เรื่องนี้หนมปังลงจนจบภาค 1 ไว้เรียบร้อยแล้วที่เด็กดีค่ะ ใครรอไม่ไหวลองไปอ่านกันได้
ลิ้งค์สำหรับที่ถนนนักเขียน
ตอนที่ 1,2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12056256/W12056256.html
ตอนที่ 3,4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12061529/W12061529.html
______________________________________________________
ไม่รู้จริงๆว่าคำอธิบายของเหล่าชุดราตรี กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางราคาแพงที่อังเดรขนมาวางกองตรงหน้าฉัน มันจะเป็นคำอธิบายง่ายๆอย่างเช่นเพราะเยทมีสัมผัสที่หก หรือมันจะเป็นคำอธิบายที่ซับซ้อนกว่านี้ อย่างเช่น.. เขารู้อยู่แล้วว่าฉันต้องอยากเจอชอนน่า หรือราล์ฟ หรือจะเป็นคำอธิบายกึ่งง่ายกึ่งซับซ้อนอย่างเช่น เยทแค่เตรียมทรัพยากรที่เหมาะกับพื้นที่ให้หมาล่าเนื้อตามประสาเจ้าของฝูงที่ดีก็เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าฉันจะบ่นเพราะแต่งตัวใช้เครื่องสำอางพวกนี้ไม่เป็น ฉันใช้เป็น เป็นทักษะหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆทีเดียว ลองนึกดูสิ ตอนที่ฉันเร่ร่อนทำงานแรกๆ ฉันอายุสิบสาม ขับรถตะลอนๆกลางค่ำกลางคืน บางครั้งก็มีเหยื่ออยู่เบาะหลัง บางครั้งก็มีอยู่ท้ายรถ นานๆครั้งฉันก็ถูกตำรวจเรียกตรวจใบขับขี่เหมือนกัน แล้วจะทำยังไง ไม่ว่าจะร่างกาย หรือหน้าตามันพร้อมใจกันร้องตะโกนว่า ‘นี่มันเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ชัดๆเลยนะ’ และในยุคที่เด็กมัธยมทุกคนอยากจะเที่ยวผับตั้งแต่ก่อนอายุสิบแปด แค่เห็นหน้าฉัน ไม่ต้องรอดูบัตรประจำตัวหรือใบขับขี่ ตั้งอคติไว้ก่อนเห็นได้เลยว่าของปลอม
นั่นแหละ การแต่งหน้าจึงเข้ามาเกี่ยว ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าเท่านั้น แต่การเลียนแบบบุคลิก การยิ้ม หัวเราะ ตอบโต้บทสนทนา ก็จำเป็นต้องฝึกอีกด้วย บัตรประจำตัวที่ฉันเพิ่งทำเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุสิบสาม มันระบุว่าฉันอายุสิบแปด เวลาอายุตัวฉันกับในทางราชการห่างกันห้าปี เหมือนห้าล้านปีแสง ฉันต้องทำให้คนแปลกหน้าที่พบฉันที่ใดก็ตามสามารถสรุปในหัวได้ว่า ‘เด็กนี่มันแค่เตี้ยและหน้าเด็กมาก’ และไม่นึกสงสัยว่าฉันอายุเท่าไร
วันนี้การออกงานสังคมของฉัน มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ฉันเคยปลอมตัวเข้าไปเนียนในงานหรูๆแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็แค่สองครั้ง เป็นสองครั้งที่ฉันทำงานลำบากที่สุด ไม่รู้จะเก็บปืนไว้ไหน ไม่รู้จะดื่มหรือกินอะไร ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อมีผู้ชายบางคนพยายามเข้ามาคุย จะตามเป้าหมายก็ยาก ฉันของานตรงไปตรงมาอย่างถือปืนเข้าไปซ้อมเหยื่อแล้วมัดเก็บไว้ท้ายรถดีกว่า
สำหรับวันนี้ ฉันต้องกลายเป็นสาวทำงานอายุยี่สิบห้า อาจจะเป็นพวกคอลัมภ์นิส ผมที่เคยถักสองเปียก็คลายออกทำมวยเก็บไว้ที่ท้ายทอย ปล่อยไรผมคลอเคลียขมับไว้ข้างหนึ่ง อวดตุ้มหูเพชรอันโต แน่นอนว่าของปลอม แต่ใครจะไปสน งานเปิดสถานบันเทิง หรือผับของคนรวย มันก็ครึ้มๆทึมๆอยู่แล้ว ฉันเลือกเดรสสีดำล้วนคอเต่า แขนกุดเว้าเข้ามาโชว์หัวไหล่ ฉันไม่อยากแต่งตัวเปิดเผยจนดึงความสนใจ หรือมิดชิดเกินไปจนเป็นที่จดจำและสังเกต รองเท้าดำส้นสูงแบรนด์เนม อภินันทนาการจากอังเดร เขาบอกว่าซื้อให้ฉันไว้นานพอดูแล้ว สักวันอยากให้ฉันลองใส่
ฉันยัดกระบอกปืนลงในกระเป๋าถือ หันมาทางอังเดร
“ลุงช่วยหนูอย่างนึงได้มั้ยคะ?” ฉันถาม พลางยัดเท้าลงในรองเท้าส้นสูงที่เตรียมไว้ “มีนักเต้นชื่ออันย่าในโมเต็ลของชาร์ลี หนูอยากซื้อตัวเธอเป็นสาย ไม่ต้องถึงกับทุกย่างก้าว แต่ถ้ามีใครมาหาชาร์ลี หรือเขาเช็คเอาท์ ให้เขาโทรบอกเรา ได้ไหมคะ?”
“ลุงจัดการได้ แค่นี้เอง” เขาบอก นัยน์ตาพราวพรายสำรวจตัวฉันหัวจรดเท้า ไม่ใช่แววตาวิบวับน่ารังเกียจเหมือนตาแก่จั้มเปอร์ที่โมเต็ลนั่น แต่แววตาของลุงอังเดรเป็นแววตาแห่งความภาคภูมิใจ ชื่นชม
“อย่าร้องไห้นะลุง” ฉันรีบปราม “ไม่อยากเชื่อเลย ว่าลุงจะระบุชื่อหนูมาทำงานเคสนี้ซะเอง ลุงก็รู้ว่าหนูเกลียดพวกมีอันจะกิน”
ดวงตาอังเดรเบิกกว้าง มืออวบอูมเปะปะไปมาเหมือนวางไว้ตรงไหนก็ไม่ถูก “รู้ได้ยังไง?” เขาละล่ำละลัก “ทวิทตี้รู้ได้ยังไงว่าลุงขอหนูมาทำงานที่นี่เป็นกรณีพิเศษ”
“เพิ่งแน่ใจเมื่อกี้แหละ ตอนแรกก็สงสัย เคสนี้มันอะไรนักหนา แค่นักโกงเงินมือสมัครเล่น หมาล่าเนื้อที่ไหนก็ทำได้” ฉันว่าพลางตรวจสอบความเรียบร้อยโดยรวมในกระจก “แต่พอคิดกลับกัน ไม่ใช่ว่ามีคนต้องการให้หนูทำเคสนี้ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้หนูทำเคสที่กำลังจะทำมากกว่า”
ฉันถอนลมหายใจ มองเห็นอังเดรทำหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในกระจก “ลุงรู้ว่าหนูกับกิบบอนกำลังจะไปทำงานอะไรใช่มั้ยคะ? ทำไมล่ะ แค่ขับรถให้กิบบอนเฉยๆเอง หนูไม่ใช่คนที่ต้องเหนี่ยวไกซะหน่อย”
อังเดรเอามือหนามาประทับบ่าทั้งสองข้างของฉัน เขาเม้มปากแน่นก่อนจะพูดขึ้น “เยทเป็นคนฉลาด เป็นเจ้าของฝูงที่ดี แต่เขาไม่ใช่คนดี เขาจะให้กิบบอนติดรถหมาล่าเนื้อที่ไหนไปก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นหนู ถามทีเถอะ กิบบอนไม่ได้พูดอะไรกับหนูบ้างเลยเหรอ?”
แทบจะไม่ต้องรวบรวมข้อมูลอะไรมาก ฉันคิดออกทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้...” ฉันพูดเสียงเรียบ “เยทวางแผนจะจัดฉากให้หนูฆ่าอาบัคจิโอ้ซะเอง เขาอยากให้หนูเลื่อนขั้นมาเป็นมือปืน”
อังเดรพยักหน้า แต่ฉันหัวเราะเบาๆ “ถึงจะพอใจฐานะหมาล่าเนื้อ แต่หนูก็ไม่รังเกียจเรื่องฆ่าคนนะคะ”
“อย่าพูดอย่างนั้น” อังเดรว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนคือหนูยิงป้องกันตัว แต่การฆ่าเพื่อความพึงพอใจทางอื่น มันต่างกัน มันจะเปลี่ยนชีวิตไปทั้งชีวิต และจะหันหลังกลับไปไม่ได้อีก”
ดวงตาของอังเดรแวววับ เขาทำหน้าเหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่พูด ได้แต่ใช้มือประคองใบหน้าของฉัน มองลึกลงไปเหมือนกำลังมองหาแมกซ์จากตรงไหนสักที่ในฉัน ก่อนจะพูดขึ้น
“ไปทำงานได้แล้ว แมกซ์”
เวลา 20:00 น. โดยประมาณ ฉันขับรถมาถึงที่โรงแรมฮาร์ดร็อค สถานการณ์ข้างหน้าในหัวที่คิดไว้เตรียมพร้อม ปืน 4.5 มม. ซุกอยู่ในกระเป๋าถือด้านในบรรจุลูกเต็ม จริงๆฉันไม่คิดจะเอามาใช้หรอก แต่ในสายงานนี้ การเตรียมอาวุธพร้อมไว้ก่อนเป็นเรื่องดี มือถือที่จับสัญญาณติดตามตัวชาร์ลีอีกหนึ่งเครื่อง และกระเป๋าสตางค์ที่วันนี้ฉันหยิบเอาบัตรประจำตัวประชาชนนำโชคมาด้วย
จากคุณ |
:
รถขนมปังกรอบ
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ค. 55 15:59:15
|
|
|
|