช่นไร
พ่ะย่ะค่ะ แล้วแต่พระนางทรงเห็นควร องค์ชายสิบสามน้ำเสียงแจ่มใส
ดี เช่นนั้นก็...
พระนางทรงหยุดคิดครู่หนึ่ง เป็นจังหวะที่ฉันถือของเดินออกมาจากด้านในพอดี องค์ชายสิบสามบุ้ยปากมา พระนางเต๋อเฟยทรงเห็นก็ชะงัก ฉันไม่ได้ใส่ใจ เดินไปถวายบังคมทั้งสองเพื่อลากลับ แต่เดินไปถึงแค่ที่ประตูก็ได้ยินเสียงพระนางตรัสขึ้นว่า
เสี่ยวเวย คืนนี้เจ้าไปเฝ้าที่เรือนตงฮวาให้ข้าที
ฉันชะงักกึก รู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางหัว ฉันหันกลับไปอย่างเหวอๆ
อะไรนะเพคะ
องค์ชายสิบสามเห็นฉันทำท่าเหมือนถูกถีบเข้ากลางตัวก็หัวเราะลั่น
เช่นนั้นคืนนี้คงลำบากเจ้าแล้ว
ยังจะมายิ้มพูดกับฉันอีก...