Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 15 : ผู้นำรุ่นเก่า (แก่) ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12052036/W12052036.html

บทที่  15


“ทำอะไรกันน่ะหา เอารถมาโค่นมาทำลายต้นไม้ได้ยังไง ใครสั่งให้มาไม่รู้หรือไงว่านี่มันที่ดินป่าสาธารณะของชาวบ้านนาดี ใครจะมาทำอะไรในที่ดินบริเวณนี้ชาวบ้านต้องรับรู้ด้วย”

หลังจากเห็นรถบุกรุกทำลายต้นไม้แล้วใจพู่ชมพูก็ร้อนรุ่มจนอยู่เฉยไม่ได้ถึงขนาดต้องรีบบึ่งรถเครื่องมาดูแม้พิณไพลินจะให้ใจเย็นๆ ก่อน พอจอดรถเครื่องแล้วพู่ชมพูก็เดินอย่างเร่งรีบเข้าไปร้องถามชายร่างผอมดำสวมหมวกไม้ไผ่สานสีส้มที่กำลังยืนเท้าสะเอวมองดูรถแทรกเตอร์ที่เดินหน้าเกรดเอาต้นไม้ลงไปทางด้านชายป่าด้วยเสียงอันดัง คนที่เธอรู้จักสักคนแม้จะเคยเห็นหน้าค่าตาบ้างก็ยิ่งทำให้เธอหวั่นใจอะไรบางอย่าง

“อะไรกัน? มาจากไหนเนี่ยอีหนูมาถึงก็โวยวายเลยนะ นี่มันป่าสาธารณะที่ไหนกันล่ะ รู้ไหมว่าตอนนี้มันกลายเป็นของนายไตรภพแล้ว นายไตรภพเขาเพิ่งซื้อมาเมื่อวันสองวันนี่เอง” ชายร่างผมลดมือลงหันมาตอบ

“เฮ้ย มันจะเป็นที่ของนายไตรภพได้ยังไง ในเมื่อที่ตรงนี้กันไว้เป็นที่สาธารณะไว้ให้หมู่บ้านใช้ประโยชน์ จะมาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ยังไง หยุดก่อนเลยนะ ! บอกให้คนขับหยุดก่อน ไม่งั้นฉันจะโทรไปแจ้งอบต.ให้มาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าอบต.ยังหยุดไม่ได้ก็จะเรียกตำรวจ”

เสียงจริงจังหนักแน่นของพู่ชมพูทำให้ชายที่คุยกับเธอขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าตื่นกลัวไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ อึดใจก็รีบสาวเท้าไปหาคนขับรถแทรกเตอร์ที่หยุดรถแล้วและกำลังหันมามอง เมื่อเดินไปถึงทั้งสองก็คุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียดพลางมองมาทางพู่ชมพู ในขณะที่ชายร่างท้วมผิวขาววัยประมาณยี่สิบกว่าเดินจากรถแบ็คโฮลมาหาพู่ชมพู

“มีปัญหาอะไรเหรอเจ๊”

“ฉันไม่ได้มีปัญหา แต่เพราะเป็นคนบ้านนาดีเห็นคนยกโขยงเอารถจากที่ไหนไม่รู้มาบุกรุกถางป่าสาธารณะของหมู่บ้านก็เลยรีบมาดู แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าต้นเหตุมาจากนายไตรภพ ถามหน่อยว่านายไตรภพเข้าทางไหนถึงทำอย่างนี้ได้ แล้วพวกนายไม่กลัวตำรวจจับหรือไง” หญิงสาวตอบร่ายยาวก่อนจะย้อนถามในตอนท้าย

“เอ๊า ผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมไม่ใช่คนแถวนี้ไม่ใช่พนักงานที่ดินเพิ่งมาสมัครงานกับนายไตรภพ พี่ชัยกับพี่อ๋องเป็นคนสั่งให้มาทำงานก็ทำ”

พู่ชมพูเม้มปาก ดูจากสีหน้าแล้วเธอเชื่อว่านายคนนี้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ในขณะที่นายคนที่เพิ่งเดินจากเธอไปหาคนขับรถแทรกเตอร์ก็ดูเหมือนจะรู้ในสิ่งที่เจ้านายบอกแต่ไม่รู้จริงสิ่งที่เจ้านายทำนั้นมันผิดเต็มประตู เธอยังไม่ทันจะพูดอะไร ชายคนแรกที่เดินไปคุยกับคนขับรถแทรกเตอร์ก็เดินกลับมา

“เฮ้ย พวกเราอย่าเพิ่งทำอะไร นายบอกว่าให้หยุดงานไว้ก่อน”

“อ้าว ซะงั้น โฮ้ย...” เสียงชายร่างอ้วนโวย ก่อนจะหันมามองพู่ชมพูเหมือนเป็นตัวขัดให้งานไม่เสร็จ

“เพราะเจ๊ทีเดียว”

“ยังจะกล้ามาโทษฉัน ความจริงน่าจะขอบคุณฉันมากกว่านะที่มาบอกให้รู้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาบุกรุกได้ตามใจ ต่อให้บอกว่าซื้อมาก็ตามเถอะ ถามหน่อยว่าเอกสารสิทธิ์นั้นออกโดยเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิ์ออกให้หรือเปล่า แน่จริงเอามาเปิดดูให้เห็นจะๆ กันไปเลย”

“หัวหมอดีนักนะอีหนู ระวังตัวไว้เถอะ” นายคนร่างผอมเอ่ยเสียงฉุนๆ แต่พู่ชมพูไม่คิดจะโต้ตอบอีกเธอเดินกลับไปยังรถ นึกถึงคำเตือนของมารดาที่ไม่ให้เป็นคนมุทะลุบุ่มบ่ามประกอบกับนึกถึงความเป็นจริงที่เป็นเพียงแค่ผู้หญิง แต่ที่ขับรถมาดูถึงที่นี่เพราะทนเห็นไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้แค่พวกนั้นยอมดับเครื่องยนต์และหยุดการกระทำไว้เพียงแค่นี้เธอก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ในใจจะยังเดือดพล่านว่า นายไตรภพทำไมถึงกล้า และใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องปล่อยให้นายไตรภพอ้างสิทธิ์ได้ขนาดนี้ !!!

                          ******************

“นังหนูพู่ชมพูนี่ชักจะเป็นตัวยุ่งของฉันแล้วแฮะ” ไตรภพเอ่ยเสียงหงุดหงิดกับชัยซึ่งเป็นคนรายงานข่าวเรื่องสาวห้าวแห่งไร่นับดาวขับรถเครื่องไปโวยคนที่เขาส่งไปปรับที่ซึ่งเพิ่งซื้อและออกเอกสารสิทธิ์มา ในขณะที่เป็ดกับไก่โฉบไปโซ้ยส้มตำกับพนักงานบัญชีที่รับซื้อมันสำปะหลัง

“ถ้ามันยุ่งมากนักก็สั่งสอนเสียหน่อยก็ได้นี่ครับ ผู้หญิงยังไงก็เป็นผู้หญิงวันยังค่ำ ทำอวดเก่งปากกล้าไปก็เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วก็สู้เราไม่ได้อยู่ดี” ชัยเสนอแนะ

“นั่นสิ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ทำให้ผิดข้องหมองใจกันแล้วนะ เพราะฉันก็อยากจะได้ที่ดินไร่นับดาวอีกอย่างอยากจะเป็นเทพบุตรของคนบ้านนาดีมันต้องสร้างภาพดีๆ ไว้หน่อย แต่เห็นอย่างนี้แล้วฉันต้องทำยังไงดีวะ” คนเป็นนายเอ่ยถามอย่างขอความเห็น

“ต้องให้กลัวบ้างครับ ขืนปล่อยไปอาจจะไปฟ้องถึงนายอำเภอหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนายก็ซวยกันพอดี แต่ถ้าเราแอบขู่ไว้หน่อยแบบไม่ให้รู้ตัวก็ได้ รับรองว่าไม่มีหลักฐานและถึงจะสงสัยแต่เราไม่ยอมรับเสียอย่างแล้วจะมาเอาเรื่องอะไรกับเราได้”

“จริงของแก” ว่าแล้วไตรภพก็ยกมือลูบข้างแก้มไปมาด้วยสายตาครุ่นคิดเจ้าเล่ห์

“งั้นเริ่มวันนี้เลยไหมนาย”

ไตรภพยกมืออวบอูมขึ้นห้ามทันควัน ท่าทางยังลังเล “อย่าเพิ่งโว้ย ฉันยังไม่อยากทำว่ะ อีกอย่างถ้าทำไปมันจะไม่สงสัยฉันคนเดียวเลยเหรอวะ”

“กลัวทำไมครับนาย บอกแล้วว่าสงสัยแต่ทำอะไรไม่ได้”

“อย่าเพิ่งเลยดีกว่า รอๆ ดูไปก่อน บอกตามตรงว่าฉันอยากได้ที่ดินไร่นั้นมาก มันติดแม่น้ำทำเลดี ดินก็ดีแบบนั้นปลูกอะไรก็งาม ขืนทำให้สงสัยผิดใจกันไปจะเจรจายากขึ้นกว่าเดิมอีก”

ชัยถอนใจแรงอย่างขัดใจ “โธ่นายก็  ถ้าเราขู่มันนะ นอกจากนังพู่จะไม่กล้ายุ่งเรื่องที่ดินตรงป่านั่น ดีไม่ดีอาจจะกลัวจนไม่กล้าอยู่บ้านนาดีอีก เวลานายไปขอซื้อคราวนี้อาจจะบอกขายทันทีจนเก็บของแทบไม่ทันเลยก็ได้”

ไตรภพหรี่ตามองลูกน้อง “แกก็พูดง่ายสิ  ถึงฉันจะมีเงินอุดตำรวจทั้งจังหวัด แต่ฉันก็ไม่อยากจะเสียชื่อเสียงนะโว้ย อีกอย่าง แม่ของนังหนูพู่ก็สวยไม่เบา บางทีฉันอาจจะลองจีบจริงๆ จังๆ ดู” พูดแล้วก็ทำตาเคลิ้ม ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งกับการติดต่อประสานงานเพื่อเปิดทางให้ธุรกิจเลยไม่ค่อยมีเวลา พอนึกถึงแล้วก็อยากจะลองสะกิดๆ ดูท่าทางเผื่อมีแวว ไตรภพคิดแบบคนที่ไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากมาย

“ลองดูก็ดีนะนาย ของอย่างนี้มันไม่แน่ ถ้าสำเร็จทางก็โล่งได้ทั้งคนได้ทั้งที่”

“เออ...ฉันก็พูดไปยังงั้นแหละ เห็นหน้าลูกสาวคนโตคุณเธอแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฉันเข้าใกล้แม่มันเกินรัศมีห้าเมตรยัยลูกสาวก็คงจะกระโดดกัดคอเลือดโชก เออ...แล้วนี่ไอ้เติ้งมันหายหัวไปไหนของมันวะ” ตอนท้ายเอ่ยถามถึงมือทำเงินอีกราย

“มันกำลังไปจัดการกับของที่เพิ่งได้มาเมื่อคืนครับ”

นัยน์ตาเรียวเล็กเบิกกว้างและเป็นประกาย ไตรภพเอียงศีรษะใหญ่ๆ เข้าไปใกล้ชัยซุบซิบเบา “เหรอ ได้มาจากไหนล่ะ ฉันก็นึกว่ามันวนเวียนอยู่แถวบ้านนี้ไม่ได้ไปไหน ว่าแต่มันได้มาได้ไหนเร็วจัง”

ชัยหันไปมองทางกลุ่มชายหญิงที่กำลังกินส้มตำกันพร้อมกับคุยกันอย่างสนุกปาก ก่อนจะก้มหน้าลงซุบซิบบอก ไตรภพสะดุ้งตาโตขึ้นไปอีก หน้าแดงด้วยความตกใจ

“อะไรนะ ! ทำไมเล่นใกล้ๆ อย่างนี้ เดี๋ยวตำรวจก็ตามกลิ่นง่ายหรอกไอ้นี่ วอนหาเรื่องให้ฉันเดือดร้อนแล้วไหมล่ะ”

“ใครวอนเหรอครับนาย ทำไมต้องวอน” เสียงเป็ดดังขึ้น พลางเดินเข้ามาหาพร้อมกับสูดปากเสียงดังลั่น ปากหนาๆ แดงจัดเหมือนเอาลิปสติกทาห่อเป็นรูปวงกลมเพราะความเผ็ด เพราะข่าวที่ได้รู้ทำให้นายไตรภพหงุดหงิดถึงกับตวาดเอาว่า

“ยุ่งน่ะ ไอ้เป็ด ไอ้เว...”

“ระมะณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ” เป็ดรีบชิงพูดต่อก่อนที่คำด่าของเจ้านายจะจบ นายไตรภพเลยยกขาสั้นป้อมๆ ยึกๆ ใส่ลูกน้องกวนประสาทด้วยความหมั่นไส้แกมโมโห ก่อนจะบอกเสียงห้วน

“ไปเอารถมา ฉันจะไปหาอบต.เปลี่ยน”

“คร้าบนาย”

ไตรภพฮึดฮัดอย่างไม่พอใจขณะกดโทรศัพท์ไปโวยไอ้เติ้งเรื่องความเสี่ยงของการหากินในแถบนี้ ทั้งที่เขายังไม่ได้ติดต่อหาพรรคพวกกับเจ้าหน้าที่พวกมีสีไว้ก่อน หลังจากด่าและสั่งสอนนายเติ้งจนหนำใจแล้วนายทุนจากเมืองกรุงที่คิดจะมาปักหลักสร้างอาณาจักรในบ้านนาดีก็บอกให้เป็ดขับรถไปที่สำนักงานของอบต. เขาต้องเลียบเคียงกับนายกเปลี่ยนว่าเจ้าหน้าที่คนไหนที่พอจะดึงมาเป็นพวกได้บ้าง งานนี้ต้องรีบดำเนินการเพราะเติ้งมันเล่นน่ากลัวเกินไป

                          *****************

“ลุงผู้ใหญ่ ลุงต้องรีบจัดการเรื่องนี้นะคะจะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ถึงแม้พวกนั้นจะหยุดไว้แค่นั้นแต่ดูเหมือนจะรอเวลาเคลียร์เรื่องราวแล้วเตรียมลุยต่อแน่ๆ ถ้าลุงผู้ใหญ่ไม่ทำอะไรพู่จะไปหานายอำเภอหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องกันไปเลย แต่ความจริงไม่ต้องถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้พู่ก็บอกได้ว่ามันผิดเพราะพู่เคยไปดูกับพี่โก้ตอนมาจับพิกัดเขตป่าทำแผนที่ ทำไมจะไม่รู้”

ออกจากป่าของหมู่บ้านพู่ชมพูก็บึ่งรถเครื่องตรงดิ่งมาที่บ้านไม้สองชั้นใต้ถุนโล่งของผู้ใหญ่บ้านมงคลทันที หลังจากเล่าเรื่องให้ฟังแล้วก็ขู่ให้รีบเร่งดำเนินการทันที ในใจสาวห้าวนึกฉิวในความไม่สนใจความเป็นไปของหมู่บ้านของผู้ใหญ่มงคล เสียงรถแทรกเตอร์รถแบ็คโฮลก็ออกจะดังครึกโครมจนสะเทือนเลือนลั่นไปถึงหมู่บ้านอื่นแต่ผู้ใหญ่บ้านกลับนอนเปิดพัดลมเครื่องใหญ่บนแคร่ไม้ไผ่ให้เด็กชายวัยสิบขวบยืนเหยียบขาอย่างสบายใจ

“นังหนู ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งให้เรื่องมันใหญ่โตขนาดนั้น”

ผู้ใหญ่มงคลปราม สีหน้าเคร่งเครียด เพราะรู้ดีว่านายไตรภพเป็นนายทุนเงินหนาคนในหมู่บ้านนับหน้าถือตาทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนแถวนี้มาตั้งแต่เกิด ที่สำคัญนายไตรภพเคยมาทาบทามว่าจะช่วยหนุนให้เขาได้เป็นผู้ใหญ่ในการเลือกตั้งที่จะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ด้วย

“ใจเย็นได้ยังไง นี่มันเรื่องใหญ่นะ แถมพวกนั้นยังไม่ยอมถอยรถกลับแต่ยังรีๆ รอๆ อยู่ อย่างนี้จะให้พู่คิดยังไงล่ะ”

“นังหนู เงียบๆ ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงจะหาทางจัดการ”

ท่าทีไม่เดือดร้อนเหมือนที่เธอเป็นทำให้พู่ชมพูฉุนมากขึ้นไปอีก ทำเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างนั้นแหละ ทั้งที่มันเป็นผลประโยชน์ของหมู่บ้านหรือจะว่าไปป่าชุมชนป่าสาธารณะแห่งนี้เอื้อประโยชน์ในเรื่องอาหารและพืชผักป่าให้กับคนทั่วทั้งตำบลเลยก็ว่าได้ ถ้าเธอเป็นผู้ใหญ่บ้านน่ะหรือ ป่านนี้เต้นเป็นเจ้าเข้าไปแล้ว

โฮ้ย ! เคียด เคียด เคียด ไม่ได้ดังใจเลย คนแก่เป็นผู้นำคนทำไมถึงไม่ทันใจวัยรุ่นเลยนะ นี่เธอลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านดีไหมเนี่ย เห็นท่าเอื่อยๆ เรื่อยๆ แล้วเซ็งในกมล !

“ก็ได้ค่ะลุงผู้ใหญ่ แต่ต้องรีบๆ นะ เรื่องนี้มันต้องสืบสาวราวเรื่องหาที่มาที่ไปว่าใครยอมให้นายไตรภพเข้าไปรุกที่พวกนั้นได้”

ผู้ใหญ่มงคลพยักหน้าส่งๆ “เออ...น่า แล้วหนูก็อย่าเพิ่งพูดมากไปล่ะ ระวังจะถูกข้อหาหมิ่นประมาท คนมีเงินมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ ขืนขัดแข้งขัดขาเขาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวก็อยู่ไม่สุข”

พู่ชมพูแทบปรี๊ดอีกรอบ อยากให้วาระความเป็นผู้ใหญ่หมดวันนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้จุดประทัดจุดพลุไล่ส่งเอาให้หมาเห่าหอนเต้นแร้งเต้นกาด้วยความดีใจ ดีนะที่ผู้ใหญ่มงคลไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านที่เกษียณอายุหกสิบปี ไม่งั้นชาวบ้านคงพึ่งพาใครไม่ได้

“เราทำถูกต้องจะต้องกลัวอะไรกันล่ะ นี่มันเป็นสมบัติสาธารณะของชาวบ้านที่ทุกคนจะใช้ประโยชน์ร่วมกัน ถ้าใครมันจะมาเอาเป็นของตัวเองคนเดียวลุงผู้ใหญ่คิดว่ามันยุติธรรมแล้วเหรอ มันถูกแล้วเหรอคะ?” พู่ชมพูเดือดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นคำพูดกึ่งขลาดกึ่งเกรงใจของอีกฝ่าย

ผู้ใหญ่มงคลมองหญิงสาวที่เห็นมาตั้งแต่เด็กพลางส่ายหน้าเบะปากด้วยความระอา “เอ็งอย่าอวดเก่งให้มันมากนักนังหนูพู่ คนเก่งมักไม่เคยตายดี”

“ลุงพูดเหมือนกลัวพวกมีเงินมีอำนาจเลย ลุงเตือนให้พู่กลัวน่ะก็พอรับฟังได้อยู่ ลุงจะกลัวไม่มีใครว่าถ้ากลัวในฐานของชาวบ้านที่ไม่มีตำแหน่งผู้ใหญ่ค้ำอยู่ แต่นี่ลุงเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้นำ ต่อให้กลัวจนฉี่ราดขี้หดตดหายลุงผู้ใหญ่ก็ต้องทำหน้าที่ ยกเว้นลุงจะลาออกไปให้คนอื่นที่กล้ากว่ามาทำหน้าที่แทน”

“นังพู่” ผู้ใหญ่ตวาดลั่น นิ้วชี้ที่ชี้มายังใบหน้าเนียนสั่นระริก ใบหน้าแดงก่ำปากสั่นจนพูดไม่ออก คนอ่อนวัยกว่าซึ่งกำลังบ้าเหมือนกันพูดต่ออีกเพราะเครื่องกำลังร้อนได้ที่

“ถ้าจะปล่อยให้คนเห็นแก่ตัวทำอะไรก็ได้ตามใจชอบเพราะมีเงินมีลูกน้องมีปืน แบบนี้บ้านเมืองก็ไม่ต้องมีผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องมีกำนันสิ ปล่อยให้คนพวกนั้นมันปกครองไปเลย”

“พอ พอได้แล้วโว้ย” ผู้ใหญ่มงคลร้องออกมาจนได้ หายใจหอบเพราะความโกรธที่ถูกคนอ่อนกว่าแถมยังเป็นผู้หญิงมาสั่งสอนฉอดๆ “ฉันจะจัดการเอง เอ็งไม่ต้องมาทำเป็นหัวหมอเกินผู้ใหญ่บ้าน เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง ไป ไป๊ กลับบ้านไปได้แล้ว ไป๊ !” พูดพลางโบกพัดผ้าขาวม้าโดยแรง จากลุงเป็น ‘ฉัน’ จากนังหนูพู่มาเป็น ‘เอ็ง’ แสดงว่าอารมณ์ขึ้นไม่น้อย

“งั้นพู่กลับก่อนนะคะลุงผู้ใหญ่ แล้วจะมาถามว่าไปถึงไหนแล้ว”

“เออๆๆๆ จะไปไหนก็ไป” ไม่ต้องมาถามอีกเลยเป็นดี แหม...นังนี่ อวดดีจริงๆ

คล้อยหลังพู่ชมพูแล้วผู้ใหญ่มงคลก็หน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม เมื่อวานนายไตรภพแวะมาหาเขาที่บ้านพร้อมกับเบียร์หนึ่งลัง

ก่อนกลับยังเอาเงินให้เขาบอกว่าสามพันบาท

‘หลานสาวผู้ใหญ่กำลังเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ เอ๊า นี่ถือว่าฉันช่วยค่าเทอมเด็กมันนะ ฉันชอบเด็กเรียนหนังสือ เห็นเด็กเรียนแล้วก็อยากมีส่วนช่วยบ้าง’

เขายกมือไหว้ฝ่ายนั้นท่วมหัว ‘ขอบคุณมากครับ นายไตรภพช่างมีน้ำใจเหลือเกิน นังหนูหมิวหลานสาวผมมันชอบเรียนแต่แม่มันไม่มีปัญญาทำมาหากินอะไรเพื่อส่งเสียลูกสาวนอกจากทำนาแต่ละปี จะไปกรีดยางเหมือนชาวบ้านเขาก็ไม่สู้อีก ยิ่งลูกสาวผมนังปิ๋มมันถือว่าสมัยสาวๆ มันสวย ผัวทั้งรักผัวหลงก็เลยเอาแต่ใจทำอะไรก็ไม่เป็นรอให้ผัวเลี้ยงอย่างเดียว งานหนักไม่ค่อยเอางานเบาไม่สู้ ผมก็ช่วยได้บ้างแต่ช่วยได้ไม่เยอะเท่าไหร่’

‘แล้วพ่อนังหนูหมิวล่ะ’

‘พ่อมันก็ไปรับจ้างขับรถในเมืองครับ แต่ก็อยู่ไม่ค่อยทน โดนเขาดุหน่อยก็วิ่งกลับมาอยู่บ้าน พอลูกจะเอาเงินก็วิ่งยืมเขาทั่วหมู่บ้าน’

‘งั้นก็ลองให้มันมาทำงานกับฉันสิ’

‘จริงเหรอครับ ผมจะได้บอกมัน’ ผู้ใหญ่มงคลดีอกดีใจใหญ่ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องช่วยเหลือจุนเจือลูกสาวกับลูกเขย ทุกวันนี้เงินที่ลูกสาวยืมไปก็สะสมมากขึ้นและไม่รู้ว่าจะได้คืนเมื่อไหร่

‘แล้วเรื่องหลานสาวน่ะวันเสาร์อาทิตย์ก็ให้มาทำงานบ้านที่บ้านฉันก็ได้ จะได้มีรายได้พิเศษเป็นค่าขนมไปเรียนหนังสือ’

‘ครับ ขอบคุณมากครับ หลานสาวผมมันคงดีใจเพราะมันอยากได้เงินค่าขนมอยู่เลย’

คิดแล้วผู้ใหญ่มงคลก็เกาหัวแกรกๆ เงินช่วยเหลือฟรีๆ ใครจะไม่อยากได้ นายไตรภพให้เงินมาก็ไม่ได้บอกว่าให้เขาทำอะไรเป็นการตอบแทนเหมือนกับให้เฉยๆ คนมีน้ำอกน้ำใจอย่างนี้หาได้ที่ไหนในหมู่บ้านนาดี แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าไปหักหน้าเรื่องที่ดินได้ยังไง...

                        *****************

“อ๊ายยยย ผู้ชายที่ไหนมาดแมนแฮนซั่มว่ายน้ำอยู่นั่นน่ะ”

เสียงกรีดร้องพร้อมกับกระทืบเท้าจนระเบียงหลังโฮมสเตย์สั่นสะเทือนของสาวหมวยผิวขาวใบหน้าเรียวยาวผมยาวถึงกลางหลังทำให้สาวผิวขาวร่างอวบอึ๋มในชุดสายเดี๋ยวรัดหน้าอกหน้าใจวิ่งรี่ไปหาเพื่อน เต้าสองก้อนสะท้านอารมณ์เด้งดึ๋งดั๋งเหมือนกับจะหลุดออกมาได้

“ไหนๆ นังปุ๊กกี้ ผู้ชายผู้ไหน หล่อล่ำหรือเปล่า”

ปากแดงแป๊ดด้วยน้ำยาอุทัยทิพย์ของอี๊ดห่อเป็นวงกลม ตาโตเท่าไข่ห่าน

“นั่นไง นั่นไง กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ตรงท่าน้ำนั่นน่ะ ว๊ายๆๆๆ ดูท่าพุ่งว่ายน้ำสิ ดูก็รู้ว่าสูงยาวเข่าดี เข้มเต็มร้อยอย่างนี้ฉันชอบ”

ว่าแล้วสาวหมวยก็ยกมือสองข้างขึ้นกุมใบหน้าเนียนแล้วบิดตัวไปมานัยน์เคลิ้มชวนฝัน จะไม่ฝันได้ยังไงในเมื่อแฟนคนที่ผ่านมาเป็นหนุ่มผิวเข้มทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกอีสานผ่านสมรภูมิแดดบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทุกกระบวนท่าแล้วล่ะก็ โดน !!

“แหม...นังหมวยปุ๊กกี้ แกขาวออกอย่างนี้หาผู้ชายแบบไหนก็ได้ ทำไมต้องมาแย่งสเป็คของฉันด้วยนะ ไม่ได้ !  ฉันจะไม่ยอมแพ้แกเด็ดขาด ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นของฉัน”

“ทำไม แกจะทำอะไรนังอี๊ด”

สาวอึ๋มยกมือขึ้นทำท่าสะบัดจากปลายคางออกไปด้านนอกพร้อมกับเชิดใบหน้ากลมขึ้นเล็กน้อยลอยหน้าลอยตา “ฉันก็จะไปเปลี่ยนเสื้อเล่นน้ำน่ะสิ ยามเย็นอย่างนี้น่าเล่นน้ำออก”

“นังอี๊ด แกจะเล่นน้ำอ่อยผู้ชายเรอะ” สาวหมวยแว๊ดใส่เพื่อนเสียงแหลมสูง

“บ้าน่ะสินังปุ๊กกี้ สุภาพสตรีหุ่นดีมีน้ำนมอย่างฉันเขาไม่เรียกว่าอ่อยหรอก เขาเรียกว่าไปเดินเปิดโอกาสให้ชายที่หมายเชย หากเราเคยทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมาแค่ฉันทิ้งสายตาหรือปรายตามองแค่นี้ก็ดึงดูดเขามาใกล้ฉันแล้ว”

“นังหน้าด้าน” สาวหมวยที่ชื่อปุ๊กกี้หมั่นไส้เพื่อนรีบวิ่งจะไปดึงรั้งเสื้อสายเดี่ยวเพื่อนไว้จนนมแทบทะลักทำให้ระเบียงบ้านพักที่ทำด้วยไม้แผ่นหนาๆ สั่นสะเทือน “แกจะไปคนเดียวไม่ได้นะ รอฉันด้วย เอ๊ะ ! แล้วนี่แกจะไปไหน ท่าน้ำอยู่ตรงโน้นไม่ใช่เหรอ”

“ฉันก็จะไปทาแป้งทาลิปสติกก่อนจะไปอาบน้ำน่ะสิ” อี๊ดบอกแล้วพยายามดึงตัวให้หลุดจากมือขาวๆ ของเพื่อน

“หา ! จะลงน้ำยังจะทาแป้งทาลิปอีกเหรอ”

“เซ็กซี่จะตาย แกไม่เคยเห็นในละครเรอะ ขนาดตกน้ำป๋อมแป๋ม ปากยังแดงแจ๋เลย”

ปุ๊กกี้เบิกตากว้าง “แกเป็นนักศึกษาคณะบัญชีนะไม่ใช่ดารา มันจะงามเกินหน้าเกินตากันไปแล้ว”

“โฮ้ย เอะอะเสียงแหลมอะไรกันสองคนนี่ ดังลั่นเข้าไปถึงห้องน้ำเลย ลำไส้ฉันหดหมดแล้ว” สาวผมสั้นแต่งหน้าโฉบเฉี่ยวในชุดซีทรูสีดำเดินกรีดกรายออกมาทำหน้าดุใส่เพื่อนทั้งสอง พลางยืนพิงประตูด้านหลังบ้านพัก

“ก็นังอี๊ดน่ะสินังกุ๊ก จะไปอาบน้ำอ่อยผู้ชายแล้วยังจะทาแป้งทาลิปอีก มันคิดว่ามันเป็นดาราหรือยังไง” ปุ๊กกี้ตอบพลางผลักร่างอวบอึ๋มไปข้างหน้าจนไปติดข้างฝาท่าเหมือนตุ๊กแกกำลังรอกินเหยื่อ

“ไหนๆ ผู้ชายอยู่ไหน” จากท่าทางเหมือนนางแบบกลายเป็นนางมารกระหายผู้ชายขึ้นมาทันที ดีที่น้ำลายไม่หยดติ๋ง

“โน่นไง”

“แกจะไปเล่นน้ำกันใช่ไหม งั้นไปเปลี่ยนชุดเลย ฉันจะไปเดินเล่นรอก่อน”

“ไม่ด๊ายยย !” อี๊ดเสียงแหลมเพราะรู้ทัน “แกจะไปโชว์ตัวเรียกร้องความสนใจเขาก่อนใช่ไหมล่ะ ไม่มีทาง”

“ฉันเห็นก่อน ฉันต้องมีสิทธิ์ก่อน” ปุ๊กกี้เสียงสูงบ้าง

จากนั้นนักศึกษาคณะบัญชีจากมหาวิทยาลัยเอกชนทั้งสามวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว แต่พอไปใกล้ท่าน้ำที่มีชายหนุ่มผิวคล้ามว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่ต่างก็ดึงแขนรั้งกันไว้แล้วค่อยๆ ทำเป็นเดินทอดน่องชี้ชวนดูนกดูไม้ ทั้งที่สายตาเหลือบมองเป้าหมายจนตาแทบเหล่กันไปหมด พอถึงท่าน้ำอี๊ดจึงเอ่ยถามเสียงหวานหยดย้อย

“น้ำเย็นไหมคะคุณ”

ชายหนุ่มยกมือลูบน้ำออกจากใบหน้า ตอบกลับมา “ช่วยให้หายร้อนไปได้เยอะเลยครับ”

“ต๊าย เหรอคะ กำลังร้อนอยู่พอดี งั้นขอเล่นด้วยคนนะคะ” ร่างอวบอึ๋มของอี๊ดก้าวลงน้ำก่อนใคร

“เชิญครับ ผมกำลังจะขึ้นอยู่พอดีเลย”

“อ้าว” “อ้าว” “อ้าว” เสียงทั้งสามอุทานขึ้นพร้อมกันพลางทำหน้าเหรอ ลูกตาสามคู่มองตามเรือนร่างสูงสมส่วนพลางกลืนน้ำลาย เสื้อยืดที่แนบไปกับลำตัวแข็งแรงทำให้เห็นมัดกล้ามที่ไม่ใหญ่เกินงามแต่ดูมั่นคงองอาจเหมาะสำหรับทอดตัวในวงแขนคู่นั้น...

“เอื๊อก”

“เฮ้ย เสียงใครกลืนน้ำลายวะ ดังเป็นบ้า” ปุ๊กกี้กับกุ๊กไก่หันมามอง

อี๊ดหัวเราะแหะๆ “ฉันเอง ผู้ชายอะไรหุ่นดีเป็นบ้าเลย ดูเหมือนผอมแต่ไม่เก้งก้าง โอย...หัวใจไม่เป็นก้อน”

“อะไรนะ?” ทั้งปุ๊กกี้กับกุ๊กไก่ถามขึ้นพร้อมกัน

“หัวใจละลาย”

“แหวะ” “อ๊วก”

                             *****************

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:48:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com