Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คุณแม่ คุณพ่อ ตัวฉัน และ...เงาชวาน ติดต่อทีมงาน

========================

หลอนวิปลาส
บทที่ :  คุณแม่ คุณพ่อ ตัวฉัน และเงาขวาน
: Psycho Man
========================




ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก โดยไม่มีเหตุผล อย่างน้อยฉันก็รู้สึกแบบนั้น  บางทีอาจจะเป็นเพราะอยากเข้าห้องน้ำก็เป็นได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่ มีบางอย่างมากกว่านั้น

ในห้องแคบๆของฉันไม่มีอะไรเป็นพิเศษมากไปกว่าโต๊ะเตียงนอนแบบเรียบง่ายใหญ่เกินพอที่จะบรรจุตัวฉันเอาไว้โดยไม่ตกหล่น แสงไฟซีดสลัวบนเพดาน บนโต๊ะว่างพอจะวางสมุดหนังสือ กระจกบานเล็กที่ส่องให้เห็นใบหน้าเด็กสาวอายุสิบสี่ปีแบบทรุดโทรมเกินกว่าควรจะเป็นอย่างฉัน ปากกาสำหรับเขียนอะไรซึ่งอยากจะเขียนในวันเวลาเวิ้งว้างเคว้งคว้างไร้จุดหมายอย่างเช่นตอนนี้ ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นคนแปลกแยกมีอะไรไม่เหมือนคนอื่น หรือจะบอกว่าคนอื่นไม่ค่อยเหมือนฉันก็ว่าได้  ประตูห้องไม่ถูกเปิดบ่อยนักจนบางครั้งฉันคร้านที่จะใส่ใจ

เวลากลางวันมองออกทางหน้าต่าง เห็นทางเดิน สนามหญ้าและผู้คนขังตัวเองอยู่ในเสื้อผ้าหลากสีหลายแบบ ผ่านไปมา ฉันเฝ้ามองอย่างเงียบๆ และใคร่ครวญพิจารณาถึงความสามารถของแต่ละคนในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและวิญญาณให้เข้าด้วยกัน แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่ฉันคิด

ส่วนกลางคืนเป็นช่วงเวลาน่ากลัว ฉันเคยได้ยินมาว่า ความมืดเป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งฉันก็เริ่มเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน ถึงจะฟังดูบ้าบอคอแตกก็ตาม เพียงแต่ชีวิตของความมืดเป็นสิ่งอยู่เหนือสามัญสำนึกของคนทั่วไป ฉันมีความคิดที่ว่าแก่นแท้ของจักรวาลที่เป็นอมตะคือความมืด แสงสว่างเป็นเพียงปรากฏการณ์จอมปลอม ในที่สุดทุกอย่างจะกลับไปสู่ความมืดที่มืดสนิทกระทั่งไม่เหลือสิ่งใด

ความมืดคอยเฝ้ารอ...แฝงตัว อยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน อยู่ในห้องใต้ดิน อยู่ในตู้เสื้อผ้า อยู่ใต้เตียง อยู่ทุกซอกทุกมุมที่แสงสว่างคืบคลานไปไม่ถึง จ้องมองอย่างมุ่งร้าย รอทั้งโอกาสและเวลาที่เหมาะสม แต่ละวันมีผู้คนมากมายหลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บางคนอาจถูกฆาตกรรม แต่ไม่ว่าอย่างไรจะต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าความมืดที่ว่าไม่มากก็น้อย ความมืดเล่นงานผู้คนทั้งทางตรงและทางอ้อม มันสามารถทำให้จินตนาการก่อรูปก่อร่างขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามีความกลัวมาเสริม

เวลากลางคืน ถึงเพดานห้องจะมีแสงไฟส่องสลัว แต่ใต้เตียง ฉันรู้ว่ามันนอนรอคอยอยู่ เจ้าความมืดมันใจเย็นพอที่จะรอคอยโอกาสของมัน รอคอยความคิดของฉันอย่างเงียบๆ ความคิดแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกกลัว เมื่อรู้ว่าบางอย่างเฝ้ามองขึ้นมาจากใต้เตียงผ่านแผ่นไม้ปูเตียง ผ่านที่นอนอันอ่อนนุ่ม บางครั้งฉันได้ยินเหมือนเสียงหายใจแผ่วเบาเป็นจังหวะ บางครั้งรู้สึกเหมือนเห็นรอยยิ้มแบบชั่วร้าย แน่นอนว่าความมืดไม่ได้มีจมูกมีปอดมีอวัยวะใดทั้งสิ้น แต่มันสามารถสร้างรูปลักษณ์ขึ้นมาได้ภายในจิตใจของเรา มันสามารถสร้างภาพผู้หญิงใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าซากศพผมยาวสยายแผ่ออกมาจากใต้เตียงอย่างช้าๆ แล้วค่อยใช้มือเหนี่ยวกายขึ้นมาจ้องมองจากขอบเตียง

เวลากลางวันไม่เท่าไรกับสิ่งที่มันสร้างขึ้นมา แต่กลางคืนเป็นช่วงที่พลังอำนาจของมันทวีมากขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะกับคนซึ่งอยู่คนเดียว...นอนคนเดียว..ในค่ำคืนอันเงียบเชียบวังเวงจนน่ากลัว  ภูตผีปีศาจจะกระโดดออกมาจากจินตนาการและความคิดอย่างยากต่อการควบคุม นั่นเป็นฝีมือของความมืด

ฉันได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนลากสิ่งของบางอย่างไปกับพื้นอย่างช้าๆ เสียงนั้นแผ่วเบาแต่เพราะความเงียบของยามค่ำคืนทำให้ได้ยินชัดเจน มันเป็นเสียงที่เคยได้ยินแทบทุกคืน

ใช่แล้ว.. ฉันเพิ่งนึกออกถึงสาเหตุในการสะดุ้งตื่นมากลางดึกก็เพื่อได้ยินเจ้าเสียงประหลาดนี้เอง ถ้าคุณฟังเสียงแบบนี้บ่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนฉัน คุณเองก็จะรู้ว่าไม่ยากเลยในการจะจินตนาการถึงที่มาที่ไปของเสียงนั้นได้ มันเดินอยู่ในความมืด นั่นเป็นเสียงฝีเท้าของผู้ชายอย่างแน่นอน ฉันแน่ใจแบบนั้น และสิ่งที่เขาลากมาตามพื้นจะต้องเป็นขวานตัดไม้เล่มใหญ่ คมขวานขูดขีดพื้นให้เสียงน่าสยดสยอง ทิ้งรอยเลือดเป็นระยะตามทางเดิน เขาคนนั้นเดินผ่านหน้าห้องของฉันแทบทุกคืน และทำให้ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ถึงการมาของเขา

ฉันเคยได้ข่าวว่ามีคนหลายคนในเมืองนี้ และแถวๆนี้ ถูกฆ่าตายกลางดึก เหยื่อมักเป็นคนกลางคืน เช่นคนจรจัด คนเมา ผู้หญิงหากินสภาพการใช้งานยาวนานจนต้องหลบเลี่ยงจากร้านอาหารมาทำมาหากินตามตรอกซอกซอย หรือเด็กที่หนีออกมาเที่ยว ฆาตกรไม่เลือกเหยื่อของมัน ขอให้มีโอกาสฆ่าเท่านั้น มันสับเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ ด้วยคมขวาน ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ ซึ่งฉันรู้ว่าเพราะอะไร ก็เจ้าความมืดนั่นล่ะอยู่เบื้องหลัง ความมืดยืมมือของใครบางคนเพื่อลงมือฆาตกรรม

แน่นอนว่าคุณเองก็คงอยากรู้ว่าทำไม แต่บางครั้งจิตใจของคนทำความเลวร้ายมืดดำเกินกว่าจะรู้ว่าทำไม..หรือเพราะอะไรกันแน่

เสียงฝีเท้า เสียงลากคมขวาน ดังวนเวียนอยู่หน้าห้อง มันทำให้ฉันนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่อากาศไม่ร้อน ทำไมมันต้องมาวนเวียนอยู่แถวนี้ด้วย สองหูพยายามจับการเคลื่อนไหวนอกห้องด้วยหัวใจเต้นระทึก ฉันแน่ใจว่าประตูห้องล็อคเรียบร้อยแล้ว

แกร่ก..แกร่ก...

เสียงใครบางคนกำลังพยายามจับลูกบิดประตูหมุนจากภายนอก ฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นมานั่งจ้องมองไปยังบานประตูอย่างหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก มีคนอยู่ข้างนอกจริงๆ และใครคนนั้นกำลังพยายามเข้ามาในห้อง

ฉันล็อคประตูกับมือ ฉันแน่ใจ...

แต่ตอนนี้ประตูกลับเปิดออกอย่างช้าๆ

สิ่งที่ยื่นเข้ามาก่อนมองเห็นอย่างชัดเจน มันเป็นขวานเล่มหนึ่ง และคมขวานเต็มไปด้วยเลือดเหมือนเพิ่งผ่านการสับหั่นผู้คนใหม่ๆ ในความรู้สึกตอนนั้นเหมือนว่าขวานเล่นนั้นเป็นสิ่งเดียวในจักรวาล มันดูขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีในความรู้สึกอันเหลือน้อยนิด ฉันกำลังจะถูกฆ่าด้วยขวานเหมือนอีกหลายๆคนในเมืองนี้

ฉันกรีดร้องสุดเสียง.......




ใครบางคนเขย่าตัวฉันไปมา ฉันหลับหูหลับตากรีดร้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะเริ่มได้สติ

“คุณแม่..”

ฉันอุทานอย่างมึนงงเมื่อเห็นว่าคนซึ่งเขย่าตัวฉันอยู่สายตาเต็มไปด้วยความห่วงไยคือคุณแม่นั่นเอง ไม่มีเงาขวานอันชั่วร้ายน่ากลัวอยู่ในห้อง

“ลูกคงฝันร้าย..”

น้ำเสียงของคุณแม่เต็มไปด้วยความกังวล ฉันผวากอดท่านเอาไว้แน่น

“หนูฝันร้ายที่สุดเลยคุณแม่”

ฉันบอกได้แค่นี้จริงๆ ความตกใจกลัวทำให้ไม่สามารถเล่ารายละเอียดของความฝันน่ากลัวนั้นออกมาได้

“ไม่เป็นไร...มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น ไม่ต้องกลัว”

ท่านลูบหัวฉันอย่างปลอบโยนพลางรับปากว่าคืนนี้จะนอนเป็นเพื่อน นั่นทำให้ฉันอุ่นใจขึ้น คุณแม่รักและดูแลฉันอย่างดีเสมอมา นั่นคือสิ่งดีๆ ที่ได้จากครอบครัวของเรา

ตอนนี้คุณแม่นอนอยู่ข้างๆ ฉันเริ่มทบทวนความคิด ขวานเล่มนั้นคุ้นหน้าคุ้นตามากเหลือเกิน ในที่สุดฉันก็นึกออกว่าเคยเห็นมันที่ไหน มันเป็นขวานที่คุณพ่อใช้ผ่าฟืนเป็นประจำ ฉันเองยังเคยยกขวานด้ามนั้นเล่นและพยายามผ่าฟืนดูบ้างตามอย่างที่คุณพ่อทำ แต่ถึงจะยกขวานได้แต่การผ่าฟืนด้วยความแม่นยำแบบคุณพ่อทำ ไม่ใช่งานที่ฉันถนัด แต่ในที่สุดท่านก็ฝึกฉันจนชำนาญ

หรือคุณพ่อจะเป็นฆาตกรคนนั้น...พอคิดแบบนี้ทำให้ใจสั่น หรือคุณพ่อจะหาเหยื่อไม่ได้ เลยมองมาที่ฉันแทน มันเป็นไปไม่ได้.!!  ตั้งแต่จำความได้ คุณพ่อไม่เคยแม้แต่จะตีฉันเลยสักครั้ง ท่านรักฉันมากเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว ไม่มีทางที่คุณพ่อจะฆ่าฉัน แค่คิดก็ละอายใจแล้ว

คนที่ท่านอยากฆ่าจริงๆ คือคุณแม่ต่างหาก ท่านเคยจับได้ว่าคุณแม่แอบไปมีอะไรกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในย่านนั้น ข่าวซุบซิบของชาวบ้านทำให้คุณพ่อเครียดและกลายเป็นคนติดเหล้า การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างคนทั้งสองมีมากขึ้นตามวันเวลา

และคืนวันหนึ่ง คุณแม่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

พวกตำรวจมาที่บ้านเราหลายครั้งแต่ดูเหมือนว่าพวกตำรวจยังหาหลักฐานอะไรไม่ได้ พวกเราตกเป็นข่าวซุบซิบอีกตามเคย ฉันไม่มีวันเชื่อหรอก

ฉันไม่มีวันเชื่อว่าคุณพ่อจะไม่ฆ่าคุณแม่ ท่านเป็นคนละเอียดรอบคอบ ถ้าจะคิดปกปิดหรือซ่อนอะไรบางอย่างอย่าคิดเลยว่าจะมีคนค้นเจอ.. และในคืนที่คุณแม่หายตัวไป ฉันเห็นเงาขวานเล่มนี้ ตอนที่คุณพ่อถือมันเข้าไปในห้องนอนของคุณแม่

ทันใดนั้นเองฉันก็เริ่มคิดได้ คุณแม่ตายไปแล้ว....!!

แต่ทำไมตอนนี้มานอนอยู่ข้างๆ ฉันได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ความหนาวเย็นจับจิตพุ่งวูบเข้ามาเกาะไขสันหลังจนตัวเย็นเฉียบ ความหวาดกลัวอันประมาณไม่ได้ปะทุล้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าทำนบพัง คนนอนอยู่ข้างๆ ฉันตอนนี้เป็นคุณแม่จริงๆ หรือ ฉันแน่ใจว่าท่านตายไปแล้ว


นี่มันต้องเป็นฝันร้าย ฉันภาวนาเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ถ้าเป็นฝันร้ายทำไมไม่ยอมตื่นเสียที ได้โปรด ให้ฉันตื่นจากความฝันอันน่าสะพรึงกลัวนี้เสียดี  ฉันพยายามกัดฟันสุดชีวิตไม่ยอมให้เสียงสะอื้นหลุดออกมา นอนตัวแข็งทื่ออยู่กับความรู้สึกที่ว่า กำลังนอนอยู่ข้างๆกับคนตาย นอนเตียงเดียวกับคนซึ่งตายไปแล้ว ใครไม่เจอจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกหวาดกลัวแทบคลั่งแบบนี้ได้เลย

ดูเหมือนว่าคุณแม่จะรู้สึกถึงความผิดปกติ ท่านพลิกตัวหันมาจ้องมองและถามด้วยเสียงห่วงไยว่า

“นอนไม่หลับเหรอลูก”

น้ำเสียงยังคงอบอุ่น เป็นเสียงของคุณแม่อย่างไม่ต้องสงสัย สายตายังคงเปี่ยมแววกังวล แต่ใบหน้าของท่านตอนนี้ขาวซีดจนขอบตาดูเป็นสีเขียวคล้ำ ใบหน้าแบบนั้นเป็นใบหน้าของคนตายชัดๆ

ฉันหลับตากรีดร้องสุดเสียง




ใครบางคนเขย่าตัวของฉันไปมาและมีเสียงร้องเรียกชื่อดังข้างหูหลายครั้ง ฉันยังคงร้องเสียงดังอยู่นานกว่าจะเริ่มตั้งสติได้ และรู้ว่าคนที่กำลังเขย่าตัวเรียกฉันอยู่คือคุณพ่อนั่นเอง

“ลูกฝันร้าย...ลูกกำลังฝันร้าย ตื่นๆๆ”

นั่นเป็นคุณพ่อจริงๆ สีหน้าท่าทางของท่านกังวลห่วงไยอย่างเห็นได้ชัด

“หนูฝันเห็นแม่....”

ฉันบอกได้แค่นั้นจริงๆ สภาพจิตใจยังไม่พร้อมในการอธิบายรายละเอียดของความฝันอันชัดเจนราวความจริงนั้น บอกตามตรงว่าจนทุกวันนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้าย ฉันไม่อยากจะเชื่อแบบนั้นเลย

“มันเป็นเพียงความฝัน”

ท่านบอกด้วยเสียงราบเรียบ นัยน์ตาไม่ได้บอกแววอะไรเป็นพิเศษ ก็อย่างที่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าท่านเป็นคนซ่อนอะไรไว้มิดชิดเสมอ ยากใครจะจับได้ แม้แต่ความรู้สึกภายใน

คุณพ่ออยู่เป็นเพื่อนฉันครู่หนึ่ง พอฉันคลายความตื่นตกใจกลัวลง ท่านก็ขอตัวกลับห้องนอนของท่าน ซึ่งก็คือห้องนอนของคุณแม่นั่นล่ะ คุณพ่อเป็นคนใจแข็งมาก ไม่มีความคิดหวาดกลัวเลยกับการนอนทับเตียงคุณแม่ซึ่งตายไปแล้ว และเป็นคนฆ่ากับมือกับขวานของตัวเอง คุณพ่อคงไม่สติแตกกับการนอนแล้วเห็นคุณแม่มานอนอยู่ข้างๆ

กำลังจะล้มตัวลงนอน แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อมองเห็นขวานวางพิงผนังอยู่

นี่คุณพ่อถือขวานเข้ามาในห้องฉันด้วยหรือ ทำไมต้องเดินถือขวานไปมาในเวลากลางคืนโดยเฉพาะในบ้านของตัวเองแบบนี้ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่

หรือท่านคิดจะมาสับฉันเป็นชิ้นๆ จริงๆ

ไม่...ต้องไม่ใช่..ถ้าท่านจะทำแบบนั้นคงทำไปแล้ว ท่านมีโอกาสมากมายหากจะฆ่าฉัน แต่ฉันเชื่อว่าท่านไม่มีวันจะทำแบบนั้นแน่นอน

อย่าว่าแต่ฆ่าฉันเลย ไม่ว่าใครต่อใครท่านก็ฆ่าไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉันเพิ่งนึกได้ว่า ฉันต่างหากเป็นคนใช้ขวานสับร่างของท่านบนที่นอนจนแยกเป็นชิ้นๆ

ใช่แล้ว ฉันเรียนรู้วิธีการของคุณพ่อในการซุกซ่อนร่องรอยให้หมดจดสะอาดเรียบร้อยโดยไม่มีใครค้นพบ ท่านเป็นครูที่ดีจริงๆ และฉันก็เป็นลูกที่ดีศิษย์ที่ดี เรียนรู้ได้รวดเร็วเสมอมา เรียนรู้การฟันตำแหน่งที่เหมาะสม การกำจัดซากศพและทำความสะอาดคราบเลือดซึ่งกระจัดกระจายด้วยวืธีซึ่งพวกคุณคาดไม่ถึงแต่มีประสิทธิภาพ  และการซ่อนร่องรอยของการฆาตกรรมทุกเส้นทางจนไร้หลักฐาน

ตอนนั้นฉันแน่ใจว่าฆ่าท่านเพราะความเคารพรัก คุณแม่ไปแล้วคุณพ่อก็ควรไปด้วย จะได้ไม่เงียบเหงาในความมืด สาบานได้ว่าฉันไม่ได้เกลียดชังท่านเลยสักนิด  หลังจากคุณแม่เสียชีวิต ฉันเริ่มสังเกตเห็นคุณพ่อถือขวานออกจากบ้านไปบ่อยๆ ในเวลากลางคืน การฆ่าคุณแม่คงทำให้มีผลอะไรบางอย่างต่อจิตใจของท่าน ในการออกไปล่าเหยื่อ ฉันเริ่มได้ยินเสียงคุณแม่เรียกร้องให้จัดการกับคุณพ่อ เสียงนั้นดังและบ่อยครั้งขึ้นทุกคืน

บางทีการฆ่าคนสำหรับบางคนมันอาจเป็นเหมือนว่า พอเริ่มต้นทำครั้งที่หนึ่งแล้วก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อๆไป เหมือนเป็นยาเสพติดทางอารมณ์และความคิด ซึ่งชักนำไปสู่การเป็นฆาตกรต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว

ฉันจำเป็นต้องหยุดท่าน ก่อนจะมีใครในเมืองตายมากกว่านี้ ถ้าฉันไม่หยุดท่านก็คงไม่มีใครหยุดท่านได้

“ขอโทษนะคุณพ่อ.”

ฉันยกมือปิดหน้า สะอื้นแผ่ว เสียงเปิดประตูเบาๆ ฉันหันไปมอง

“มีอะไรหรือลูก”

คุณพ่อโผล่หน้ามาทางประตู ตามด้วยน้ำเสียงกังวลห่วงไยตามแบบฉบับของคุณพ่อที่ดี ซึ่งคอยเป็นห่วงลูกเสมอ แต่ท่านตายไปแล้ว..!!

ฉันร้องกรี๊ดสุดเสียง......




ความตกใจทำให้ฉันผวาลุกขึ้นนั่ง โดยไม่มีใครเขย่าตัวปลุกอีกแล้วในครั้งนี้  ใช้เวลาตั้งสติอยู่นานกว่าจะเริ่มรือฟื้นความจำได้ กว่าจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

ฉันไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเพียงฝันร้าย เพราะภาพเหล่านั้นมาให้เห็นแทบทุกคืน แต่ถ้าไม่ใช่ความฝันแล้วจะเป็นอะไร หรือว่าฉันคิดฟั่นเฟือนไปเอง แต่ทำไมมันชัดเจนในความรู้สึกขนาดนี้...

มองไปรอบห้อง ผนังห้องไม่มีขวานวางพิงอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะความจริงฉันซ่อนขวานไว้ใต้เตียง  คุณพ่อเคยสอนว่าใช้ขวานให้ความรู้สึกตอนลงมือดีกว่าอย่างอื่น มันหนักแน่นนุ่มนวลสาแก่ใจอย่างบอกไม่ถูกในการฟาดสับลงแต่ละครั้ง มีดหรือปืนไม่มีทางให้ความรู้สึกแบบนี้ได้

ฉันลุกขึ้น เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดรัดกุมกลมกลืนกับความมืดและเงาขวาน ก่อนลากขวานออกมาจากใต้เตียง และยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคมขวานเป็นประกายวาววับ ไม่มีคราบเลือดติดหลงเหลือแม้แต่น้อย ก็คุณพ่อนั่นเองเป็นคนสอนทุกสิ่งทุกอย่าง

มันคงถึงเวลาอีกแล้วสินะ เวลาของฉัน  ความมืดด้านนอกกำลังเรียกร้องและฉันเองก็ต้องการมัน ฉันรู้แล้วว่าทำไมคุณพ่อถึงถือขวานออกไปล่าเหยื่อ ฉันเข้าใจท่านแล้วจริงๆ กับความรู้สึกแบบนั้นแต่คงอธิบายให้คนอื่นเข้าใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนตอนนี้คุณพ่อและคุณแม่กำลังจ้องมองมาจากความมืดอย่างเงียบงัน



เพียงแต่คราวนี้ใครล่ะ...จะมาหยุดฉันได้






The end.

ชวาน  เป็นภาษาโบราณ หมายถึง ขวาน ในภาษาปัจจุบัน
^^.....

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 18:08:28

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 18:04:16

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 11:48:08

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 11:12:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com