สวัสดีเพื่อนนักอ่านทุกท่านครับ
ล่องกัลปาลัยดำเนินมาถึงบทที่ 14 แล้ว ขอขอบคุณกิฟต์จากคุณ mementototem, ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, นารีจำศีล, npuiy, รุริกะ, กุหลาบมอญ, mimny, แก้วกังไส, เขมปัณณ์, สายธาร/กนกนารี, กาแฟเย็นเพิ่มช็อต, Setakan, สุชาดาวดี, เรียวรุ้ง, รพิชา, Hermosa, เพชรรุ้งพราย, และคุณ wor_lek ด้วยครับผม
สำหรับตอนที่ผ่านมาครับ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12035202/W12035202.html
บทที่ 14
ค้างคาวทอง?
ชื่อนั้นคล้ายจะจำหลักลงในความทรงจำโดยไม่ทันตั้งตัว หากก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดใดๆอีกต่อไป เพราะภายในเวลาหลังจากนั้น เศาร์รู้สึกเหมือนผ่านช่วงเวลาที่เคลื่อนหมุนรอบตัวไปอย่างรวดเร็ว จดจำได้แต่เสียงสังวัธยายมนตราของอีกฝ่ายด้วยท่วงทำนองที่แผกกันสองบท พราหมณ์เฒ่าเอ่ยนำกับเขาว่ามันคือมหามนตราสำหรับการใช้เปิดและปิด กัลปาลัย
มันคือบุพมนตรา และปัจฉิมมนตรา ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้า จักต้องจดจำให้ได้
เศาร์พลิกแต่ละแผ่นกระดาษอันว่างเปล่านั้น แม้จะกึ่งฉงนฉงายกึ่งสงสัย หากก็มิได้ปฏิเสธ สมองอันปราดเปรื่องของชายหนุ่มรับรู้และจดจำทุกถ้อยคำที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยรูปแบบแห่งภาษาที่เขาไม่เคยคุ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว น่าแปลกที่มันกลับจำหลักแน่นอยู่ในส่วนลึกของสมอง เหมือนนายพราหมณ์เฒ่าได้ตอกลิ่มหมุดนั้นลงไปมิให้คลายคลอน
แสงตะวันลาลับเหลี่ยมฟ้าไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏ ชายหนุ่มได้ยินเสียงแหบพร่าของวิศวามิตร เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ภายหลังทวนมนตราจบลง
ทั้งบุพมนตรา และปัจฉิมมนตรา สำหรับเปิดอ่านและการจรดล ลงไปในกัลปาลัยเล่มนี้ของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ท่านพราหมณ์ พูดถึงคำว่าจรดลอีกแล้ว ข้าไม่เข้าใจ?
ยิ่งฟังถ้อยของวิศวามิตรพราหมณ์เขายิ่งพิศวงและมืดมนรอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นเหนือมุมปากที่เต็มไปด้วยหนวดเคราสีขาวโพลนยาวจรดทรวงอก
ดูก่อนมาณพเอ๋ย ทุกอย่างที่จารจรดลงไปด้วยหัวใจ จักได้รับการตอบรับด้วยหัวใจเดียวกัน จำไว้ว่า ทุกอย่างจะเกิดขึ้นจากการเลือกของเจ้า... เพียงผู้เดียวเท่านั้น! เจ้าคือผู้เลือกมรรคาของตัวเองด้วยการจรดลนั้น...
แต่ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อข้าเปิดกัลปาลัยเล่มนี้ออกจากกัน
เขาพลิกเปิดสิ่งที่ได้รับมา ทุกอย่างบนหน้ากระดาษว่างเปล่า แม้เมื่อยามเอ่ยมนตราออกไป วิศวามิตรยิ้มอีกครั้งอย่างเป็นปริศนา
ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้น ฤาสิ้นสุดลงก็ด้วยตัวของเจ้าเองเท่านั้นมาณพเอ๋ย ดังนั้น เมื่อเจ้าพร้อม... ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นในทันที
หยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ
และโปรดจำไว้ มีเพียงเจ้าและผู้มีพันธสัญญาร่วมกันเท่านั้น ที่จักสามารถใช้มัน เพื่อการดำเนินสู่ปลายทาง หรืออวสานแห่งมรรคานั้นโดยสมบูรณ์...
หนุ่มน้อยจากแดนไกลเงยหน้าขึ้นหมายจะกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย แม้จะไม่เข้าใจในประโยคสุดท้ายนั้นก็ตาม หากก็ต้องประหลาดใจยิ่งไปกว่า
วิศวามิตรพราหมณ์หายตัวไปเสียแล้ว...
เหมือนกับมิได้มีตัวตนมาก่อนหน้า นอกจาก ค้างคาวทองเล่มนั้นที่อยู่ติดมือของตนเองเท่านั้น!
อะไรบางอย่างทำให้เศาร์ตัดสินใจนำกัลปาลัยกลับมาที่ดินแดนสยามประเทศ อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนด้วย ทั้งที่ควรจะทิ้งมันเอาไว้ที่เมืองบอมเบย์ เหมือนกับข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่เขากลับไม่ทำ มันมีความรู้สึกลึกๆคอยย้ำเตือนมิให้ลืมเลือนกัลปาลัย แม้ว่าจะมีภารกิจการงานต่างๆเข้ามาภายหลังจากกลับเข้ามารับราชการในกรมป่าไม้ และต่อมาในภายหลังก็ถูกส่งมาประจำการอยู่หัวเมือง มณฑลราชบุรีแห่งนี้ ก่อนที่ระบบมณฑลเทศาภิบาลจะล้มเลิกไปในเวลาต่อมา พร้อมกับการเริ่มต้นของมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทย
ณ เวลานั้นเอง ที่เขาเพิ่งเข้าใจคำพูดของวิศวามิตรพราหมณ์... โดยเฉพาะความหมายของการจรดล!
*********************
เฒ่าอาตม์นอนพลิกกายกระสับกระส่ายหลายครั้งพยายามข่มนัยน์ตาให้หลับ หากน่าแปลกที่คืนนี้กลับไม่อาจหลับลงได้ นึกถึงคุณหลวงอนุรักษ์ผู้เป็นนาย ครั้งหลังมานี้ท่านยิ่งมีท่าทางแปลกประหลาดนัก ดูเหมือนจะกระตือรือร้นเหลือเกินที่จะกลับเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ภายในเรือนพักของท่าน ที่เรียกกันจนติดปากในบัดนี้แล้วว่า ทับสนธยา
เป็นลักษณะที่แผกจากคุณหลวงหนุ่มผู้สุขุมและเคร่งขรึมจนแทบจะเรียกว่าเย็นชา
มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณหลวงเปลี่ยนไป ท่าทีร้อนรนกระวนกระวาย ไม่ต่างกับเด็กหนุ่ม แม้ว่าท่านจะกลบเกลื่อนไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยอยู่เป็นนิจเช่นนั้นก็ตามที อาตม์จำได้ว่า มันเริ่มต้นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่คุณหลวงเดินทางมาอยู่ที่ปางงิ้วดำแห่งนี้นั่นเอง...
แม้จนกระทั่งจดหมายของคุณผอบแก้วที่ส่งมาจากพระนคร และแจ้งกำหนดการเดินทางหนีภัยสงครามมาพักอยู่ที่นี่นั่นแหละ ที่เขากลับเห็นอากัปกิริยาเคร่งขรึมนิ่งเงียบกลับคืนมาอีกครั้ง ท่านมิได้ปริปากใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากการสั่งการให้เตรียมการขยายเรือนพักที่แต่เดิมเป็นเพียงอาคารหลังเล็กๆ เพิ่มเติมขึ้นตามความต้องการของคุณผอบแก้วผู้เป็นภรรยา แทบไม่ต่างกับสามีผู้เอาใจใส่ดูแลภรรยาสุดที่รักเป็นอย่างดี
ยกเว้นห้องทำงานส่วนตัวของท่านเท่านั้น...
ฉันตั้งใจไว้ว่าจะสร้างห้องทำงานนี้บนหอคอยด้านใดด้านหนึ่ง จะได้ไม่มีผู้ใดขึ้นไปวุ่นวายให้ลำบากใจระหว่างการทำงาน
ใครที่ท่านหมายความถึงนั้น อาตม์รู้ดีว่ามีอยู่เพียงผู้เดียว ก็คือคุณผอบแก้ว เอกภรรยาของคุณหลวงนั่นเอง!!
บางทีนั่นอาจจะเป็นข้อตกลงของท่านกับผู้เป็นภรรยา เพราะในภายหลังเมื่อคุณอบเดินทางมาอยู่ทับสนธยา เขาก็เห็นเธออาศัยอยู่เฉพาะในปีกตึกของตนเอง โดยไม่สนใจจะไต่ถามถึงผู้เป็นสามี ราวกับมิใช่คู่ครองซึ่งกันและกัน
อาตม์มองแสงจันทร์ซีดจางส่องผ่านหน้าต่างเรือนพักเข้ามา ชายชราพลิกกายอีกครั้งก่อนจะลุกออกมาที่ระเบียง อากาศเย็นสบายในเขตป่าเช่นนี้ ทำให้เผลอเดินผ่านออกมาถึงลานด้านหน้า บริเวณนี้อบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้ทั้งไม้เถาอย่างต้นราตรีที่คุณหลวงปลูกเอาไว้แล้วปล่อยให้เลื้อยขึ้นไปพันค้างไม้โปร่งบางหอมรวยริน และในระยะหลังท่านได้สั่งให้คนงานช่วยกันหักร้างถางพง สร้างสวนกุหลาบขึ้นด้านหลังทับสนธยาอีกด้วย
สวนขนาดใหญ่แห่งนี้ ปลูกแต่เพียงกุหลาบสีขาวเท่านั้น และเขาก็เห็นว่าในเวลาว่างจากกิจการงานแล้ว ถ้าท่านไม่ขึ้นไปยังห้องทำงานส่วนตัว คุณหลวงหนุ่มก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในอุทยานกุหลาบขาวแห่งนี้อย่างเพลิดเพลิน ไม่ต่างกับมีโลกส่วนตัวของท่านเอง
โลกส่วนตัวที่ไม่มีผู้ใดก้าวล่วงเข้าไปถึง
วันดีคืนดีอาตม์ก็จะได้ยินเสียงท่านเป่าขลุ่ยด้วยท่วงทำนองวิเวกหวานในยามสงัด เขาสังเกตว่าช่วงหลังนี้ มันเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะหวานแว่วจับใจราวกับทำนองแห่งความสดชื่นและแสนหวานของความรักกระนั้น!
แต่แล้วก็ต้องเผลอมองขึ้นไปโดยไม่เจตนา แสงไฟที่ห้องชั้นบนยังเปิดค้างอยู่ แม้ว่าแสงจะหม่นสลัวไม่ต่างกับแสงจันทร์ในคืนนี้เลยก็ตาม...
ความสงสัยทวีมากขึ้นในบ่าวผู้ชรา เสียจนต้องตัดสินใจเดินตรงไปยังเรือนพักที่กำลังต่อเติมค้างไว้อยู่ในเงาตะคุ่มแห่งรัตติกาลแล้วหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิด สายตาที่เหลือบมองขึ้นไปคล้ายเห็นกลุ่มควันบางอย่างลอยวนเวียนอยู่ภายในห้องนั้นจนทำให้แสงโคมไฟยิ่งซีดจางหม่นทึบลงมากขึ้น
คุณหลวงขอรับ...
ชายชราพยายามเปล่งเสียงเรียก ขณะขยับกายตรงขึ้นไปยังชั้นบนของอาคาร จดจำได้ดีว่าห้องของผู้เป็นนายอยู่บริเวณใด แล้วจึงยกมือขึ้นเคาะเรียก
ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาจากภายในนั้น จนทำให้อาตม์ตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไปโดยพลการ ชายชราหยุดยืนนิ่งงันเหมือนตกอยู่ในคำสาปลืมหายใจไปชั่วขณะ
แสงเรื่อเรืองของโคมแก้วภายในห้องส่องกระจ่าง ไม่ปรากฏละไอฝ้ามัวเหมือนกับที่มองเห็นจากด้านนอก และที่สำคัญไม่มีร่างของหลวงอนุรักษ์วนาดร หรือผู้ใดอยู่ภายในห้องนั้นแม้เพียงสักคนเดียว นอกจากหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะทำงานที่เปิดค้างกางเอาไว้
ลำแสงสีทองอร่ามคล้ายแผ่พุ่งผ่านออกมาจากภายในหนังสือเล่มนั้นอย่างเป็นปริศนา
อาตม์ขยับกายเดินอย่างเชื่องช้าไปที่ตำแหน่งดังกล่าว น่าแปลก คล้ายมีสัญชาตญาณบางอย่างคอยกระตุ้นเตือน มิให้ล่วงล้ำกร้ำกรายเข้าไป
อย่า!
แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อชายชราเดินตรงดิ่งมาถึงหน้าโต๊ะของหลวงอนุรักษ์วนาดร และเผลอชะโงกหน้ามองจ้องลงไปที่หนังสือเล่มนั้น...
************************* เมื่อเอ๋ยเมื่อนั้น จอมขวัญ มารศรี มณีเรขา เกิดสุบิน นิมิต ด้วยฤทธา เห็นบุรุษ สุดสง่า มาเยือนองค์
ด้วยเลอรูป ลออลักษณ์ ประจักษ์จิต เพียงเพ่งพิศ หฤทัย ก็ไหลหลง แล้วมาณพ หนุ่มน้อย ค่อยเอนลง จรดประจง จุมพิต ในนิทรา ราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขาพบว่าตัวเองกำลังเผลอตะลึงจ้องมองนางผู้นิทราอยู่บนแท่นบรรจถรณ์ด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันอ่อนหวาน ดื่มด่ำ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นมิอาจหักห้ามใจ ด้วยเหตุหรือผลใดๆ แม้ว่าในสติส่วนลึกจะคอยเตือนย้ำตลอดเวลา ให้ตระหนักถึงโลกแห่งความเป็นจริง
มิใช่โลกแห่งจินตภพเช่นนี้
ใช่! บัดนี้เขาหลุดผ่านเข้าไปในโลกแห่งจิตนาการของตัวเอง ที่มีชื่อเรื่องว่า สุวรรณชตุกา... หรือค้างคาวทอง
แต่โลกในจินตนาการนั้น ก็เป็นความงดงามล้ำค่าเสียจนเขาแทบไม่อยากจะจากไป โดยเฉพาะเมื่อมีนางผู้เลอลักษณ์ผู้นั้น หนึ่งนางเดียวผู้ถือกำเนิดขึ้นจากจินตนาการอันเพริศแพร้วของเขานั่นเอง
เจ้าหญิงมณีเรขาแห่งวิเทหนคร!
เขาไม่อดใจยืนเพ่งมองร่างน้อยที่กำลังนอนนิทราได้อีกต่อไป จนเผลอกายเผลอใจก้าวล่วงข้ามขอบเขตที่ควรจะเป็น แต่แรกก็คล้ายมีผืนม่านบางๆที่มองไม่เห็นขวางกั้น หากเขาก็เคย ทะลุผ่านปราการแก้วนี้เข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ณ บัดนี้ เศาร์จึงหาได้คณนาไม่
ขุนนางหนุ่มแห่งราชสำนักแดนสยาม ก้าวเดินอย่างมั่นใจตนเองผ่านเข้าไปยังห้องบรรทมด้านใน แหวกมือผ่านม่านวิสูตรใสบางที่มองเห็นวรกายเด่นชัดอยู่ด้านหลัง ยิ่งเพ่งพิศนานเท่าใด ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจมากขึ้น เกินกว่าจะเคยพานพบกับสตรีอื่นใดในชีวิต
ชายหนุ่มลดกายลงนั่งชิดยังขอบแท่นบรรจถรณ์ และชั่วขณะนั้นเองทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เหมือนถูกสะกดด้วยฤทธิ์มนตรา
เพียงจรดริมฝีปากลงจุมพิตแผ่วเบา ฆานประสาทกำซาบกลิ่นหอมจรุงใจจากเรือนกาย โอ้หัวใจเอย ไฉนจะหักห้ามมิให้ลุ่มหลง มิให้หวั่นไหว และอยากครอบครองนี้ได้เล่า?
แล้วเสาร์ก็ต้องทอดถอนใจ พยายามฝืนตื่นขึ้นจากมนตราแห่งสิเน่หา เมื่อตระหนักในความเป็นจริงนั้น ทุกอย่าง คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้า... ถ้าหากว่า
ไม่มีการจรดล...
มันเริ่มต้นขึ้นจากสิ่งมหัศจรรย์อันมีนามว่า กัลปาลัย ของพราหมณ์เฒ่าวิศวามิตรผู้นั้นนั่นเอง!
*********************
แต่แรกมิได้รู้เลยว่าสมุดโบราณรูปเล่มประหลาดตาเล่มนั้นจะนำพาซึ่งเหตุการณ์ต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต เขาเองตัดสินใจนำมันติดกายกลับมาจากพาราณสีโดยมิได้บอกเล่าต่อผู้ใดทั้งสิ้น แม้แต่นันทิกุมาร ผู้เป็นสหายสนิท และเมื่อกลับมาถึงบอมเบย์ ภารกิจการศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักหน่วงก็ทำให้นักศึกษาหนุ่มน้อยจากแดนไกลถึงกับลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปชั่วขณะ จนสำเร็จการศึกษา และเขาก็ยังนำมันติดตัวกลับมายังแผ่นดินสยามโดยมิได้รู้ความหมายและสิ่งสำคัญที่อยู่ภายในกัลปาลัย แม้มหามนตราจะติดตรึงอยู่ในจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่บังเกิดผลใดๆ ราวกับเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กที่รับฟังมาเท่านั้น
ตราบจนกระทั่งก่อนการเดินทางมายังปางงิ้วดำนั่นเอง การทดสอบบทแรกแห่งการจรดลก็เริ่มต้นขึ้น
และหลังจากนั้น ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป...
****************************
บัณฑิตป่าไม้หนุ่มจากแดนภารตประเทศ หยิบสมุดปกหนังสีดำสนิท พื้นหนังที่เนียนเรียบไร้กลิ่น ราวกับมิใช่หนังสัตว์หรือผืนผ้าใดๆในโลก หรือที่เรียกขานว่า กัลปาลัย ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งด้วยความพิศวง
ในช่วงเวลาสงัดเงียบอันปราศจากภาระการงานต่างๆ ภายหลังที่ได้บรรจุเข้าทำงานในกรมป่าไม้ในเขตพระนครแล้ว ชีวิตของหนุ่มน้อยที่เพิ่งเริ่มต้นการทำงานอย่างนี้ สมควรจะสนุกสนานเริงรื่นกับแสงเสียงและสรรพดนตรีอันบันเทิงแห่งพระนคร หากเขากลับมิไยดี ซ้ำยังหมกมุ่นกับการงาน ตำรับตำรา เสียจนแทบไม่ต่างกับชายสูงวัยหรือฤาษีชีไพรสักผู้หนึ่งเสียมากกว่า
ไม่ออกไปเที่ยวเตร่ที่ไหนเลยหรือ พ่อเศาร์? ฉันเห็นสหายคนอื่นของคุณหลวงออกไปสังสรรค์ตามสโมสรอยู่ออกบ่อยไป
ท่านพระยาพิทักษ์พนาลัย ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงเคยเอ่ยแกมเย้าเขาเล่น เมื่อเห็นชายหนุ่มมีท่าทีเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังกับภาระงานเต็มที่
กระผมไม่ใคร่ชอบไปเที่ยวที่ไหนขอรับ ใต้เท้า
เขาตอบออกไปอย่างสุภาพอ่อนน้อม ผู้สูงวัยพยักหน้ารับ นัยน์ตาสีเหล็กเป็นประกายอย่างพึงพอใจ
พ่อเองก็ยังดูหนุ่มก้อร่ออยู่เลยนะ ไพล่มาทำตัวเป็นคนแก่คนเฒ่าอย่างฉันไปเสียได้นี่นา แต่ก็ดีแล้วล่ะ คนอย่างนี้แหละ เมื่อเข้ารับราชการเป็นขุนน้ำขุนนางก็น่าจะก้าวหน้าในการงานยศศักดิ์ได้เร็วกว่าคนหนุ่มอื่นๆ สู้รักษาเนื้อรักษาตัวไว้เถิดนะพ่อเศาร์ ในวันหนึ่งข้างหน้า ไม่แน่นัก อาจจะได้ขึ้นชั้นเป็นพระยาพานทองก็ได้ ฉันเชื่อเช่นนั้น...
เจ้าคุณพิทักษ์ค่อยๆหยิบมวนบุหรี่ในกล่องดีบุกออกมาจุดสูบอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่คุณหลวงหนุ่มได้แต่ยิ้มรับอยู่ในหน้าด้วยความสุภาพ รู้ดีว่าท่านเจ้าคุณเองก็เมตตาตนเองมากเพียงใด นับว่าเป็นโชคที่ได้มาทำงานที่นี่
แล้วมีโอกาสเมื่อไร ฉันว่าจะเชิญคุณหลวงไปรับประทานอาหารที่บ้านสักมื้อ แม่อบเคยบอกอยู่เหมือนกันว่ากำลังฝึกหัดทำอาหารฝรั่งอยู่ เผื่อคุณหลวงจะลองมาชิมฝีมือลูกสาวฉันดูบ้าง ว่าโอชารสเหมือนกับที่อยู่เมืองแขกกับเขาบ้างไหม?
เศาร์มองเห็น เจตนาของผู้บังคับบัญชานั้นได้ชัดเจน แต่ด้วยความสุภาพอันเป็นลักษณะส่วนตัวทำให้เขามิได้ปฏิเสธ
เป็นพระคุณขอรับเจ้าคุณ อาหารแขกกับอาหารฝรั่งเองก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ผมคงมิกล้ามาติชมฝีมือปรุงรสของคุณอบดอกขอรับ
ผู้สูงวัยหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี และมองบุรุษหนุ่มคมสันเบื้องหน้าด้วยความเอ็นดูอยู่มิน้อย ในขณะที่เศาร์เองก็พยายามนึกถึง คุณอบที่พระยาพิทักษ์เอ่ยถึงอยู่อย่างลางเลือนเต็มที
ผอบแก้ว? ในเวลานั้นเขายังนึกภาพของบุตรีพระยาพิทักษ์ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากใครเล่าจะสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในเวลาต่อมานั้นได้ เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเขาได้พานพบกับอะไรต่างๆอีกมากมายเกินคณานึก
ความคิดคำนึงของชายหนุ่มหยุดลงเมื่อหันกลับมามองวัตถุสำคัญในมืออีกครั้ง
กัลปาลัย?
เขาพลิกมัน สัมผัสความเย็นเยียบนปกหนัง ตัวอักษรสีทองอร่ามเรืองแสงขึ้นมาเองล้อแสงโคมไฟ แม้ไม่ปรากฏสิ่งใดบนหน้ากระดาษขาวสะอาดเลยแม้แต่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดมันขึ้นมา
อย่างน้อยก็น่าจะได้จดบันทึกอะไรลงไปบ้าง ดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้กระดาษแห้งเหลืองกรอบไปตามกาลเวลา
เศาร์ วงศ์วนาคิดในใจ แล้วตัดสินใจหยิบปากกาของตนเองออกมา พลันบทสังวัธยายแห่ง บุพมนตราที่ถูกจำหลักอยู่ในจิตใต้สำนึกก็ถึงกาลปลดปล่อยโดยไม่ทันตั้งตัว ภาพความทรงจำและพลังจินตนาการต่างๆไหลบ่าออกมา ระหว่างที่มือตวัดปลายปากกาจรดลงบนกระดาษสีขาวอย่างรวดเร็วเหมือนไม่รู้ตัว
แต่หลวงอนุรักษ์วนาดร รู้อยู่กับตนเองตลอดเวลา ทุกสิ่งที่พรั่งพรูผ่านปลายอักษราลงไป คือพลังจินตนาการที่เคยคิด เคยอ่าน และหลอมรวมจนตกผลึกลงมาในเวลานี้
และเหตุการณ์ในครั้งแรก ครั้งนั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ อาตม์!!
***************************
เฒ่าอาตม์รู้สึกเหมือนตกอยู่ในภาพแห่งความฝัน ทันทีเมื่อสายตาสัมผัสกับแผ่นกระดาษของหนังสือเล่มหนาประหลาดตา เบิ่งค้างระหว่างการมองตัวอักษรที่ผุดขึ้นเองบนหน้ากระดาษขาวสะอาดเบื้องหน้าราวกับถูกเขียนด้วยมือที่มองเห็น
และบัดนั้น ความทรงจำต่างๆในอดีตก็บ่าทะลักข้ามเข้ามาในกำแพงแห่งดวงจิต จนชายชราแทบจะทรงกายไม่ได้อีกต่อไป
ความจริงที่ทำให้ชายชราต้องยกมือกุมศีรษะด้วยความปวดร้าว
ทำไมก่อนหน้านี้ เขาจึงจดจำอะไรไม่ได้เลย? เหตุการณ์ก่อนหน้าที่คุณหลวงจะเดินทางกลับมาจากอินเดีย ทุกๆอย่างเขาล้วนรับรู้ผ่าน คำบอกเล่าของเจ้านายหนุ่มเท่านั้นเอง และอาตม์ก็ไม่เคยติดใจสงสัย เจ้านายผู้เป็นเสมือนบุคคลเดียวที่เขายึดเป็นสรณะแห่งชีวิต คอยติดตามรับใช้ด้วยความเทิดทูนภักดีท่านมาโดยตลอดไม่ต่างกับทาสผู้สัตย์ซื่อ อาตม์ไม่เคยติดใจสงสัยแม้แต่ว่า...
แท้จริงแล้วเขาเป็นใคร มีญาติพี่น้องอยู่ที่ใด?
บางครั้งอาจมีคำถามจากบุคคลภายนอกบ้าง และอาตม์ก็มิอาจตอบตัวเองได้ หากเขาก็มิได้ใส่ใจในรายละเอียด ยังก้มหน้าก้มตาทำงานรับใช้คุณหลวงด้วยความสุจริตต่อไป เขาพร่ำบอกกับตนเองให้อยู่กับเวลาปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต หรืออนาคต โดยไม่รู้เลยว่าสองคำนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในเวลานี้!
ระยะเวลานับห้า-หกปีที่ได้มาอยู่รับใช้นายท่าน ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง แทบไม่ได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงแห่งสภาพร่างกายสังขารของตนเอง นอกจากเข้าใจว่าดำเนินเข้าสู่ห้วงปัจฉิมวัยเฉกเช่นมนุษย์ปกติ แต่เมื่อเริ่มสังเกตตัวตนในบัดนี้ อาตม์ก็รู้ว่ามัน... ไม่ใช่
เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเจ็บป่วย ไม่สบาย ปวดหัวตัวร้อน หรือเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในสภาพสังขารของคนชราภาพทั่วไป คุณหลวงเสียอีกที่ยังเปลี่ยนแปลงจากบัณฑิตหนุ่มน้อยผู้เยาว์วัย มาเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังอำนาจสมชายชาตรีมากยิ่งขึ้น เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจน เห็นถึงเรือนกายที่หนาขึ้นจนแกร่งกำยำและเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่เกิดจากการโหมทำงานสมบุกสมบันในป่าดง และความสูงสง่าแห่งบุคลิกที่เจริญเติบโตขึ้นตามวัน วัย และประสบการณ์
ในขณะที่ชายชราเช่นเขากลับไม่มี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในทิศทางใด!!
คำตอบนั้น ปรากฏขึ้นไม่ต่างกับการแหวกผ้าม่านหนาหนักสีทึบทะมึนให้หลุดออกจากสายตา เป็นความจริงเกินกว่าจะรับรู้เหนือประสาทสัมผัสใดๆของมนุษย์
เพราะความจริงนั้นก็คือ...
เขาไม่ใช่มนุษย์!!
**********************
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ค. 55 14:05:26
|
|
|
|