Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Black Gun And Red Rose - กุหลาบแดงและปืนดำ - บทที่ 15 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/02/W11691462/W11691462.html

บทที่ 2 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/02/W11703633/W11703633.html

บทที่ 3 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/02/W11718987/W11718987.html

บทที่ 4 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/02/W11728001/W11728001.html

บทที่ 5 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/02/W11751888/W11751888.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11770861/W11770861.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11795300/W11795300.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11817498/W11817498.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11842423/W11842423.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11862773/W11862773.html

บทที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11882295/W11882295.html

บทที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11912513/W11912513.html

บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11956587/W11956587.html

บทที่ 14 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12030384/W12030384.html

-------------------------------------------------

ขอบคุณกำลังใจจากคุณปันฝัน - บทนี้จบแบบธรรมดาไม่ให้คนอ่านงงแล้วฮะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับผม

ขอบคุณกิฟท์จากคุณรุริกะ - ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ อ๊าก เกิดมะทันฮะ ผมไปเสิร์ชอากู๋ดู ตอนที่ละครออนแอร์ ผมยังติดดร.สลัมงอมแงมอยู่เลย

ขอบคุณกิฟท์จากคุณสามปอยหลวง - ว่างเมื่อไหร่ค่อยอ่านก็ได้ครับอาจารย์

ขอบคุณกิฟท์จากคุณกุหลาบมอญ - ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ npuiy - ออกมาทักทายกันได้เน้อคร้าบ  

ขอบคุณกิฟท์จากคุณกาปอมซ่า - ในเรื่องมันไม่ร้อนเหมือนในโลกภายนอกเนาะครับพี่กาปอม อิอิ บทนี้อากาศดีขึ้นหน่อย แต่ก็ยังอยากได้ของหวานอยู่ดี ขอน้ำแข็งใส่ราดนมข้นหวานใส่ลูกชิดและถั่วแดงหนึ่งที่ครับ!

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ Sniper-1500watt - บทที่แล้วลอดช่องอร่อยเนอะครับ มาบทนี้อย่าทานน้ำแข็งใสจนลืมอ่านนะครับ ฮี่ๆ ล้อเล่นน้า

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ zoi - ผ่อนอีกบท เดี๋ยวต่อไปก็จะกลับมาตื่นเต้นเหมือนเดิมแล้วครับพี่โส้ย

ขอบคุณกิฟท์จากคุณใยไหมกะใบม่อน - บทนี้มีน้ำแข็งใสฮะพี่ไหม อิอิ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณน้ำพรมหนำ - จริงๆ บทที่แล้วยาว 11 หน้ากระดาษแล้วนะครับ เกือบยาวเท่าๆ ความยาวโดยเฉลี่ยเลย แต่อาจจะจบแบบห้วนๆ เลยรู้สึกเหมือนน้อย แต่บทนี้ยาวกว่าบทที่แล้วและไม่รู้จะผ่อนคลายได้มากหรือเปล่า และถ้ายังไม่พอ ก็มีน้ำแข็งใสจากพี่กาปอมให้ดับร้อนต่อครับ (ผมนี่หาผลประโยชน์จากพี่กาปอมน่าดูเนอะ 555+)

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ ravio - เพลงนี้เคยผ่านหูครับ ฟังไปฟังมา เข้าบรรยากาศดีจัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมากๆ ครับ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณกาแฟเย็นเพิ่มช็อต - ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านครับผม

ขอบคุณกิฟท์จากคุณชมภัค - ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ Psycho man - ทิวากรฉลาดเป็นบางเรื่องครับ อย่างเรื่องหัวใจนี่ทึ่มๆ ชอบกลเนอะ ส่วนริสา ผมว่าผู้หญิงน่ารักๆ ส่วนใหญ่เป็นแบบเนี๊ย ตัวจริงโห๊ดโหด อาจารย์ว่ามะครับ อิอิ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณให้เพียงเธอหมดใจ - ผมว่าจะลงประจำทุกวันอังคารสัปดาห์ละหนึ่งตอนนะครับ ขอบคุณสำหรับการรอคอยมากเลย ว่างจากงานเมื่อไหร่ค่อยอ่านก็ได้ครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามมากๆ ครับ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณเงาดินสอ - ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะครับ แหะๆ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณเพชรรุ้งพราย - ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นกันครับ

ขอบคุณกิฟท์จากคุณสะเก็ดดาวเสาร์ - บทนี้น่าจะพอกระจ่างแล้วครับว่าพี่หมิงรู้สึกยังไงต่อน้องมิน อ๊างงง ลืมให้กิฟท์ไม่เป็นไรครับ แค่อย่าลืมอ่านกันก็พอแย้วววว์

ขอบคุณกิฟท์จากคุณห้าสิบป่าย - ไม่ต้องรอนานครับ บทใหม่มาแล้วเน้อ

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านและเข้ามาอ่าน ขอบคุณจากหัวใจเลยครับ ^^

-------------------------------------------------

บทที่ 15

เมืองลำปาง,ห้างฉัตร
โรงพยาบาลห้างฉัตร

บ่ายโมงสามสิบนาที

เดโชกำลังยืนอยู่ข้างเตียงของรัมภา ในขณะที่เรณูนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงและกุมมือลูกสาวไว้ตลอดเวลา

แม้เมื่อคืนบุรุษผู้มีผมสีดอกเลาจะหมดเลือดไปเยอะ แต่ขณะนี้ไม่มีความรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ในจิตใจและร่างกายของเขาเลย

เด็กสาวยังคงหลับสนิท ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษเริ่มปรากฏเลือดฝาดบ้างแล้ว มันเป็นสัญญาณที่ดี เดโชเอื้อมมือออกไปแตะแก้มนวลของเด็กสาว ปลายนิ้วของเขาสัมผัสผิวนุ่มละมุน เป็นวินาทีเดียวกับที่หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด มันเป็นความรู้สึกแห่งความปลาบปลื้มที่ได้เห็นว่ารอยเลือดฝาดที่ไหลเวียนอยู่ใต้ผิวแก้มละมุนนั้น คือเลือดของพ่อที่สละให้ลูกได้อย่างไม่ลังเล

เขาพร้อมสละทุกอย่างให้บุตรสาวคนนี้ได้เสมอ...แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง

ในอดีต เดโชไม่เคยเข้าใจเลยว่าการมีลูกจะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจคนได้อย่างไร แต่บัดนี้เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจอย่างถ่องแท้ชนิดไม่เคยคิดว่าจะเข้าใจมาก่อน โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินข่าวว่าบุตรสาวโดนยิง สำหรับเขามันเป็นมากกว่าความรู้สึก แต่มันเป็นสัญชาตญาณจากก้นบึ้งของหัวใจ เดโชเชื่อว่าพ่อทุกคนย่อมรักและอยากปกป้องลูก เพราะมันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาพร้อมกับความเป็นมนุษย์  

หากพ่อคนไหนไม่รักลูก คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่มนุษย์แล้ว

“เฮียโช เมื่อเช้าเฮียจัดการกับไอ้กำธรยังไง บอกอั๊วได้มั้ย?” เรณูทำลายความเงียบด้วยเสียงราบเรียบ หล่อนยังคงลูบมือของรัมภาทุกๆ นาทีราวกับว่าการทำอย่างนั้นจะทำให้บุตรสาวฟื้นคืนสติลุกขึ้นมานั่งคุยด้วยกัน ไม่นอนเงียบงันอีกต่อไป

“ก็บอกไปตามความจริง – ถ้าสิ่งที่ไอ้หมิงเล่ามันคือความจริงน่ะนะ” เดโชตอบ เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยเสียงเข้มขรึมผ่านลำคอหลังเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้เกือบจะสิบนาทีแล้ว

“แบบนี้ไอ้กำธรก็พุ่งเป้าไปที่อาหมิงเต็มที่เลยสิ” สาวใหญ่พูด น้ำเสียงปราศจากความรู้สึกใดนอกจากความโล่งอกที่ฝ่ายชายสามารถเหวี่ยงงูให้พ้นคอได้สำเร็จ หล่อนรู้ว่าหลังจากนี้พ่อเลี้ยงกำธรแห่งเกาะคาจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับหล่อนหรือเดโชอีก แต่จะหันไปแยกเขี้ยวของความเป็นสิงห์เฒ่าใส่ทิวากรและเพื่อนผู้ลึกลับซึ่งเป็นคนลั่นกระสุนใส่กบิล

เดโชเหยียดยิ้มบนริมฝีปาก “ช่างปะไร ก็มันอยากเล่าเรื่องแบบนั้นเองนี่”

“เฮียพูดเหมือนไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่อาหมิงเล่า” เรณูกระซิบ หัวคิ้วขมวดอย่างสงสัย

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่อั๊วรู้สึกเหมือนมันจะเล่าความจริงไม่หมด” เดโชตอบขณะลากเก้าอี้มาทรุดนั่งข้างเตียงของรัมภา เขาวางข้อศอกลงบนขอบเตียงและโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อสบตามองเรณูที่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม “ไอ้หมิงกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับพวกเรา มันบอกว่าเพื่อนมันมาช่วยในตอนเกิดเหตุ แต่ทั้งอั๊วทั้งลื้อทั้งไอ้เล้งไม่มีใครสักคนเห็นหน้าเพื่อนมันคนนั้น ทั้งๆ ที่ไอ้หมิงก็บอกว่าเพื่อนมันถูกคนงานยิงและรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินเวลาเดียวกับยัยภา”

“เฮียสงสัยเรื่องอะไรหรือ?”

“อั๊วสงสัยว่าเพื่อนไอ้หมิงเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงไปโผล่ที่ป่านั่นได้อย่างที่ถูกเวลาเหลือเกิน” เดโชตอบ “เช้านี้อั๊วให้ลูกน้องลองไปถามพยาบาลว่าคนไข้ที่ถูกยิงมาเมื่อคืนพักอยู่ห้องไหน แต่พยาบาลบอกว่ามันย้ายไปพักรักษาตัวที่อื่นแล้ว”

“ถ้าอยากรู้ อั๊วว่าเฮียก็น่าจะให้ค่าเปิดปากแม่นั่นไปสักหน่อยสิ” เรณูกระซิบต่อ

เดโชส่ายศีรษะ “โรงหมอไม่ใช่ที่ของอั๊ว อั๊วจะไม่โปรยเงินโดยไม่ดูคน และอีกอย่าง ไม่แน่ไอ้หมิงมันอาจจะให้ค่าเก็บความลับไว้แล้วก็ได้”

เรณูหลุบสายตามองแขนของลูกสาวที่ปรากฏรอยขูดขีดจางๆ ของกิ่งไม้จากการผจญภัยในป่าเมื่อคืน แล้วจึงเงยหน้ามองบุรุษผู้นั่งอยู่ด้านตรงข้าม หล่อนกระซิบออกมาอย่างกลัวว่ารัมภาอาจจะได้ยิน “ทำไมอาหมิงต้องทำอย่างนั้น เฮียน่าจะลองถามเฮียเล้งดูนะ”

“ถามน่ะถามแน่ รอให้เจอหน้ากันก่อนเท่านั้น” เดโชบดกรามกรอด “เมื่อวานอั๊วยังไม่ได้จัดการลูกมันเลยเรื่องที่ให้คนมาตรวจสอบบัญชีรีสอร์ทของอั๊ว ไอ้เด็กนี่มันชักจะกำแหงใหญ่ เห็นอั๊วไม่เรียกมาเตือนหน่อยเท่านั้นนึกหรือว่าอั๊วจะยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ”

พูดจบเดโชก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างระบายอารมณ์ แต่ก็ต้องรีบปรับสีหน้าทันทีเมื่อบังเกิดเสียงประตูห้องถูกเปิดออก เดาว่าคนที่กำลังอยู่ในประโยคสนทนาระหว่างเขากับเรณูได้มาถึงแล้ว เดโชลุกขึ้นยืน หมุนตัวกลับไปและขึงตามองผู้เข้ามาด้วยสายตาเย็นยะเยียบ

พิชิตเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าบ่งบอกว่าผ่านการนอนไม่หลับมาทั้งคืน ส่วนผู้ที่เดินตามมาด้านหลังนั้นคือทิวากร ใบหน้าของหนุ่มตี๋ราบเรียบไม่มีความสะทกสะท้านใดต่อความเปลี่ยนแปลงของประกายในดวงตาแปะโชและโกวเจิน ซึ่งไม่เคยจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน

ทิวากรหรี่ตามองบุรุษและสตรีผู้นั่งเฝ้าข้างเตียงรัมภาชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตาไปไหน หนุ่มตี๋มีความมั่นใจมากขึ้นในสิ่งที่เขาคิด เดโชและเรณูเป็นห่วงรัมภามากถึงขนาดยอมยกเลิกการพูดคุยกับทนายทรงกลดและส่งทนายผู้นั้นขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพไปเมื่อเช้านี้โดยนัดพบให้มาพูดคุยกันใหม่สัปดาห์หน้า

หนุ่มตี๋ได้แต่ปั้นยิ้มให้เดโชและเรณูอย่างไม่มีอะไรผิดปกติขณะเดินตามบิดาเข้าไปหยุดยืนข้างเตียงของคนเจ็บ

สายตาของทิวากรจับอยู่บนใบหน้ารัมภา และจะด้วยรับรู้ว่าเขาผู้เป็นพระเอกในดวงใจมาหาหรืออย่างไรไม่ทราบ รัมภาที่นอนหลับโดยไม่ขยับเขยื้อนตัวมาตลอดสองชั่วโมงก็พึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนพลิกกายหันตะแคงข้างมาทางเขา ทิวากรกลัวแขนเธอจะทับสายน้ำเกลือจึงเอื้อมมือออกไปจับมือของเธอขยับให้เข้าที่ แล้วจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ เห็นดีแล้วจึงรีบปล่อยเพราะรับรู้ถึงความไม่พอใจจากแววตามารดาของเด็กสาว

“อั๊วได้ยินคนข้างล่างคุยกันว่าเมื่อเช้าไอ้กำธรบุกมาที่นี่” พิชิตพูดขึ้นเสียงเครียด

“ใช่ มันมาที่นี่” เดโชตอบ แล้วยิงคำพูดแสกหน้าจนอีกฝ่ายแทบหน้าหงายในทันที “และหลังจากนี้ลูกลื้อก็คงต้องระวังตัวให้ดี ไอ้กำธรมันล้างแค้นให้ลูกมันแน่”

พิชิตเม้มปากเน้น หันมามองทางบุตรชายอย่างหนักใจ ก่อนหันกลับไปที่พี่ชายร่วมสาบานอีกครั้ง

“อั๊วอยากให้เฮียช่วยอาหมิงมันหน่อย อย่าให้ไอ้กำธรมันทำอะไรอาหมิงเลย”เขาพูดอย่างอ้อนวอน “เห็นแก่หลานเถอะเฮีย อั๊วรู้ว่าถ้าเฮียออกหน้า ไอ้กำธรมันคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงแน่”

ทิวากรอ้าปากค้าง “อะไรกันป๊า ไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงอั๊วเลย – ”

เดโชหัวเราะแทรกคำพูดของหนุ่มตี๋ขึ้นมากลางคัน “เห็นไหม อาเล้ง ลูกลื้อมันอวดดี มันคงไม่ยอมให้อั๊วช่วยหรอก”

พิชิตลากแขนทิวากรมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าผู้ที่อาวุโสที่สุดในห้อง บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นบนแก้มพูดพลางเอื้อมมือกดศีรษะบุตรชายให้ค้อมลงอย่างร้อนรน  “ขอร้องแปะเขาสิ อาหมิง ขอร้องแปะเขา พักนี้ลื้อทำตัวเป็นเด็กดื้อมากนะ รู้ตัวหรือเปล่า“

รอยยิ้มเหยียดหยันผุดขึ้นบนใบหน้าของเดโชทันทีเมื่อเขาเห็นว่า นอกจากทิวากรจะไม่ค้อมศีรษะแล้ว หนุ่มตี๋ยังค่อยๆ แกะมือบิดาออกจากแขนของตัวเองอย่างไม่ให้แข็งกระด้างเกินไปอีกด้วย

“อั๊วดูแลตัวเองได้น่าป๊า อย่ารบกวนให้แปะเขาเดือดร้อนดีกว่า” ทิวากรกล่าว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบิดาถึงยังเชื่อใจเดโชอยู่อีก ทั้งที่เขาก็อธิบายความน่าสงสัยให้ฟังไปแล้วเมื่อคืน แต่บิดาเขากลับเหมือนจะลืมเลือนมันไปอย่างรวดเร็วเหลือเกินในเช้านี้

“เจ้าเด็กโง่!” พิชิตต่อว่าบุตรชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ในชีวิตนี้เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก

“อั๊วไม่เด็กแล้วนะป๊า เมื่อไหร่จะมองอั๊วเป็นผู้ใหญ่สักที” ทิวากรละสายตาจากใบหน้าของบิดา หันไปทางใบหน้าของเดโช

หนุ่มตี๋ฉีกยิ้มเรียบๆ ออกมาก่อนกล่าวต่อ “แปะไม่ต้องเป็นห่วงอั๊วหรอกนะครับ อั๊วโตแล้ว  ดูแลตัวเองได้” หยุดเว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย “และอั๊วยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของแปะได้ด้วย ถ้าแปะต้องการ”

เดโชไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลย  มันเป็นสายตาของนักล่าที่จ้องมองเหยื่อให้หย่อนเท้าลงไปติดกับดัก “ลื้อต้องการจะพูดอะไรหะ อาหมิง?”

ทิวากรรอคอยที่จะตอบคำถามนี้อยู่แล้ว “อั๊วเข้าใจว่าช่วงนี้แปะยุ่งมาก อั๊วเลยอยากจะขอเป็นคนช่วยแปะสืบหาตัวคนใช้ที่ใส่ผงชูรสฆ่าพ่อเลี้ยงเองครับ คนใช้ที่ชื่อชื่นจิตรคนนั้น อั๊วจะต้องสืบหาตัวมารับโทษให้ได้”

เกิดความเงียบขึ้นเมื่อหนุ่มตี๋หย่อนกับดักลงไป เขายังคงฉีกยิ้มและจ้องมองใบหน้าของเดโชไม่วางตาเพื่อมองหาความเปลี่ยนแปลง

กับดักของเขาทำงานอย่างฉับไว แต่ผู้ที่หย่อนเท้าลงมากลับไม่ใช่เดโช ทว่าเป็นเรณู

หล่อนผุดลุกขึ้นยืน ส่งเสียงเหยียดหยันข้ามเตียงมาทันที “ขนาดตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด ยังจะมีหน้ามาอาสาตามจับตัวคนร้ายอีกหรือ นี่โกวพูดด้วยความหวังดีนะหมิง ลื้อควรแก้ปัญหาของตัวเองให้ได้ก่อนที่จะมาเสนอหน้าแก้ปัญหาของคนอื่นแบบนี้”

ทิวากรหันหน้าไปทางหล่อน “ขอบคุณที่เตือนครับโกว แต่ปัญหาของอั๊ว อั๊วคิดว่าจัดการได้ไม่ยาก” เขาหันกลับมาที่เดโช “อั๊วอยากช่วยแปะสืบเรื่องนี้มากกว่า”

“ทั้งๆ ที่มีพ่อเลี้ยงกำธรจ้องเล่นงานลื้อตาวาวน่ะนะ?” เรณูพูดต่ออย่างเหยียดๆ

“ครับ”

“นี่ลื้อกำลังดูถูกหาว่าอั๊วไร้น้ำยาตามหาตัวคนร้ายไม่ได้ใช่ไหม?” แม้บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาจะไม่ได้พูดเสียงกระชากแสดงความไม่พอใจ แต่น้ำเสียงเยียบเย็นล้ำลึกของเขาก็สามารถเขย่าขวัญผู้รับฟังมาได้นักต่อนักแล้ว เดโชคาดว่าจะเห็นแววประหม่าลนลานในดวงตาของหลานชาย

แต่เขากลับพบความสงบนิ่งตอบกลับมา

“ไม่ใช่นะครับแปะ แปะกำลังเข้าใจอั๊วผิด อั๊วแค่ต้องการช่วยแปะเท่านั้น แต่ถ้าแปะไม่ต้องการ อั๊วก็ไม่ขัดข้อง” ทิวากรเน้นประโยคหลังสุดเป็นพิเศษ “เพราะบางทีเด็กอย่างอั๊วอาจจะทะเล่อทะล่าไปขวางทางแปะโดยไม่รู้ตัวก็ได้”

เดโชกำหมัดแน่น ข้อความที่ทิวากรพูดออกมาคล้ายจะแฝงสารท้าทายไว้ไม่น้อย

เขาต้องตอกกลับไปเสียบ้าง

“ขอบใจที่คิดช่วยอั๊วนะอาหมิง แต่เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างลื้อ ยิ่งเข้ามาช่วย จะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งขึ้นเสียมากกว่า” บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาผุดยิ้มบนใบหน้าขณะเอื้อมมือออกมาตบไหล่ทิวากร “จัดการเรื่องเพื่อนของลื้อให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นแล้วไม่ใช่หรือ อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

ทิวากรผงกศีรษะ “ก็ดีครับ อย่างน้อยก็ยังไม่ตาย”

“โชคร้ายนะ เข้ามาช่วยแท้ๆ แต่โดนลูกหลงเสียได้” เดโชทำเป็นส่ายศีรษะ “พักอยู่ที่โรงพยาบาลไหนล่ะ อั๊วจะได้ให้คนนำกระเช้าไปเยี่ยม?”

“ไม่ต้องหรอกครับ เพื่อนอั๊วเขาอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวมากกว่า” หนุ่มตี๋ตอบเสียงเรียบ

“เพื่อนลื้อคนนี้มันทำตัวลึกลับจริงนะ” บุรุษผู้มีผมสีดอกเลายิ้มมุมปาก ทำเอาผู้ที่เป็นคนกลางอย่างพิชิตถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัว

ทิวากรแค่นหัวเราะ “คนเรามีนิสัยไม่เหมือนกันหรอกครับแปะ”

“เพื่อนลื้อคนนี้เป็นใครกัน?” เดโชถามคำถามโดยยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่ในดวงตามีแต่ความคาดคั้นพยายามกดดันผู้ถูกถาม

พิชิตรีบเบนสายตาไปทางอื่น ล่วงรู้ว่าคำตอบจะออกมาแบบไหน เพราะขนาดคนเป็นพ่ออย่างเขาถาม ทิวากรยังไม่ตอบ แล้วนับประสาอะไรกับเดโชที่ทิวากรกำลังจับตามองด้วยความสงสัยอยู่เช่นนี้

ทิวากรยิ้มเม้มปาก ตอบออกมาประโยคเดียว “เป็นเพื่อนที่มาจากต่างจังหวัดครับ”

เดโชผงกศีรษะไม่ถามอะไรอีก ด้วยทราบดีว่าบททิวากรตอบครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ เขาคงเสียเวลาเปล่าที่จะซักถามต่อไป

แล้ววินาทีนั้นเอง โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของทิวากรก็สั่นครืดๆ เป็นสัญญาณว่ามีคนโทรเข้า ก่อนมาโรงพยาบาลหนุ่มตี๋ได้ปิดเสียงเรียกเข้าเพราะกลัวมันจะรบกวนการนอนของคนเจ็บอย่างรัมภา เขาล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ และพบว่าผู้ที่โทรมาคือริสา

ทิวากรทราบดีว่าตอนนี้เพื่อนสนิทกำลังอยู่ในโรงพยาบาลที่นายพีภัทรพักรักษาตัวอยู่ เพราะเมื่อเช้า เขาเป็นคนขับรถไปส่งเธอเองก่อนจะแวะมาเคลียร์งานที่รีสอร์ทจนถึงเที่ยงและเดินทางมาเจอบิดาที่โรงพยาบาลโดยไม่ได้นัดหมาย

เมื่อกดรับเรียบร้อย ทิวากรก็หันหน้ามาส่งสัญญาณบอกทุกคนที่อยู่ในห้องว่าขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก หนุ่มตี๋ยกโทรศัพท์แนบหู เดินตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว พิชิต เดโชและเรณูเห็นหนุ่มตี๋เปิดประตูและชะงักกึกยืนนิ่ง ก่อนค้อมศีรษะให้ใครบางคนเล็กน้อยแล้วเบี่ยงตัวเดินออกไป

คำตอบในการกระทำของทิวากรปรากฏในวินาทีถัดมา ร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ตามแบบฉบับอาเสี่ยร่ำรวยของนายสันติเดินเข้ามาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งผู้มีผมดำ ผิวขาว โครงหน้ากระเดียดไปทางชาวตะวันตกอย่างเด่นชัด ในมือของนายสันติถือกระเช้ารังนกทองคำราคาแพงมาด้วย ส่วนหนุ่มลูกครึ่งถือดอกกุหลาบสีชมพูช่อโตเสียบการ์ดน่ารักๆ ไว้ด้านบน

เรณูรีบส่งเสียงต้อนรับอย่างเต็มไปด้วยไมตรี ผิดกับเสียงที่พูดกับทิวากรราวนรกกับสวรรค์ “อ้าว คุณสันติ ตาเจมส์ มาได้ยังไงกันคะนี่?”

“ก็เจ้านี่สิครับ” นายสันติพยักพเยิดไปยังบุตรชายผู้เดินมาหยุดยืนส่งยิ้มดะให้ทุกคนที่อยู่ข้างเตียง “พอรู้ข่าวว่าหนูรัมภาโดนยิง ถึงกับอยู่ไม่สุขทีเดียว นี่ทราบข่าวปุ๊บพวกผมก็รีบมาทันทีเลย”

“แหม ขอบคุณมากค่ะ” เรณูกล่าวขณะรับกระเช้ารังนกที่ผู้มาเยี่ยมยื่นมาให้

“น้องแจสมินยังม่ายตื่นอีกหรือขับ?” หนุ่มเจมส์ผู้ล้ำเลิศในการออกสำเนียงภาษาอังกฤษ แต่ล้มเหลวในการพูดภาษาไทยกล่าวถามอย่างกระท่อนกระแท่น

“ก็หลับๆ ตื่นๆ แหล่ะค่ะ หมอบอกแล้วว่าต้องการให้คนป่วยพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ว่านี่ก็จวนได้เวลาที่น้องกำลังจะตื่นพอดี” เรณูพูดอย่างต้องการจะเอาใจ “เชิญนั่งกันก่อนสิคะ”

หนุ่มเจมส์ไม่นั่ง เขายังคงถือช่อดอกไม้ในมือ ยืนมองเด็กสาวที่อ่อนกว่าตนเองประมาณสาม – สี่ปีด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้เธอลืมตาขึ้นมาและเห็นเขาเป็นคนแรกพร้อมช่อดอกไม้ในมือให้ได้ เขาต้องการทำให้เธอประทับใจ เพราะหลังจากที่ผู้ใหญ่แนะนำตัวให้พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อวันก่อน เจมส์ก็ไม่สามารถลบใบหน้าและรูปร่างอรชนของเธอออกไปจากสมองได้เลย

และจะด้วยเพราะรับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังจับจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลาหรืออย่างไรไม่ทราบ รัมภาจึงพลิกตัวกลับมานอนหงาย และพึมพำอะไรบางอย่างออกมาแผ่วเบาจับใจความไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนใจชื้นขึ้นมาก็คือรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ผุดขึ้นบนใบหน้า

หากรัมภากำลังฝัน มันก็คงเป็นฝันดีที่สุด

หนุ่มลูกครึ่งเบิกตาโตอย่างดีใจ เขาหันกลับไปพูดกับผู้เป็นพ่อด้วยความกระตือรือร้น “แดดดี้ ยูเห็นหมาย แจสมินรู้ว่าไอมา ชีพูดถึงไอด้วย ฟังซี่!”

แล้วเจมส์ก็หันกลับมาที่เตียง เขาเอียงหูรอฟังในสิ่งที่เด็กสาวพึมพำออกมา แต่หนุ่มลูกครึ่งก็มีอันต้องหน้าหงิกด้วยความไม่พอใจเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกและเสียงพูดของทิวากรดังกลบเสียงพึมพำของรัมภาหมดสิ้น

“ป๊า อั๊วขอตัวกลับก่อนนะ มีธุระด่วนนิดหน่อย” หนุ่มตี๋พูดขณะเดินมาหาบิดาผู้ยืนอยู่ปลายเตียงเคียงข้างเดโช

“โอ้ นี่ลูกชายคุณพิชิตหรือครับ ผมเห็นเดินสั่งงานในงานศพคุณไกรศักดิ์แวบๆ นึกว่าเป็นผู้บริหารใหญ่ที่ไหนเสียอีก” นายสันติถามพิชิต แต่สายตาจ้องมองทิวากรด้วยชื่นชมในท่าทางคล่องแคล่วเอาการเอางาน ไม่เหยาะแหยะปวกเปียกรักสนุกไปวันๆ อย่างลูกชายของตัวเอง

“อ้อ ครับ ตอนนี้ให้ดูแลกลิ่นเกสรสาขาห้างฉัตรอยู่ อีกหน่อยก็คงต้องขึ้นมาทำงานทุกอย่างแทนผม” พิชิตยิ้มให้ผู้ถามและหันมากล่าวกับบุตรชาย “ไหว้คุณสันติเขาเสียสิ อาหมิง”

ทิวากรยกมือไหว้นักธุรกิจจากอเมริกา ทว่าสายตาอดชำเลืองไปยังหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนชิดติดขอบเตียงรัมภาพร้อมดอกไม้ช่อโตไม่ได้ หัวใจของหนุ่มตี๋รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ เมื่อเห็นภาพนั้น เขารีบดึงสายตากลับมาที่นายสันติ แต่ไม่สามารถดึงความสนใจกลับมาจากเตียงของเด็กสาวได้เลย

สันติยกมือรับไหว้ใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนหันกลับมาสะกิดลูกชายและพูด “นี่เจ้าเจมส์ ทำความรู้จักกับพี่หมิงเขาก่อน อีกหน่อยจะได้เก่งแบบพี่เขา”

หนุ่มลูกครึ่งมีสีหน้ารำคาญเล็กน้อยขณะหันมายื่นมือให้จับอย่างเป็นพิธี  

“ไฮ โผมชื่อเจมส์ หยินดีที่ได้รูชัคขับ”

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ทิวากรขยับกายมายืนข้างเตียงแล้วยื่นมือออกไปจับเขย่าตามมารยาท จังหวะนั้นเอง รัมภาก็เริ่มพึมพำอะไรบางอย่างออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง ทำให้สองหนุ่มผู้ยืนเขย่ามือทำความรู้จักข้างเตียงพากันหันขวับไปมองอย่างพร้อมเพรียง

“ฟังซี่ขับ” เจมส์พูดกับทิวากรเหมือนต้องการจะอวด “ตั้งแต่โผมเข้ามาเยี่ยม แจสมินละเมอถึงโผมตลอดเวลา แจสมินคงรู้ว่าโผมมา”

ทิวากรได้แต่แค่นยิ้มไม่ตอบคำ ในใจทราบว่าคงพบชายหนุ่มที่หลงตัวเองเข้าให้แล้ว

“ทุกคนเงียบนาขับ โผมอยากฟังว่าแจสมินพูดอาไร๋” หนุ่มลูกครึ่งใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือช่อดอกไม้จุ๊ปากกับบุคคลรอบข้าง แล้วเขาก็หันกลับไปที่รัมภา โน้มตัวลงไปที่เตียงเล็กน้อย กระซิบเป็นภาษาอังกฤษว่า “ผมอยู่นี่แล้ว แจสมิน ผมมาหาคุณแล้ว จะไม่มีใครมาทำอันตรายคุณได้ ผมจะปกป้องคุณเอง”

ทิวากรรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าขัดลูกกะตาอย่างไรชอบกล เขาแสร้งทำเป็นหลุบสายตามองนาฬิกาข้อมือเพื่อเป็นสัญญาณบอกเป็นนัยๆ ว่าต้องรีบไปทำธุระที่อื่นแล้ว

แต่ในความเป็นจริง นอกจากเขาจะมีความเร่งด่วนที่ต้องไปพบริสาแล้ว หนุ่มตี๋ยังรู้สึกไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับไอ้เด็กฝรั่งที่หลงตัวเองยังกับอะไรดีคนนี้ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เขาไม่สามารถอธิบายได้ แต่มันขุ่นใจชอบกลที่เห็นไอ้เด็กฝรั่งมองรัมภาด้วยสายตาเพ้อฝันและพร่ำพูดคำหวานกรอกหูเธออย่างนั้น

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีนัดสำคัญ” ทิวากรทำลายความเงียบขึ้น

นายสันติผงกศีรษะ “หวังว่าคงจะได้พบกันอีกนะคุณหมิง ผมบอกตรงๆ เลยว่าเห็นคุณแล้วผมถูกชะตาชะมัด มันเหมือนกับผมกำลังส่องกระจกดูเงาสะท้อนของตัวเองเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนยังไงยังงั้น” พูดจบก็หัวเราะฮ่ะๆ อย่างขบขันในสิ่งที่ตัวเองกล่าว

ทิวากรยิ้มฝืด หมุนตัวกลับมา เขาสบตาเดโช แต่ไม่กล้าสบตาบิดา หนุ่มตี๋กำลังจะสาวเท้าออกเดิน เสียงของรัมภาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง มันเบาเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าเสียงพูด แต่มันก็ดังเกินไปที่จะเป็นเสียงกระซิบ ดังนั้นทุกคนที่รายล้อมรอบเตียงจึงได้ยิน แม้ไม่ถนัดหูนัก แต่ก็จับใจความได้ไม่คลาดเคลื่อน

“...พี่หมิงจะไปไหนคะ...”

ราวกับวินาทีนั้นเป็นวินาทีต้องสาปให้ทุกคนภายในห้องกลายเป็นหิน ทิวากรยืนนิ่งงัน แผ่นหลังของเขายังคงหันหลังให้เตียง เขาจึงไม่เห็นว่าสีหน้าขณะพูดของรัมภากับสีหน้าขณะรับฟังของเรณูและหนุ่มเจมส์บังเกิดความแตกต่างมากมายขนาดไหนในประโยคต่อมา

“...อย่าทิ้งหนูไปนะคะ...”

หัวใจของหนุ่มตี๋พองโต ด้วยนึกว่าเด็กสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อเขาหมุนตัวกลับมาที่เดิม จึงพบว่ารัมภายังคงหลับตาพูด อันหมายความว่าเธอกำลังอยู่ในความฝันและพูดทุกอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว

“...หนูกำลังจะไม่เหลือใครอีกแล้ว...” รัมภายังคงพูดต่อไป ใบหน้าที่ยิ้มแย้มในห้วงฝันของเธอแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของคนที่กำลังจะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว “...หนูรักพี่ หนูไม่อยากให้พี่ไปไหน...”

คำพูดของเด็กสาวที่ลอยมาเข้าหูทิวากรส่งผลให้เขาเบิกตาโตและปากเผยออ้าออกด้วยความประหลาดใจ  

หนุ่มตี๋ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้นขณะรัมภาพึมพำอะไรบางอย่างในลำคออีกสองสามคำก็ขยับตัวพลิกนอนตะแคงไปทางอื่น  ทิ้งความเงียบงันให้ลอยคว้างกลางอากาศ ทิวากรรับรู้ว่านายสันติและบุตรชายหันมาจ้องมองเขาในเวลาเดียวกัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี

ความเงียบผสานตัวรวมร่างกับความกดดันกำลังถาโถมใส่เขาจากสายตาทุกคู่ของผู้จ้องมอง ทิวากรพยายามผลักดันคำพูดที่กระจุกอยู่ตรงลำคอให้ผ่านพ้นริมฝีปากออกมาเพื่อปลดเปลื้องความเงียบเหล่านั้นออกไปให้ได้ แต่กลับไม่มีคำใดหลุดออกมาได้สำเร็จ

แล้ววินาทีนั้น พิชิตก็เป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเขา “ลื้อต้องรีบไปทำธุระไม่ใช่หรือ อาหมิง?”

เมื่อความเงียบงันสลายตัวไป ทิวากรก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เขาผงกศีรษะ ฝืนใจละสายตาออกจากร่างของเด็กสาวบนเตียง สบตากับทุกคนรอบเตียงแวบหนึ่งก็หันมากล่าวกับบิดา “ครับป๊า อั๊วต้องรีบไปแล้ว ขอตัวก่อนนะครับทุกคน”

ท้ายประโยคหนุ่มตี๋หันมาพูดกับผู้อาวุโสคนอื่น เขาค้อมศีรษะอำลาแล้วก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

“เกิดอาไร๋ขึ้นขับคุณน้า” หนุ่มลูกครึ่งส่งเสียงถามเรณูอย่างไม่พอใจ “น้องแจสมินบอกหลักใครขับ หมายถึงผู้ไชน์คนเมื่อกี้หรือเปล่า?”

“ไม่ใช่หรอกจ้ะ เจมส์ น้องจะบอกร้งบอกรักใครได้ คงพูดไปตามประสาคนนอนละเมอเท่านั้นเอง” เรณูรีบปฏิเสธ หล่อนฝืนยิ้มเหลือบตามองเดโช เดโชเบนหน้ามาที่พิชิต และพิชิตก็ไม่อาจต่อสู้กับสายตาตำหนิติเตียนของเดโชที่ฝากมาถึงบุตรชายของเขาได้

บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าหลุบตามองพื้นพรมและเห็นเค้าลางแห่งความยุ่งยากก่อตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน

++++++++

แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 55 18:02:26

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:31:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com