ในวัยเยาว์ไม่ว่าจะเป็นมารดาหรือบิดาล้วนแต่เอาอกเอาใจหล่อนมากกว่าใคร ซึ่งอาจเป็นเพราะหล่อนเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว แม้กระทั่งคมแก้วที่อายุมากกว่าถึงห้าปี มักให้ความห่วงใยหล่อนเป็นพิเศษ เกินกว่าคู่แฝดของหล่อนเอง ความห่วงใยของทุกคนถาโถมเข้ามาหาหล่อนราวกับน้ำทะเลที่ไม่มีวันหมดไปจากท้องทะเล ตอนนั้นหล่อนอาจไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความสุขที่มีแต่คนรุมเอาใจ แต่พอเริ่มโตขึ้น ความห่วงใยเหล่านั้นเปรียบเสมือนห่วงที่รัดหล่อนเอาไว้จนแน่น บางครั้งหล่อนแทบหายใจไม่ออก ยิ่งมีคนห่วงใยหล่อนมาเท่าไร ช่องว่างที่เกิดขึ้นกลางใจนั้นยิ่งกว่าขึ้นมาเท่านั้น หล่อนปิดตัวเองจากคนรอบข้าง ประท้วงความหวังดีห่วงใยทั้งหลายในทางตรงกันข้าม เหมือนที่หล่อนถูกอัปเปหิให้เมืองไทย ก็เพราะว่า อาชีพนางแบบของหล่อนที่เลือกจะทำนั้น ไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจบิดา แต่ท่านก็คงยังพอพอทนได้ แต่มันสิ้นสุดลง เมื่อหล่อนตกลงใจถ่ายชุดว่ายน้ำให้แบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่งโดยไม่บอกกล่าว ทันทีที่ภาพออกมา บิดาเรียกหล่อนไปว่ากล่าวอย่างรุนแรงพร้อมกับคาดโทษหนักหนา แต่มารดาก็เกลี่ยกล่อมบิดาเอาไว้ และให้ส่งหล่อนมาอยู่ในความดูแลของยาย ซึ่งไม่เคยพบกันเลยมากว่ายี่สิบกว่าปี มารดาพามาส่งแล้วก็บินกลับไป ในขณะที่น้องชายฝาแฝดของหล่อน แหกคอกมาก่อนหล่อนเสียอีก รายนั้นไปมีชีวิตของตัวเองแบบหัวหกก้นควิดเพราะถือว่าตนเองเป็นผู้ชาย เขาทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่สนใจด้วยว่าตัวเองเป็นลูกท่านทูตมีหน้าที่ต้องรักษาหน้าตาบิดามารดา แต่อาจเพราะมีคมแก้ว พี่ชายคนโตที่คอยรับช่วงไปแล้ว บิดาจึงไม่บีบบังคับลูกชายคนเล็กสักเท่าใดนัก ทุกอย่างนอกเหนือจากนั้นมันเลยตกมาที่หล่อนทั้งหมด นั่นเป็นเพราะหล่อนดันเป็น...ลูกผู้หญิง.. ทุกครั้งที่หล่อนเกิดอาการแหกคอกเกินขีดจำกัดของท่านทูตและภรรยา ท่านก็มักจะใช้คำ ๆ นี้ว่ากล่าวอยู่เสมอ ...
ลูกเป็นผู้หญิงจะทำอะไรก็คิดเสียบ้าง หล่อนจึงเบื่อคำ ๆ นี้เสียเต็มประดา เป็นลูกผู้หญิงแล้วทำนั่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ ทำนั่นไม่งามนี่ไม่งาม คำอ้างเหล่านั้นเอาอะไรมาใช้วัดและตัดสินล่ะ..ก็ในเมื่อคนทำยังไม่ได้เห็นรู้สึกว่ามันไม่ดีไม่งามตรงไหน หล่อนไม่ได้ไปทำการฆาตกรรมใครสักคนนี่น่า สิ่งที่หล่อนทำถึงมันจะออกนอกกรอบไปบ้าง ดูแรงไปบ้างในสายตาผู้ใหญ่ แต่ผู้หญิงอีกมากมายในโลกก็ทำอย่างที่หล่อนทำ ใช้ชีวิตอย่างที่หล่อนใช้...ดีแค่ไหนแล้วที่หล่อนยังไม่รับเอาประเพณีวัฒนธรรมของฝรั่งมาใช้เสียทั้งหมด การลงโทษของมารดานั้น กลายเป็นผลดีกับหล่อนเสียมากกว่า การได้มาอยู่เมืองไทยล้วนเป็นความต้องการที่ซ่อนอยู่ในใจมานานแล้ว ตั้งแต่ คีตกานต์ น้องชายฝาแฝดย้ายออกไปอยู่กับเพื่อน ตั้งวงดนตรี และใช้ชีวิตของตัวเอง หล่อนเองก็โหยหาการใช้ชีวิตของตนเองเหมือนกัน แต่....หล่อนเป็นลูกผู้หญิง แต่...หล่อนเป็นลูกสาวท่านทูต และ..หล่อนมีหน้าที่ตาของบิดามารดาที่ต้องรักษา...
หล่อนจึงต้องถูกตีกรอบ อยู่ในจารีตที่ดีงามของความเป็นลูกผู้หญิง และลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านทูต ใช่ว่าหล่อนจะคุ้นชินกับมัน หล่อนทั้งอึดอัด ทั้งอยากจะกระโดดออกไป เหมือนอย่างที่เคยทำได้เมื่อตอนเป็นเด็ก ถูกเอาใจพะเนาพะนอ อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากได้อะไรก็ได้มา แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว สถานะของการถูกเอาใจแบบนั้นเปลี่ยนไปเพราะหล่อนเติบโตขึ้น
แม้ว่ามารดาจะพยายามทั้งชักทั้งนำหล่อน หรือแม้แนะนำให้หล่อนได้รู้จักกับชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมคนแล้วคนเล่าในสังคมชั้นสูง เพื่อให้หล่อนมีเส้นทางชีวิตที่งดงามสมกับเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านทูต มีหน้ามีตาในสังคม แต่สิ่งนั้นไม่เคยเต็มเติมชีวิต มันเหมือนกลวงอยู่ตลอดเวลา และผู้ชายเหล่านั้นก็ไม่เคยทำให้หล่อนรู้สึกอะไรมากไปกว่า ผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้น
จนหล่อนค้นพบวิธีเติมช่องว่างให้เติมพอจะไม่เจ็บปวดได้จาก อาชีพนางแบบ ซึ่งหล่อนรับทำไปพอขำ ๆ เป็นการประท้วงเล็ก ๆ ที่หล่อนทำให้ที่บ้านหัวหมุน แต่ก็พบว่ามันทำให้ชีวิตหล่อนเบิกบานขึ้นจากอิสรภาพในการตัดสินใจเป็นครั้งแรกของตนเอง และมันทำให้หล่อนไม่สามารถกลับไปเป็นลูกสาวท่านทูตที่หันซ้ายหันขวามตามใจใครได้อีก
หล่อนเสพติด...อิสรภาพเสียแล้ว!
ทันทีที่เรียนจบปริญญาโท หล่อนก็ยึดอาชีพนางแบบเป็นอาชีพถาวรแทนอาชีพตามวุฒิซึ่งปวดหัวแทบตายกว่าจะเรียนจบ เพื่อเอาใจบุพการีทั้งคู่ ถึงแม้จะถูกบิดามารดาโกรธสักเท่าไหร่ แต่หล่อนก็ถือว่าหล่อนมีวัยวุฒิพอแล้วที่จะเลือกทางเดินให้ตนเอง การเป็นนางแบบไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตที่จะต้องไปอับอายใคร อีกอย่างคมแก้วพี่ชายคนโตก็ทำหน้าที่เชิดหน้าชูตาให้ครอบครัวอยู่แล้ว และจะมีแกะดำในครอบครัวเป็นคู่แฝดบ้างก็คงไม่เป็นไร
หล่อนคิดแบบง่าย ๆ...
ประตูของบันไดหนีไฟถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนโผล่หน้าเข้ามาพอให้เห็นใบหน้านั้นยังสงบเรียบ หล่อนจึงคลี่ยิ้มให้เขาด้วยหัวใจเบิกบานถึงอีกฝ่ายจะไม่ยิ้มตอบแต่ก็ส่งมือมาให้ หล่อนคว้ามือนั้นเอาไว้ ก่อนที่เขาจะออกแรงฉุดให้ลุกขึ้น แล้วออกเดินไปพร้อมกัน
จากคุณ |
:
จิตปาตลี
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ค. 55 21:38:36
|
|
|
|